LOGIN“ชุนเถา ชุนหลิ่ว”
สองสาวใช้คนสนิทแง้มประตูเรือน โผล่ศีรษะเล็ก ๆ เข้ามาถามอย่างระแวดระวังและใส่ใจ
“เรียบร้อยแล้วหรือเจ้าคะ? คุณหนู”
เรียบร้อยกับผีน่ะสิ!!
ข้าน่ะสิที่จะได้โดนเฟิงอ๋องใช้ขอทานจัดการจนเรียบร้อย
ฉินเจียวเยี่ยนกลอกตาหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเข้มอย่างรวดเร็ว “ชุนเถา เจ้าเฝ้าเรือนไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้ามาในเรือนนี้อย่างเด็ดขาด ส่วนชุนหลิ่ว เจ้าจงไปต้มยาห้ามครรภ์เตรียมไว้”
ชุนเถาเอียงศีรษะถามด้วยความสงสัย “อ้าว แล้วข้าไม่ต้องไปแจ้งท่านโหวแล้วหรือเจ้าคะ?”
ฉินเจียวเยี่ยน “ไม่ต้องแล้ว ยกเลิกแผนเดิม ไปทำตามที่ข้าสั่ง เร็วเข้า!”
“เจ้าค่ะ!!”
ฉินเจียวเยี่ยนหันกลับมามองเหยื่อใต้ร่างที่วางท่าทีกำลังนอนสลบไสล ลมหายใจสม่ำเสมอ ราวกับไม่รู้เรื่องราวใด ๆ
แต่ฉินเจียวเยี่ยนรู้ดีว่า ทันทีที่นางลงมือถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเซียวชิงเฟิง เขาจะลืมตาและลุกขึ้นมาจัดการนางในทันที
แท้จริง แม้ฉินเจียวเยี่ยนจะโง่เขลา แต่การลงมืออย่างอุกอาจในค่ำคืนนี้ นางใช้สมองมากมายนัก ในการวางแผนไว้หลายชั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แผนสำรองของฉินเจียวเยี่ยน คือ ยาลูกกลอนปลุกกำหนัดชนิดที่ออกฤทธิ์แรง เพียงแต่นางใจร้อนรีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขา ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนไม่มีโอกาสได้ใช้ยานั้น
เตรียมยาไว้แล้ว ก็ขอใช้ยาสักหน่อยเถอะ...
ฉินเจียวเยี่ยนหยิบยาลูกกลอนที่เตรียมเอาไว้มาเข้าปากของตัวเอง ก่อนจะก้มลงประกบเรียวปากของฝ่ายชาย นางใช้ปลายลิ้นดันยาเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย พลางใช้มือดันคางเรียวขึ้น บังคับให้เขากลืนยาลงไปในพริบตา
เซียวชิงเฟิงลืมตาขึ้นในทันที ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นนั่ง กำมือรอบคอระหง พลางเอ่ยถามเสียงเย็น “เจ้าให้ข้ากินอะไรลงไป?”
“อึก!!” คอเล็กถูกฝ่ามือหยาบกร้านกำรอบในมือเดียว แรงบีบเคล้นรุนแรงจนนางแทบจะหายใจไม่ออก
ฉินเจียวเยี่ยนทำได้เพียงใช้สองมือพยายามแกะมือหนาที่บีบคอของนางอยู่ ลมหายใจแทบจะถูกปลิดทิ้งในไม่ช้า “หม่อมฉันลอบเข้ามาหาท่านในยามนี้ อึก คิดว่า หม่อมฉันต้องการจะทำสิ่งใดกับท่านกันเล่า?”
“นี่ เจ้า!!”
