LOGIN“ไปๆๆ อย่ามาพูดไม่รู้เรื่อง ห้างนี้ไม่ให้คนบ้าเข้า ออกไป!”
“พูดบ้าอะไรเนี่ย ฉันคือท็อปสเปนเดอร์ของสาขาฮ่องกงสามปีซ้อนเลยนะยะ จะมาหาว่าฉันเป็นคนบ้าได้ยังไง ผู้จัดการของห้างอยู่ไหน เรียกมาเดี๋ยวนี้”
“มาเพ้อเจ้ออะไรอีบ้านี่ ไป!!”
ไอ้พวกมีตาไม่มีแววเอ๊ย แค่ฉันเสื้อขาดกับไม่มีรองเท้าใส่ ผมก็ยุ่งนิดหน่อยเพราะต้องใช้มือสางเอา แค่นี้ถึงกับต้องหาว่าฉันเป็นคนบ้าเลยเหรอ หน้าตาอย่างฉันเนี่ยนะ? ที่บ้านแกไม่มีทีวีหรือยังไงถึงได้ไม่รู้ว่าฉันคือคุณหนูรุณนสา เอกเดชาพิพัฒน์ ตระกูลฉันเป็นหุ้นส่วนของที่นี่อยู่นะยะ!!
แต่กรีดร้องไปฉันก็ยังถูกไล่ออกมาอยู่ดี ตอนนี้ฉันทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่ในสภาพนี้ไม่กล้าที่จะออกไปไหนเลย ได้แต่มาล้างหน้าล้างตาไล่ความสกปรกออกไปจากใบหน้า แต่เพราะเครื่องสำอางส่วนใหญ่เป็นแบบกันน้ำ ยิ่งโดนน้ำในสภาพผมเปียกลู่แนบไปกับใบหน้า สภาพเลยเหมือนยัยบ้ายิ่งกว่าเดิม
“น่าหงุดหงิดชะมัด ฉันจะผ่านวันนี้ไปแบบดีๆ ได้ไหมนะ”
“พี่สาวๆ”
“เห้ย!!”
ในขณะที่ฉันกำลังโฟกัสกับใบหน้าตัวเองที่หน้ากระจก จู่ๆ ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งมากระตุกชายกระโปรงเบาๆ ทำให้ฉันที่ไม่ทันสังเกตถึงกับสะดุ้งเฮือก
“เธอเป็นใคร?”
“หนูเป็นลูกแม่ค้าแถวนี้แหละ เมื่อกี้เห็นพี่สาวถูกยามไล่ออกมา พี่ไม่ได้เป็นบ้าใช่ไหมคะ? เสื้อก็ราคาแพง กระเป๋าก็ราคาแพง โดนปล้นมาเหรอ”
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดก็เจอคนที่มีสายตาเฉียบแหลมมากพอจะช่วยฉันได้สักที ถึงจะเป็นเด็กแต่คำพูดคำจาฉะฉาน หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู คงจะเป็นคนที่ฟ้าส่งมาให้ช่วยฉันแน่ๆ
“อืม พี่สาวเจอคนไม่ดีมาน่ะ” คนไม่ดีที่ว่าก็คือครอบครัวตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้รู้หรือยังว่าฉันหายไป
“พวกเขาทำร้ายพี่เหรอคะ?” เด็กหญิงเอียงคอถามเสียงใส
“ช่างเรื่องคนไม่ดีเถอะ พี่ต้องซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนจะได้เข้าห้างได้ เราช่วยพี่ได้ไหม?”
