LOGINเซียวชิงฉีเดินหน้าถมึงทึงเข้ามาหาหลี่ชิงหงอย่างฉุนเฉียว พลางบ่นเสียงไม่ดังนัก “พวกนางช่างไม่รักนวลสงวนตัวเลย แม้แต่น้อย กล้าดีอย่างไรมาบังคับให้ข้าคีบเนื้อให้นาง...”
หลี่ชิงหงเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่เมื่อครู่ท่านก็คีบเนื้อใส่ถ้วยข้านะ...
“อีกทั้งยังให้ข้าป้อนชาให้นางอีกด้วย มือพิการ อ่อนแรงหรืออย่างไร ข้าไม่เข้าไปแล้วนะ เจ้าให้เสี่ยวเอ้อร์คนอื่นนำน้ำซุปเข้าไปให้พวกนางด้วย”
หลี่ชิงหงพยักหน้าอย่างเข้าใจ อ่อ... ท่านอ้างว่าน้ำซุปหมดสินะ จึงได้ออกมาได้...
“ไม่เห็นจะได้ความอย่างไรเลย พวกนางเอาแต่เรียกว่าพี่ใหญ่ พี่สาม น้องสาม น้องเล็กอยู่เช่นนั้น ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าพวกนางคือใคร?”
หลี่ชิงหงเลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีก
นี่ระวังกันจนไม่เรียกชื่อจริง หรือแม้แต่หลุดตำแหน่งของสามีมาบ้างเชียวหรือ?
“แล้วพวกนางสนทนาสิ่งใดกันบ้างหรือเพคะ?” หลี่ชิงหงตัดบทขี้บ่นของอ๋องสูงศักดิ์ตรงหน้า แท้จริงแล้วนางก็พอได้ยินบทสนทนาของพวกนางดังลอดมาบ้าง
เซียวชิงฉีส่ายหน้า “พวกนางสนทนาแต่เรื่องเรือนหลังของฮูหยินท่านนั้น คุ
“สิ่งนี้คืออะไรรึ?” พี่ใหญ่โน้มตัวเข้ามาใกล้ พลางหยิบขวดแก้วแต่ละขวดขึ้นมาดู “ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“ฮูหยินท่านนี้ช่างตาแหลมเป็นยิ่งนักเจ้าค่ะ” หลี่ชิงหงชมอย่างเอาใจ ทำให้พี่ใหญ่เชิดหน้าขึ้นสูงอย่างลำพอง“แน่นอนสิ ข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านเยว่หรงเชียวนะ” พี่ใหญ่กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ใช่เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงหรือไม่ ข้ามองเพียงแวบเดียวก็รู้แล้ว”หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงัก แววตาเปล่งประกายด้วยความชื่นชม “เช่นนั้น ฮูหยินจะต้องร่ำรวยเป็นแน่เจ้าค่ะ เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงแต่ละชิ้นนั้นราคาสูงยิ่งนัก ข้าทำงานเก็บเงินอยู่หลายเดือนก็ยังซื้อได้เพียงชิ้นเดียวเองเจ้าค่ะ”น้องสามแค่นเสียง “คนโรงน้ำชาอย่างเจ้าน่ะหรือ ยังอุตส่าห์ได้ใช้เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงด้วย”“ก็เครื่องประทินโฉมของร้านเยว่หรงล้วนแต่เป็นของดีนี่เจ้าค่ะ สตรีทุกนางย่อมหมายใจอยากได้มาครอบครองกันทั้งสิ้น” หลี่ชิงหงก้มหน้าก้มตากล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าก็อย่าเพิ่งกล่าวให้มากความ” พี่ใหญ่หันไปดุน้องสาม พลางส่งสายตาเตือนว่าอย่าเพิ่งดุด่าสาวใช้ตรงหน้าให้มาก
