ลู่ผิงถิงนิ่งตะลึงไปจนแทบลืมหายใจ นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษเท่านี้มาก่อน ทำให้ทำตัวไม่ถูก ลืมที่จะปกป้องตัวเองไปชั่วขณะ
ซ้ำร้ายเขายังซุกหน้าไว้ที่ซอกคอของนาง หายใจเป่ารดแผ่วเบาจนขนลุกตั้งชันไปทั้งตัว สติล่องลอยอยู่เนิ่นนาน จวบจนตั้งสติได้ลู่ผิงถิงก็พยายามผลักคนด้านบนออก
“อืมม เหยาเอ๋อร์อย่าดิ้น” คนเมาที่นอนนิ่งเมื่อครู่เริ่มขยับ “เจ้าหอมมากข้าจะอดกลั้นไม่ไหว”
อดกลั้นอะไรกันนี่เขาหมายความว่าอย่างไร อย่าบอกนะว่าสิ่งที่ทิ่มตำหน้าขานางอยู่คือ...
คนไร้ยางอาย
ก่อนออกเรือนพี่เสี่ยวซีให้ตำราเอาใจสามีไว้ และนั่นทำให้ลู่ผิงถิงรู้ว่า บุรุษผู้นี้กำลังอยากร่วมรักกับนาง
หยิงสาวหยุดชะงักไปอีกครั้ง เริ่มหาวิธีเพื่อเอาตัวรอด “ท่านอ๋องหม่อมฉันไม่ใช่เหยาเอ๋อร์ของท่าน มองดูดี ๆ สิเพคะ ท่านรีบลุกขึ้นได้แล้วหม่อมฉันหายใจไม่ออก”
“อุ่นจัง”
ลู่ผิงถิงกลอกตามองบนนี่เขาฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ พูดอย่างตอบอีกอย่าง
อย่าถือสาคนเมา อย่าถือสาคนเมา ลู่ผิงถิงท่องไว้ในใจแล้วลองพูดหว่านล้อมอีกครั้ง “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่....”
จู่ ๆ อ๋องหนุ่มก็จู่โจมปิดเสียงของนาง ด้วยริมฝีปากของเขา ลู่ผิงถิงตาโตราวไข่ห่าน ริมฝีปากนุ่มคละเคล้ากลิ่นสุราทำให้นางรู้สึกเมามายไปกับเขาอยู่ครู่ใหญ่
แม้จะรู้ว่าตอนนี้เป็นสตรีของเขาแล้ว มีฐานะเป็นถึงพระชายา เรื่องร่วมหอกับสามีหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่านางไม่เต็มใจ ไม่อยากร่วมใช้สามีกับสตรีอื่นอีกมากมาย
“ปากเจ้าหวานมาก” คนเมาใช้นิ้วลูบไล้บริเวณริมฝีปากนุ่มที่แดงปานลูกอิงเถาของคนใต้ร่าง
ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปาก นางไม่กล้ามองดวงตาดอกท้อคู่นั้น ที่รับกับใบหน้าหล่อเหลาพาให้ใจสั่น จึงเอียงหน้าออกมาอีกฝั่ง
นี่เป็นจูบแรกของนางเชียวนะ แต่ดันถูกขโมยจากจอมเสเพลที่เมามายไร้สติ อีกทั้งเขายังคิดว่านางเป็นสตรีอุ่นเตียงคนหนึ่งของเขาอีกด้วย
ลู่ผิงถิงเกร็งจนตัวแข็งทื่อ นางไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร รู้สึกได้ว่าจมูกซุกซนของอีกฝ่ายเข้าใกล้ซอกคอเข้าทุกที
เป็นไงเป็นกัน หญิงสาวหลับตาปี๋ หัวใจดวงน้อยสั่นระรัว ถึงอย่างไรนางก็แต่งงานกับเขาแล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถิด
นางได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย จึงลืมตาหนึ่งข้างขึ้นมาดู ไม่รู้ว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีรอยยิ้มแต่กำลังมองนางนิ่ง ๆ ไม่มีทีท่าจะเคลื่อนไหว
จู่ ๆ ท่านอ๋องหนุ่มก็พลิกตัวนอนหงายไปบนเตียง
ลู่ผิงถิงพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง เป็นอิสระเสียทีเกือบไปแล้ว หันมองบุรุษบนเตียงที่หายใจสม่ำเสมอ ก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากนี้นางต้องหาวิธีอยู่ให้ห่างจากชินอ๋องผู้นี้เสียหน่อย จะได้ไม่ถูกมองเป็นสตรีอุ่นเตียงของเขาอีก แต่ว่า....
คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นและลงจากเตียงมานั่งที่ตั่งด้านข้างอย่างรวดเร็ว
กำลังใช้ความคิด ลองเสี่ยงกับเหตุการณ์บางอย่างเพื่อให้ได้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และสามารถหยิบยืมคนจากเขามาใช้ประโยชน์ได้
ร่างอรชรลุกขึ้นไปจุดกำยานสงบใจแล้วกลับมานั่งเท้าคางหลับที่ตั่งดังเดิม
ก่อนฟ้าสางลู่ผิงถิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน จึงรีบวิ่งขึ้นไปที่เตียงนุ่ม ดึงอาภรณ์ตนเองให้หลุดลุ่ย ยีผมให้ดูยุ่งเหยิง มือขาวผ่องสั่นเล็กน้อยตอนที่ถอดสายคาดเอวของชินอ๋อง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน แล้วจัดเสื้อผ้าของเขาให้ดูยับ
ลู่ผิงถิงใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งปิดตาตัวเอง แต่กางนิ้วแอบมอง แล้วใช้มืออีกข้างเปิดชายเสื้อของบุรุษบนเตียง ใบหน้าเห่อร้อน ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เพื่อความกระจ่างเรื่องของพี่ชาย นางยอมทำทุกอย่าง
คนตัวเล็กนอนลงข้างกายคนตัวใหญ่อย่างจิตใจไม่สงบ
สามีนางยังคงไม่ได้สติ เพราะเมื่อคืนนางจุดกำยานสงบใจ และแอบใส่ยาที่ทำให้หลับลึกลงไปด้วย
ส่วนตัวนางเองเพื่อป้องกันไม่ให้หลับลึก ได้กินยาแก้ไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อคืนเขาคิดว่านางเป็นสตรีอุ่นเตียงของเขา เลยใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาหาข้อเท็จจริงให้พี่ชาย
หลังจากทุกอย่างบรรลุเป้าหมายค่อยหาวิธีออกห่างจากเขาแล้วกัน
ไม่นานชินอ๋องหนุ่มก็ขยับตัวตะแคงหันหน้าเข้าหานาง ท่อนแขนแข็งแรงตวัดโอบเอวคอดกิ่วไว้ ทว่ายังไม่ตื่นลืมตาขึ้นมามอง
ลู่ผิงถิงตัวแข็งทื่อเมื่อ อยู่ในอ้อมกอดของอีกคน นี่นางกำลังวางแผนฝังตัวเองอยู่หรือ ภาวนาขอให้ยาหลับลึกหมดฤทธิ์ลงเสียที
ลองขยับตัวออกจากอ้อมแขนอุ่น เขายิ่งกอดแน่นกว่าเดิม ให้ตายเถอะ! กว่าเขาจะตื่นร่างกายนางคงแข็งทื่อจนขยับไม่ได้
ผ่อนคลายหน่อย ผ่อนคลายหน่อย!! ลู่ผิงถิงบอกตัวเองซ้ำ ๆ นางนอนนิ่งรอจนกระทั่งชินอ๋องหนุ่มตื่น
อ๋องหนุ่มลุกขึ้นนั่ง ทว่าเขากลับไม่มองนางที่นอนแน่นิ่งอยู่สักตา เพราะนอนในท่าเดิมเป็นเวลานาน จึงทำให้ทั้งร่างชาไปหมด
มู่เซียวเซ่อลุกจากเตียงแล้วเดินไปล้างหน้า เปลี่ยนอาภรณ์
ลู่ผิงถิงนอนอยู่ที่เดิมไม่เอ่ยสิ่งใด รอให้ท่านอ๋องหนุ่มมองเห็นนางเอง พอเห็นว่าไม่ใช่สตรีที่ชื่อเหยาเอ๋อร์อะไรนั่น อยากรู้นักเขาจะมีสีหน้าอย่างไร
..................................................
ลูกสาวสู้ ๆ เพื่อหลักฐานอย่าถอยนะลูก ฝากกดเข้าชั้นหน่อยนะ เพิ่มการมองเห็นให้มือใหม่คนนี้หน่อย ไหว้ย่อ คนกดเข้าชั้น
ลู่ผิงถิงคร้านจะสนใจเขาตอนนี้ตานางลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว “หม่อมฉันง่วงแล้วเพคะ” จมูกโด่งของคนด้านข้างซุกไซร้ซอกคอทว่านางไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัวมู่เซียวเซ่อจุมพิตขมับภรรยาเบา ๆ จากนั้นก็ออกจากห้องไม่เช่นนั้นเขาคงก่อกวนนางจนตื่นแน่ เขาตรงไปยังห้องทรงอักษรเพื่อจัดการฎีกาที่เหลือ เกือบสว่างเขาถึงได้กลับมานอนกอดภรรยาเช้าวันต่อมาฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อออกว่าราชการและสั่งการให้ลู่หงปินที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นมหาเสนาบดี ไปจัดการช่วยเหลือชาวเมืองทางเหนือที่ถูกน้ำป่าถล่มเสียหายหลายหมู่บ้าน จัดการแจกเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มให้ชาวบ้าน ก่อสร้างบ้านเรือนที่เสียหาย และได้วางแผนเปิดการค้ากับต่างแคว้นเพื่อฟื้นฟูท้องพระคลังที่ว่างเปล่าฮ่องเต้ทรงห่วงใยปวงประชา ทรงงานหนักทุกวันเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี จวบจนเวลาสามปีทุกอย่างที่เฝ้าตั้งใจลงมือทำก็ผลิดอกออกผล ประชาชนอยู่ดีกินดี บ้านเมืองมั่งคั่ง ท้องพระคลังไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป“มำหม่ำ”เสียงบุตรชายร้องกินนมอยู่ในอ้อมกอดมารดา จนคนเป็นพ่อแบบเขาบางครั้งก็โมโห ที่ภรรยาสนใจแต่ลูกน้อยไม่สนใจเขาบ
มู่เซียวเซ่อลืมตาขึ้น ถูกยั่วยวนเพียงนี้ใครจะทนได้ อดกลั้นอยู่ตั้งนานเพราะกลัวนางเหนื่อย ได้ยินนางบอกไม่เหนื่อยใครบ้างไม่ยินดี เจ้ามังกรที่เขากำลังกล่อมหลับ จะได้รับการปลอบประโลมแล้ว ดีใจสุด ๆดวงตาดอกท้อมองภรรยาหวานเยิ้ม จากนั้นจับมือของนางถอดสายคาดเอวรวมไปถึงถอดอาภรณ์ของเขาไปพร้อม ๆ กันลู่ผิงถิงเคยปรนนิบัติเขามาแล้วยามที่นางมีฤดูวันนั้น วันนี้นางจึงไม่เอียงอายเท่าไร ลิ้นเล็กเล็มเลียจุดอ่อนไหวของเขา เม็ดบัวทั้งสองข้างเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของนางมู่เซียวเซ่อครางในลำคออย่างเสียวซ่าน เขาแทบคลั่งที่ถูกกระตุ้น และตอนนี้เจ้ามังกรจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว “อ้าส์ ถิงเอ๋อร์เด็กดี ครอบครองมันให้พี่ที”ลู่ผิงถิงยิ้มมุมปากจากนั้นก็กรีดนิ้วไปบนหน้าท้องเขาไล่ไปหามังกรตัวเขื่อง จับรูดขึ้นลงเชื่องช้าแล้วหยุดมือลงกะทันหัน เห็นคิ้วของสามีเลิกขึ้นก็ยิ่งสุขใจ นางอยากกลั่นแกล้งที่เขาทิ้งให้นางรอคอยเพียงลำพังเมื่อครู่ “หม่อมฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว นอนกันเถิดเพคะ”มู่เซียวเซ่อจับสตรีที่ยั่วยวนเมื่อครู่นอนลงจากนั้นก็จุมพิตดูดดื่มมาถึงขั้นนี้แล้วใครจะนอน เขาขบกัด
มู่เซียวเซ่อในชุดสีแดงมงคลนั่งสง่าบนหลังม้า อาชาคู่กายที่ปราดเปรื่องในสนามรบ ถูกผูกผ้าสีแดงจนมันพ่นลมหายใจออกมาบ่อยครั้ง เขาได้แต่ปลอบมันด้วยการลูบขนบริเวณคอและเอ่ยติดสินบนมันแผ่วเบา “เสร็จงานจะให้หญ้าหวานของโปรดเจ้ามากหน่อย อย่างอแง” ด้านหลังของเขาเป็นขบวนสินสอดที่ตั้งใจนำมามอบให้ภรรยาชาวบ้านแถบนั้นมามุงดูด้วยความริษยา แสงระยิบระยับที่สะท้อนสายตา เป็นจำพวกเงินทองและเครื่องประดับที่พูนขึ้นมาจากหีบ และที่ปิดฝาไว้อีกมากมายคงจะเป็นผ้าไหมเนื้อดี รวมไปถึงโฉนดที่ดินและอื่น ๆ อีกมากมายชินอ๋องเสเพลเป็นเจ้าของหอเฟิ่งหวงใครก็ต่างเหลือเชื่อ สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ เขาแสร้งเสเพลตบตาผู้คน ทว่าทำได้เหมือนจริงราวกับเป็นตัวเขาเองด้านในจวนลู่ บิดามารดาและพี่รองของลู่ผิงถิงอยู่กันพร้อมหน้า เวินหลินช่วยบุตรสาวประทินโฉม ส่วนลู่หงเวินนั่งยิ้มมองภรรยาและบุตร ไม่กล้าพูดคุยกับภรรยา“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ สินสอดยาวมากน่าจะสองร้อยหาบได้” อาหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาบอก นางตื่นเต้นเมื่อเห็นขบวนรับเจ้าสาวของท่านอ๋อง“ถิงเอ๋อร์” เวินหลินจับมือบุตรสาวอยากร
ลู่ผิงถิงเริ่มโมโห นางร้องไห้ใจแทบขาดทว่าเป็นเลือดไก่ “แล้วที่ท่านหายใจรวยรินเล่า”“ข้าคงเหนื่อยมาก” มู่เซียวเซ่อเริ่มใช้จมูกซุกซน ซอกซอนไปตามลำคอระหง เรียวลิ้นดูดดึงเลาะเล็มตามปลายคางจนมาถึงริมฝีปาก“หยุด”มู่เซียวเซ่อหยุดชะงักตามคำสั่งจากนั้นเลิกคิ้วมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย“ท่านป่วยอยู่”“ข้าหายแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีก มู่เซียวเซ่อก็จู่โจมจุมพิตเร่าร้อน ปลดเปลื้องอาภรณ์คนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างระหง เรียวลิ้นลากไล้ไปทั่วทุกซอกมุมลู่ผิงถิงอ่อนระทวยไปกับการโลมเล้าของเขา ทว่านางยังไม่ลืมชีวิตน้อย ๆ ในท้อง “อ้าส์...ท่านอ๋องหม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่”“ข้าปรึกษาหมอหลวงแล้วว่าได้” มู่เซียวเซ่อกระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า พร้อมงับติ่งหูเบา ๆ“นี่หมายความว่าไง ท่านไม่ได้ป่วยจริงหรือ” หูของมู่เซียวเซ่อถูกพระชายาดึงราวกับหนังยางยืด“โอ๊ย..จะ..เจ็บ...ถิงเอ๋อร์ปล่อยก่อน ข้าป่วยจริง ๆ นะแต่ดีขึ้นมากแล้ว” สายตาของมู่เซียวเซ่อล่อกแล่กขณะเอ่ยลู่ผิงถิงหรี่ตามองสามีคร
ได้ยินเช่นนั้นใจของลู่ผิงถิงก็ราวกับหล่นไปในเหวลึก ถึงกับดูใจครั้งสุดท้ายเลยหรืออาจเพราะทำงานจนลืมกินข้าว หรืออาจเพราะอ่านฎีกาไม่ยอมพักผ่อน ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แม้ในใจยังไม่หายโกรธ แต่ความเป็นห่วงทำให้ลู่ผิงถิงรีบร้อนออกจากจวนอ๋องอย่างรวดเร็วบนเตียงกว้างสามีนอนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีบางของเขาลอกเป็นขุย “ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นอย่างนี้ไปได้” ลู่ผิงถิงน้ำตาไหลเมื่อเห็นสภาพของสามี“ถิงเอ๋อร์ ข้าปวดใจมากที่ต้องโกหกเจ้า” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอ เลือดสีดำจุดเล็กติดมากับผ้าเช็ดหน้า “วันนั้นเพราะเสด็จพี่ต้องการสังหารข้า ถ้าข้าไม่ตายเจ้าจะไม่ปลอดภัย” พูดไปไอไป“พอแล้วเพคะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่ผิงถิงจับมือสามีไว้ หัวใจบีบแน่นที่เห็นสภาพอิดโรยของเขาหมอหลวงนำโอสถเข้ามา “ท่านอ๋องดื่มยาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถิด” ลู่ผิงถิงรับยามาเป่าแล้วป้อนให้สามีสายตารู้สึกผิดจับจ้องผู้เป็นภรรยา “ข้าไม่อยากโกหกเจ้าสักนิด ที่กระท่อมหลังนั้นคนของเสด็จพี่จับตามองเราตลอดเวลา ข้าหาโอกาสสารภาพกับเจ้าไม่ได้ ยกโทษให้ข้านะถิงเอ๋อร์”ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปากบาง
“ฉึก” ปลายดาบแทงแผ่นหลังทะลุหัวใจของฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อดีดลูกโลหะเหล็กก้อนกลมใส่มือผู้เป็นพี่ชาย กระบี่หล่นจากมือตกลงพื้น เขาคว้าข้อมือบางดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอดภัยลู่ไป๋อิงใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทงชายหนุ่มที่ตัวเองรักแล้วกอดเขาจากด้านหลังล้มลงพื้นไปด้วยกัน “ไม่ได้ร่วมผูกผม ก็ร่วมลงหลุมไปด้วยกัน” พูดแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูฝ่าบาททำผิดมามากมายได้ทำอะไรเพื่อพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ถึงแม้จะทดแทนความผิดที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม สำหรับพี่ชายใหญ่นางจะตามไปชดใช้ที่ปรโลกไม่นานคนของมู่เซียวเซ่อก็ควบคุมคนของมู่เซียวเหิงได้ณ จวนอ๋องมู่เซียวเซ่อตามง้อภรรยามาสามวันแล้วทว่าไม่เป็นผล นางไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยด้วย เสด็จพ่อก็จะให้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียว ไม่รู้ถึงความลำบากใจของบุตรชายคนนี้บ้างเลย“เซียวเซ่อ ข้ามาแล้ว” อู่เหยียนเอ่ยทักทายสหาย ความจริงเขาเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว แต่พักอยู่ที่หอเฟิ่งหวง ไม่เข้าท้องพระโรงกับพวกจ้าวเฉา ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้มีวิ