เสี่ยวซีกำลังถูกเฆี่ยนด้วยแส้หวาย แผ่นหลังบอบบางมีเลือดซึมออกมาจากอาภรณ์เป็นรอยแส้
ในตอนที่มาถึงเสี่ยวซีกำลังจะสติดับวูบลง ทว่าตอนนี้นางดูเหมือนจะข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่ยอมให้ตนเองหมดสติ ลู่ผิงถิงเข้าไปกอดเสี่ยวซีไว้ ไม่ให้แส้ที่เต็มไปด้วยโลหิตฟาดลงบนแผ่นหลังบางนั้นได้อีก ทำให้บ่าวผู้นั้นยั้งมือไม่ทัน ฟาดไปที่แผ่นหลังของลู่ผิงถิง
“คุณหนูบ่าวไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
ร่างบางของลู่ผิงถิงสะดุ้งโหยง ยามหวายกระทบแผ่นหลัง แสบร้อนมาก เพียงครั้งเดียวยังเจ็บเพียงนี้ แล้วพี่เสี่ยวซีโดยไปตั้งหลายครั้งจะทนได้อย่างไร สายตามาดร้ายจับจ้องใบหน้าบ่าวที่ลงมือ พอดีกับที่สตรีร่างเล็กในอ้อมกอดขยับ ลู่ผิงถิงจึงเลิกสนใจบ่าวคนนั้น ได้แต่เก็บไฟโทสะทั้งหมดไว้ในใจ และก้มมองเสี่ยวซีที่อยู่ในอ้อมกอด
เสี่ยวซีลืมตาขึ้นเล็กน้อยพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไร้เสียง นางเจ็บมากเจ็บจนน้ำตาเม็ดเล็กเกลี้ยงเกลาไหลออกมา อยากปลอบใจคุณหนูที่แววตาแดงก่ำ แต่นางไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของคุณหนูค่อย ๆ พร่ามัวลง
ส่งรอยยิ้มเจ็บปวดให้เสี่ยวซีทั้งน้ำตา คนในอ้อมกอดสลบไปแล้ว ใจของลู่ผิงถิงสั่นสะท้าน พี่เสี่ยวซีหายใจแผ่วเบาเกินไป เบาเสียจนนางรู้สึกกลัว
วางร่างพี่เสี่ยวซีไปบนพื้นอย่างนุ่มนวล แล้วส่งสัญญาณให้อาหลี่ไปตามหมอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลู่ไป๋อิง
“นางทำสิ่งใดผิด?” ลู่ผิงถิงกัดฟันถามลู่ไป๋อิงที่เป็นคนควบคุมการเฆี่ยนในครั้งนี้
“นางขโมยสร้อยมุกของข้า ข้าแค่ลงโทษตามกฎเท่านั้นผิดหรือ”
ลู่ผิงถิงจ้องลู่ไป๋อิงเขม็ง ครั้งนี้นางโกรธน้องสาวมาก ยิ่งอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตา ลู่ผิงถิงยิ่งอยากฟาดฝ่ามือบนแก้มนวลนั้น มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เพื่อสงบจิตสงบใจไม่ให้ตนยื่นมือออกไปตบหน้าลู่ไป๋อิง
เมื่ออีกฝ่ายมีหลักฐานมัดตัว การลงโทษบ่าวตามกฎตระกูลก็เป็นเรื่องปกติ ลู่ผิงถิงยอมรับเรื่องนี้นางเถียงไม่ได้
ยิ่งถ้านางลงไม้ลงมือกับน้องสาว ก็จะทำให้นางกลายเป็นคนไม่รู้ความปกป้องคนผิด
ทว่า ลู่ผิงถิงรู้จักพี่เสี่ยวซีดีว่าไม่ได้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย อีกอย่างพี่เสี่ยวซีอยู่เรือนท้ายจวนจะเข้าไปขโมยของในเรือนใหญ่ได้อย่างไร เรื่องราวพวกนี้แค่มองก็รู้ว่าถูกใส่ร้าย