ยิ่งโมโห เลือดลมยิ่งไหลเวียนเร็ว เซียวชิงเฟิงรับรู้ถึงกระแสความร้อนที่แล่นไปทั่วร่างกายในทันที
ฉินเจียวเยี่ยนยกยิ้มบาง เมื่อรู้สึกถึงกำลังมือที่เบาลงสองส่วน “ท่านอ๋อง อย่าพยายามเลย ยาลูกกลอนที่หม่อมฉันป้อนนั้น เป็นยาปลุกกำหนัดออกฤทธิ์แรง หม่อมฉันลงทุนซื้อมาตั้งหลายร้อยตำลึงนะเพคะ”
เซียวชิงเฟิงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นอย่างแค้นเคือง “อย่าคิดนะ ว่า ข้าจะยอมให้เจ้าสมปรารถนา”
เขาปล่อยมือ แล้วผลักฉินเจียวเยี่ยนออกไปอย่างนึกรังเกียจ ก่อนจะหลับตาลงเตรียมเคลื่อนกระแสปราณ เพื่อสะกดความร้อนรุ่มที่แล่นไปทั่วร่าง
ฉินเจียวเยี่ยนที่ถูกผลักจนล้มลงบนเตียง พยุงกายลุกขึ้นมอง พลางลูบลำคอขาวผ่องที่ขึ้นรอยนิ้วมือเด่นชัด
นางยกยิ้มมุมปาก ถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “หม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า เฟิงอ๋องมีวิทยายุทธ์ สามารถรวบรวมกระแสลมปราณได้ด้วย”
“มีเพียงคนตายเท่านั้น ที่เก็บความลับได้” เซียวชิงเฟิงเหลือบตามองอีกฝ่าย ไอสังหารพลุ่งพล่าน แผ่รังสีความเย็นเยียบ
ฉินเจียวเยี่ยนเสียวสันหลังในทันใด “โอ้ งั้นหม่อมฉันไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้นเพคะ”
ลมปราณที่เขารวบรวมเมื่อครู่แตกกระเซ็นไปพร้อมกับคำกล่าวของอีกฝ่าย ในระหว่างที่เซียวชิงเฟิงกำลังลังเลว่า ไม่ต้องสนใจนาง แล้วรวบรวมลมปราณเพื่อจัดการความร้อนในตัวต่อไป หรือจะแสร้งเป็นอ๋องเจ้าสำราญ แล้วฝืนทนฤทธิ์ยาดี
ฉินเจียวเยี่ยนก็รีบกล่อม “ท่านอ๋อง โปรดพระทัยเย็นลงก่อนเถิด ตอนนี้ ทั้งท่านและหม่อมฉันต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเหมือนกัน”
“ก็เพราะเจ้านั่นแหละ ที่เป็นผู้วางยาข้า” เซียวชิงเฟิงสวนคำตอบทันควัน
“เพคะ เพคะ หม่อมฉันเป็นคนไม่ดี เป็นผู้วางยาท่านอ๋องเอง” ฉินเจียวเยี่ยนยกสองมือ ก้มหน้ายอมรับแต่โดยดี “เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงขอแสดงความรับผิดชอบ”
เซียวชิงเฟิงหรี่ตาถามอย่างระแวดระวัง “เจ้าจะทำอย่างไร?”
“หม่อมฉันขอเสนอให้ช่วยกันถอนยา หากถอนยาเสร็จเรียบร้อย ก็แยกย้าย ทั้งท่านและหม่อมฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องสิ่งใดกันอีก”
เซียวชิงเฟิงย้อนถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เจ้า... ต้องการแค่นั้นหรือ?”
หากเขาคิดไม่ผิด สิ่งที่นางต้องการ คือ ตำแหน่งพระชายาเอกของเขา
นางจะยอมหยุดอยู่เพียงเท่านี้หรือ?
“แน่นอนเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนตบอกตัวเอง เพื่อแสดงความมั่นใจ “การร่วมมือถอนยาของเรา ท่านไม่เสียผลประโยชน์ใดเลยนะเพคะ”
เซียวชิงเฟิง “เจ้ายินยอมจะสูญเสียความบริสุทธิ์ให้ข้า โดยไม่มีข้อเรียกร้อง?”
ฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้าตอบรับอย่างใสซื่อ “เพคะ”
ผู้ใดจะอยากไปข้องเกี่ยวกับพระเอกธงแดงอย่างท่านกันล่ะ?
