เข้าสู่ระบบองครักษ์ยังคงจับตัวมือสังหารที่ยังไม่สิ้นลมหายใจเอาไว้ เฟิงอวี่นางปรายตามองไปทางมือสังหารอยู่ครู่ ก่อนจะขว้างมีดสั้นในมือออกไปเข้าที่กลางหน้าผากของเขาพอดี องครักษ์ก็ตกใจจนปล่อยมือออกจากมือสังหาร ร่างของเขาทรุดตัวลงสิ้นใจ โดยที่ยังไม่ได้ร้องออกมาสักคำ
“จะ เจ้า” หนิงหวงมองนางอย่างไม่เข้าใจ
“ข้ากำลังช่วยคนรักของท่านอยู่ ท่านควรจะขอบใจข้า” สายตาราวกับคมมีดของนางแทงเข้าไปในอกของหนิงหวง จนเขาพูดอะไรไม่ออก
“เก็บมีดมาให้ข้าด้วย”
องครักษ์ที่เพิ่งรู้สึกตัว ต่างก็วิ่งไปเก็บมีดที่นางปาไว้รอบบริเวณมาคืนให้นาง เสี่ยวเยว่เดินข้าไปรับเอามาเก็บแทนผู้เป็นนาย
หนิงหวงไปหารถม้ามาเตรียมรอไว้แล้ว เฟิงอวี่นางเองก็ไม่เกรงใจ ขึ้นไปนั่งบนรถม้า นางเห็นขนาดรถม้ากว้างใหญ่ จึงได้ลองนำที่นอนออกมาวาง มันวางได้พอดี ทั้งยังเหลือที่ด้านหน้าอีกเล็กน้อย เพื่อให้เสี่ยวเยว่นั่งได้
“เจ้าขึ้นมานั่งข้างข้าได้ จะไปนั่งลำบากด้านข้างทำไม”
“เจ้าค่ะ”
เฟิงอวี่นางนอนคว่ำหน้าลง ยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ พอรถม้าเคลื่อนตัวนางก็หลับไปในทันที หนิงหวงให้องครักษ์ของตน ค่อยๆ บังคับรถม้าไปให้สะเทือนน้อยที่สุด
ในตอนแรกเขาก็คิดจะพาตัวนางเดินทางกลับเมืองหลวงเลย แต่พอนึกถึงโทสะของนางยามที่ตื่นขึ้นมารู้ว่ามิได้เดินทางขึ้นเหนือ จึงได้เปลี่ยนใจเดินทางไปจินเป่ยแทน
เดินทางจนฟ้าใกล้มืด เฟิงอวี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หนิงหวงจึงได้หาโรงเตี๊ยมเพื่อพานางเข้าพักก่อน
“คุณหนูสั่งความไว้ว่า หากนางไม่ตื่น ห้ามพานางลงจากรถม้าเพคะ”
“ข้าบอกว่าให้เรียกนางว่าพระชายา หากเจ้ายังกล้าเรียกนางว่าคุณหนูอีกคำ ข้าจะลงโทษเจ้า”
“แต่...องค์ชายรองกำลังไปส่งคุณหนูกลับจินเป่ย มิใช่ว่าจะทอดทิ้งนางแล้วหรือเพคะ”
“พอกันทั้งนายทั้งบ่าว หาที่พักชายป่าตั้งกระโจม” หนิงหวงถลึงตามองเสี่ยวเยว่ก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวเสีย
เฟิงอวี่นางสั่งความกับเสี่ยวเยว่ไว้ก่อนที่นางจะหลับแล้ว ด้วยรู้ดีว่าอีกไม่นานนางจะมีไข้ หากนางมีไข้ไร้สติ ให้เรียกนางทันที ทำเช่นใดก็ได้ให้นางตื่นขึ้นมา เพื่อจะได้ฉีดยาลดไข้ให้ตนเอง
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู” เสียงร้องเรียกอย่างร้อนใจของเสี่ยวเยว่ทำให้หนิงหวงที่นอนไม่หลับออกมาจากกระโจมมาดูเฟิงอวี่
“เกิดอันใดขึ้น” เขายื่นหน้าเข้ามาในรถม้าก็ต้องตกใจกับที่นอนขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน
“คุณหนูเป็นไข้เพคะ นางสั่งความไว้ให้บ่าวเรียกให้ตื่น” เสียงของเสี่ยวเยว่ร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“หลีกไป ข้าดูนางเอง”
“แต่ว่า...”
