Share

ขโมยจุมพิต (2)

last update Last Updated: 2025-05-12 17:07:58

มู่เซียวเซ่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลือบมองเตียงแม้แต่น้อย

“ดะ...” เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป ไม่สิจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ นางยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเลย เขาจะไปทั้งอย่างนี้ได้ไง

แค่เริ่มขยับปากประตูก็ปิดลงแล้ว นางเรียกเขาไว้ไม่ทัน และเรื่องที่นางคาดหวังก็ยังไม่สำเร็จ

สักพักคนตัวเล็กก็พาตัวเองลุกจากเตียงได้ นางนั่งบิดลำตัวอยู่บนเตียงไปมา เพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการนอนนิ่งอยู่นาน

“พระชายา” อาหลี่ที่คอยปรนนิบัติพระชายาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหลังจากท่านอ๋องออกไปจึงรีบเข้ามา

ใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ หุบยิ้มไม่ลงเมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของผู้เป็นนายไม่เรียบร้อย

ลู่ผิงถิงก้มมองตัวเองแล้วรีบจัดระเบียบอาภรณ์ให้เข้าที่ รู้สึกอับอายที่อาหลี่ต้องมาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ ช่างเถิดไม่จำเป็นต้องอธิบาย เข้าหอคืนแรกถ้าเขาไม่อยู่ห้องหอน่าอับอายกว่าเยอะ

อาหลี่ปรนนิบัติพระชายาสวมเสื้อผ้า พอคิดถึงใบหน้าแดงเรื่อของพระชายาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไปเถิดเพคะ ท่านอ๋องน่าจะรอนานแล้ว”

“เหตุใดเขาต้องรอข้าด้วยเล่า”

“ได้เวลาเสวยยามเช้าแล้วเพคะ”

“อ้อ เป็นเช่นนี้...งั้นไปกัน” ลู่ผิงถิงประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับสามีอย่างไรดี

เมื่อเช้าแม้แต่หางตาเขาก็ไม่มองนางด้วยซ้ำ ระหว่างที่เดินไปก็คิดหาบทสนทนา ที่พอจะทำให้สามีเมตตาเอ็นดู ทว่าคิดไม่ออก ไม่เคยประจบประแจงผู้อื่นด้วยสิ

มาถึงโต๊ะรับประทานอาหาร กลับไม่มีใครรอนางอยู่อย่างที่อาหลี่บอก ลู่ผิงถิงรู้สึกโล่งใจที่ไม่เจอหน้าสามีในตอนนี้

เมื่อพระชายานั่งลงที่โต๊ะอาหาร พ่อบ้านจางก็เดินเข้ามาและส่งของบางอย่างให้ “ท่านอ๋องให้กระหม่อมนำมามอบให้พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

ลู่ผิงถิงรับมาเปิดดูเป็นต่างหูหยกน้ำงามคู่หนึ่ง “แล้วท่านอ๋องเล่า”

“เอ่อ...คือ...”

“พูดมาเถิด จะอ้ำอึ้งเพื่อ” ลู่ผิงถิงไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นท่าทีลังเลของพ่อบ้านจาง เมื่อเช้าสิ่งที่นางคาดหวังก็ไม่สมหวังแล้ว ยังต้องมาเห็นท่าทีอึก ๆ อัก ๆ ของอีกฝ่าย ทำให้คำพูดของนางใส่อารมณ์เล็กน้อย

พ่อบ้านจางกลับเข้าใจผิด คิดว่าพระชายาไม่พอใจ ที่ท่านอ๋องไม่อยู่เสวยพระกระยาหารด้วย “กระหม่อมไม่ทราบ แต่เดี๋ยวกระหม่อมจะรีบไปตามกลับมาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าไม่รู้แล้วจะไปตามที่ใด”

“ก็หอ....” พ่อบ้านจางใช้มือปิดปากอย่างรวดเร็ว เขาเกือบจะหลุดปากบอกพระชายา ว่าท่านอ๋องไปหาแม่นางซู่เหยาที่หอเฟิ่งหวง

ลู่ผิงถิงเห็นท่าทีปิดปากลุกลี้ลุกลน ก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายรู้ดีว่าสามีไปที่ใด แต่นางไม่ได้เปิดโปงเขา “ช่างเถิดข้ากินอิ่มแล้ว จะกลับไปเยี่ยมท่านแม่ที่จวนลู่ ถ้าท่านอ๋องกลับมาเจ้าก็บอกเขาแล้วกัน”

“ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเตรียมรถม้าไว้ให้พระชายา”

หลังจากกินอิ่มลู่ผิงถิงก็พาอาหลี่ออกจากจวน “ไปหอเฟิ่งหวง” นางสั่งคนบังคับรถม้า

อาหลี่ที่ก้าวขึ้นรถม้าตามหลัง ด้วยความรู้สึกแปลกใจ พระชายาไม่ไปจวนตระกูลลู่ ทว่าไปหอเฟิ่งหวงแทน คงไม่ใช่เพราะว่าจะตามมาเอาเรื่องท่านอ๋องหรอกนะ ก็ใช่ ใครจนทนได้ที่สามีมาสนุกกับเหล่าบุปผางาม ถ้าเป็นนางก็คงไม่ทน

ถึงแม้จะข้องใจแค่ไหน อาหลี่ก็ไม่กล้าสอดปากถามเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย

ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าท่านอ๋องไม่มีกิจธุระอันใดให้ทำ ทุกครั้งที่ออกจากจวนก็จะไปสำราญที่หอเฟิ่งหวงกับเหล่าบุปผางามทั้งหลาย

ไม่รู้ตัวว่าลอบมองพระชายา ด้วยสายตาสงสัยบ่อยครั้งเกินไป จนพระชายายกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเอง แล้วเอ่ยปากถาม “หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือ”

“ไม่มีเพคะ”

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมอง”

“เปล่าเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มอง” หลังจากถูกพระชายาถามอาหลี่ก็ก้มหน้าไปตลอดทาง

ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามองยังปฏิเสธอีก ลู่ผิงถิงคล้านจะใส่ใจจึงปล่อยผ่านเรื่องการลอบมองของอาหลี่ไป

เมื่อมาถึงหอเฟิ่งหวง ลู่ผิงถิงก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นของนักสืบข่าวเลี่ยงชื่อในเมืองหลวง ไม่ว่าข่าวใดหอเฟิ่งหวงไม่เคยทำให้ผิดหวัง อยู่ที่ว่ากระเป๋าของคนจ้างจะหนักหรือไม่ ดังนั้นนี่เป็นเรื่องสำคัญที่ลู่ผิงถิงต้องสืบ หลังจากออกมาจากจวนตระกูลลู่มาได้

ยังดีที่บิดาทำตามสัญญา ยกสินเดิมของมารดาให้เป็นสินเดิมของนางเข้าจวนอ๋อง มิเช่นนั้นนางคงไม่มีเงินมาสืบข่าวแบบนี้ได้แน่

ยามที่อยู่เรือนท้ายจวน ฮูหยินรองดูแลทุกอย่างในจวน บิดาก็วุ่นวายอยู่กับเรื่องค้าขาย จึงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยในจวน จนป่านนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว บิดาก็ยังไม่รู้ถึงความลำบากของบุตรสาวคนโต ว่าอัตคัดเงินทองแค่ไหนหรือบางครั้งบิดาอาจจะรู้ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ ลู่ผิงถิงเองก็ไม่แน่ชัดในใจ

วันนี้อยากได้ข่าวของหมอเทวดาเหยียน เพื่อจะให้มารักษาอาการป่วยของมารดา และอยากได้ข่าวของพวกโจรที่ปล้นฆ่าลู่หงจื่อพี่ชายใหญ่ของตน

ซึ่งคดีของพี่ชายถูกปิดคดีไปนานแล้ว โดยที่คนร้ายทุกคนฆ่าตัวตาย ทำให้ลู่ผิงถิงสงสัยมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังที่ไม่ชัดเจน คนที่สละชีวิตไปเป็นเพียงแพะรับบาป ไม่ใช่คนบงการ

“ผู้ดูแลข้าต้องการสืบข่าวบางอย่าง”

“แม่นางอยากรู้ข่าวใดรึ ถ้ามีข่าวอยู่แล้วก็ตกลงแลกเปลี่ยนข่าวกับเงินได้เลย แต่ถ้าข้อมูลที่แม่นางอยากได้ทางเรายังไม่มี ก็ต้องใช้เวลาในการสืบหาเสียหน่อย”

“ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้หมอเทวดาเหยียนอยู่ที่ใด”

“สักครู่นะแม่นางข้าจะไปหาข้อมูล”

อาหลี่ที่เดินตามหลังพระชายามาตลอดถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พระชายาไม่ได้มาหาท่านอ๋อง

หนึ่งเค่อผ่านไปผู้ดูแลคนนั้นก็กลับมา “แม่นางท่านโชคดีมาก อีกสี่วันหมอเทวดาเหยียนจะเดินทางมาพักที่หอเฟิ่งหวงของเรา”

“จริงหรือ” ลู่ผิงถิงดีใจมาก ฉีกยิ้มกว้างจนผู้ดูแลมองตาค้าง “ข้ามีอีกข่าวที่อยากสืบ คดีปล้นบุตรชายตระกูลลู่เมื่อหนึ่งปีก่อน”

“คดีนี้ปิดไปแล้วไม่ใช่รึ แม่นาง”

“รับสืบหรือไม่” ลู่ผิงถิงวางเงินลงไปหนึ่งร้อยตำลึง “ถ้าได้ข้อมมูลที่เป็นประโยชน์จะเพิ่มค่าจ้างให้ไม่อั้น”

ผู้ดูแลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “รับขอรับ อีกหนึ่งเดือนแม่นางมารับข่าว ถ้าสืบมาได้ก็แลกเปลี่ยนเงินกับข่าวตามปกติ แต่ถ้าสืบไม่ได้ทางเราจะคืนเงินแค่บางส่วนนะขอรับ เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายระหว่างการสืบ”

“ได้” ลู่ผิงถิงจ่ายเงินและออกจากหอเฟิ่งหวง

รออีกสี่วันค่อยมาที่นี่ใหม่ เพื่อดูว่าหมอเทวดาเหยียนจะมาตามที่ได้รับข้อมูลไหม ซึ่งถ้ามาจริงความหวังเรื่องแก้พิษให้มารดาก็มีมากขึ้น

หลังจากออกจากหอเฟิ่งหวง ลู่ผิงถิงและอาหลี่ก็ไปที่จวนตระกูลลู่

ในขณะที่เดินเข้าเรือนท้ายจวนลู่ผิงถิงก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบา คละเคล้าไปกับเสียงครางที่ดูเจ็บปวด ใจของลู่ผิงถิงกระตุกวูบ รีบวิ่งไปที่เรือนท้ายจวน

ภาพที่เห็นทำให้จิตใจร้อนรน แผดเสียงออกมาอย่างแค้นเคือง “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”

.......................................

เกลียดอิอ๋อง เมินลูกสาวฉันไปหานางคณิกา ชิชิ อยากได้กำลังใจจังเลย ใครอ่านแล้วมาเมนต์หน่อยพอได้ไหม นักเรียนฝึกเขียน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พระชายาจำยอม   อดีตคนรัก (2)

    ครานี้ผู้ที่มารินสุราเป็นนางกำนัลตัวน้อย ไม่รู้ว่านางประหม่าหรืออย่างไร จึงทำสุราหกราดอาภรณ์ของมู่เซียวเซ่อจนเปียกปอน “ขออภัยท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ หม่อมฉันสมควรตายเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”นางคุกเข่าคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซียวเซ่อคร้านจะใส่ใจนางกำนัลตัวเล็กจึงลุกขึ้นยืน “เสด็จพี่ กระหม่อมขอตัวไปเปลี่ยนอาภรณ์”“อืม เราก็จะไปสุขาเช่นกัน” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง เหลือเพียงจี้ฮองเฮานั่งอยู่ลำพัง จิตใจสั่นไหวเมื่อพบกับมู่เซียวเซ่ออีกครั้ง ความรักที่ถูกกดลึกไว้ในอก และความทรงจำเก่า ๆ ได้เอ่อล้นขึ้นมาวันนั้นนางจำได้ดี เป็นงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านพ่อ และเป็นวันที่นางพลาดพลั้งอย่างไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็มีฝ่าบาทนอนอยู่ด้านข้าง เราทั้งสองไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ผู้คนจำนวนมากพบเห็นเรื่องนี้ทำให้จี้ฝู่หลิงไม่มีหน้าไปพบเจออดีตคนรักอีก ยอมอภิเษกกับฝ่าบาททั้งที่ใจไร้รักเริ่มแรกฝ่าบาทเอาอกเอาใจ ทำดีกับจี้ฝู่หลิงทุกอย่าง ทว่า...วันคืนดี ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของนางถูกสังหารในสนามรบ เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย ทรมานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนาง

  • พระชายาจำยอม   อดีตคนรัก (1)

    สามวันผ่านไป ลู่ผิงถิงยังดูแลมารดาอยู่จวนตระกูลลู่ พวกบิดายังไม่กลับมาได้ยินว่าพากันออกไปท่องเที่ยวทิศประจิม และดูทำเลการค้าเพื่อขยายกิจการร้านเสื้อผ้าลู่ผิงถิงเดินไปที่เรือนใหญ่พบกับบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีเข้าพอดี จึงเรียกให้เข้ามาช่วยทำความสะอาดในห้องโถง พอบ่าวคนนั้นทำเสร็จออกไป คุณหนูใหญ่อย่างนางก็โวยวายว่าปิ่นปักผมหาย บอกให้บ่าวในเรือนช่วยกันตามหา ปรากฏว่าอยู่ที่ห้องของบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไม่ได้ใส่ร้ายบ่าวคนนั้น เพียงแต่ใช้ปิ่นราคาหนึ่งร้อยตำลึงล่อตาล่อใจ หากนางไม่หยิบไปลู่ผิงถิงก็ไม่อาจลงโทษได้ แต่ครั้งนี้นางหยิบไปจึงหนีไม่พ้น เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไปกี่ครั้งต้องถูกเอาคืนเป็นสองเท่า ไม่ยอมให้พี่เสี่ยวซีเจ็บปวดคนเดียวแน่ ส่วนลู่ไป๋อิง รอก่อนเถอะจะจับตีให้ก้นลายเลยหนึ่งปีมานี้คงเรียนรู้กับฮูหยินรองมาก จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เมื่อก่อนน่ารักเชื่อฟัง หลังจากนางย้ายมาเรือนท้ายจวนน้องสาวก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องสาวเสแสร้ง หรือเป็นแบบนี้มานานแล้วจัดการบ่าวคนนั้นเสร็จก็เข้าไปในห้องบิดา ค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพี่ชายใหญ่มีอยู่วันหนึ่ง ลู่ผิงถิงบังเอิญได้ยินบิดาคุยกับพี่ชายคนรอ

  • พระชายาจำยอม   อาลัยอาวรณ์ (2)

    คนมาใหม่สวมหน้ากากสีทองพาดเฉียงครึ่งหน้า อาภรณ์สีน้ำเงินโบกสะบัดยามลอยตัวลงมา ฝีเท้าแตะพื้นแผ่วเบาบ่งบอกว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง“บาดเจ็บตรงไหนรึไม่” เขามองสำรวจเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามีเพียงร่องรอยฟกช้ำก็ถอนสายตากลับ“นี่ท่าน” ลู่ผิงถิงจำเขาได้ นางเคยพบเจอคนผู้นี้ยามไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาหลังจวน ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสนางช่วยใส่ยาให้เขา และพาเขาไปหลบในที่ปลอดภัย นางดูแลจนเขาฟื้น จำได้ว่าวันนั้นกลับจวนผิดเวลา ถูกบิดากักบริเวณให้อยู่แค่เรือนท้ายจวนถึงครึ่งเดือน“เจอกันอีกแล้วนะเด็กน้อย” ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากทักทายสตรีตัวเล็กตรงหน้า “ไปหาที่หลบให้ดี พี่ชายจะโชว์ความร้ายกาจให้เจ้าดู”เขาเริ่มต่อสู้กับคนชั่ว เพียงไม่กี่กระบวนท่าชายที่สวมหน้ากากก็กดบุรุษชุดดำไว้บนพื้น เขาใช้เชือกมัดมือมัดเท้าบุรุษชุดดำ แล้วลากออกไปทิ้งไว้ในห้องเก็บฟืน“ขอบคุณมาก” ลู่ผิงถิงเอ่ยขอบคุณเมื่อพี่ชายหน้ากากทองกลับเข้ามาในห้อง“ขอบคุณเพียงคำพูดจะนับอะไรได้ ไม่สู้เจ้า...ขอบคุณเป็นอย่างอื่น” ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยลู่ผิงถิงไม่สนใจเขา ขอบคุณนางก็ขอบคุณไปแล้ว นางมองร่างไร้วิญญาณของพี่เสี่ยวซี ดวงตากลมโตแดงก่