ยามดีก็ดีใจหาย ยามร้ายก็ดุราวกับสุนัขบ้ามิมีผิด!
“ท่านอ๋องก็น่าจะได้ยินที่หม่อมฉันสั่งสาวใช้ให้เตรียมยาห้ามครรภ์แล้วนะเพคะ แต่ถ้าท่านอ๋องไม่สบายใจ ก็สามารถสั่งคนของท่านให้ไปต้มยาอีกหม้อเผื่อไว้ด้วยก็ได้”
เมื่อฉินเจียวเยี่ยนเห็นว่า เซียวชิงเฟิงหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด นางจึงได้เอ่ยกระตุ้นอีกประโยค
“อีกอย่าง ยาที่หม่อมฉันให้ท่านทาน หากท่านไม่ถอนภายในหนึ่งเค่อนี้ ของลับของท่านจะไม่สามารถใช้งานได้อีกตลอดชีวิตนะเพคะ”
*เค่อ หมายถึง 15 นาที
“พวกนางบอกว่าเป็นแผนการเดียวกับที่ทำร้ายชุยเสียนเฟย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หากอยากรู้ก็คงมีแต่จะต้องถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์” เซียวชิงฉีบอก “รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการหรือเหตุการณ์ช่วงที่ชุยเสียนเฟยคลอดเสด็จพี่ ข้าจะลองไปถามหมู่เฟยก็แล้วกัน”“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องสอบถามหมอตำแย หมอหลวง รวมถึงทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเพคะ” หลี่ชิงหงเพิ่มรายละเอียด“ข้าตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว” เซียวชิงฉีพยักหน้า นึกพอใจกับความละเอียดรอบคอบของนาง “แล้วข้ายังตั้งใจจะส่งคนไปสืบหมอตำแยคนปัจจุบันของจวงเต๋อเฟยอีกด้วย ไม่เพียงแต่หมอตำแย หมอหลวง สาวใช้ นางกำนัลทั้งหมดที่อยู่รอบตัวนาง ย่อมตกเป็นผู้สงสัยทั้งสิ้น”หลี่ชิงหงพยักหน้าเห็นด้วย “รายละเอียดเล็กน้อยก็อาจจะช่วยให้เราหาคำตอบได้เร็วที่สุดเพคะ”“ได้ ส่วนนี้ ข้าจะรับผิดชอบจัดการสืบความเอง” เซียวชิงฉีตบอกรับรอง“เช่นนั้น แผนการร้ายนั้น คงต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว” หลี่ชิงหงก้มมองรายชื่อบนกระดาษ ก่อนจะลากวงกลมรอบชื่อสามนางที่เหลือ “ทางหม่อมฉันจะหาทางระบุตัวตนของพี่รองให้ได้จากสามนาง
หลี่ชิงหงเขียนชื่อทุกคนลงไป “พวกนางมีกันสี่คน สาบานเป็นพี่น้องกัน คือ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องสาม และน้องเล็ก โดยพี่รองน่าจะเป็นสนมในวังหลัง ซึ่งมีโอรสให้แก่ฝ่าบาทแล้วด้วย”“ข้าคิดว่า พี่รองนี่แหละที่น่าสงสัย เพราะนางอยู่ใกล้ชิดหมู่เฟย ชุยเสียนเฟย และจวงเต๋อเฟยมากที่สุด ถ้าแผนการของนางสำเร็จ นางย่อมเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”หลี่ชิงหงให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ในระหว่างที่ท่านอ๋องสวมบทบาทเป็นเสี่ยวเอ้อร์ หม่อมฉันได้ขอรายชื่อผู้จองห้องรับรองนั้นมาดูด้วยแล้วเพคะ ชื่อที่ใช้จองห้องนั้นมีนามว่า เถียนหลัน เพคะ”เซียวชิงฉีขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อที่นางเอ่ย “เถียนหลัน... เถียนหลัน... นั่นมันชื่อหมู่เฟยของข้านี่!!”หลี่ชิงหง “!!!”“หรือว่าพี่รองที่ออกไปจะเป็นหมู่เฟย!? หมู่เฟยจะคิดร้ายต่อสหายรักอย่างชุยเสียนเฟยหรือ? แล้วยังคิดร้ายต่อจวงเต๋อเฟยด้วย ทะ...” เซียวชิงฉีเรียบเรียงความคิดอย่างสับสนงงงวยไปหมด จนอีกฝ่ายต้องร้องขัด“ไม่ใช่เพคะ!!” หลี่ชิงหงปฏิเสธแทนลูกค้าที่นางพาหนีออกไปเองกับมือ “ไม่ใช่หนิงกุ้ยเฟย!!”“จะไม่ใช่หรือ? ในเมื่อชื่อที่
