เข้าสู่ระบบเสี่ยวเยว่กำลังช่วยประคองเฟิงอวี่ที่ใบหน้าเริ่มซีดขาวขึ้น แต่เสียงฝีเท้าม้าจำนวนมากด้านหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เกิดอันใดขึ้น” หนิงหวงมองศพมือสังหารที่นอนตายเกลื่อน และมองมาที่เฟิงอวี่ ที่มีเสี่ยวเยว่ประคองแขนนางเอาไว้ เสื้อด้านหลังของนางชุ่มไปด้วยเลือด
“ยะ อย่า อย่าเข้ามา หากเจ้าไม่อยากตาย”
“อาอวี่ เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอ”
“ไสหัวไป!!! มือสังหารผู้นั้นมันยังไม่ตาย” นางชี้มือไปที่มือสังหารที่นอนหายใจรวยริน “รองเจ้ากรมพิธีการโจว” สายตาที่นางมองมาทางเขามีแต่ความโกรธแค้น
เฟิงอวี่ส่งสายตาให้เสี่ยวเยว่ประคองนางเข้าไปในป่า
“ดะ เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปที่ใด เจ้าไม่กลัวตายหรือ” เขาร้องถามด้วยความตื่นตระหนก
“หึ การพบท่าน คือหนทางตายที่ง่ายที่สุดสำหรับข้าแล้ว” นางถ่มน้ำลายที่มีเลือดออกมา ก่อนจะผลักตัวของเสี่ยวเยว่ออก
“ไม่ทันแล้ว ถอยไป” เฟิงอวี่ใกล้หมดสติเต็มที่ นางไม่อาจอยู่ตอบโต้กับหนิงหวงต่อได้
“คุณหนู” เสียงของเสี่ยวเยว่สะอื้นไห้ ปวดใจที่ไม่อาจช่วยผู้เป็นนายได้
“เฝ้าด้านนอกไว้ ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก” นางยิ้มออกมาเช่นในตอนแรกที่ปลอบให้เสี่ยวเยว่ลุกขึ้นเดินทางต่อ
เสี่ยวเยว่พยักหน้าอย่างแข็งขัน นางเชื่อว่าเฟิงอวี่จะออกมาโดยที่นางไม่ตาย
“อาอวี่ อาอวี่ เจ้าเป็นสาวใช้นาง เหตุใดไม่ตามนางเข้าไป” เขาหันมามองเสี่ยวเยว่อย่างไม่พอใจ
“องค์ชายก็เข้าไปไม่ได้เพคะ ร่างกายของคุณหนูตอนนี้ผู้ใดก็เข้าใกล้ไม่ได้”
“คุณหนูบ้าอันใด!!! นางเป็นพระชายาของข้า” หนิงหวงตวาดออกมาอย่างหัวเสีย “เปิดทาง” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างหมดความอดทน
“ไม่ได้เพคะ”
“จับนางเอาไว้” องครักษ์รีบเข้ามาลากตัวเสี่ยวเยว่ออกไปให้พ้นทาง
เฟิงอวี่นั่งพิงใต้ต้นไม้ใหญ่ นางหยิบเข็มฉีดยาออกมาฉีดห้ามเลือดไม่ให้ไหลเพิ่ม ก่อนจะกลืนยาบรรเทาความเจ็บปวดลงไป ยังดีที่ในกำไลมียาเพิ่มเลือด เมื่อก่อนที่นางให้เลือด ทางองค์กรจะให้นางกินทุกครั้ง
สีหน้าของเฟิงอวี่เริ่มดีขึ้น เสียงฝีเท้าของหนิงหวงที่เข้ามาตามหานางก็ดังขึ้น เฟิงอวี่จึงเก็บข้าวของทั้งหมดเข้าไปในมิติ
“อย่าเข้ามา ข้าเตือนท่านแล้ว” ดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้น
“อาอวี่ เจ้านั่งอยู่เช่นนี้จะหายได้อย่างไร” เขาเดินมานั่งลงตรงหน้าของนาง
“เลือดของข้าเป็นพิษ หากยังไม่อยากตาย ห้ามโดนตัวข้า” ฝ่ามือของเขาชะงักทันที
ยามนี้เสื้อผ้าของนางชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาก่อนหน้า แม้จะหยุดไหลแล้ว แต่ก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี
“ข้าไม่เชื่อ” เขาจับตัวเฟิงอวี่พลิกให้หันหลังมาให้เขาตรวจสอบบาดแผล
เฟิงอวี่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ กับการกระทำของเขา เขาไม่เชื่อหรือว่าไม่กลัวตายกันแน่ เห็นอยู่ว่าโง่ที่ไม่ยอมเชื่อนาง
พอมือของหนิงหวงแตะโดนเลือดที่ไหลออกมาจากตัวของเฟิงอวี่ ความเจ็บปวดราวกับถูกพิษก็ทำให้ตัวเขาล้มลงกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
“ข้าเตือนท่านแล้ว” นางเรียกเข็มยาถอนพิษในมิติออกมาฉีดไปที่แขนของหนิงหวง
อาการของหนิงหวงค่อยๆ ดีขึ้น เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วจ้องมองเฟิงอวี่อย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาของเขาเข้มขึ้น เมื่อนึกถึงพิษที่สาวใช้ถูก และในอาหารของนาง
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร กลับไปได้แล้ว ข้าไม่คิดจะกลับไปเมืองหลวง” นางมองเขาอย่างเย็นชา
“อาอวี่ เจ้าต้องกลับไปพร้อมข้า”
“ห่วงชีวิตข้าที่ไม่อาจตายระหว่างทางได้เพราะจะผิดใจกับตระกูลเซี่ย หรือว่า...กลัวจะเสียคนหนุนหลังเพื่อให้ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์” นางมองเขาอย่างเยาะเย้ย
“ไม่ว่าเรื่องใด เจ้าก็ต้องกลับไปพร้อมข้า ข้าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าเอง”
“หึหึ น่าขัน ก่อนที่ข้าจะหนีออกมาได้ ท่านก็ควรให้ความเป็นธรรมมิใช่หรือ ก่อนหน้าที่ข้าจะตาย...ท่านก็ควรให้ความเป็นธรรม จับคนที่วางยานอนหลับข้าแล้วรัดคอข้าเกือบตาย หนิงหวง ท่านคิดหรือว่าข้ารักท่านมากจนต้องฆ่าตัวตาย ท่านคิดผิดแล้ว การแต่งงานครั้งนี้มิใช่ข้าที่ต้องการ แต่เป็นพระราชโองการชั่วช้าที่ทำให้ข้าต้องมีสภาพเช่นนี้” ดูเหมือนจะเป็นประโยคยาวที่สุดที่เฟิงอวี่นางเคยพูดมา ความในใจของเซี่ยเฟิงอวี่ถูกถ่ายทอดออกมาเพื่อตำหนิเขา
“ขะ ข้า” เขาไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อนดี
“ถอดข้าออกจากตำแหน่งพระชายาเสีย ข้าให้สัญญาจะช่วยท่านนั่งบัลลังก์ให้ได้ โดยไร้อุปสรรค”
“มันไม่ง่ายเช่นที่เจ้าคิด”
“เจ้ากล้าสังหารโจวเจินกับบิดานางหรือไม่เล่า หากกล้า ข้าก็พอจะทำข้อตกลงกับท่านได้” นางยิ้มเย็นออกมา
“เจ้าอย่าได้บีบคั้นข้า”
“งั้นก็เป็นเจ้าที่บีบคั้นข้าได้หรือ มันไม่ได้ง่ายเช่นที่เจ้าคิด อย่าให้ข้าหมดความอดทน ชีวิตเจ้าหรือไม่ว่าผู้ใดข้าก็สังหารได้อย่างไม่เกรงกลัว...ที่ข้าหนีออกมาก็เพื่อให้พวกเจ้ามีหนทางรอด”
หนิงหวงเชื่อว่านางทำได้จริง ดูจากศพของมือสังหารยี่สิบคน ล้วนแต่เข้าจุดตายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมีดสั้นหรือว่าอาวุธลับของนาง
“ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่จินเป่ย”
“เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง ออกไป!!! แล้วเรียกเสี่ยวเยว่เข้ามาหาข้า” นางหลับตาลง อดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ
หนิงหวงเดินออกไปอย่างว่าง่าย เฟิงอวี่นางจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของนางออก ก่อนจะโยนเข้าไปในมิติของนาง จนตอนนี้แผ่นหลังของนางเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าคลุมที่นางเรียกออกมาจากมิติ แล้วอุปกรณ์ทำแผล
“คุณหนู!!!” เสี่ยวเยว่วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“สวมชุดกับถุงมือก่อน” นางชี้ไปที่ชุดพลาสติกและถุงมือยางที่นางนำออกมา
เฟิงอวี่นอนคว่ำหน้าลง บอกขั้นตอนให้เสี่ยวเยว่ทำแผลให้นางอย่างช้าๆ
“เจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ” เสียงของนางสั่นจนเกือบจะเปลี่ยนเป็นสะอื้น เมื่อเห็นรอยดาบยาวเกือบเต็มแผ่นหลังของเฟิงอวี่
“ทนได้ ราดน้ำลงไป แล้วใช้สำลีสีขาว ใช่...นั่นเช็ดเลือดแล้วใส่ถุงเอาไว้” ยามที่น้ำเกลือถูกราดลงมา ลมหายใจของเฟิงอวี่ก็ติดขัด
เมื่อแอลกอฮอล์ล้างแผลถูกราดลงมา เฟิงอวี่ก็คำรามอยู่ในลำคอเบาๆ ผิวเนื้อของนางเต้นจนเสี่ยวเยว่รับรู้ได้ว่าเฟิงอวี่นางกำลังเจ็บปวดอย่างหนัก
“คุณหนู หากท่านเจ็บปวด ท่านร้องกับข้าได้เลยเจ้าค่ะ” นางเป็นคนทำแผลยังแอบร้องไห้ไปด้วยความสงสาร
“หึหึ เด็กโง่ ข้าไม่ชอบร้องไห้ และเจ้าก็อย่าได้ร้องไห้กับเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้”
“เล็กน้อยที่ใดเจ้าคะ แผลใหญ่เพียงนี้ ไม่รู้จะหายดีหรือไม่ หากเป็นแผลเป็น”
“ข้าจะไปเปิดหลังให้ผู้ใดดูเล่า”
“องค์ชายรอง ต่อไปจะรังเกียจที่ท่านมีแผลเป็นหรือไม่เจ้าคะ”
“หึ ข้าไม่กลับไปเป็นพระชายาอีกแล้ว เขากับข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน”
ทุกประโยคที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ในสายตาของ หนิงหวง เฟิงอวี่ก็รู้ว่าเขาเดินย้อนกลับมา แต่นางก็อยากให้เขาได้ยินในสิ่งที่นางพูด
เฟิงอวี่ให้เสี่ยวเยว่เย็บแผลที่หลังของนาง “เย็บเหมือนที่เจ้าเย็บผ้า หากเย็บได้ดี จะหลงเหลือรอยแผลเป็นน้อยลง”
เสี่ยวเยว่ก็ตั้งใจเย็บให้อย่างเบามือ แผลที่ได้สวยราวกับนางเป็นแพทย์ศัลยกรรมชั้นดี หากเฟิงอวี่ได้เห็นจะต้องเอ่ยชื่นชมนางแน่
เสี่ยวเยว่ช่วยเฟิงอวี่สวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะประคองนางออกมาจากป่า
หนิงหวงถอนหายใจออกมา เขากดสูดดมที่เส้นผมของเฟิงอวี่ก่อนจะเอ่ยตอบ“ข้าจะหลอกเจ้าเพื่ออันใด ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ด้วยซ้ำ ตอนนี้เสด็จพ่อได้รับน้ำวิเศษอยู่ตลอด คงจะไม่ลงจากบัลลังก์ง่ายๆ ข้าคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะให้โยวอี้เริ่มเรียนรู้งานกับเสด็จพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ต่อไปก็ให้เขาทำหน้าที่แทนข้าเลย”“ท่านคิดดีแล้วหรือ” เฟิงอวี่อดที่จะมองอย่างสงสัยไม่ได้ บัลลังก์ไม่ว่าผู้ใดก็อยากจะครอบครอง อย่างรุ่ยอ๋องที่คิดก่อกบฏจนตัวตาย พี่น้องของหนิงหวงแม้จะเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บอย่างดี แต่ต่อไปจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่คิดอยากจะแย่งชิง“ข้าเบื่อปั้นหน้าเต็มที เจ้าเห็นข้ายินดีหรือตอนที่ต้องเข้าท้องพระโรงทุกวัน ข้าอยากจะนอนกอดเจ้าต่ออีกหน่อยก็ทำไม่ได้”“อืม...ข้ามีเรื่องดีจะบอกท่าน” เฟิงอวี่ดันตัวออกมาจากอ้อมแขนของหนิงหวง พร้อมทั้งดึงมือหนิงหวงไปวางที่ท้องของนาง“จริงหรือ” หนิงหวงเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ“อืม ข้าตั้งครรภ์” นางยิ้มกว้างออกมาเสียงหัวเราะของหนิงหวง ทำให้เด็กทั้งสามที่เล่นอยู่ในลานด้านข้างศาลาริมน้ำ วิ่งเข้ามาภายในศาลาอย่างสนใจ เมื่อรู้ว่าเสด็จแม่ของตนตั้งครรภ์อีกแล้ว เด็กทั้งสามก็กระโดดไปรอบๆ ตัวหนิง
วันที่เซี่ยเหลี่ยงเดินทางกลับชายแดนเหนือ เฟิงอวี่นางมอบระเบิดมือให้เขาไปนับสิบลูก ทั้งยังสาธิตและสอนให้เขาระวังในการเคลื่อนย้ายเช่นใดจะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นด้วยรู้ดีว่าแคว้นต้าฉี ต้องการจะทำสงครามกับแคว้นต้าซ่ง หากสงครามไม่เกิดขึ้น พี่ชายของนางก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงตายอยู่ในสนามรบ ชีวิตของทหารและชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องล้มตายหรืออยู่กันอย่างหวาดกลัวเฟิงอวี่นางพาเซี่ยหร่วน เซี่ยเหลี่ยงและหนิงหวง ออกไปลองใช้ระเบิดมือที่ภูเขานอกเมือง พื้นที่โดยรอบไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันใดยามที่เฟิงอวี่นางขว้างระเบิดมือออกไป หินก้อนใหญ่เท่าเรือนหนึ่งหลังก็แตกออกเป็นหลายเสี่ยง พร้อมด้วยเสียงกัมปนาทที่ราวกับฟ้าจะถล่มลงมา พื้นที่รอบด้านสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ภายในเมืองหลวงและหมู่บ้านใกล้ๆ ต่างก็ได้ยินเสียง ทุกคนออกมาดู พร้อมหาต้นเสียงว่ามาจากที่ใดก็หาไม่พบ“วิเศษนัก!!! เช่นนี้ แคว้นต้าฉีกับชนเผ่านอกด่านก็ไม่กล้ารุกรานแล้ว” เซี่ยเหลี่ยงร้องออกมาอย่างยินดี“ท่านต้องใช้อย่างระวัง หากตกใกล้ตัวเกินไป หากไม่ตายก็ต้องพิการ ข้าให้ท่านเพื่อใช้ข่มขู่เท่านั้น ระเบิดหนึ่งลูกสามารถคร่าชีวิตคนได้น
ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เด็กทารกในครรภ์ดูเหมือนจะอยากออกมาเต็มที่ ยังดีที่ทั้งสองออกมาจากมิติได้ทัน พอเฟิงอวี่นางขึ้นนอนบนเตียง เสียงเด็กก็ร้องดังลั่นไปทั่วเสี่ยวเยว่กับเถามามาที่ย้ายมานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ยังดีที่หนิงหวงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“อุแว้ อุแว้”“ว้ายยยยย คลอดแล้ว” เสี่ยวเยว่กรีดร้องออกมามีเพียงเถามามาที่ยังได้สติ นางผลักตัวเสี่ยวเยว่ให้รีบไปตามหมอตำแยเข้ามาในห้อง แล้วรีบไล่หนิงหวงที่ยังยืนมองอย่างตกตะลึงให้ออกไปด้านนอก ก่อนจะเข้าไปรับเด็กที่ไหลออกมาจากช่องคลอดของเฟิงอวี่เอาไว้ตำหนักบูรพาวุ่นวายในชั่วพริบตา ต่างไม่มีสัญญาณเตือน หรือได้ยินเสียงร้องของเฟิงอวี่เลยสักนิด ได้ยินเพียงเสียงเด็กน้อยที่ร้องลั่นประท้วงที่ไม่มีคนรอรับเขาตอนออกมาจากท้องของมารดาฮ่องเต้กับฮองเฮาที่เข้านอนไปแล้ว ต่างก็รีบร้อนมาที่ตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงก็เห็นหนิงหวงก็อุ้มพระโอรสที่ล้างตัวเรียบร้อยแล้วเอาไว้ในอ้อมแขน“คลอดง่ายหนัก” ฮองเฮาฟังเรื่องของเฟิงอวี่ก็ได้แต่นึกอิจฉา ยามที่นางคลอดหนิงหวงเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ฮ่องเต้จึงไม่ให้นางตั้งครรภ์อีกเลยคนตระกูลเซี่ยก็เร่งรีบมาทั
เฟิงอวี่นางเข้าชมการประหารในวันนี้ด้วย โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของฮองเฮาและมารดาของตนเลย“เจ้าจะมาเพื่ออันใด สตรีตั้งครรภ์สมควรเห็นเรื่องพวกนี้หรือ” เซี่ยหร่วนได้แต่ตำหนิบุตรสาวของตน เถามามาและเสี่ยวเยว่ที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนหน้าที่จะมา บ่าวทั้งสองต่างห้ามปากจนเสียงแทบจะไม่มีแล้ว แต่เฟิงอวี่นางมีหรือที่จะฟัง“หากข้าไม่ได้เห็นนางตาย ข้าคงหลับไปสนิท” นางจะไม่อยากเห็นคนที่ทำให้ชีวิตของนางต้องพบเจอเรื่องร้ายมากมายตายด้วยตนตนเองได้อย่างไรเซี่ยหร่วนถอนหายใจออกมา หากตนเองถูกกระทำเช่นบุตรสาวก็คงอยากจะเห็นจุดจบของมันผู้นั้นเช่นกันก่อนจะทำการประหาร นักโทษที่ใกล้ตายล้วนแต่ได้รับสิทธิ์ให้พูดความในใจหนึ่งประโยค ที่ผ่านมาต่างก็พูดขอความเมตตาหรือไม่ก็พูดขอโทษในสิ่งที่ตนเองทำลงไปแต่ไม่ใช่กับรุ่ยอ๋อง เขารอเวลานี้มานาน“สิ่งที่เปิ่นหวางลงมือทำไป ไม่เคยนึกย้อนเสียใจ อาหวง หลานชายข้า...หึหึ” รุ่ยอ๋องมองไปที่โจวเจิน ก่อนจะถอนสายตากลับมา“พระชายารองของเจ้าช่าง...อึก” เขายังไม่ได้พ่นประโยคน่ารังเกียจออกมา ก็ถูกมีดสั้นที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศใดพุ่งเสียบทะลุคอของเขาเสียแล้วชาวเมืองและขุนนางหลาย
