LOGIN“พวกนางบอกว่าเป็นแผนการเดียวกับที่ทำร้ายชุยเสียนเฟย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หากอยากรู้ก็คงมีแต่จะต้องถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์” เซียวชิงฉีบอก “รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการหรือเหตุการณ์ช่วงที่ชุยเสียนเฟยคลอดเสด็จพี่ ข้าจะลองไปถามหมู่เฟยก็แล้วกัน”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องสอบถามหมอตำแย หมอหลวง รวมถึงทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเพคะ” หลี่ชิงหงเพิ่มรายละเอียด“ข้าตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว” เซียวชิงฉีพยักหน้า นึกพอใจกับความละเอียดรอบคอบของนาง “แล้วข้ายังตั้งใจจะส่งคนไปสืบหมอตำแยคนปัจจุบันของจวงเต๋อเฟยอีกด้วย ไม่เพียงแต่หมอตำแย หมอหลวง สาวใช้ นางกำนัลทั้งหมดที่อยู่รอบตัวนาง ย่อมตกเป็นผู้สงสัยทั้งสิ้น”หลี่ชิงหงพยักหน้าเห็นด้วย “รายละเอียดเล็กน้อยก็อาจจะช่วยให้เราหาคำตอบได้เร็วที่สุดเพคะ”“ได้ ส่วนนี้ ข้าจะรับผิดชอบจัดการสืบความเอง” เซียวชิงฉีตบอกรับรอง“เช่นนั้น แผนการร้ายนั้น คงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว” หลี่ชิงหงก้มมองรายชื่อบนกระดาษ ก่อนจะลากวงกลมรอบชื่อสามนางที่เหลือ “ทางหม่อมฉันจะหาทางระบุตัวตนของพี่รองให้ได้จากสามนาง
หลี่ชิงหงเขียนชื่อทุกคนลงไป “พวกนางมีกันสี่คน สาบานเป็นพี่น้องกัน คือ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสาม และน้องเล็ก โดยพี่รองน่าจะเป็นสนมในวังหลัง ซึ่งมีโอรสให้แก่ฝ่าบาทแล้วด้วย”“ข้าคิดว่า พี่รองนี่แหละที่น่าสงสัย เพราะนางอยู่ใกล้ชิดหมู่เฟย ชุยเสียนเฟย และจวงเต๋อเฟยมากที่สุด ถ้าแผนการของนางสำเร็จ นางย่อมเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”หลี่ชิงหงให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ในระหว่างที่ท่านอ๋องสวมบทบาทเป็นเสี่ยวเอ้อร์ หม่อมฉันได้ขอรายชื่อผู้จองห้องรับรองนั้นมาดูด้วยแล้วเพคะ ชื่อที่ใช้จองห้องนั้นมีนามว่า เถียนหลัน เพคะ”เซียวชิงฉีขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อที่นางเอ่ย “เถียนหลัน... เถียนหลัน... นั่นมันชื่อหมู่เฟยของข้านี่!!”หลี่ชิงหง “!!!”“หรือว่าพี่รองที่ออกไปจะเป็นหมู่เฟย!? หมู่เฟยจะคิดร้ายต่อสหายรักอย่างชุยเสียนเฟยหรือ? แล้วยังคิดร้ายต่อจวงเต๋อเฟยด้วย ทะ...” เซียวชิงฉีเรียบเรียงความคิดอย่างสับสนงงงวยไปหมด จนอีกฝ่ายต้องร้องขัด“ไม่ใช่เพคะ!!” หลี่ชิงหงปฏิเสธแทนลูกค้าที่นางพาหนีออกไปเองกับมือ “ไม่ใช่หนิงกุ้ยเฟย!!”“จะไม่ใช่หรือ? ในเมื่อชื่อที่
“แม่นางหลี่ ช่างแสดงได้สมบทบาทยิ่งนัก” เซียวชิงฉีเอ่ยชม เมื่อเห็นหลี่ชิงหงโยนถุงเงินในมือขึ้นลงอย่างร่าเริงหลี่ชิงหงคว้าถุงเงินที่หล่นลงมาแล้วเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างหวงแหน “ขอบคุณที่ชมเพคะ ท่านอ๋อง”“ค่าติดสินบนแม่นางหลี่เพียงครั้งเดียวมากกว่าค่าชาบูและขนมน้ำชาที่พวกนางสามคนกินหนึ่งมื้อเลยทีเดียว”ใช่แล้ว หลังจากที่หลี่ชิงหงเอ่ยส่งท้าย สามฮูหยินก็หันมาสบตากัน ก่อนที่พี่ใหญ่จะล้วงเงินมาวางหนึ่งตำลึงเป็นค่าอาหารและขนมในมื้อวันนั้น แล้ววางเพิ่มอีกหนึ่งตำลึง เพื่อเป็นค่าติดสินบน ห้ามไม่ให้หลี่ชิงหงทาน้ำยาทาเล็บให้แก่ลูกค้าคนอื่นอีกแต่หลี่ชิงหงก็ก้มหน้าอึกอัก อ้างว่าเป็นคำสั่งของเถ้าแก่โรงน้ำชา หากนางไม่ทำ แล้วเถ้าแก่รู้เข้า นางก็อาจจะถูกไล่ออกได้ บรรดาฮูหยินจึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมและวางเงินให้นางเพิ่มอีกคนละหนึ่งตำลึงจนสุดท้าย หลี่ชิงหงแสร้งอิดออดรับไว้อย่างฝืนใจ ก่อนจะบอกทั้งสามนางว่า ห้ามให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้น นางจะถูกไล่ออก สามคนนั้นจึงได้จากไปด้วยความพอใจ ชูไม้ชูมืออวดความงามบนเล็บอย่างลำพองที่ได้เป็นคนแรกที่มีสินค้าของร้านเยว่หรงบนนิ้วมือ