“แม่นางหลี่ ช่างแสดงได้สมบทบาทยิ่งนัก” เซียวชิงฉีเอ่ยชม เมื่อเห็นหลี่ชิงหงโยนถุงเงินในมือขึ้นลงอย่างร่าเริงหลี่ชิงหงคว้าถุงเงินที่หล่นลงมาแล้วเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างหวงแหน “ขอบคุณที่ชมเพคะ ท่านอ๋อง”“ค่าติดสินบนแม่นางหลี่เพียงครั้งเดียวมากกว่าค่าชาบูและขนมน้ำชาที่พวกนางสามคนกินหนึ่งมื้อเลยทีเดียว”ใช่แล้ว หลังจากที่หลี่ชิงหงเอ่ยส่งท้าย สามฮูหยินก็หันมาสบตากัน ก่อนที่พี่ใหญ่จะล้วงเงินมาวางหนึ่งตำลึงเป็นค่าอาหารและขนมในมื้อวันนั้น แล้ววางเพิ่มอีกหนึ่งตำลึง เพื่อเป็นค่าติดสินบน ห้ามไม่ให้หลี่ชิงหงทาน้ำยาทาเล็บให้แก่ลูกค้าคนอื่นอีกแต่หลี่ชิงหงก็ก้มหน้าอึกอัก อ้างว่าเป็นคำสั่งของเถ้าแก่โรงน้ำชา หากนางไม่ทำ แล้วเถ้าแก่รู้เข้า นางก็อาจจะถูกไล่ออกได้ บรรดาฮูหยินจึงช่วยกันเกลี้ยกล่อมและวางเงินให้นางเพิ่มอีกคนละหนึ่งตำลึงจนสุดท้าย หลี่ชิงหงแสร้งอิดออดรับไว้อย่างฝืนใจ ก่อนจะบอกทั้งสามนางว่า ห้ามให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้น นางจะถูกไล่ออก สามคนนั้นจึงได้จากไปด้วยความพอใจ ชูไม้ชูมืออวดความงามบนเล็บอย่างลำพองที่ได้เป็นคนแรกที่มีสินค้าของร้านเยว่หรงบนนิ้วมือ
“อะไรรึ?” สามฮูหยินเอียงตัวเข้าหานางในทันใด เพื่อที่จะฟังว่าความลับสุดพิเศษนั้นคือสิ่งใดหลี่ชิงหงย่อตัวลงต่ำ กระซิบเสียงไม่ดังมากนัก “เถ้าแก่โรงน้ำชากล่าวว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอส่วนลดพิเศษเพิ่มให้แก่คนที่ชอบทานชาบูเหมือนกันได้หรือไม่? เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจึงบอกว่า...”“ในวันพรุ่งนี้ที่ร้านเยว่หรงเปิดขายน้ำยาทาเล็บเป็นครั้งแรกนี้ หากลูกค้าคนใดทาเล็บนิ้วเช่นนี้ไป พร้อมแสดงบัตรสมาชิกของร้าน เถ้าแก่ร้านเยว่หรงจะให้ลูกค้าท่านนั้นสามารถเลือกเครื่องประทินโฉมกลับจวนได้เลยหนึ่งชิ้น โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยเจ้าค่ะ!!”สามฮูหยิน “!!!”ต้องกล่าวก่อนว่า ตามปกติแล้ว ร้านเยว่หรงเองก็จะมีนโยบายในการซื้อของที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกสนุกไปกับการใช้จ่าย ไม่เบื่อที่จะแวะเวียนเข้ามาในร้าน แม้ว่าจะยังไม่ได้ต้องการซื้อสิ่งใดตั้งแต่ร้านเยว่หรงเปิดใหม่ ๆ ในเดือนแรก ลูกค้าทุกคนจะได้รับเครื่องประทินโฉมหลากหลายประเภทในขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าชุดทดลองให้กลับมาลองใช้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่เมื่อเข้าสู่เดือนที่สอง ร้านเยว่หรงเปิดบริกา
