วันเสาร์ รุ่งเช้าวันต่อมา ดีไซเนอร์สาว มองฟ้าแล้วใจหายเมื่อมืดครื้มผิดปกติ
“โอ๊ยอะไรเนี่ย เมื่อเช้าฟ้าสว่าง ดีๆ อย่าพึ่งตกนะคะ เช้าวันเสาร์เสียด้วย “
“สาธุ ช่วยลูกด้วยเถิด “ เอลี่ก้มกราบที่พวงมาลัย อย่างรู้สึกจิตใจว้าวุ่น
เสียงฟ้าร้องดังอยู่สักพัก ฝนก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว เอลี่ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“สุทัศน์จ๋า อย่าเกเรนะวันนี้ ฝนตกทีไร สุทัศน์แกล้งเอลี่ตลอด อย่านะเอลี่ขอร้อง
เอลี่กำลังจะไปหาเจ้าชายในฝัน สุทัศน์ช่วยเอลี่ด้วย “ ดีไซเนอร์สาวลูบพวงมาลัย พลางพูดกับ รถคู่ใจ
“ ฮือ ทำยังไงเนี่ย ดูสิถนนกรุงเทพฯนี่ก็บ้า เวลาฝนตกทีไร ทำไมรถติดทุกที
นี่ขนาดฉัน เผื่อเวลาเป็นชั่วโมงแล้วนะเนี่ย “ หญิงสาวในร่างชายยกนาฬิกาขึ้นดูด้วย ใจที่ร้อนรุ่ม
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
เอลี่นั่งร้องไห้ ในรถเมื่อรถไม่สามารถขยับ ได้เลย “ ทำไมมันถึงต้องเกิดกับฉันแบบนี้นะ ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งอีเอลี่แบบนี้ “
พูดจบรถก็ชักกระตุกสองสามที แล้วก็ดับ” ให้มันได้อย่างงี้สิ ชีวิตบัดซบจริงๆเลย
ให้ตายเลย ฉันอุตส่าห์ลุกขึ้นมาตีสามแต่งหน้า แต่งตัว หมดกันล่ะทีนี้ “
บริษัท กรณ์วิภาค คอปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล
อดิสร ขว้างแฟ้มอย่างระบายอารมณ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ ว่าไงนะ เจน คนของเจ๊ไข่
ยังไม่มาอีกเหรอ เหลวไหลจริง นี่มันเก้าโมงครึ่งแล้วนะ ตกลงผมต้องมารอเค้าเหรอเนี่ย
ผมเป็นลูกค้านะ “
เจนสุดา เลขาสาว วัยกลางคน ทำหน้าเจื่อน เมื่อเจ้านายหนุ่มอารมณ์เสียแต่เช้าเมื่อทราบว่า ร้านที่นัดหมายจะมาวัดตัว และคุยงานยังไม่มาตามนัด
“บอส มีเบอร์ไหมค่ะ เจนโทรตามให้นะ”
“ ไม่ต้อง ผมรอเขาอีกห้านาที ถ้ามาไม่ถึง ยกเลิกนัดนี้ไปเลยแล้วเตรียมการประชุม
ของเราเช้านี้เลย ผมไม่ชอบทำงานกับพวกไม่มืออาชีพ “ อดิสรพูดน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะโบกมือ เป็นการบอกให้เลขาออกไปจากห้อง
เจนสุดาเดินออกจากห้องไปตัวลีบ “ พายุอะไรจะถล่มหนอ”
เอกรินทร์หรือเอลี่ เดินตัวเปียกเข้ามาบริษัท เนื้อตัวเปียกปอน เมื่อเดินเข้าสู่ลิฟท์
เอลี่ปิดหน้า ร้องไห้ อย่างสุดเสียง “ ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้ง เอลี่แบบนี้ ทำไมใจร้ายกับเอลี่แบบนี้ เอลี่อุตส่าห์รอตั้งแปดปีจะได้พบพี่สร ทำไมจะให้พบแบบประทับใจไม่ได้