คนของรุ่ยอ๋องไม่มีผู้ใดคิดจะขัดขืน นอกจากวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ก็ถูกจับตัวกลับมาได้ทั้งหมด หนิงหวงเดินไปหยุดตรงหน้ารุ่ยอ๋อง สายตาที่จ้องมองร่างที่นอนเจ็บปวดอยู่บนพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับมองคนตาย“เรื่องสกปรกที่ท่านทำ คิดว่าผู้อื่นไม่รู้หรือ เพียงแค่ไม่มีผู้ใดอยากจะพูดให้เสียปากเท่านั้น”รุ่ยอ๋องจ้องมองหนิงหวงอย่างโกรธแค้น แต่ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา ในมือของหนิงหวงยังถืออาวุธประหลาดมาทางเขาอยู่องครักษ์พ่านเดินเข้าไปลากตัวรุ่ยอ๋องที่ยังคงนอนเจ็บปวดอยู่ที่พื้น ลากออกไปจากป่า เพื่อไปรับโทษ ตลอดทางที่พาตัวไปขังในคุกหลวงในวัง รุ่ยอ๋องมิได้พูดสิ่งใดออกมาอีก ความเจ็บปวดที่บาดแผลและเสียเลือดไปจำนวนมาก ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะปากดีชาวเมืองเมื่อรู้ข่าวว่ากบฏรุ่ยอ๋องถูกจับกุมตัวแล้ว ต่างก็ออกมาโห่ร้อง และด่าทอตลอดทางที่รุ่ยอ๋องถูกคุมตัว หนิงหวงที่ได้รับคำสรรเสริญสีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เซี่ยหร่วนและเซี่ยเหลี่ยงต่างก็ถอนกำลังทหารที่ปิดล้อมตามประตูเมืองต่างๆ ไปรวมตัวกับหนิงหวงที่วังหลวงขุนนางเกือบทั้งหมดยามนี้อยู่ภายในวังหลวงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรุ่ยอ๋องถูกคุมตัวมาถึงฟ้าด้านนอกก็มืดสนิท
ยิ่งเห็นพวงแก้มที่แดงระเรื่อของฮองเฮา เฟิงอวี่เกือบอดใจไม่ไหว ยื่นมือไปหยิกแก้มนางเสียแล้ว“ออกกันไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะให้องครักษ์พ่านไปเชิญฝ่าบาทมาที่ตำหนักของพระองค์”ฮองเฮาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก เมื่อออกมาแล้ว เฟิงอวี่นางเรียกนางกำนัลคนที่ไปตำหนักนางเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะให้ไปหาผ้ามาปิดหน้าให้ฮองเฮา ด้วยยังไม่สะดวกไล่นางกำนัลคนอื่นออกไปในยามนี้ กลัวว่าจะมีคนคิดร้ายขึ้นมาอีกเฟิงอวี่เองก็สั่งความองครักษ์พ่านให้ไปเชิญฮ่องเต้มาที่ตำหนักของฮองเฮาอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกฮ่องเต้คิดว่าฮองเฮามีอาการไม่สู้ดี แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องด้านข้าง เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของนางก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้“กะ เกิดอันใดขึ้น” ฮ่องเต้เดินเข้าไปจับไหล่ของฮองเฮาเอาไว้“นี่อย่างไรเล่า ที่หม่อมฉันกำลังจะบอกพระองค์”ฮองเฮาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟัง ก่อนจะพากันเข้าไปในมิติของเฟิงอวี่เพื่อแช่ตัว ฮ่องเต้เองก็ตกตะลึงไม่แพ้ฮองเฮา แต่เพียงไม่ได้กรีดร้องออกมา เฟิงอวี่นางไม่ต้องติดตามฮ่องเต้ไปแช่ตัว ด้านข้างพระองค์มีฮองเฮาคอยดูแลอยู่แล้ว จึงเข้าไปนั่งรออยู่ภายในอาคารเพียงไม่นานทั้งสองพระอง