“จะลงไป หรือจะให้องครักษ์ของข้ามาลากไป”
เสี่ยวเยว่ยอมหลีกทางให้หนิงหวงขึ้นมาในรถม้า นางถอยออกไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างร้อนใจ
“อาอวี่ อาอวี่” หนิงหวงเขย่าเรียกตัวนางที่ยังเพ้อไม่ได้สติ
หนิงหวงตบไปที่หน้าของนางเบาๆ อยู่หลายหนจนเฟิงอวี่นางปรือตาขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ
“เจ้าเพ้อเพราะพิษไข้” สายตาของนางดูเหมือนพร้อมที่จะสังหารเขาได้ทุกเมื่อ
“ประคองข้าขึ้น” เสียงของนางแหบจนแทบจะเปล่งออกมาไม่ไหว
หนิงหวงช่วยนางอย่างว่าง่าย เฟิงอวี่ไม่มีเวลาสนใจว่าหนิงหวงจะรู้ความลับของนางเข้า ด้วยสติของนางเลือนรางเต็มที นางเรียกเข็มฉีดยาออกมาและยาแก้ปวด ก่อนจะฉีดให้ตนเอง
สายตาของหนิงหวงที่มองเบิกกว้างด้วยความตกใจ พอกะพริบตา ของในมือเฟิงอวี่ก็หายไปแล้ว ราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน นางล้มตัวลงนอนทันที
ก่อนจะหลับสนิท เฟิงอวี่นางยังเรียกผ้าห่มในมิติออกมาห่มอีกด้วย
“ห่มให้ข้าหน่อย” นางไม่อาจห่มทั้งตัวได้ และลืมไปว่าด้านข้างของนางไม่ใช่เสี่ยวเยว่
หนิงหวงห่มผ้าให้นางอย่างไร้สติ เขาต้องนั่งพิงรถม้าอยู่นานกว่าสติจะกลับมาได้
“ข้าจะนอนเฝ้านาง เจ้าไปนอนในกระโจมของข้าแทน”
“หากคุณหนูตื่นมา จะเป็นเรื่องนะเพคะ”
“จะไปหรือไม่”
“องค์ชายรอง พระองค์ดื้อรั้นนักเล่าเพคะ” เสี่ยวเยว่ถูกองครักษ์ที่ไม่อาจทนฟังสาวใช้ตำหนิผู้เป็นนายได้ ลากตัวออกไป
หนิงหวงล้มตัวลงนอนด้านข้างของเฟิงอวี่ เข้าจ้องมองใบหน้างามยามหลับสนิทอยู่เนิ่นนาน กว่าจะหลับลงไปกับนางด้วย
เฟิงอวี่หลับสนิทโดยที่ไม่รู้สึกตัวอยู่สามวัน รถม้าก็เคลื่อนตัวเดินทางขึ้นเหนือไปอย่างช้าๆ ยามนี้เลือดไม่ไหลออกมาแล้ว ในตอนแรกยังมีซึมออกมาอยู่บ้าง คนที่ทำความสะอาดให้นางเป็นเสี่ยวเยว่ ที่ต้องใช้ถุงมือและทิ้งของใส่ถุงเอาไว้อย่างเรียบร้อยตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
ยามที่นางลืมตาตื่นขึ้น ก็เห็นใบหน้าของหนิงหวงที่นอนเกือบจะติดอยู่กับใบหน้าของนาง เฟิงอวี่ดวงตาแผ่ไอสังหารออกมาทันที
เร็วกว่าเสียงร้องตะโกนของนางคือฝ่าเท้าของนาง เสียงดังตุบร่างของหนิงหวงกระแทกเข้ากับรถม้าเสียงดังสนั่น พร้อมกับเสียงร้องของเขาที่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและความตกใจ
“โอ๊ยยย เจ้าบ้าไปแล้วหรือถีบข้าเพื่ออันใด ทำร้ายเชื้อพระวงศ์มีโทษถึงตะ...” มีดสั้นจ่ออยู่ที่คอของเขา หนิงหวงจึงได้เงียบปากลง
“เจ้าคิดว่าผู้ใดจะตายก่อนกัน กล้าดียังไงมานอนข้างข้า”