  • พระชายาจำยอม   อาลัยอาวรณ์ (1)

    ลู่ผิงถิงมีน้ำตาซึมออกมาทางหางตา เสียดายที่ไม่อาจเอาคนผิดที่อยู่เบื้องหลัง การทำร้ายพี่ชายใหญ่มาลงโทษได้ กลับเป็นนางที่ต้องตายก่อนศัตรู ดวงตากลมโตหลับตารอรับความเจ็บปวดจากปลายมีด ทว่านางกลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บนั้น ไหล่ทั้งสองถูกสองมือเล็กกำแน่น ลู่ผิงถิงลืมตาขึ้นมา เห็นพี่เสี่ยวซีที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ยืนบังปลายมีดไว้ให้นาง ร่างของพี่เสี่ยวซีค่อย ๆ ทรุดลงพื้น ยามเสี่ยวซีรู้สึกตัวขึ้นมา ก็เห็นว่าคุณหนูของนางตกอยู่ในอันตรายพอดี จึงพยุงร่างที่เจ็บระบมลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายมาขวางปลายมีดสั้น ที่กำลังแทงลงบนผิวหนังคุณหนูไว้ได้ ในวินาทีสุดท้าย นางไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงคุณหนูมีชีวิตอยู่ ทำในสิ่งที่คุณหนูอยากทำ นางรู้ตัวเองดีว่าบาดเจ็บครั้งนี้ ตัวเองไม่อาจรอดพ้นความตายได้ จึงใช้ร่างกายที่เหลือลมหายใจสุดท้ายนี้ ช่วยชีวิตคุณหนูของนาง “คุณหนู” เสียงเรียกแผ่วเบาปานกระซิบ ลู่ผิงถิงรู้สึกหัวใจขาดเลือดไหลเวียน นางรีบย่อตัวลงประคองพี่เสี่ยวซีไว้ในอ้อมกอด มือที่ประคองแผ่นหลังเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม น้ำตาลู่ผิงถิงไหลพราก หัวใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่เสี่ยวซีข้า.

  • พระชายาจำยอม    หนีไม่พ้นจริงหรือ (2)

    ลู่ผิงถิงลูบไล้กายบุรุษชุดดำด้วยความรังเกียจ ใจของนางเต้นตึกตัก ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลัวจนฉี่แทบราด ทว่าต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด เป้าหมายของนางคือมีดสั้นที่เอวของเจ้าหน้าเหี้ยมนั่น นิ้วเรียวยาวไล่วนจากแผงอกลงมาหน้าท้อง เมื่อมือนางเข้าใกล้เป้าหมาย บุรุษชุดดำก็คว้าจับไว้อย่างกับรู้ความคิดนาง บุรุษชุดดำหายใจติดขัดวาบหวิว เขาคว้ามือซุกซนของนางมาวางตรงเจ้าโลกของเขา คิดว่าที่นางอ้อยอิ่งอยู่หน้าท้องคงอยากจับ ก็ให้นางได้จับให้หนำใจ “อยากจับตรงนี้หรือข้าอนุญาต และข้าขอจับตรงนั้นของเจ้า” มือหนายื่นไปหวังบีบเคล้นก้อนกลมโตสองก้อน คะเนด้วยตาน่าจะเต็มไม้เต็มมือและนุ่มมาก แค่คิดอาวุธลับของเขาก็ผงาดขึ้น เขากำลังฝันหวานถึงเรือนร่างอ้อนแอ้นหอมหวาน โดยไม่รู้เลยว่ามีดสั้นได้ตกอยู่ในมือของสตรีตัวเล็กแล้ว ลู่ผิงถิงจ้วงมีดสั้นแทงฝ่ามือที่ยื่นมาหวังลวนลาม มีดปักคากลางฝ่ามือ “โอ๊ย” บุรุษชุดดำร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เผลอเพียงนิดเดียว สตรีผู้นี้ก็แผงฤทธิ์เดชใส่จนเขาต้องเจ็บตัว บุรุษชุดดำโมโหมาก ยกฝ่ามือข้างไม่บาดเจ็บฟาดแก้มนุ่มขาวนวลของสตรีตรงหน้า คนงามล้มลงพื้นมุมปากมีเลือดซึมออกมา ร่างกำยำตามไปคว้าปลายคางมาบี