ทำไมใจร้ายกับเอลี่ แบบนี้ “ เมื่อได้ยินเหมือนเสียงลิฟท์หยุด เอกรินทร์ หรือเอลี่ เช็ดน้ำตา
สูดลมหายใจเข้าออกยาว เหมือนเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง
“ตายแล้วคุณ พึ่งมาถึงเหรอค่ะ รีบๆ เข้าไปค่ะ คุณสรโมโหใหญ่เลย “ เสียงเจนจิราทักทาย เมื่อเห็นสาวประเภทสองถือแฟ้ม เดินหน้าตาตื่นเข้ามา
ก๊อกๆๆ
“เข้ามา”เสียงอนุญาติ ห้วน ทำเอาทั้งเลขาสาว และ สาวประเภทสองอย่างเอลี่ ขาสั่น
“ตัวใครตัวมันนะคะคุณ “
เอกรินทร์หรือเอลี่ มองร่างของชายในฝัน ทางด้านหลัง เพราะชายหนุ่มยืนหันหลังให้ประตู ด้วยหัวใจเต้นแรง จนเหมือนระเบิด
อดิสร หันมาอย่างเต็มตัว ใบหน้าดุ ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก ก่อนมองมาทาง
ด้านของแขกแปลกหน้าด้วย แววตา ตำหนิ เอลี่หน้าชา จากแววตาที่ชายหนุ่มพยายามส่งมา
แต่พยายามใจดีสู้เสือ ฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ในใจร้องไห้
“ ขอโทษค่ะ ดิฉันมาสาย ..พอดีว่า “
“ ผมไม่ชอบฟังคำแก้ตัว แล้วอยากบอกคุณว่า วันนี้หมดเวลาของคุณแล้ว ผมรอคุณมา สี่สิบห้านาที สี่สิบห้านาทีนะครับ ผมไม่ชอบทำงานกับคนไม่มีความรับผิดชอบ
แล้วเวลาของผมมีค่ามาก ไม่มีเวลาเด็กฝึกหัด หรือคนที่ไม่รักษาเวลาและไม่เคารพในอาชีพของตัวเอง “
เอกรินทร์อ้าปาก แต่ต้องชะงัก เมื่อชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดแทรก
“วันนี้หมดเวลาของคุณแล้ว อีกสิบห้านาทีผมต้องประชุมต่อ ผมคิดว่าคุณคงไม่
พร้อม และอีกอย่าง ผมหมดอารมณ์แล้ว ตอนนี้ผมอยากจะมีสมาธิที่จะทำงานชิ้นต่อไป “
เอกรินทร์หรือเอลี่กัดริมฝีปาก ก่อนรวบรวมกำลังใจ พูด “ แล้วคุณอดิสรจะให้ดิฉันมาพบ
เมื่อไหร่ “
“วันอาทิตย์ ผมทำงานครึ่งวัน คุณจะมาที่นี่ หรือจะไปคุยกันที่สปอร์ตคลับตอนบ่าย
เลือกเอาแล้ว นัดกับเลขาผมข้างนอก เชิญคุณกลับได้ “ พูดจบ อดิสรก็เดินมาที่เก้าอี้แล้ว
พลิกแฟ้มเอกสาร อ่านทันที
เอลี่กัดริมฝีปากจนเจ็บ กำลังจะหันหลังกลับ แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงมีอำนาจ
ดังขึ้น “ ผมอนุญาติให้ใช้ห้องน้ำ ของผม คุณกรุณาเข้าไปเช็ดตัวให้เรียบร้อยจะดีกว่า
เปียกอย่างกับลูกหมาตกน้ำ สารรูป ดูไม่จืดจริงๆ ผมยังคิดไม่ออกว่าคุณจะ ออกแบบเสื้อผ้าให้ผมได้ดูดี ยังไง ในเมื่อตอนนี้ ผมไม่ประทับใจอะไรคุณสักอย่าง “
“ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่อยากรบกวน “