“ข้าดูแลเจ้าตอนที่ไม่รู้สึกตัวเหตุใดถึงไม่สำนึก อย่า...” เฟิงอวี่นางเลื่อนใบมีดเข้าไปใกล้คอของเขาเพิ่มขึ้น
เสียงดาบขององครักษ์ด้านนอกดังเข้ามาภายในรถม้า เฟิงอวี่นางจึงขวางมีดออกไปปักอยู่ที่เท้าขององครักษ์ที่กำลังจะเข้ามาช่วยหนิงหวง
“ออกไป” นางเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
“พวกเจ้าจะชักดาบเพื่ออันใด หรืออยากให้นางสังหารข้าทิ้ง” หนิงหวงเดินออกไปก็ระบายอารมณ์ใส่องครักษ์ของตนทันที
เสี่ยวเยว่รีบเข้ามาดูเฟิงอวี่ ที่เลือดซึมออกมาจากบาดแผลอีกแล้ว
“คุณหนู ท่านนอนนิ่งๆ เถิดเจ้าค่ะ องค์ชายรองมิได้ล่วงเกินอันใดท่าน เพียงแค่นอนเฝ้าเท่านั้น”
“เจ้าเป็นคนของผู้ใด” สายตาที่แผ่ไอสังหารออกมา ทำให้เสี่ยวเยว่หดคอลงด้วยความหวาดกลัว
“ต้องเป็นคนของท่านอยู่แล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้ามักจะถูกลากออกไปเสมอ”
“ทำแผลเถิด” นางล้มตัวกลับลงไปนอนที่เดิม ในปากของเฟิงอวี่เคี้ยวขนมปังไปด้วย
การเดินทางเข้าวันที่สิบหลังจากที่นางได้รับบาดเจ็บ พอเดินทางด้วยรถม้า และยังเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ทำให้ไปไม่ถึงไหนเสียที หนิงหวงยังคงหน้าหนาเข้ามาอยู่ในรถม้าด้วย เฟิงอวี่นางก็คร้านจะสนใจแล้ว ทะเลาะกับเขาเมื่อใด แผลของนางเป็นต้องปริทุกครั้ง จึงได้แต่หลับตาข้างไม่สนใจว่าเขาจะนอนในรถม้ากับนางด้วย
“อาอวี่ เจ้าของสิ่งของพวกนี้มาจากที่ใด ยาของเจ้าก็หน้าตาประหลาดนัก”
“...” เฟิงอวี่ไม่ยอมตอบเขา
“อย่างไรเจ้าก็เป็นพระชายาของข้า ข้าไม่พูดออกไปอยู่แล้วเจ้าไม่ต้องห่วง”
“หึ บุรุษโง่งมเช่นท่าน จะเป็นสามีของข้าหรือ ดูท่าจะเพ้อเกินไป”
“จะ เจ้า เจ้าแต่งเข้าตำหนักข้าแล้ว จะไม่ให้เรียกว่าภรรยาได้อย่างไร”
“ได้ผูกผมหรือไม่ ได้เข้าหอหรือไม่ กราบไหว้ฟ้าดินท่านยังทำแบบขอไปที เช่นนี้จะเรียกว่าสามีภรรยาได้อย่างไร” นางยิ้มเย็นออกมา
พอนางยิ้มเช่นนี้เมื่อใด เขาเป็นต้องเจ็บตัวทุกที หนิงหวงเลยถอยห่างไปให้พ้นมือพ้นเท้าของนาง
“อย่างไรเจ้าก็ไม่อาจแต่งให้ผู้อื่นได้อีก”
“ใช่ ก็ไม่แต่ง แต่ข้าจะเลี้ยงดูบุรุษไว้แทน”
“จะ เจ้า เหอะ มีสตรีที่ใดคิดเช่นเจ้ากัน ในเมืองหลวงหาไม่มีสักคน”
หนิงหวงถอนหายใจออกมา เขากดสูดดมที่เส้นผมของเฟิงอวี่ก่อนจะเอ่ยตอบ“ข้าจะหลอกเจ้าเพื่ออันใด ข้าไม่คิดจะขึ้นนั่งบัลลังก์ด้วยซ้ำ ตอนนี้เสด็จพ่อได้รับน้ำวิเศษอยู่ตลอด คงจะไม่ลงจากบัลลังก์ง่ายๆ ข้าคิดเอาไว้แล้ว ว่าจะให้โยวอี้เริ่มเรียนรู้งานกับเสด็จพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ต่อไปก็ให้เขาทำหน้าที่แทนข้าเลย”“ท่านคิดดีแล้วหรือ” เฟิงอวี่อดที่จะมองอย่างสงสัยไม่ได้ บัลลังก์ไม่ว่าผู้ใดก็อยากจะครอบครอง อย่างรุ่ยอ๋องที่คิดก่อกบฏจนตัวตาย พี่น้องของหนิงหวงแม้จะเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บอย่างดี แต่ต่อไปจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่คิดอยากจะแย่งชิง“ข้าเบื่อปั้นหน้าเต็มที เจ้าเห็นข้ายินดีหรือตอนที่ต้องเข้าท้องพระโรงทุกวัน ข้าอยากจะนอนกอดเจ้าต่ออีกหน่อยก็ทำไม่ได้”“อืม...ข้ามีเรื่องดีจะบอกท่าน” เฟิงอวี่ดันตัวออกมาจากอ้อมแขนของหนิงหวง พร้อมทั้งดึงมือหนิงหวงไปวางที่ท้องของนาง“จริงหรือ” หนิงหวงเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ“อืม ข้าตั้งครรภ์” นางยิ้มกว้างออกมาเสียงหัวเราะของหนิงหวง ทำให้เด็กทั้งสามที่เล่นอยู่ในลานด้านข้างศาลาริมน้ำ วิ่งเข้ามาภายในศาลาอย่างสนใจ เมื่อรู้ว่าเสด็จแม่ของตนตั้งครรภ์อีกแล้ว เด็กทั้งสามก็กระโดดไปรอบๆ ตัวหนิง
วันที่เซี่ยเหลี่ยงเดินทางกลับชายแดนเหนือ เฟิงอวี่นางมอบระเบิดมือให้เขาไปนับสิบลูก ทั้งยังสาธิตและสอนให้เขาระวังในการเคลื่อนย้ายเช่นใดจะได้ไม่เกิดอันตรายขึ้นด้วยรู้ดีว่าแคว้นต้าฉี ต้องการจะทำสงครามกับแคว้นต้าซ่ง หากสงครามไม่เกิดขึ้น พี่ชายของนางก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงตายอยู่ในสนามรบ ชีวิตของทหารและชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องล้มตายหรืออยู่กันอย่างหวาดกลัวเฟิงอวี่นางพาเซี่ยหร่วน เซี่ยเหลี่ยงและหนิงหวง ออกไปลองใช้ระเบิดมือที่ภูเขานอกเมือง พื้นที่โดยรอบไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันใดยามที่เฟิงอวี่นางขว้างระเบิดมือออกไป หินก้อนใหญ่เท่าเรือนหนึ่งหลังก็แตกออกเป็นหลายเสี่ยง พร้อมด้วยเสียงกัมปนาทที่ราวกับฟ้าจะถล่มลงมา พื้นที่รอบด้านสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ภายในเมืองหลวงและหมู่บ้านใกล้ๆ ต่างก็ได้ยินเสียง ทุกคนออกมาดู พร้อมหาต้นเสียงว่ามาจากที่ใดก็หาไม่พบ“วิเศษนัก!!! เช่นนี้ แคว้นต้าฉีกับชนเผ่านอกด่านก็ไม่กล้ารุกรานแล้ว” เซี่ยเหลี่ยงร้องออกมาอย่างยินดี“ท่านต้องใช้อย่างระวัง หากตกใกล้ตัวเกินไป หากไม่ตายก็ต้องพิการ ข้าให้ท่านเพื่อใช้ข่มขู่เท่านั้น ระเบิดหนึ่งลูกสามารถคร่าชีวิตคนได้น
ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เด็กทารกในครรภ์ดูเหมือนจะอยากออกมาเต็มที่ ยังดีที่ทั้งสองออกมาจากมิติได้ทัน พอเฟิงอวี่นางขึ้นนอนบนเตียง เสียงเด็กก็ร้องดังลั่นไปทั่วเสี่ยวเยว่กับเถามามาที่ย้ายมานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ยังดีที่หนิงหวงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว“อุแว้ อุแว้”“ว้ายยยยย คลอดแล้ว” เสี่ยวเยว่กรีดร้องออกมามีเพียงเถามามาที่ยังได้สติ นางผลักตัวเสี่ยวเยว่ให้รีบไปตามหมอตำแยเข้ามาในห้อง แล้วรีบไล่หนิงหวงที่ยังยืนมองอย่างตกตะลึงให้ออกไปด้านนอก ก่อนจะเข้าไปรับเด็กที่ไหลออกมาจากช่องคลอดของเฟิงอวี่เอาไว้ตำหนักบูรพาวุ่นวายในชั่วพริบตา ต่างไม่มีสัญญาณเตือน หรือได้ยินเสียงร้องของเฟิงอวี่เลยสักนิด ได้ยินเพียงเสียงเด็กน้อยที่ร้องลั่นประท้วงที่ไม่มีคนรอรับเขาตอนออกมาจากท้องของมารดาฮ่องเต้กับฮองเฮาที่เข้านอนไปแล้ว ต่างก็รีบร้อนมาที่ตำหนักบูรพา เมื่อมาถึงก็เห็นหนิงหวงก็อุ้มพระโอรสที่ล้างตัวเรียบร้อยแล้วเอาไว้ในอ้อมแขน“คลอดง่ายหนัก” ฮองเฮาฟังเรื่องของเฟิงอวี่ก็ได้แต่นึกอิจฉา ยามที่นางคลอดหนิงหวงเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ฮ่องเต้จึงไม่ให้นางตั้งครรภ์อีกเลยคนตระกูลเซี่ยก็เร่งรีบมาทั
เฟิงอวี่นางเข้าชมการประหารในวันนี้ด้วย โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของฮองเฮาและมารดาของตนเลย“เจ้าจะมาเพื่ออันใด สตรีตั้งครรภ์สมควรเห็นเรื่องพวกนี้หรือ” เซี่ยหร่วนได้แต่ตำหนิบุตรสาวของตน เถามามาและเสี่ยวเยว่ที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนหน้าที่จะมา บ่าวทั้งสองต่างห้ามปากจนเสียงแทบจะไม่มีแล้ว แต่เฟิงอวี่นางมีหรือที่จะฟัง“หากข้าไม่ได้เห็นนางตาย ข้าคงหลับไปสนิท” นางจะไม่อยากเห็นคนที่ทำให้ชีวิตของนางต้องพบเจอเรื่องร้ายมากมายตายด้วยตนตนเองได้อย่างไรเซี่ยหร่วนถอนหายใจออกมา หากตนเองถูกกระทำเช่นบุตรสาวก็คงอยากจะเห็นจุดจบของมันผู้นั้นเช่นกันก่อนจะทำการประหาร นักโทษที่ใกล้ตายล้วนแต่ได้รับสิทธิ์ให้พูดความในใจหนึ่งประโยค ที่ผ่านมาต่างก็พูดขอความเมตตาหรือไม่ก็พูดขอโทษในสิ่งที่ตนเองทำลงไปแต่ไม่ใช่กับรุ่ยอ๋อง เขารอเวลานี้มานาน“สิ่งที่เปิ่นหวางลงมือทำไป ไม่เคยนึกย้อนเสียใจ อาหวง หลานชายข้า...หึหึ” รุ่ยอ๋องมองไปที่โจวเจิน ก่อนจะถอนสายตากลับมา“พระชายารองของเจ้าช่าง...อึก” เขายังไม่ได้พ่นประโยคน่ารังเกียจออกมา ก็ถูกมีดสั้นที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศใดพุ่งเสียบทะลุคอของเขาเสียแล้วชาวเมืองและขุนนางหลาย
