เซียวชิงเฟิงไม่ต่อความ เดินลิ่วไปรับรองแขก รับคารวะจอกเหล้ามงคลจากบรรดาราชวงศ์และขุนนางที่มาแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง
เสียงร้องรำของคณะงิ้วเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีที่เรือนหน้า แขกเหรื่อสังสรรค์สนทนาถึงความยิ่งใหญ่ของขบวนสินเดิมของเจ้าสาว และความโอ่อ่าของจวนเฟิงอ๋อง
“เฟิงอ๋องเมาเสียแล้วหรือ?” หนิงซูเฟยยกผ้าขึ้นมาปิดปากแล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางการยืนโซเซของเซียวชิงเฟิง “เมาเช่นนี้ พระชายาคงจะกังวลใจแย่”
ฉีอ๋องกล่าวยิ้ม ๆ “กระหม่อมว่า ให้คนไปส่งเสด็จพี่เถิด หมู่เฟย”
เสด็จพี่หนอ เสด็จพี่ อยากรีบไปเข้าหอกับเจ้าสาวคนสวยก็ไม่บอก แสร้งทำเป็นเมาเช่นนี้ ผู้ใดจะเชื่อกัน?
ท่านเป็นอ๋องเจ้าสำราญของเมืองหลวงเชียวนะ ดื่มเหล้ามงคลเพียงห้าจอกก็เมาเสียแล้ว
ชื่อเสียงของท่านจะไปอยู่ที่ใด!?
“ไป ให้คนพยุงน้องหกกลับเรือนเถิด ให้น้องสะใภ้ช่วยดูแล” หมิงอ๋องที่ยืนอยู่ข้างฉีอ๋องร้องสั่งอย่างยิ้ม ๆ
หยางเซิงและตงไฮ่เดินเข้าไปช่วยพยุงร่างเซียวชิงเฟิงซ้ายขวา ช่วยกันประคองเฟิงอ๋องพาเดินออกจากเรือนรับรองตรงไ
มือปีศาจน้อยลูบไล้ส่วนสำคัญของเขาอย่างสนุกมือ ชักรูดจนสุดความยาวไปมา ก่อนจะก้มหน้า อ้าปากดูดกลืนของลับนั้นจนมิดโคนเซียวชิงเฟิงสั่นไปทั้งสรรพางค์ เมื่อตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของใครบางคน “อ่ะ อ๊า ยะ อย่า อืม”ปลายลิ้นร้อนตวัดลูบไล้แท่งยาวในปากอย่างเอร็ดอร่อย ดวงหน้าหวานกำลังหลับตาพริ้ม ตั้งอกตั้งใจลิ้มรสตัวตนของเขาอร่อยเสียจริง...ท่ามกลางความสุขที่ฉินเจียวเยี่ยนมอบให้ เซียวชิงเฟิงได้ยินเสียงความคิดของพระชายาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกขอบคุณความสามารถพิเศษนั้นการได้ยินเสียงความคิดของฉินเจียวเยี่ยนเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจแม่นางตรงหน้า จนเกิดเป็นการพัวพันกันไม่สิ้นสุดอย่างทุกวันนี้ความสัมพันธ์ที่พัวพันจนไม่สามารถสลัดทิ้งอีกฝ่ายได้ เช่นเดียวกับปลายลิ้นของนางที่พัวพันตัวตนของเขา จนเขาแทบจะอ่อนระทวยไปกับริมฝีปากของนาง“พร้อมหรือไม่เพคะ? ท่านพี่คนดี”ฉินเจียวเยี่ยนตวัดลิ้นเลียรอบริมฝีปาก ก่อนจะยันกายขึ้นคร่อม สะโพกผายกางออกกว้าง จนตัวเขาที่นอนอยู่ด้านล่างสามารถมองเห็นกลีบดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งได้อย่างเต็มตากลีบดอกเหมยท