“อะไรรึ?” สามฮูหยินเอียงตัวเข้าหานางในทันใด เพื่อที่จะฟังว่าความลับสุดพิเศษนั้นคือสิ่งใดหลี่ชิงหงย่อตัวลงต่ำ กระซิบเสียงไม่ดังมากนัก “เถ้าแก่โรงน้ำชากล่าวว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอส่วนลดพิเศษเพิ่มให้แก่คนที่ชอบทานชาบูเหมือนกันได้หรือไม่? เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจึงบอกว่า...”“ในวันพรุ่งนี้ที่ร้านเยว่หรงเปิดขายน้ำยาทาเล็บเป็นครั้งแรกนี้ หากลูกค้าคนใดทาเล็บนิ้วเช่นนี้ไป พร้อมแสดงบัตรสมาชิกของร้าน เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจะให้ลูกค้าท่านนั้นสามารถเลือกเครื่องประทินโฉมกลับจวนได้เลยหนึ่งชิ้น โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยเจ้าค่ะ!!”สามฮูหยิน “!!!”ต้องกล่าวก่อนว่า ตามปกติแล้ว ร้านเยว่หรงเองก็จะมีนโยบายในการซื้อของที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกสนุกไปกับการใช้จ่าย ไม่เบื่อที่จะแวะเวียนเข้ามาในร้าน แม้ว่าจะยังไม่ได้ต้องการซื้อสิ่งใดตั้งแต่ร้านเยว่หรงเปิดใหม่ ๆ ในเดือนแรก ลูกค้าทุกคนจะได้รับเครื่องประทินโฉมหลากหลายประเภทในขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าชุดทดลองให้กลับมาลองใช้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่สอง ร้านเยว่หรงเปิดบริกา
“สิ่งนี้คืออะไรรึ?” พี่ใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ พลางหยิบขวดแก้วแต่ละขวดขึ้นมาดู “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ฮูหยินท่านนี้ช่างตาแหลมเป็นยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลี่ชิงหงชมอย่างเอาใจ ทำให้พี่ใหญ่เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างลำพอง“แน่นอนสิ ข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเยว่หรงเชียวนะ” พี่ใหญ่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ใช่เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงหรือไม่ ข้ามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว”หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงัก แววตาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม “เช่นนั้น ฮูหยินจะต้องร่ำรวยเป็นแน่เจ้าค่ะ เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงแต่ละชิ้นนั้นราคาสูงยิ่งนัก ข้าทำงานเก็บเงินอยู่หลายเดือนก็ยังซื้อได้เพียงชิ้นเดียวเองเจ้าค่ะ”น้องสามแค่นเสียง “คนโรงน้ำชาอย่างเจ้าน่ะหรือ ยังอุตส่าห์ได้ใช้เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงด้วย”“ก็เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงล้วนแต่เป็นของดีนี่เจ้าค่ะ สตรีทุกนางย่อมหมายใจอยากได้มาครอบครองกันทั้งสิ้น” หลี่ชิงหงก้มหน้าก้มตากล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเพิ่งกล่าวให้มากความ” พี่ใหญ่หันไปดุน้องสาม พลางส่งสายตาเตือนว่าอย่าเพิ่งดุด่าสาวใช้ตรงหน้าให้มาก
‘เจ้าจะเอาของเหล่านี้ไปทำสิ่งใดกัน?’ หลี่ชิงหงถามฉินเจียวเยี่ยนในขณะที่ล้วงหยิบเครื่องประทินโฉมประเภทหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ‘เพราะเฟิงอ๋องต้องไปรบกับหมิงอ๋องถึงเมืองชางหลินนี่น่า ข้าเองก็อดเป็นห่วงมิได้’ ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ‘อายไลน์เนอร์ไว้สำหรับเขียนจดหมายลับโต้ตอบกัน แล้วเฟิงอ๋องจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?’‘เจ้าเลยจะเอาน้ำยาทาเล็บนี้ไปใช้’ เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้ารัว ๆ ขณะที่หยิบน้ำยาทาเล็บสีดำเก็บลงในกระเป๋า หลี่ชิงหงก็แค่นเสียงในลำคออย่างเยาะเย้ย ‘ข้าขอพนันว่าให้ตาย สามีเจ้าก็ไม่มีทางใช้ อีกอย่างหากเขาซื่อขนาดที่ไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ไม่น่าจะเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วล่ะ’ฉินเจียวเยี่ยน ‘...’ ทำไมเจ้าชอบว่าสามีข้านักนะ...ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับเข้ามา ทำให้ดวงตาของหลี่ชิงหงเปล่งประกายขึ้นมาทันที จนแม้แต่เซียวชิงฉียังแปลกใจ“แม่นางหลี่?”“หม่อมฉันรู้แล้วว่าเราจะระบุตัวตนของพวกนางได้อย