“ได้ค่ะ งั้นหนูไปซื้อเสื้อมาให้พี่เปลี่ยนนะ”
“ขอบใจมากนะหนูน้อย นี่จ้ะเงิน พี่รออยู่ตรงนี้นะ”
“ไว้ใจได้เลยค่า”
หลายชั่วโมงผ่านไป จากบ่ายแก่ๆ จนค่ำ จนตอนนี้ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฉันนั่งอยู่ในห้องส้วมรอเด็กคนนั้นจนเริ่มใจคอไม่ดี หลับไปตื่นหนึ่งถึงได้รู้ว่าโดนเด็กต้ม
บ้าเอ๊ย! ฉันเชื่อใจเด็กที่เจอกันแค่ไม่กี่นาทีได้ยังไงกันนะ แถมเงินที่ให้ไปยังเป็นเงินทั้งหมดที่ฉันมี ตอนนี้ทางเดียวคือต้องไปกดเงินจากบัตรกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็ม แต่มันก็ดันอยู่ในที่ที่ต้องผ่านยามเข้าไปอยู่ดี
โอ๊ยจะเป็นบ้า ชุดก็ไม่มีใส่ เงินก็ถูกเด็กเอาไป แถมตอนนี้มือถือยังมาแบตหมดอีก
เอายังไงดี คิดสิเรนนี่ เธอจะต้องหาทางได้แน่
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามาด้านในห้องน้ำนี้ ฉันลุกขึ้นยืนอย่างดีใจเพราะคิดว่าเป็นเด็กคนนั้นที่สำนึกผิดแล้วกลับมา แต่ก็ต้องผิดหวัง
“หนูๆ มีคนบอกว่ามีคนบ้ามาอยู่ในห้องน้ำไม่ยอมออกไปตั้งแต่บ่ายแล้ว นี่มันสี่ทุ่มใกล้เวลาห้างปิดแล้ว ที่นี่ห้ามมีคนมานอนนะ ออกมาเถอะ”
บ้าจริง ทำไมฉันต้องมาถูกมองว่าเป็นคนบ้าด้วย ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อย ทั้งหิว แล้วก็ท้อไปหมดแล้ว แวบหนึ่งที่คิดว่าถ้ากลับบ้านไปอย่างน้อยก็มีเสื้อผ้าให้ใส่ มีน้ำอุ่นให้อาบ ได้นอนห้องแอร์เย็นๆ ฉันก็เสียใจจนก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่อก
“ป้าขา หนูไม่ใช่คนบ้าค่ะ หนูแค่...โดนหลอกมา”
“โดนหลอก? ตายแล้วยัยหนูเอ๊ย ออกมาเถอะ มีอะไรให้ป้าช่วยไหมลูก ให้พาไปโรงพักไหม”
“โรงพักเหรอคะ...”
ที่นั่นจะไปช่วยอะไรได้ ถ้าฉันไปบอกว่าหนีออกจากบ้านมาเพราะถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน จะต้องมีคนบอกว่าฉันบ้าสุดกู่แล้วจับขังแน่นอน
แล้วถ้าฉันให้ป้าไปซื้อเสื้อผ้าให้ ฉันจะโดนแบบที่เด็กนั่นทำอีกไหม ฉันจะต้องทำยังไงดี...
“ออกมาเถอะ มีอะไรบอกป้า เดี๋ยวป้าช่วย”
“คือว่า...”
“ว่ามาเลยลูก”
“หนูขอเสื้อที่คุณป้าใส่อยู่ได้ไหมคะ?”
ฉันไม่กล้าให้ป้าไปซื้อเสื้อให้เพราะกลัวโดนหลอกอีก ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีเงินให้เขาไปซื้อตัวใหม่มาให้ เลยได้แต่ขอเรื่องบ้าๆ ออกไป ทีแรกคิดว่าป้าคงจะปฏิเสธแล้วด่ากราดฉันกลับมา แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ จะมีเสียงกุกกักดังมาจากข้างนอกตามด้วยเสียงรูดซิป ก่อนจะมีเสื้อแขนยาวผ้าร่มพาดเหนือคานประตูห้องน้ำมา
“คุณป้า...”