เซียวชิงเฟิงปล่อยอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกจากตัว สะบัดปลายนิ้วเกี่ยวผ้าม่านผืนบางให้ตกลงปกคลุมรอบเตียง ราวกับกางอาณาเขต ไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนเวลาแสนรื่นรมย์ระหว่างเขากับคนที่นอนทอดร่างอยู่บนเตียงเซียวชิงเฟิงคุกเข่าลงบนเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่า สายตาเร่าร้อนจ้องมองพระชายาของตนไม่วางตา จนฉินเจียวเยี่ยนร้อนวูบวาบไปทั้งตัวด้วยเช่นกัน“ข้าจะช่วยเจ้าถอด” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้น พร้อมมือสากที่เลื่อนไปกระตุกปมเชือกกลางตัว รั้งเสื้อคลุมให้ร่วงหล่นลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ อวดเรือนร่างขาวเนียนที่นอนระทวยอยู่บนเตียงเนินอกอวบอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ เซียวชิงเฟิงโน้มตัวเข้าหาราวกับต้องมนต์สะกดร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงทาบทับ ริมฝีปากร้อนประกบเข้าหา ตวัดปลายลิ้นเลียไปตามเรียวปากบางอย่างหลงใหลมือเล็กของฉินเจียวเยี่ยนยกขึ้นคล้องคอรั้งฝ่ายชายเข้ามาชิดใกล้มากยิ่งขึ้น แหงนศีรษะขึ้นสูง เพื่อให้เซียวชิงเฟิงสอดแทรกปลายลิ้นได้ง่ายขึ้นเสียงจูบดื่มด่ำดังกังวานไปทั่วห้อง สี่มือต่างลูบไล้ไปตามตัวของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่“อ่ะ อา ทะ ท่านพี่ อ
เซียวชิงเฟิงไม่ต่อความ เดินลิ่วไปรับรองแขก รับคารวะจอกเหล้ามงคลจากบรรดาราชวงศ์และขุนนางที่มาแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่งเสียงร้องรำของคณะงิ้วเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีที่เรือนหน้า แขกเหรื่อสังสรรค์สนทนาถึงความยิ่งใหญ่ของขบวนสินเดิมของเจ้าสาว และความโอ่อ่าของจวนเฟิงอ๋อง“เฟิงอ๋องเมาเสียแล้วหรือ?” หนิงซูเฟยยกผ้าขึ้นมาปิดปากแล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางการยืนโซเซของเซียวชิงเฟิง “เมาเช่นนี้ พระชายาคงจะกังวลใจแย่”ฉีอ๋องกล่าวยิ้ม ๆ “กระหม่อมว่า ให้คนไปส่งเสด็จพี่เถิด หมู่เฟย”เสด็จพี่หนอ เสด็จพี่ อยากรีบไปเข้าหอกับเจ้าสาวคนสวยก็ไม่บอก แสร้งทำเป็นเมาเช่นนี้ ผู้ใดจะเชื่อกัน?ท่านเป็นอ๋องเจ้าสำราญของเมืองหลวงเชียวนะ ดื่มเหล้ามงคลเพียงห้าจอกก็เมาเสียแล้วชื่อเสียงของท่านจะไปอยู่ที่ใด!?“ไป ให้คนพยุงน้องหกกลับเรือนเถิด ให้น้องสะใภ้ช่วยดูแล” หมิงอ๋องที่ยืนอยู่ข้างฉีอ๋องร้องสั่งอย่างยิ้ม ๆหยางเซิงและตงไฮ่เดินเข้าไปช่วยพยุงร่างเซียวชิงเฟิงซ้ายขวา ช่วยกันประคองเฟิงอ๋องพาเดินออกจากเรือนรับรองตรงไ
เซียวชิงเฟิงก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเข้าเรือนอี้หงที่ตกแต่งประดับไปด้วยอักษรคู่มงคลสีแดง เทียนมังกรเคียงหงส์ตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเซียวชิงเฟิงวางร่างฉินเจียวเยี่ยนลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน เขาเอื้อมมือไปหยิบหยกหรูอี้ขึ้นมาเลิกผ้าคลุมหน้าของนางขึ้นให้ครบถ้วนทุกพิธีการ“อ๊ะ ท่านอ๋อง มิต้องรอตอนเย็นหรือเพคะ?”เหตุใดจึงเปิดผ้าคลุมหน้าแล้วเล่า?