‘เจ้าจะเอาของเหล่านี้ไปทำสิ่งใดกัน?’ หลี่ชิงหงถามฉินเจียวเยี่ยนในขณะที่ล้วงหยิบเครื่องประทินโฉมประเภทหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ‘เพราะเฟิงอ๋องต้องไปรบกับหมิงอ๋องถึงเมืองชางหลินนี่น่า ข้าเองก็อดเป็นห่วงมิได้’ ฉินเจียวเยี่ยนถอนหายใจ ‘อายไลน์เนอร์ไว้สำหรับเขียนจดหมายลับโต้ตอบกัน แล้วเฟิงอ๋องจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?’‘เจ้าเลยจะเอาน้ำยาทาเล็บนี้ไปใช้’ เมื่อเห็นฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้ารัว ๆ ขณะที่หยิบน้ำยาทาเล็บสีดำเก็บลงในกระเป๋า หลี่ชิงหงก็แค่นเสียงในลำคออย่างเยาะเย้ย ‘ข้าขอพนันว่าให้ตาย สามีเจ้าก็ไม่มีทางใช้ อีกอย่างหากเขาซื่อขนาดที่ไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ไม่น่าจะเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วล่ะ’ฉินเจียวเยี่ยน ‘...’ ทำไมเจ้าชอบว่าสามีข้านักนะ...ความทรงจำในวันนั้นย้อนกลับเข้ามา ทำให้ดวงตาของหลี่ชิงหงเปล่งประกายขึ้นมาทันที จนแม้แต่เซียวชิงฉียังแปลกใจ“แม่นางหลี่?”“หม่อมฉันรู้แล้วว่าเราจะระบุตัวตนของพวกนางได้อย
เซียวชิงฉีเดินหน้าถมึงทึงเข้ามาหาหลี่ชิงหงอย่างฉุนเฉียว พลางบ่นเสียงไม่ดังนัก “พวกนางช่างไม่รักนวลสงวนตัวเลย แม้แต่น้อย กล้าดีอย่างไรมาบังคับให้ข้าคีบเนื้อให้นาง...”หลี่ชิงหงเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่เมื่อครู่ท่านก็คีบเนื้อใส่ถ้วยข้านะ...“อีกทั้งยังให้ข้าป้อนชาให้นางอีกด้วย มือพิการ อ่อนแรงหรืออย่างไร ข้าไม่เข้าไปแล้วนะ เจ้าให้เสี่ยวเอ้อร์คนอื่นนำน้ำซุปเข้าไปให้พวกนางด้วย”หลี่ชิงหงพยักหน้าอย่างเข้าใจ อ่อ... ท่านอ้างว่าน้ำซุปหมดสินะ จึงได้ออกมาได้...“ไม่เห็นจะได้ความอย่างไรเลย พวกนางเอาแต่เรียกว่าพี่ใหญ่ พี่สาม น้องสาม น้องเล็กอยู่เช่นนั้น ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าพวกนางคือใคร?”หลี่ชิงหงเลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีกนี่ระวังกันจนไม่เรียกชื่อจริง หรือแม้แต่หลุดตำแหน่งของสามีมาบ้างเชียวหรือ?“แล้วพวกนางสนทนาสิ่งใดกันบ้างหรือเพคะ?” หลี่ชิงหงตัดบทขี้บ่นของอ๋องสูงศักดิ์ตรงหน้า แท้จริงแล้วนางก็พอได้ยินบทสนทนาของพวกนางดังลอดมาบ้างเซียวชิงฉีส่ายหน้า “พวกนางสนทนาแต่เรื่องเรือนหลังของฮูหยินท่านนั้น คุ
หลี่ชิงหง เซียวชิงฉี และเสี่ยวเอ้อร์คนอื่น ๆ ช่วยกันยกอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปในห้องรับรองเซียวชิงฉีจึงได้เห็นหน้าฮูหยินทั้งสามที่นั่งคนละฟากโต๊ะ คิ้วหนาขมวดมุ่น นึกทบทวนความทรงจำว่าเขาเคยเจอพวกนางมาก่อนหรือไม่? หากแต่เขากลับไม่คุ้นหน้าพวกนางเลยแม้แต่น้อยหรือพวกนางจะไม่ใช่แม้แต่ภรรยาเอกของเหล่าขุนนางใหญ่...ในราชสำนักของแคว้นต้าเซี่ย มีขุนนางที่ทำงานอยู่มากมาย แต่มีขุนนางเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและร่วมประชุมในการออกราชการร่วมกับฮ่องเต้ ซึ่งล้วนแต่เป็นขุนนางใหญ่ที่มีตำแหน่งและอำนาจมากขุนนางชั้นผู้น้อยจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ที่กรม ยิ่งมิต้องกล่าวถึงบรรดาฮูหยินของขุนนางเหล่านี้เลย ยิ่งไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าราชวงศ์ หรือเข้าวังหลังเลยแม้แต่น้อยเซียวชิงฉีลอบส่ายหน้าเล็กน้อยบอกแก่หลี่ชิงหงว่าเขาเองก็ไม่รู้จัก นางพยักหน้าเล็กน้อยเหลาชิวและเสี่ยวเอ้อร์ต่างจัดชุดถ้วยและตะเกียบให้แต่ละฮูหยิน วางหม้อทองแดงที่น้ำซุปกำลังเดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมของเนื้อและผักหวาน ๆ ไปทั่วห้องหลี่ชิงหงตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อ
