เฮงซวยที่สุดเท่าที่เคยพบ ทั้งที่สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรักนางคนเดียว ผ่านไปเพียงปีเดียวก็รับฮูหยินรองอย่างเจียงเม่ยเข้ามาเหยียบย่ำใจนาง
นางทนมาเป็นสิบ ๆ ปี สุดท้ายเป็นไง ถูกเขาลงโทษอย่างกับสุนัขตัวหนึ่ง “ไอ้คนเฮงซวย” เวินหลินตะโกนออกมาแล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะ
ลู่ผิงถิงบังคับลำตัวให้อยู่นิ่งไม่ได้จึงเอนไปด้านหลัง “ใช่ ท่านแม่เฮงซวยสุด ๆ เห็นข้าเป็นอะไร มาหลอกข้าให้รักแล้วไปอยู่กับสตรีอื่น ไอ้เฮงซวยเอ๊ย”
เวินหลินหลับไปแล้วลู่ผิงถิงปวดปัสสาวะจึงลุกขึ้น เดินขาเลื้อยพันกันเซไปซ้ายทีขวาทีจนชายหนุ่มคนหนึ่งต้องเข้ามาพยุง “พ่อรูปงามคนนั้น พาข้าไปปลดเบาหน่อย” คนนี้ไม่ถูกใจเท่าไร จึงชี้ไปหาพ่อหน้าหวานคนที่บอกว่าชอบนาง
โดยไม่รู้เลยว่าการที่นางเจาะจงเลือก ทำให้บุรุษผู้นั้นคิดว่านางทอดสะพานให้
บุรุษผู้นั้นโอบเอวลู่ผิงถิงพาเดินไปห้องปลดเบา สตรีตัวเล็กทิ้งน้ำหนักซบพิงเขามาทั้งตัว เขาปล่อยนางเข้าไปทำธุระส่วนตัวแล้วรอนางอยู่ เมาเพียงนี้คนงามเจ้าไม่รอดแน่ สมองกำลังประมวลผลว่าจะไปที่ห้องส่วนตัวหรือมุมอับแถวห้องสุขานี้ดี
ลู่ผิงถิงเกาะเลาะผนังออกมา บุรุษหนุ่มเข้าไ
ลู่ผิงถิงเริ่มโมโห นางร้องไห้ใจแทบขาดทว่าเป็นเลือดไก่ “แล้วที่ท่านหายใจรวยรินเล่า”“ข้าคงเหนื่อยมาก” มู่เซียวเซ่อเริ่มใช้จมูกซุกซน ซอกซอนไปตามลำคอระหง เรียวลิ้นดูดดึงเลาะเล็มตามปลายคางจนมาถึงริมฝีปาก“หยุด”มู่เซียวเซ่อหยุดชะงักตามคำสั่งจากนั้นเลิกคิ้วมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย“ท่านป่วยอยู่”“ข้าหายแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีก มู่เซียวเซ่อก็จู่โจมจุมพิตเร่าร้อน ปลดเปลื้องอาภรณ์คนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างระหง เรียวลิ้นลากไล้ไปทั่วทุกซอกมุมลู่ผิงถิงอ่อนระทวยไปกับการโลมเล้าของเขา ทว่านางยังไม่ลืมชีวิตน้อย ๆ ในท้อง “อ้าส์...ท่านอ๋องหม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่”“ข้าปรึกษาหมอหลวงแล้วว่าได้” มู่เซียวเซ่อกระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า พร้อมงับติ่งหูเบา ๆ“นี่หมายความว่าไง ท่านไม่ได้ป่วยจริงหรือ” หูของมู่เซียวเซ่อถูกพระชายาดึงราวกับหนังยางยืด“โอ๊ย..จะ..เจ็บ...ถิงเอ๋อร์ปล่อยก่อน ข้าป่วยจริง ๆ นะแต่ดีขึ้นมากแล้ว” สายตาของมู่เซียวเซ่อล่อกแล่กขณะเอ่ยลู่ผิงถิงหรี่ตามองสามีคร
ได้ยินเช่นนั้นใจของลู่ผิงถิงก็ราวกับหล่นไปในเหวลึก ถึงกับดูใจครั้งสุดท้ายเลยหรืออาจเพราะทำงานจนลืมกินข้าว หรืออาจเพราะอ่านฎีกาไม่ยอมพักผ่อน ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แม้ในใจยังไม่หายโกรธ แต่ความเป็นห่วงทำให้ลู่ผิงถิงรีบร้อนออกจากจวนอ๋องอย่างรวดเร็วบนเตียงกว้างสามีนอนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีบางของเขาลอกเป็นขุย “ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นอย่างนี้ไปได้” ลู่ผิงถิงน้ำตาไหลเมื่อเห็นสภาพของสามี“ถิงเอ๋อร์ ข้าปวดใจมากที่ต้องโกหกเจ้า” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอ เลือดสีดำจุดเล็กติดมากับผ้าเช็ดหน้า “วันนั้นเพราะเสด็จพี่ต้องการสังหารข้า ถ้าข้าไม่ตายเจ้าจะไม่ปลอดภัย” พูดไปไอไป“พอแล้วเพคะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่ผิงถิงจับมือสามีไว้ หัวใจบีบแน่นที่เห็นสภาพอิดโรยของเขาหมอหลวงนำโอสถเข้ามา “ท่านอ๋องดื่มยาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถิด” ลู่ผิงถิงรับยามาเป่าแล้วป้อนให้สามีสายตารู้สึกผิดจับจ้องผู้เป็นภรรยา “ข้าไม่อยากโกหกเจ้าสักนิด ที่กระท่อมหลังนั้นคนของเสด็จพี่จับตามองเราตลอดเวลา ข้าหาโอกาสสารภาพกับเจ้าไม่ได้ ยกโทษให้ข้านะถิงเอ๋อร์”ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปากบาง
“ฉึก” ปลายดาบแทงแผ่นหลังทะลุหัวใจของฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อดีดลูกโลหะเหล็กก้อนกลมใส่มือผู้เป็นพี่ชาย กระบี่หล่นจากมือตกลงพื้น เขาคว้าข้อมือบางดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอดภัยลู่ไป๋อิงใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทงชายหนุ่มที่ตัวเองรักแล้วกอดเขาจากด้านหลังล้มลงพื้นไปด้วยกัน “ไม่ได้ร่วมผูกผม ก็ร่วมลงหลุมไปด้วยกัน” พูดแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูฝ่าบาททำผิดมามากมายได้ทำอะไรเพื่อพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ถึงแม้จะทดแทนความผิดที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม สำหรับพี่ชายใหญ่นางจะตามไปชดใช้ที่ปรโลกไม่นานคนของมู่เซียวเซ่อก็ควบคุมคนของมู่เซียวเหิงได้ณ จวนอ๋องมู่เซียวเซ่อตามง้อภรรยามาสามวันแล้วทว่าไม่เป็นผล นางไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยด้วย เสด็จพ่อก็จะให้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียว ไม่รู้ถึงความลำบากใจของบุตรชายคนนี้บ้างเลย“เซียวเซ่อ ข้ามาแล้ว” อู่เหยียนเอ่ยทักทายสหาย ความจริงเขาเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว แต่พักอยู่ที่หอเฟิ่งหวง ไม่เข้าท้องพระโรงกับพวกจ้าวเฉา ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้มีวิ
“เซียวเซ่อ เจ้าแสร้งเสเพลลักลอบสร้างฐานกำลังคิดจะก่อกบฏใช่รึไม่ หากเราไม่ให้ไป๋อิงจับตัวลู่ผิงถิงและซู่เหยาไป เราคงยังโง่ดักดานอยู่เช่นนี้”สายตาของมู่เซียวเซ่อแฝงแววโศกเศร้า “เสด็จพี่ กระหม่อมไม่เคยคิดแย่งชิงบัลลังก์กับท่าน ตราบัญชาการทหารกระหม่อมมอบให้พระองค์กับมือตัวเอง หวังให้เสด็จพี่ลดความหวาดระแวงในตัวกระหม่อมลงบ้าง แต่ท่านไม่เคยลดความระแวดระวังลงเลย ส่งคนมาจับตาดูกระหม่อม จะไม่ให้กระหม่อมป้องกันไว้คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งจวนอ๋องมีแต่คนของท่าน ถ้ากระหม่อมไม่แสร้งเสเพล จะมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ได้รึ พระองค์ไม่ควรแตะถิงเอ๋อร์แต่แรก แตะถูกจุดที่กระหม่อมไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีก”“ถึงกับช่วยเสด็จพ่อภายใต้จมูกคนของข้า เซียวเซ่อเจ้ามีความสามารถมาตลอด แต่ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยใครรอดไปได้สักคน ทหารสังหารให้สิ้น” ตวาดสุดเสียงสั่งการคนของตนเมื่อทหารของฮ่องเต้เริ่มลงมือคนของชินอ๋องเซียวเซ่อก็ออกมาคุ้มกัน นำโดยจี้ต้าเหมิงพี่ชายของจี้ฮองเฮา“ท่านพี่” จี้ฝู่หลิงร้องเรียกพี่ชาย คิดว่าเขาจะถูกปลิดชีพในสนามรบไปพร้อมบิดาแล้ว ยังดีที่ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้านาง จี้ฝู่หลิงวิ่งเข้