คนของรุ่ยอ๋องไม่มีผู้ใดคิดจะขัดขืน นอกจากวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ก็ถูกจับตัวกลับมาได้ทั้งหมด หนิงหวงเดินไปหยุดตรงหน้ารุ่ยอ๋อง สายตาที่จ้องมองร่างที่นอนเจ็บปวดอยู่บนพื้นด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับมองคนตาย“เรื่องสกปรกที่ท่านทำ คิดว่าผู้อื่นไม่รู้หรือ เพียงแค่ไม่มีผู้ใดอยากจะพูดให้เสียปากเท่านั้น”รุ่ยอ๋องจ้องมองหนิงหวงอย่างโกรธแค้น แต่ไม่กล้าพูดสิ่งใดออกมา ในมือของหนิงหวงยังถืออาวุธประหลาดมาทางเขาอยู่องครักษ์พ่านเดินเข้าไปลากตัวรุ่ยอ๋องที่ยังคงนอนเจ็บปวดอยู่ที่พื้น ลากออกไปจากป่า เพื่อไปรับโทษ ตลอดทางที่พาตัวไปขังในคุกหลวงในวัง รุ่ยอ๋องมิได้พูดสิ่งใดออกมาอีก ความเจ็บปวดที่บาดแผลและเสียเลือดไปจำนวนมาก ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงที่จะปากดีชาวเมืองเมื่อรู้ข่าวว่ากบฏรุ่ยอ๋องถูกจับกุมตัวแล้ว ต่างก็ออกมาโห่ร้อง และด่าทอตลอดทางที่รุ่ยอ๋องถูกคุมตัว หนิงหวงที่ได้รับคำสรรเสริญสีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เซี่ยหร่วนและเซี่ยเหลี่ยงต่างก็ถอนกำลังทหารที่ปิดล้อมตามประตูเมืองต่างๆ ไปรวมตัวกับหนิงหวงที่วังหลวงขุนนางเกือบทั้งหมดยามนี้อยู่ภายในวังหลวงอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรุ่ยอ๋องถูกคุมตัวมาถึงฟ้าด้านนอกก็มืดสนิท
ยิ่งเห็นพวงแก้มที่แดงระเรื่อของฮองเฮา เฟิงอวี่เกือบอดใจไม่ไหว ยื่นมือไปหยิกแก้มนางเสียแล้ว“ออกกันไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะให้องครักษ์พ่านไปเชิญฝ่าบาทมาที่ตำหนักของพระองค์”ฮองเฮาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก เมื่อออกมาแล้ว เฟิงอวี่นางเรียกนางกำนัลคนที่ไปตำหนักนางเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะให้ไปหาผ้ามาปิดหน้าให้ฮองเฮา ด้วยยังไม่สะดวกไล่นางกำนัลคนอื่นออกไปในยามนี้ กลัวว่าจะมีคนคิดร้ายขึ้นมาอีกเฟิงอวี่เองก็สั่งความองครักษ์พ่านให้ไปเชิญฮ่องเต้มาที่ตำหนักของฮองเฮาอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกฮ่องเต้คิดว่าฮองเฮามีอาการไม่สู้ดี แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องด้านข้าง เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของนางก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้“กะ เกิดอันใดขึ้น” ฮ่องเต้เดินเข้าไปจับไหล่ของฮองเฮาเอาไว้“นี่อย่างไรเล่า ที่หม่อมฉันกำลังจะบอกพระองค์”ฮองเฮาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟัง ก่อนจะพากันเข้าไปในมิติของเฟิงอวี่เพื่อแช่ตัว ฮ่องเต้เองก็ตกตะลึงไม่แพ้ฮองเฮา แต่เพียงไม่ได้กรีดร้องออกมา เฟิงอวี่นางไม่ต้องติดตามฮ่องเต้ไปแช่ตัว ด้านข้างพระองค์มีฮองเฮาคอยดูแลอยู่แล้ว จึงเข้าไปนั่งรออยู่ภายในอาคารเพียงไม่นานทั้งสองพระอง