“คุยกับข้าที่เป็นถึงพระชายาเจ้าใช้ท่าทีแบบนี้หรือ อิงเอ๋อร์น้องสาวข้า เจ้ารู้หรือไม่โทษหมิ่นเบื้องสูง ข้าสามารถจับเจ้าโบยได้ทันทีเช่นกัน” ลู่ผิงถิงพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ลู่ไป๋อิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นางไม่อยากคารวะคนอย่างลู่ผิงถิง ทว่าพี่สาวตัวดีใช้ฐานะพระชายาจอมปลอมมาข่มขู่นาง และตอนนี้ฐานะของนางยังเทียบฐานะพระชายาของพี่สาวไม่ได้ จึงยอบกายคารวะอย่างขอไปที
จิตใจของลู่ไป๋อิงจดจำความอับอายครั้งนี้ไว้แล้ว รอให้นางได้ขึ้นเป็นฮองเฮา เป็นพี่สะใภ้ของพี่สาวตัวดีก่อนเถิด ถึงวันนั้นนางอยากกดขี่ข่มเหงพี่สาวอย่างไรก็ย่อมได้
ถ้าแผนการที่นางวางไว้ให้ฮ่องเต้สำเร็จ พี่สาวตัวดีของนางจะยังวางท่าหยิ่งยโสเพียงนี้อยู่ได้อีกหรือ เฝ้ารอเหลือเกิน เฝ้ารอวันที่พี่สาวไม่มีหน้าไปมองผู้อื่น “พวกเราเป็นพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีการ พี่สาวท่านว่าหรือไม่”
“ใช่ ข้าเพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าจะคารวะข้าจริง” ลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา “สร้อยของเจ้าก็ได้คืนแล้วบ่าวคนนี้ก็ถูกลงโทษแล้ว เช่นนั้นข้าจะพานางไปรักษา”
“ก็ไปสิ ใครจะกล้าขวางพระชายาที่สูงส่งเล่าเพคะ” ลู่ไป๋อิงจีบปากจีบคอพูด ถึงแม้ไม่สบอารมณ์แต่นางยังรู้จักอดกลั้น
คนอย่างลู่ไป๋อิงหากไม่ชอบหน้าใคร ก็เล่นลูกไม้เล็กน้อย ให้อีกฝ่ายผิดแล้วจับมาลงโทษ เสี่ยวซีก็เช่นกัน ในเมื่อนางไม่ชอบหน้าอยากกำจัดทิ้งใครจะขวางนางได้
ถ้าวันนี้ลู่ผิงถิงไม่กลับจวน จะไม่มีทางยอมให้เสี่ยวซีเหลือลมหายใจสุดท้ายแบบนี้เด็ดขาด แต่ก็ช่างเถิด ได้ระบายอารมณ์จนสมใจแล้ว ไม่แน่เสี่ยวซีอาจจะไม่รอดคืนนี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นออกไปท่องเที่ยวกับบิดามารดา และพี่ชายรองที่เพิ่งกลับมาจากการไปดูแลการค้าต่างเมืองอย่างมีความสุขดีกว่า
ลู่ผิงถิงกำลังใช้กรรไกรตัดเลาะเอาเสื้อออกจากแผ่นหลังของพี่เสี่ยวซี นางทำอย่างเบามือที่สุดแล้ว ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงครางแสนเจ็บปวด มือสั่นเทาซับเลือดที่เปื้อนบริเวณบาดแผล ไม่คาดคิดว่ารอยแส้จะฉกรรจ์ถึงเพียงนี้ แผ่นหลังขาวนวลของพี่เสี่ยวซี แตกเหวอะหวะจนดูแทบไม่ได้ ลู่ผิงถิงปิดหน้าร้องไห้อย่างทนไม่ไหว
“พระชายาหมอมาแล้วเพคะ”
อาหลี่พาหมอชาวบ้านมาอย่างเร่งรีบ ลู่ผิงถิงถอยออกมาให้หมอดูอาการ เมื่อหมอใส่ยาและพันแผลเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาส่ายหน้าให้ลู่ผิงถิง “อาการแม่นางคนนี้หนักมาก ข้าน้อยคิดว่าแม่นางคนนี้ อาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวขอรับ ส่วนนี่เทียบยา หมดหน้าที่ข้าน้อยแล้ว ขอตัวก่อนนะขอรับ”
........................