“เจ้าลืมแล้วหรืออย่างไร?” เซียวชิงเฟิงแตะปลายจมูกของฉินเจียวเยี่ยนอย่างเอ็นดู “เราเข้าห้องหอกันไปนานแล้วนะ”“เช่นนั้น ท่านอ๋องจะไม่ออกไปรับแขกหรือเพคะ?”“ไปสิ เพียงแต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเหนื่อย” เขาโน้มตัวลงจูบริมฝีปากบางเร็ว ๆ หนึ่งครั้ง “ข้าจะให้ชุนเถา ชุนหลิ่วเข้ามาปรนนิบัติเจ้า เจ้าจะอาบน้ำ ทานอาหาร หรือนอนพักผ่อนไปก่อนก็ได้”ฉินเจียวเยี่ยนยิ้มรับกับความเอาใจใส่นั้น “เพคะ ท่านอ๋อง”“เจ้าอภิเษกเข้าจวนเฟิงอ๋องแล้ว ไยยังเรียกข้าว่า ท่านอ๋องอีกเล่า?”ฉินเจียวเยี่ยนเม้มปากอย่างเขินอาย เ
“ไม่มี เจ้าเหยียบกระเบื้องเถิด” เซียวชิงเฟิงบอกปัด พร้อมทั้งรวบรวมลมปราณไว้ที่ปลายนิ้ว“เพคะ”ฉินเจียวเยี่ยนเดินมาหยุดที่หน้ากระเบื้อง ยกฝ่าเท้าขึ้น ออกแรงเหยียบลงมาอย่างเต็มที่ พร้อมกับที่เซียวชิงเฟิงดีดปลายนิ้วส่งลมปราณไปทำลายกระเบื้องแผ่นนั้น“ว้าว” เสียงร้องอื้ออึงด้วยความตกใจ ที่เจ้าสาวสามารถเหยียบกระเบื้องจนแตกเป็นผุยผง ท่ามกลางความตกตะลึงของฮ่องเต้เจิ้นหลงที่อ้าพระโอษฐ์ค้างนั่นมันกระเบื้องนิลที่ไว้ฝึกองครักษ์ลับเชียวนะ!!สายพระเนตรตกตะลึงจ้องมองไปที่ปลายเท้าของฉินเจียวเยี่ยน ก่อนจะเหลือบขึ้นมามองร่างเจ้าสาว แต่ฮ่องเต้เจิ้นหลงจำต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อสบสายตาคมของบุตรชายในไส้เป็นท่านเองสินะ เสด็จพ่อ...ไอสังหารแผ่ออกรอบตัวของเซียวชิงเฟิง จนฮ่องเต้เจิ้นหลงที่นั่งอยู่ในห้องโถงยังรู้สึกได้“อากาศเย็น ๆ นะเพคะ” หนิงซูเฟยลูบแขนตัวเองไปมา ด้วยเข้าใจว่า ลมเย็นน่าจะพัดผ่านเข้ามาภายในเรือน “เจ้าไปปิดหน้าต่างที แล้วก็เพิ่มเตาอุ่นเข้ามาด้วย”“เพคะ พระสนม”
ฉินเจียวเยี่ยนที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวสิ่งใด นั่งกระดิกเท้าเล่นอยู่ในเกี้ยวแปดคนหามอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จมูกจะฟุดฟิดได้กลิ่นหอมของขนมกุ้ยฮวาจากกล่องไม้ข้างตัวนางเหลือบเห็นกระดาษที่วางอยู่บนกล่องไม้อย่างชัดเจน‘หากเจ้าหิวก็ทานขนมในกล่องรองท้องไปก่อน’ช่างใส่ใจกันจริงนะ เสี่ยวเฟิง...ความอารมณ์ดีของคนในเกี้ยวส่งผลต่อเจ้าบ่าวที่กำลังควบม้านำอยู่ที่หน้าขบวน มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกขึ้นสูงเป็นรอยยิ้มกว้าง เรียกเสียงกรีดร้องของคุณหนูจวนอื่น ๆ ที่ยืนรอชมสองข้างทางให้ดังขึ้นไปอีกหืม เหตุใดข้างนอกจึงมีเสียงดังเล่า?มุมปากของเซียวชิงเฟิงตกลงในพริบตา ราวกับการแสดงเปลี่ยนสีหน้าของคณะงิ้วที่จ้างมาในคืนนี้หยางเซิงและตงไฮ่มุมปากกระตุกหยิก ๆ กับอารมณ์ของเจ้านายตรงหน้าที่เปลี่ยนสีหน้าไปมาอย่างไร้สาเหตุครั้นขบวนเจ้าสาวมาถึงจวนเจ้าบ่าว เกี้ยวบุปผาวางลงบนพื้นอย่างมั่นคงและนุ่มนวล เซียวชิงเฟิงพลิกตัวลงจากหลังม้า ก้าวเท้ายาว ๆ ไปที่หน้าเกี้ยวมือหนาเลิกม่านขึ้น แล้วยื่นมือไปรอรับฉินเจียวเยี่ยนอย่างใส่ใจ