ทหารส่วนพระองค์วิ่งเข้ามาล้อมลู่ผิงถิงไว้ กำลังจะจับตัวสตรีตัวเล็กไป หน้ากากทองก็เข้ามาขวางไว้ ไม่ให้ทหารเหล่านั้นจับลู่ผิงถิงไปได้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารกับหน้ากากทอง เหล่าขุนนางพากันวิ่งวุ่นหลบตามมุมลู่ผิงถิงเห็นพี่ชายรองดีดบางอย่างใส่พี่ชายหน้ากากทอง ก็รู้สึกเสียใจมาก เขาต้องการสังหารนางจนไม่อยากให้ใครช่วยนางเลยหรือเสียงหน้ากากตกกระทบพื้นลู่ผิงถิงหันไปมองด้วยความตกใจ นางคิดว่าพี่ชายหน้ากากทอง คงนอนกองอยู่บนพื้นไปแล้ว ทว่า...เขายังยืนสง่าอยู่ หน้ากากแบ่งครึ่งร่วงลงพื้น เผยโฉมหน้าหล่อเหลาคุ้นตาลู่หงปินไม่ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้า เปิดเผยโฉมหน้าของหน้ากากทอง เขาไม่อยากหลอกลวงถิงเอ๋อร์อีกต่อไปเขายังไม่ตาย สามีนางยังไม่ตาย เขายืนอยู่ตรงหน้านาง ควรดีใจวิ่งเข้าไปกอด แต่ยามนี้ลู่ผิงถิงนิ่งอึ้ง เขาเอาความรู้สึกนางมาล้อเล่นแบบนี้ได้อย่างไร เขาเห็นนางเป็นตัวตลก เห็นนางเป็นอะไรกันแน่ ไม่บอกนางสักคำปล่อยให้นางเศร้าเสียใจ ทั้งที่ใช้เวลาอยู่กับนางมาโดยตลอด จิตใจเขาทำด้วยอะไรกันนะ“จะ เจ้ายังไม่ตาย” ฮ่องเต้หนุ่มชี้หน้าอนุชามือสั่น
สามวันต่อมาลู่ผิงถิงกลับเข้าเมืองมาแล้ว เนื่องจากมาถึงยามวิการจึงพักที่เรือนมารดาหนึ่งวัน เช้าวันนี้นางกำลังเดินทางไปจวนอ๋องก้าวขาเข้าจวนที่ผูกผ้าแพรสีดำสีขาว ผ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ทั้งจวนดูมืดมนไม่ต่างจากใจของนางซู่เหยาในชุดขาวสะอาดนั่งอยู่หน้าพระโกศ (โลงศพ) ลู่ผิงถิงเดินเข้าไปนั่งลงข้างกายซู่เหยา “เจ้าเห็นเขาแล้วหรือ” นางอยากเปิดฝาพระโกศออก แล้วดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย ทว่ากลัวทำใจไม่ได้ซู่เหยาสบเข้ากับสายตาเจ็บปวดของพระชายาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นสตรีคนหนึ่งที่งดงามผ่ายผอมลงในชั่วพริบตา ก็เกิดความเวทนาสงสาร จึงอธิบายเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เผื่อจะทำให้พระชายาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง “พระชายาความจริงบุตรในท้องหม่อมฉันไม่ใช่บุตรของท่านอ๋อง” ซู่เหยาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ตอนนั้นหม่อมฉันไร้ทางออกคิดสังหารตัวเอง ท่านอ๋องจึงไม่อาจปล่อยหม่อมฉันไว้คนเดียวได้ พวกเราไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน ทุกครั้งที่พบกันมีเพียงเรื่องภารกิจเท่านั้นเพคะ หม่อมฉันเป็นหนึ่งในนักสืบข่าวของท่านอ๋อง หอเฟิ่งหวงเองก็เป็นท่านอ๋องก่อตั้งขึ้นมา ทว่าเรื่องนี้น้อยคนนักที่จะรู้ อีกอย่างช่วงนั้นท่านอ