  • พระชายาจำยอม    หนีไม่พ้นจริงหรือ (1)

    อาหลี่มาถึงจวนตระกูลลู่แล้ว ทว่าประตูกลับปิดเงียบ นางพยายามเคาะหลายครั้งก็ไม่มีคนเปิดลางสังหรณ์ไม่ดีก่อเกิดขึ้นในใจของอาหลี่ พระชายาอยู่ในจวนเพียงลำพัง กลัวก็แต่จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเรือนท้ายจวนอาหลี่เดินอ้อมกำแพงจวนลู่ เพื่อหาวิธีเข้าไปด้านในให้เร็วที่สุด และแล้วก็หาวิธีเข้าจวนลู่ได้ ใบหน้ากลมมนแหงนมอง ดอกกุ้ยฮวาที่บานเต็มต้น กิ่งของมันแผ่เข้าไปในจวนลู่พอดิบพอดี แบบนี้อาหลี่ก็สามารถปีนต้นไม้ แล้วกระโดดลงไปได้ ไม่รอช้ารีบปีนต้นไม้ขึ้นไปบนกำแพงทันทีทางด้านลู่ผิงถิงพลิกกายหลบปลายมีดแหลมคมไว้ได้ จากนั้นรีบวิ่งอ้อมไปหลังเตียงของเสี่ยวซี ทำให้ยามนี้มีเตียงกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษชุดดำผู้นั้น “ใครส่งเจ้ามา”“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”“เขาจ้างเจ้าเท่าใดข้าให้เจ้าสองเท่า” ลู่ผิงถิงเริ่มหว่านล้อม นางเห็นว่าบุรุษผู้นั้นทำท่าครุ่นคิดก็รีบเอ่ยเสริม “สังหารข้าที่เป็นพระชายาชินอ๋อง เจ้าคิดว่าจะหนีการจับกุมรอดหรือ ไม่สู้รับเงินจากข้าแล้วหนีไป”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชินอ๋องเสเพลผู้นั้นจะมีปัญญามาทำอะไรข้าได้

  • พระชายาจำยอม   ถูกลอบสังหาร (2)

    อาหลี่เห็นพระชายาไม่เอ่ยคำใดก็ออกมาส่งหมอชาวบ้าน เดินกลับมาในห้องพี่สาวคนนั้น พระชายาก็ยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม พระชายาต้องเสียพระทัยขั้นไหนจึงได้นิ่งงันไปเช่นนี้“พระชายาเพคะ” อาหลี่เรียกเบา ๆ แล้วเอาเสื้อคลุมไหล่ที่หยิบมาจากรถม้าสวมให้พระชายาอากาศหนาวมากแต่ยังเหน็บหนาวไม่เท่าใจของลู่ผิงถิง เสื้อคลุมที่อาหลี่ห่มให้ไม่ทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิดพี่เสี่ยวซีเป็นดังพี่สาวที่ปกป้องดูแลนางมาตั้งแต่ยังเยาว์ คอยช่วยปิดบังความผิดยามหนีมารดาไปเที่ยวนอกจวน คอยให้คำปรึกษาแนะนำ หนึ่งปีที่มารดาหมดสติ ก็มีเพียงพี่เสี่ยวซีที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุยพี่ใหญ่จากนางไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เสี่ยวซีจะจากนางไปอีกคนหรือไม่จริง ไม่จริง ใช่ มันต้องไม่จริง นางยังมีความหวังพี่เสี่ยวซีต้องไม่ตาย“อาหลี่เจ้าไปต้มยามาให้ข้า” ความมั่นใจเหลือน้อยเต็มทนเมื่อเห็นลมหายใจแผ่วเบาของพี่เสี่ยวซี สั่งการอาหลี่ไปน้ำตาไหลไปอย่างห้ามไม่อยู่“เพคะพระชายา”อาหลี่เห็นพระชายาเศร้าหมองเพราะบ่าวคนหนึ่ง ทำให้นางเศร้าใจตามไปด้วย ตั้งใจต้มยาให้พี่สาวคนนั้นและหวังว่าพี่สาวจะไม่จากพระชายาไปลู่ผิงถิงสั่งให้อาหลี่ดูแลเสี่ยวซี จากนั้นนางก็เ