“ ผมสั่งให้คุณทำ และอยากให้คุณปฏิบัติตาม” น้ำเสียงห้วน แววตาฉายแววตำหนิ
เอลี่หลับตา ก่อนจะสะกดเป็นคำพูดว่า “ ขอบคุณค่ะ ที่กรุณาห่วงใย”
“ เปล่า ผมไม่ได้ห่วงคุณ ผมแค่ไม่อยากให้ใครมาว่าผมได้ ก็เท่านั้น ...เชิญ “
อดิสรผายมือ ทำท่าเชิญ เอลี่เดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อประตูปิด
เอลี่ปิดหน้า ร้องไห้อย่างไม่สามารถอดกลั้นไว้อีกต่อไป “ พี่สร ทำไมพี่สรใจร้ายกับเอลี่แบบนี้ เสียแรงเอลี่รัก และคิดถึงพี่สร ตลอดมา ด่า ด่า ด่า ไม่เหลือช่องทางให้เอลี่
อธิบายเลย “ สาวประเภทสองสะอึกสะอื้น ก่อนมองสภาพห้องน้ำที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กลิ่นโคโลญจน์ผู้ชาย กลิ่นอ่อนๆ ทำให้เอลี่ เผลอสูดเข้าไปอย่างเต็มปอด
หญิงสาวในร่างชาย ล้างหน้า ก่อนจะหวีผมและจัดเสื้อผ้าให้ เข้าที่เข้าทาง
“ แต่ถึงพี่สรจะร้ายยังไง พี่สรก็หล่อและดูดีเสมอในสายตาเอลี่ “ แววตาของสาวประเภทสองเป็นประกาย แวววาว
“เอาล่ะ ในเมื่อวันนี้ล่มเหลว ก็ช่างมัน เริ่มต้นใหม่สิเอลี่ แกอย่ายอมแพ้ ต้องสู้
ต้องสู้” เสียงกระเทยสาวให้กำลังใจตนเอง
เอกรินทร์หรือเอลี่ สูดลมหายใจ หลับตา ก่อนจะเปิดประตู ออกไป
อดิสรเบ้ปากเล็กน้อยแต่ดูดี มองดีไซเนอร์สาว ที่ออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“อืม ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย” อดิสรพูดจับก็หันหลังกลับไปนั่งที่โซฟา ท่าทางที่เอลี่มองแล้วว่าดูดีมากก กระเทยสาวมองตาม กลืนน้ำลายช้าๆ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจพูดเบาๆว่า
“ขอบคุณค่ะ ที่กรุณาให้ใช้ห้องน้ำ และขอโทษที่ทำให้คุณคอย พรุ่งนี้ดิฉันจะมาให้ตรงเวลา”
“ ผมไม่ชอบฟังคำขอโทษ มันหมายถึง ความไม่เป็นมืออาชีพ “
เอลี่กัดริมฝีปาก หลับตา สะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “ งั้นดิฉันขอถอนคำขอโทษคืนแล้วกันนะคะ วันนี้มันคงเป็นวันซวยของดิฉันจริงๆ เอาเป็นว่า ดิฉันจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ก็แล้วกันนะคะ คุณอดิสร “
อดิสรหรี่ตามอง “ ก็ดี ผมจะคอยดู เชิญคุณกลับได้ อย่าหาว่าผมไล่เลยนะผมต้องเตรียมประชุมต่อ ต้องการสมาธิ “
“ค่ะ”
หกโมงเย็นที่ร้านกาแฟที่เพื่อนรักสามคนใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์ ตั้งแต่มหาลัยปีหนึ่ง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้บริการที่นี่อยู่