“สิ่งนี้คืออะไรรึ?” พี่ใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ พลางหยิบขวดแก้วแต่ละขวดขึ้นมาดู “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ฮูหยินท่านนี้ช่างตาแหลมเป็นยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลี่ชิงหงชมอย่างเอาใจ ทำให้พี่ใหญ่เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างลำพอง“แน่นอนสิ ข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเยว่หรงเชียวนะ” พี่ใหญ่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ใช่เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงหรือไม่ ข้ามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว”หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงัก แววตาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม “เช่นนั้น ฮูหยินจะต้องร่ำรวยเป็นแน่เจ้าค่ะ เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงแต่ละชิ้นนั้นราคาสูงยิ่งนัก ข้าทำงานเก็บเงินอยู่หลายเดือนก็ยังซื้อได้เพียงชิ้นเดียวเองเจ้าค่ะ”น้องสามแค่นเสียง “คนโรงน้ำชาอย่างเจ้าน่ะหรือ ยังอุตส่าห์ได้ใช้เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงด้วย”“ก็เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงล้วนแต่เป็นของดีนี่เจ้าค่ะ สตรีทุกนางย่อมหมายใจอยากได้มาครอบครองกันทั้งสิ้น” หลี่ชิงหงก้มหน้าก้มตากล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเพิ่งกล่าวให้มากความ” พี่ใหญ่หันไปดุน้องสาม พลางส่งสายตาเตือนว่าอย่าเพิ่งดุด่าสาวใช้ตรงหน้าให้มาก
‘เจ้าจะเอาของเหล่านี้ไปทำสิ่งใดกัน?’ หลี่ชิงหงถามฉินเจียวเยี่ยนในขณะที่ล้วงหยิบเครื่องประทินโฉมประเภทหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ‘เพราะเฟิงอ๋องต้องไปรบกับหมิงอ๋องถึงเมืองชางหลินนี่น่า ข้าเองก็อดเป็นห่วงมิได้’ ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ‘อายไลน์เนอร์ไว้สำหรับเขียนจดหมายลับโต้ตอบกัน แล้วเฟิงอ๋องจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?’‘เจ้าเลยจะเอาน้ำยาทาเล็บนี้ไปใช้’ เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้ารัว ๆ ขณะที่หยิบน้ำยาทาเล็บสีดำเก็บลงในกระเป๋า หลี่ชิงหงก็แค่นเสียงในลำคออย่างเยาะเย้ย ‘ข้าขอพนันว่าให้ตาย สามีเจ้าก็ไม่มีทางใช้ อีกอย่างหากเขาซื่อขนาดที่ไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ไม่น่าจะเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วล่ะ’ฉินเจียวเยี่ยน ‘...’ ทำไมเจ้าชอบว่าสามีข้านักนะ...ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับเข้ามา ทำให้ดวงตาของหลี่ชิงหงเปล่งประกายขึ้นมาทันที จนแม้แต่เซียวชิงฉียังแปลกใจ“แม่นางหลี่?”“หม่อมฉันรู้แล้วว่าเราจะระบุตัวตนของพวกนางได้อย