  • พระชายาจำยอม   ถูกลอบสังหาร (1)

    เสี่ยวซีกำลังถูกเฆี่ยนด้วยแส้หวาย แผ่นหลังบอบบางมีเลือดซึมออกมาจากอาภรณ์เป็นรอยแส้ในตอนที่มาถึงเสี่ยวซีกำลังจะสติดับวูบลง ทว่าตอนนี้นางดูเหมือนจะข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่ยอมให้ตนเองหมดสติ ลู่ผิงถิงเข้าไปกอดเสี่ยวซีไว้ ไม่ให้แส้ที่เต็มไปด้วยโลหิตฟาดลงบนแผ่นหลังบางนั้นได้อีก ทำให้บ่าวผู้นั้นยั้งมือไม่ทัน ฟาดไปที่แผ่นหลังของลู่ผิงถิง“คุณหนูบ่าวไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”ร่างบางของลู่ผิงถิงสะดุ้งโหยง ยามหวายกระทบแผ่นหลัง แสบร้อนมาก เพียงครั้งเดียวยังเจ็บเพียงนี้ แล้วพี่เสี่ยวซีโดยไปตั้งหลายครั้งจะทนได้อย่างไร สายตามาดร้ายจับจ้องใบหน้าบ่าวที่ลงมือ พอดีกับที่สตรีร่างเล็กในอ้อมกอดขยับ ลู่ผิงถิงจึงเลิกสนใจบ่าวคนนั้น ได้แต่เก็บไฟโทสะทั้งหมดไว้ในใจ และก้มมองเสี่ยวซีที่อยู่ในอ้อมกอดเสี่ยวซีลืมตาขึ้นเล็กน้อยพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไร้เสียง นางเจ็บมากเจ็บจนน้ำตาเม็ดเล็กเกลี้ยงเกลาไหลออกมา อยากปลอบใจคุณหนูที่แววตาแดงก่ำ แต่นางไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของคุณหนูค่อย ๆ พร่ามัวลงส่งรอยยิ้มเจ็บปวดให้เสี่ยวซีทั้งน้ำตา คนในอ้อมกอดสลบไปแล้ว ใจของลู่ผิงถิงสั่นสะท้าน พี่เสี่ยวซ

  • พระชายาจำยอม   ขโมยจุมพิต (2)

    มู่เซียวเซ่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลือบมองเตียงแม้แต่น้อย“ดะ...” เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป ไม่สิจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ นางยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเลย เขาจะไปทั้งอย่างนี้ได้ไงแค่เริ่มขยับปากประตูก็ปิดลงแล้ว นางเรียกเขาไว้ไม่ทัน และเรื่องที่นางคาดหวังก็ยังไม่สำเร็จสักพักคนตัวเล็กก็พาตัวเองลุกจากเตียงได้ นางนั่งบิดลำตัวอยู่บนเตียงไปมา เพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการนอนนิ่งอยู่นาน“พระชายา” อาหลี่ที่คอยปรนนิบัติพระชายาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหลังจากท่านอ๋องออกไปจึงรีบเข้ามาใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ หุบยิ้มไม่ลงเมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของผู้เป็นนายไม่เรียบร้อยลู่ผิงถิงก้มมองตัวเองแล้วรีบจัดระเบียบอาภรณ์ให้เข้าที่ รู้สึกอับอายที่อาหลี่ต้องมาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ ช่างเถิดไม่จำเป็นต้องอธิบาย เข้าหอคืนแรกถ้าเขาไม่อยู่ห้องหอน่าอับอายกว่าเยอะอาหลี่ปรนนิบัติพระชายาสวมเสื้อผ้า พอคิดถึงใบหน้าแดงเรื่อของพระชายาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไปเถิดเพคะ ท่านอ๋องน่าจะรอนานแล้ว”“เหตุใดเขาต้องรอข้าด้วยเล่า”“ได้เวลาเสวยยามเช้าแล้วเพคะ”“อ้อ เป็นเช่นนี้...งั้นไปกัน” ลู่ผิงถิงประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับส

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status