หลี่ชิงหงสะบัดแปรงเพียงไม่กี่ลมหายใจก็สามารถเนรมิตแปลงโฉมบุรุษหล่อเหลาดุจหยกให้กลายเป็นชาวบ้านหน้าตาธรรมดาค่อนดีได้อย่างง่ายดายกลบจุดเด่นง่ายยิ่งกว่าเสริมจุดด้อยมากนัก...นางส่งคันฉ่องให้เซียวชิงฉีพิจารณาผลงาน เมื่อเห็นเขาเบิกตากว้างกับใบหน้าของตนเอง หลี่ชิงหงก็ยิ่งภูมิใจ ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นอย่างผยอง แผ่นหลังเหยียดตรง “เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”เซียวชิงฉีหันซ้ายหันขวา รู้สึกราวกับว่าบุรุษในคันฉ่องนั้นมิใช่ตนเองก็มิปาน “ฝีมือเจ้าช่างเก่งนัก...”“เอาล่ะ ทีนี้ท่านอ๋องก็พร้อมจะเข้าห้องของพวกนางแล้วนะเพคะ” หลี่ชิงหงดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยเรียกเครียด “แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันต้องบอกท่านอ๋องให้ชัดเจนเสียก่อน”คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง ตั้งอกตั้งใจฟังคำพูดของนาง “โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอยึดคติที่ว่าลูกค้าคือคนสำคัญ ห้ามขัดใจลูกค้าอย่างเด็ดขาด หากพวกนางสั่งสิ่งใดก็ต้องทำตาม ห้ามขัดขืน ห้ามโต้แย้งโดยเด็ดขาดนะเพคะ”เซียวชิงฉีพยักหน้าคิดตาม ก็พอเหตุสมผลสำหรับกิจการค้าขายที่ถือลูกค้าเป็นหลัก“ดังนั้น ไม่ว่านางจะสั่งให้ท่านเทน้ำชา ป้อนขนม หรือแม้
ความคิดของเซียวชิงฉีต้องหยุดลง เมื่อประตูห้องรับรองนั้นเปิดขึ้น หลี่ชิงหงเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหุบลงพร้อมบานประตูที่ปิดสนิท นางเดินตรงมาที่พวกเขา ก่อนจะหันไปสั่งความกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอยู่“เหลาชิว จัดชุดชาบูให้แก่ฮูหยินสามท่านในห้องนั้นด้วยนะ” หลี่ชิงหงสั่งเสียงเรียบ “พวกนางขอเสี่ยวเอ้อร์ดูแลทั้งสามคนด้วย”เหลาชิว ผู้จัดการอีกคนของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอพยักหน้าเข้าใจในคำสั่งทันที “ขอรับ เถ้าแก่เนี้ย”เมื่อเห็นว่าเหลาชิวเดินลงบันไดไปแล้ว เซียวชิงฉีจึงรีบถามหลี่ชิงหงทันที “เป็นอย่างไรบ้าง? แม่นางหลี่ เจ้ารู้จักฮูหยินทั้งสามนางหรือไม่?”หลี่ชิงหงส่ายหน้าอย่างจนปัญหา “หม่อมฉันไม่คุ้นหน้าพวกนางเลยเพคะ”เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย หลี่ชิงหงจึงต้องรีบอธิบาย “แต่เดิมที่นี่ก็มักจะมีฮูหยินและคุณหนูสวมหมวกมาร่วมจิบชากันอยู่แล้ว จึงมักเปิดหน้าตาเฉพาะยามที่อยู่ในห้องเพคะ แล้วเสี่ยวเอ้อร์แต่ละคนก็มักจะสลับสับเปลี่ยนกันมาต้อนรับ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เราจะสามารถระบุตัวตนของพวกนางได้เพคะ”“เช่นนั้น เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า?” เซียวชิงฉีถามอย่างส