พัชรา นักการบัญชีสาว จ้องมองดีไซเนอร์สาวที่ตั้งแต่เข้ามาเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จา โดยมีกอหญ้า ลูบหลังและส่งทิชชูเป็นระยะๆ
“หยุดร้องไห้แล้วเล่าสักที นี่พวกฉันมานั่งดูแก ร้องไห้เป็นสิบนาทีแล้วนะนังเอลี่”
พัชราเรียกเพื่อนสาวอย่างสนิทสนม
“เดี๋ยวสิ ก็มันเจ็บใจให้ร้องให้เสร็จแล้วจะเล่าให้ฟัง ฮือ ฮือ “
พัชรายิ้มแววตาเอ็นโยน ก่อนจะหยิบไอแพค ขึ้นมา “ เอา แกร้องเสร็จก็เรียกแล้วกัน
ฉันรับงานพิเศษมา กำลังปั่นงานส่งบริษัท “
เอกรินทร์หรือเอลี่ หยุดร้องไห้ แล้วค้อนเพื่อนสาว “ นี่แก นังพัช เพื่อนร้องไห้แกยังมีหน้าเอางานมาทำอีก แทนที่จะปลอบใจฉัน “
“ เอ้า ก็รอแกมาตั้งนาน ขับรถมาจากสาธร มาจนถึงดอนเมืองนี้เชียวนะ เพื่อมาฟังเรื่องแกเล่าเนี้ย สรุปเล่าได้รึยัง อยากรู้เต็มที่แล้ว”
เอลี่ ร้องไห้โฮอีกครั้ง กอหญ้าเห็นแล้วรู้สึกขำ เสียงโทรศัพทืมือถือ ดัง กอหญ้าหยิบมือถือรุ่นใหม่ขึ้นมาดู ท่ามกลางความสนใจของพัชรา
“ว้าว ญ่า เปลี่ยนมือถือใหม่เหรอ “
“ อืม “
“รุ่นนี้แพงซะด้วย ทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่เลย เสียอย่างเดียว ใหญ่ไปหน่อยสำหรับจะเป็นมือถือ”
“อ้าว ทำไมไม่รับล่ะญ่า “
กอหญ้า กดปิดโทรศัพท์ แล้วส่ายหน้าไปมา “ พวกโรคจิตโทรมา อย่าไปสนใจเลย “
กอหญ้าพยายามรวบรวมสติให้อยู่กับเรื่องตรงหน้า แต่ในใจอดหวั่นไหวไม่ได้ ว่าชายหนุ่มคงจะโมโหมิใช่น้อยที่เธอไม่รับสายแถมยังปิดสัญญาณโทรศัพท์ กอหญ้ายิ้มที่มุมปาก
“ป่านนี้ คงอาละวาด ตามเคย”
พัชราหันไปมองสาวประเภทสองเพื่อนรัก อีกคน “ เอ้า เล่ามาไม่เล่า จะทำงานแล้วล่ะนะ ฉันเริ่มก่อนก็ได้ วันนี้แกไปเจอชายในฝันมา แล้วไง แฮปปี้จนต้องมาร้องไห้เลยเหรอ”
“ แฮปปี้บ้านแกสิ “ เอลี่ตวาด
“เอ้า แล้วยังไง “
เมื่อเอลี่เล่าจบ เสียงหัวเราะของพัชราและกอหญ้า ทำให้เอลี่ยิ่งช้ำหนัก
“เห็นไหมแก ว่าโชคชะตามันกลั่นแกล้งฉัน ฉันรอมาแปดปี ภาวนาว่าสักวันอยากเจอตัวเป็นๆเขาสักครั้ง ผู้ชายที่อยู่ในหัวใจอีเอลี่มาแปดปี แล้วไง พอไปถึง เขาไม่ถามสักคำ
ว่าทำไมฉันถึงมาสาย ไปถึงก็ ด่า ด่า ด่าไม่หยุดให้ฉันพูดเลย น้อยใจเป็นบ้า” เอกรินทรหรือเอลี่เล่าพลางเช็ดน้ำตาไปด้วย
“ สรุป เขาไม่ทำให้แกประทับใจ งั้นแกก็เลิกรักเขาแล้วสิ”
“ ไม่หรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะ “กอหญ้าเสริมขึ้นบ้าง
“ฉันยิ่งรักเขามากขึ้นไปอีก คนอะไรก็ไม่รู้เท่ห์ เท่ห์แก” นัยน์ตาของเอกรินทร์เพ้อฝัน