หนักแค่ช่วงแรกค่ะชีวิตนางเอก อีกเดี๋ยวจะหวานแหวว โรแมนติก ใครอ่านแล้ว เมนต์เติมกำลังใจหน่อยนะ
ลู่ผิงถิงคร้านจะสนใจเขาตอนนี้ตานางลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว “หม่อมฉันง่วงแล้วเพคะ” จมูกโด่งของคนด้านข้างซุกไซร้ซอกคอทว่านางไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัวมู่เซียวเซ่อจุมพิตขมับภรรยาเบา ๆ จากนั้นก็ออกจากห้องไม่เช่นนั้นเขาคงก่อกวนนางจนตื่นแน่ เขาตรงไปยังห้องทรงอักษรเพื่อจัดการฎีกาที่เหลือ เกือบสว่างเขาถึงได้กลับมานอนกอดภรรยาเช้าวันต่อมาฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อออกว่าราชการและสั่งการให้ลู่หงปินที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นมหาเสนาบดี ไปจัดการช่วยเหลือชาวเมืองทางเหนือที่ถูกน้ำป่าถล่มเสียหายหลายหมู่บ้าน จัดการแจกเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มให้ชาวบ้าน ก่อสร้างบ้านเรือนที่เสียหาย และได้วางแผนเปิดการค้ากับต่างแคว้นเพื่อฟื้นฟูท้องพระคลังที่ว่างเปล่าฮ่องเต้ทรงห่วงใยปวงประชา ทรงงานหนักทุกวันเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี จวบจนเวลาสามปีทุกอย่างที่เฝ้าตั้งใจลงมือทำก็ผลิดอกออกผล ประชาชนอยู่ดีกินดี บ้านเมืองมั่งคั่ง ท้องพระคลังไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป“มำหม่ำ”เสียงบุตรชายร้องกินนมอยู่ในอ้อมกอดมารดา จนคนเป็นพ่อแบบเขาบางครั้งก็โมโห ที่ภรรยาสนใจแต่ลูกน้อยไม่สนใจเขาบ
มู่เซียวเซ่อลืมตาขึ้น ถูกยั่วยวนเพียงนี้ใครจะทนได้ อดกลั้นอยู่ตั้งนานเพราะกลัวนางเหนื่อย ได้ยินนางบอกไม่เหนื่อยใครบ้างไม่ยินดี เจ้ามังกรที่เขากำลังกล่อมหลับ จะได้รับการปลอบประโลมแล้ว ดีใจสุด ๆดวงตาดอกท้อมองภรรยาหวานเยิ้ม จากนั้นจับมือของนางถอดสายคาดเอวรวมไปถึงถอดอาภรณ์ของเขาไปพร้อม ๆ กันลู่ผิงถิงเคยปรนนิบัติเขามาแล้วยามที่นางมีฤดูวันนั้น วันนี้นางจึงไม่เอียงอายเท่าไร ลิ้นเล็กเล็มเลียจุดอ่อนไหวของเขา เม็ดบัวทั้งสองข้างเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของนางมู่เซียวเซ่อครางในลำคออย่างเสียวซ่าน เขาแทบคลั่งที่ถูกกระตุ้น และตอนนี้เจ้ามังกรจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว “อ้าส์ ถิงเอ๋อร์เด็กดี ครอบครองมันให้พี่ที”ลู่ผิงถิงยิ้มมุมปากจากนั้นก็กรีดนิ้วไปบนหน้าท้องเขาไล่ไปหามังกรตัวเขื่อง จับรูดขึ้นลงเชื่องช้าแล้วหยุดมือลงกะทันหัน เห็นคิ้วของสามีเลิกขึ้นก็ยิ่งสุขใจ นางอยากกลั่นแกล้งที่เขาทิ้งให้นางรอคอยเพียงลำพังเมื่อครู่ “หม่อมฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว นอนกันเถิดเพคะ”มู่เซียวเซ่อจับสตรีที่ยั่วยวนเมื่อครู่นอนลงจากนั้นก็จุมพิตดูดดื่มมาถึงขั้นนี้แล้วใครจะนอน เขาขบกัด