“เสื้อตัวนี้ได้ไหมล่ะ เสื้อเราขาดด้วยใช่ไหม ใส่ไปก่อนแล้วออกมานะลูกนะ”
ทั้งที่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยอย่างการสละเสื้อคลุมตัวหนึ่งให้แท้ๆ แต่ขอบตาฉันมันกลับร้อนผ่าวจนมีน้ำใสๆ ขึ้นมาบดบังภาพตรงหน้า ทำให้ฉันเห็นทุกอย่างไม่ชัดอีกต่อไป
“ป้าไม่รู้นะว่าหนูโดนอะไรมา แต่ขอให้ผ่านไปได้ไวๆ นะ ป้าไม่มีเงินจะให้ ค่าจ้างวันนี้ก็ต้องซื้อนมให้หลาน หนูใส่เสื้อแล้วกลับบ้านนะลูก”
“คุณป้า หนูขอบคุณมากนะคะ”
ในที่สุดฉันก็กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป ได้ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนแปลกหน้าที่อยู่อีกฟากของประตูห้องน้ำ
“ไม่ต้องร้องๆ รีบใส่เร็วเข้า ฝนก็จะตกแล้วเดี๋ยวไม่มีรถนะ”
ฉันรีบปาดน้ำตาแล้วรับเอาเสื้อของคุณป้ามาสวมเอาไว้ ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปดูคนที่มาช่วยชีวิตในครั้งนี้ ท่านเป็นคุณป้าที่หน้าตาดูใจดีอย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ พอเห็นหน้าฉันเท่านั้นแหละท่านก็พ่นลมหายใจออกมาก่อนพูดเสียงเครียด
“ไปโดนอะไรมาลูกเอ๊ย เป็นลูกเต้าเหล่าใครทำไมเขาปล่อยหนูออกมาคนเดียวแบบนี้”
“หนู...ถูกพ่อจับแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เลยหนีออกมาน่ะค่ะ”
ฉันตัดสินใจเล่าความจริงให้ป้าฟัง แบบที่ไม่รู้ว่าท่านจะมองฉันว่าบ้าหรือเปล่า แต่คำตอบของป้าก็ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมา
“จริงเหรอ น่าสงสารจังเลย ป้าเองตอนยังสาวก็เกือบต้องแต่งงานกับเสี่ยแก่ๆ แถวบ้าน ดีที่หนีมากรุงเทพฯมาหางานทำแล้วเจอลุงเข้า ไม่หล่อไม่รวยเท่าแต่ก็ทำให้ป้าสบายใจ”
ในสภาพสังคมที่ต่างกัน มีคนที่เจอเรื่องราวคล้ายๆ กันแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ มองจากรอยยิ้มของป้า แม้ว่าจะทำงานเป็นเพียงแม่บ้านเงินเดือนไม่กี่บาท แต่ดูจากรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณป้า ยังไงท่านก็มีความสุขกว่าฉันแน่ๆ
“หนูขอบคุณป้านะคะสำหรับเสื้อ ถ้ามีโอกาสหนูจะตอบแทนอย่างดีเลยค่ะ”
“ก็แค่เสื้อที่แถมมากับปุ๋ยใส่ข้าว ไม่ต้องคิดมากหรอก ที่บ้านป้ามีเยอะ แล้วนี่เรามีที่พักหรือยัง มีเงินกินข้าวไหม ป้าไม่มีเงินเยอะ พอออกค่าข้าวให้ได้สี่สิบ เอาไปกินข้าวนะลูก”
พูดจบป้าไม่ถามความเห็นฉันสักคำก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วเอาเงินมายัดใส่มือฉันในทันที
“เดี๋ยวค่ะป้า คือหนูไม่...”
“ป้าไปแล้วนะ อาจจะช่วยได้เท่านี้ แต่ถ้ากลับบ้านได้ก็กลับนะลูก เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ข้างนอกมืดๆ ค่ำๆ มันไม่ดี”
“ขอบคุณนะคะ”
“จ้า”
ป้าได้จากไปแล้ว ส่วนฉันก็ยืนอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองได้เจอ มองกลับเข้าไปในห้องน้ำเจอไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ไร้แบตเตอรี่แล้วก็แทบไม่ต่างจากที่ทับกระดาษ กระเป๋าสตางค์ราคาครึ่งหมื่นที่มีบัตรกดเงินสดวงเงินหลักแสนแต่กลับออกไปกดไม่ได้ ชีวิตฉันตอนนี้เรียกว่าน่าสงสารได้ไหมนะ
หลังจากนี้แกจะเอาไงต่อรุณนสา จะทำยังไงต่อคิดสิคิด
“เฮ้อ...เริ่มจากไปกดเงินก่อนแล้วกัน หวังว่ายามจะยอมให้เข้าแล้วนะ”
[Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ
ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเดรสสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก
[Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก
ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ราอุลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเดรสสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน
‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ
“เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี







