LOGINฉินเจียวเยี่ยนคร้านจะถามสวามี จึงได้แต่บ่นเรื่องที่นางกำลังกังวลอยู่ในใจ “เหตุใดท่านพี่จึงไม่พาข้าเข้าวังเร็วกว่านี้หน่อยล่ะเพคะ? สายป่านนี้ หนิงซูเฟยต้องไม่พอพระทัยหม่อมฉันเป็นแน่”
เซียวชิงเฟิงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น “ข้าส่งคนเข้ามาแจ้งเหนียงเหนียง ตั้งแต่ยามเหม่าแล้ว ว่าข้าตื่นไม่ไหว อาจจะพาเจ้ามาเข้าเฝ้าสายหน่อย”
'อา ข้าตกหลุมรักเขาอีกแล้ว...'
ฉินเจียวเยี่ยนชะโงกหน้าขึ้นหอมแก้มของเซียวชิงเฟิงอย่างรวดเร็ว “รางวัลสำหรับความน่ารักเพคะ”
เซียวชิงเฟิงยกมุมปากอีกครั้ง พลันรู้สึกอบอุ่นซาบซ่านไปทั้งใจ เขารู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับฉินเจียวเยี่ยน ชีวิตของเขาก็ราวกับตกอยู่ในถังน้ำตาล เคลือบความรู้สึกของเขาจนหวานหอมกรุ่น
“แล้วรางวัลที่ข้าแต่งตัวให้ฮูหยินเล่า ไม่มีรึ?” ดวงตาดอกท้อทอประกายอย่างที่ฉินเจียวเยี่ยนมองมา ก็เข้าใจความนัยได้ไม่ยาก
ฉินเจียวเยี่ยน “ไว้คืนนี้ ค่อยมารับรางวัลแล้วกันนะเพคะ”
สองหนุ่มสาวส่งยิ้มละมุนให้แก่กัน เซียวชิงเฟิงก้มหน้าแนบหน้าผากของเขากับอีกฝ่า
กลับมาที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอในปัจจุบันบรรยากาศความเร่าร้อนที่ชั้นห้าไม่อาจสู้ความวุ่นวายของลูกค้าที่ชั้นหนึ่งได้เลย หลังจากที่หลี่ชิงหงส่งฉินเจียวเยี่ยนเข้าสู่ปากของเสือร้ายอย่างเซียวชิงเฟิงแล้ว นางก็ตัดสินใจเดินลงบันได เพื่อมาดูความเรียบร้อยของโรงน้ำชาหลี่ชิงหงก้าวลงบันไดเล็กจากชั้นห้าตามความเคยชิน ความคิดตกอยู่ในภวังค์เรื่องคู่ครองที่ฉินเจียวเยี่ยนเคยถึง เหตุใดนางจะไม่อยากมีคู่ครองกันเล่า?ยิ่งได้เห็นอาเยี่ยน อาลี่มีคู่ครองที่ดีเช่นนั้น อย่างไรนางก็ย่อมอยากจะมีเช่นนั้นบ้าง แต่บุรุษที่ดีจะตกมาจากฟ้าหรือไร? ยิ่งในสมัยโบราณเช่นนี้ การมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติสามัญ แต่มันไม่เป็นเรื่องปกติสำหรับนางหากต้องมี แล้วตบแต่งเข้าจวน เพื่อไปตบตีแย่งชิงความโปรดปรานกับสตรีนางอื่นในเรือนหลังแล้ว นางขออยู่ตัวคนเดียวเสียดีกว่า…ปลายหางตาของหลี่ชิงหงเหลือบเห็นฮูหยินท่านหนึ่งรีบร้อนเดินออกจากห้องรับรองชั้นสี่ทางด้านซ้ายของบันได แต่สติของหลี่ชิงหงกำลังล่องลอย ไม่ได้คิดคำนึงถึงสิ่งใด กอปรกับความรีบร้อนของฮูหยินท่านนั้น ทำให้สองคนเดินมาชนกันที่เชิงบันไดชั้นสี
“เสด็จพี่รองทำให้ลูกเห็นความจริงข้อหนึ่งคือ ไม่ว่าจะทำดีมากเพียงใด แต่เมื่อก้าวพลาดหนึ่งครั้งก็อาจจะสูญเสียชีวิตได้อย่างง่ายดาย หากเสด็จพี่หกไม่เข้ามาช่วยเหลือลูก หมู่เฟยคิดว่าวันนี้ลูกจะกลายเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ เป็นท่านอ๋องผู้คิดคด ยักยอกเสบียงหลวง ปล่อยให้ราษฎรต้องล้มตายด้วยความหิวโหย”“แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการของเสด็จพี่รอง แต่หมู่เฟยอย่าลืมว่า ลูกต้องตกอยู่ในแผนการร้ายของเขาเพราะเหตุใด หากไม่ใช่เพราะลูกคือคู่แข่งแย่งชิงบัลลังก์ของเขาหรอกหรือ? เพราะลูกคืออุปสรรคหนึ่งเดียวที่ขวางทางเขาอยู่ ลูกจึงต้องมาตกระกำลำบากที่อาจจะโดนโทษถึงชีวิตได้”“แต่หมู่เฟยดูเสด็จพี่หกสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่หกมิได้สนใจงานราชการ มิสนใจตำแหน่งไท่จื่อนี้เลยแม้แต่น้อย เขาจึงไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้ใด สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสรเสรี มาบัดนี้ เพียงครั้งเดียวที่เสด็จพี่หกทำดี เสด็จพ่อก็แต่งตั้งเขาให้เป็นไท่จื่อเสียแล้ว แล้วสิ่งที่ลูกทำดีมาหลายปีเล่า? ไม่มีความหมายเลยหรือ?”“ลูกมิได้โทษหมู่เฟยหรือเสด็จพ่อ เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ลูกเฝ้าขยัน ทำงานตามที
ในระหว่างที่เซียวชิงฉีถูกกักบริเวณเนื่องจากความประมาท ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำให้เขาต้องตกเป็นเหยื่อในแผนร้ายของกบฏหมิงอ๋อง ซึ่งหมิงอ๋องถูกโทษทัณฑ์ประหารชีวิต รวมถึงทุกคนในจวนหมิงอ๋องและตระกูลมารดาอย่างตระกูลถัง แม้แต่ถังกุ้ยเฟยก็ไม่รอดหนิงซูเฟยจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหนิงกุ้ยเฟย ส่วนตำแหน่งเสียนเฟยนั้น ตั้งแต่ชุยเสียนเฟยสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้เจิ้นหลงก็ไม่โปรดแต่งตั้งผู้ใดขึ้นมาแทนที่อีกเลย ปล่อยให้ตำแหน่งนั้นเว้นว่างไปเช่นนั้นหลู่มู่ซิน หรือ หลู่เต๋อเฟยจึงได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นหลู่ซูเฟยทันที ตำแหน่งเต๋อเฟยจึงตกเป็นของจวงลู่เซียนที่กำลังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้เจิ้นหลง แม้ว่าจะให้ประสูติพระโอรสและพระธิดามาแล้วอย่างละหนึ่งพระองค์ ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นจวงเต๋อเฟยหนิงกุ้ยเฟยนั่งรถม้าออกจากวังหลวงไปถึงจวนฉีอ๋อง เพื่อเยี่ยมเยียนบุตรชายเป็นระยะ ก่อนที่นางจะเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในตัวของบุตรชาย และนั่นทำให้นางกังวลใจเป็นอย่างมากเซียวชิงฉีมักจะนั่งเหม่อลอยราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเป็นอย่างมาก แม้ว่านางจะให้เขาทำสิ่งใด เข
ในห้องรับรองห้องหนึ่งบริเวณชั้นสี่ของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอ ฮูหยินสี่นางกำลังนั่งล้อมโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เพื่อจิบน้ำชาและทานขนมกันอยู่“ชาหลงจิ่งของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอช่างรสดียิ่งนัก” ฮูหยินท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น หลังจากลองจิบชาไปหนึ่งอึก “จิบแล้วสดชื่น หอมหวานดีนัก”ฮูหยินอีกนางที่นั่งตรงข้ามกันก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จริงอย่างที่เจ้ากล่าว ขนมบัวหิมะที่นำมาก็นุ่มและละลายในปาก รสชาติหวานมันกำลังดี ทานคู่กับชาหลงจิ่งได้ดีทีเดียว”“หากเหวินฉีกล่าวเช่นนั้น ย่อมต้องอร่อยเป็นแน่” ฮูหยินอีกนางเลื่อนมือจากขนมถั่วเขียวอัดที่วางอยู่บนจาน ย้ายไปลองหยิบขนมบัวหิมะมาชิมบ้าง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของสหาย “ขนมอร่อยนี่ต้องเชื่อเหวินฉีจริง ๆ ”ฮูหยินนามว่า ซวี่เหวินฉี เชิดหน้าพลางตบอกอย่างภูมิใจ “พวกเจ้าเชื่อในลิ้นของข้าได้เลย หากไม่อร่อย ข้ามิชวนพวกเจ้ามาชิมหรอก”“ว่าแต่เจ้ารู้จักขนมอร่อย ๆ ของที่นี่ได้อย่างไรเล่า?” ฮูหยินอีกท่านถามขึ้น“ก็พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าพามาน่ะสิ แต่... แท้จริงแล้วก็เป็นลูกสะใภ้ของนางต่างหากที่พานางมา หลังจากนั้นพี่สะใภ้ใหญ่จึงได้พ
ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายวิบวับ เขาผละริมฝีปากออกจากยอดถันที่เปียกแฉะไปด้วยน้ำลาย แล้วยันร่างสูงใหญ่ของตัวเองขึ้น สองฝ่ามือโอบกระชับเอวคอดกิ่วให้ลอยขึ้นจากเตียงแล้วจับร่างนางให้พลิกคว่ำ อวดแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่แดงก่ำ“อ๊ะ!” ฉินเจียวเยี่ยนร้องอุทาน เมื่อรู้สึกว่าโลกกำลังพลิกคว่ำ โชคดีว่าปลายเชือกมีความยาวเพียงพอ ทำให้นางสามารถหมุนตัวมานอนคว่ำ ฟุบใบหน้าลงบนหมอนนุ่มได้อย่างง่ายดายแผ่นหลังนวลเนียนและบั้นท้ายกลมกลึงถูกเซียวชิงเฟิงใช้สายตาและฝ่ามือลูบไล้โลมเลียอย่างเป็นเจ้าของ ก่อนที่เขาจะบังคับให้นางคุกเข่าลงบนเตียง เพื่ออวดช่วงล่างให้เขาเชยชม“อา... ฮูหยินน้อย...” เสียงครางแหบพร่าดังขึ้น ก่อนที่สะโพกได้รูปของเซียวชิงเฟิงจะขยับดั่งใจหมายสวบ“อื้อ! อ่ะ อ่า อา....” ฉินเจียวเยี่ยนสะดุ้งสุดตัว เมื่อถูกเขาแทรกกายเข้ามาประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั่วร่างสั่นสะท้านจนเขายังรู้สึกได้ภายในของฉินเจียวเยี่ยนตอบรับเขาด้วยการบีบรัดและดูดกลืนเขาทุกอณู จนเซียวชิงเฟิงทนไม่ไหว ต้องขยับสะโพกตอบรับความรักนั้นอย่างแรงด้วยการกะแทกเข้าห
‘เสี่ยวเฟิง? เหมือนที่ข้าแอบเรียกท่านพี่ในใจเลย...’มุมปากของเซียวชิงเฟิงวาดเป็นรอยโค้ง ก่อนที่จะเริ่มขยับมือไปที่จุดต่อไป “อากาศวันนี้ช่างอบอ้าวนัก ให้ข้าช่วยถอดอาภรณ์ดีกว่านะขอรับ”เมื่อฉินเจียวเยี่ยนถูกตรึงข้อมือไว้แล้ว จึงไม่อาจขยับหนีหรือปัดป้องมือปีศาจที่ปลดเปลื้องอาภรณ์บนตัวของนางได้เลย โดยที่เซียวชิงเฟิงก็ทำเพียงแค่กระตุกปมของชุด แล้วแหวกผ้าเนื้อดีออกจากกันราวกับแกะกล่องของขวัญอันล้ำค่า เปิดเผยเนื้อตัวขาวผุดผ่องทั่วร่างของคนตัวเล็ก“ฮูหยินน้อยรู้หรือไม่ขอรับ? ข้าอุตส่าห์ไปร่ำเรียนวิชามัดใจชายของไท่จื่อเฟยถึงหอไป่ฮวาเลยนะขอรับ อีกทั้งยังตั้งใจนำของเล่นเหล่านี้มาดูแลฮูหยินน้อยเป็นการเฉพาะอีกด้วย”เซียวชิงเฟิงไม่พูดเปล่า เขาชูผ้าปิดตาสีดำขึ้นสูง ก่อนจะวางทาบลงปิดดวงตาจิ้งจอกที่ฉินเจียวเยี่ยนคอยย่นคอหลบหนี หากแต่ก็หนีไม่พ้น ถูกสวามีปิดกั้นการมองเห็นอย่างสิ้นเชิง“ท่านพี่...”“อ๊ะ อ๊ะ ข้าน้อยมีนามว่า เสี่ยวเฟิง” เซียวชิงเฟิงร้องแย้ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเร้นลึก โดยที่ฉินเจียวเยี่ยนไม่มีโอกาสได้เห็น “ฮูหยินน้อยเรียกผิดเช่นนี้ จะต้องโดน