มู่เซียวเซ่อในชุดสีแดงมงคลนั่งสง่าบนหลังม้า อาชาคู่กายที่ปราดเปรื่องในสนามรบ ถูกผูกผ้าสีแดงจนมันพ่นลมหายใจออกมาบ่อยครั้ง เขาได้แต่ปลอบมันด้วยการลูบขนบริเวณคอและเอ่ยติดสินบนมันแผ่วเบา “เสร็จงานจะให้หญ้าหวานของโปรดเจ้ามากหน่อย อย่างอแง” ด้านหลังของเขาเป็นขบวนสินสอดที่ตั้งใจนำมามอบให้ภรรยาชาวบ้านแถบนั้นมามุงดูด้วยความริษยา แสงระยิบระยับที่สะท้อนสายตา เป็นจำพวกเงินทองและเครื่องประดับที่พูนขึ้นมาจากหีบ และที่ปิดฝาไว้อีกมากมายคงจะเป็นผ้าไหมเนื้อดี รวมไปถึงโฉนดที่ดินและอื่น ๆ อีกมากมายชินอ๋องเสเพลเป็นเจ้าของหอเฟิ่งหวงใครก็ต่างเหลือเชื่อ สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ เขาแสร้งเสเพลตบตาผู้คน ทว่าทำได้เหมือนจริงราวกับเป็นตัวเขาเองด้านในจวนลู่ บิดามารดาและพี่รองของลู่ผิงถิงอยู่กันพร้อมหน้า เวินหลินช่วยบุตรสาวประทินโฉม ส่วนลู่หงเวินนั่งยิ้มมองภรรยาและบุตร ไม่กล้าพูดคุยกับภรรยา“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ สินสอดยาวมากน่าจะสองร้อยหาบได้” อาหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาบอก นางตื่นเต้นเมื่อเห็นขบวนรับเจ้าสาวของท่านอ๋อง“ถิงเอ๋อร์” เวินหลินจับมือบุตรสาวอยากร
ลู่ผิงถิงเริ่มโมโห นางร้องไห้ใจแทบขาดทว่าเป็นเลือดไก่ “แล้วที่ท่านหายใจรวยรินเล่า”“ข้าคงเหนื่อยมาก” มู่เซียวเซ่อเริ่มใช้จมูกซุกซน ซอกซอนไปตามลำคอระหง เรียวลิ้นดูดดึงเลาะเล็มตามปลายคางจนมาถึงริมฝีปาก“หยุด”มู่เซียวเซ่อหยุดชะงักตามคำสั่งจากนั้นเลิกคิ้วมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย“ท่านป่วยอยู่”“ข้าหายแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีก มู่เซียวเซ่อก็จู่โจมจุมพิตเร่าร้อน ปลดเปลื้องอาภรณ์คนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างระหง เรียวลิ้นลากไล้ไปทั่วทุกซอกมุมลู่ผิงถิงอ่อนระทวยไปกับการโลมเล้าของเขา ทว่านางยังไม่ลืมชีวิตน้อย ๆ ในท้อง “อ้าส์...ท่านอ๋องหม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่”“ข้าปรึกษาหมอหลวงแล้วว่าได้” มู่เซียวเซ่อกระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า พร้อมงับติ่งหูเบา ๆ“นี่หมายความว่าไง ท่านไม่ได้ป่วยจริงหรือ” หูของมู่เซียวเซ่อถูกพระชายาดึงราวกับหนังยางยืด“โอ๊ย..จะ..เจ็บ...ถิงเอ๋อร์ปล่อยก่อน ข้าป่วยจริง ๆ นะแต่ดีขึ้นมากแล้ว” สายตาของมู่เซียวเซ่อล่อกแล่กขณะเอ่ยลู่ผิงถิงหรี่ตามองสามีคร
ได้ยินเช่นนั้นใจของลู่ผิงถิงก็ราวกับหล่นไปในเหวลึก ถึงกับดูใจครั้งสุดท้ายเลยหรืออาจเพราะทำงานจนลืมกินข้าว หรืออาจเพราะอ่านฎีกาไม่ยอมพักผ่อน ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แม้ในใจยังไม่หายโกรธ แต่ความเป็นห่วงทำให้ลู่ผิงถิงรีบร้อนออกจากจวนอ๋องอย่างรวดเร็วบนเตียงกว้างสามีนอนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีบางของเขาลอกเป็นขุย “ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นอย่างนี้ไปได้” ลู่ผิงถิงน้ำตาไหลเมื่อเห็นสภาพของสามี“ถิงเอ๋อร์ ข้าปวดใจมากที่ต้องโกหกเจ้า” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอ เลือดสีดำจุดเล็กติดมากับผ้าเช็ดหน้า “วันนั้นเพราะเสด็จพี่ต้องการสังหารข้า ถ้าข้าไม่ตายเจ้าจะไม่ปลอดภัย” พูดไปไอไป“พอแล้วเพคะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่ผิงถิงจับมือสามีไว้ หัวใจบีบแน่นที่เห็นสภาพอิดโรยของเขาหมอหลวงนำโอสถเข้ามา “ท่านอ๋องดื่มยาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถิด” ลู่ผิงถิงรับยามาเป่าแล้วป้อนให้สามีสายตารู้สึกผิดจับจ้องผู้เป็นภรรยา “ข้าไม่อยากโกหกเจ้าสักนิด ที่กระท่อมหลังนั้นคนของเสด็จพี่จับตามองเราตลอดเวลา ข้าหาโอกาสสารภาพกับเจ้าไม่ได้ ยกโทษให้ข้านะถิงเอ๋อร์”ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปากบาง
“ฉึก” ปลายดาบแทงแผ่นหลังทะลุหัวใจของฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อดีดลูกโลหะเหล็กก้อนกลมใส่มือผู้เป็นพี่ชาย กระบี่หล่นจากมือตกลงพื้น เขาคว้าข้อมือบางดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอดภัยลู่ไป๋อิงใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทงชายหนุ่มที่ตัวเองรักแล้วกอดเขาจากด้านหลังล้มลงพื้นไปด้วยกัน “ไม่ได้ร่วมผูกผม ก็ร่วมลงหลุมไปด้วยกัน” พูดแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูฝ่าบาททำผิดมามากมายได้ทำอะไรเพื่อพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ถึงแม้จะทดแทนความผิดที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม สำหรับพี่ชายใหญ่นางจะตามไปชดใช้ที่ปรโลกไม่นานคนของมู่เซียวเซ่อก็ควบคุมคนของมู่เซียวเหิงได้ณ จวนอ๋องมู่เซียวเซ่อตามง้อภรรยามาสามวันแล้วทว่าไม่เป็นผล นางไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยด้วย เสด็จพ่อก็จะให้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียว ไม่รู้ถึงความลำบากใจของบุตรชายคนนี้บ้างเลย“เซียวเซ่อ ข้ามาแล้ว” อู่เหยียนเอ่ยทักทายสหาย ความจริงเขาเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว แต่พักอยู่ที่หอเฟิ่งหวง ไม่เข้าท้องพระโรงกับพวกจ้าวเฉา ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้มีวิ