แม้ว่าจะเจ็บเพราะความรัดแน่นที่แข็งแกร่งของมังกรของท่านอ๋องแต่ฟู่ซิ่วอิงก็ยังแอ่นกายรับเขา สัมผัสนี้ทำเอารุ่ยหยางถึงกับครางเสียงหลงออกมาและดึงนางมาจูบอย่างกระหาย พวกเขาต่างถูกไฟปรารถนาที่เร่าร้อนเข้าครอบงำจนมิอาจทนได้เมื่อเริ่มขยับกายและเร่งจังหวะขึ้น
“อาาา….ซิ่วอิง!!”
“ท่านอ๋อง….อ๊าาา ปละ…เปลี่ยนท่าเถิดเพคะ”
“ได้สิ เจ้าอยากลองท่าใด”
ซิ่วอิงทำราวกับมิใช่ตัวนางเองแต่ในเมื่อสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดบอกให้นางต้องทำ นางลุกขึ้นหันหลังและแอ่นบั้นท้ายงามให้เขาอย่างจงใจและตบไปที่บั้นท้ายกลมกลึงนั้นเบา ๆ เพื่อยั่วยวนเขา ท่านอ๋องทนแทบไม่ไหวที่จะสอดมังกรเข้าไปทันทีเมื่อถูกนางเชื้อเชิญ
“อาา….ท่านี้….เจ้าเจ็บหรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้วเพคะขยับเข้ามาอีก พระองค์เร่งเข้าเพคะ หม่อมฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันพ้นข้ามคืนแต่งงานท่านอ๋องก็จะตกอยู่ภายใต้คำสั่งของพระชายาอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบระหว่างเขากับนางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางเติมเต็มเขาได้อย่างเหลือล้นจริง ๆ
“ท่านอ๋องเพคะ เร่งอีกเพคะ ใกล้แล้ว อ๊าา!!!”
นางรู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาด้านในกายจนเผลอตอดรัดเขาแน่นก่อนจะยอมปล่อย ร่างบางนอนหอบอยู่ด้านล่างโดยมีพระสวามีที่ยังมิได้ถอดแก่นกายมังกรออกจากตัวนางอีกทั้งยังก้มลงมากระซิบนางอย่างแผ่วเบา
“เจ้าบอกเองนะว่าไหว เช่นนั้นข้าก็จะยังไม่หยุด ต่อให้เจ้าร้องขอก็อย่าได้คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“อ๊าา อ๊าา อื้อ….”
แก่นกายที่กระแทกเข้ามาไม่ยั้งในรอบที่สองทำเอาฟู่ซิ่วอิงแทบจะคลั่งตายเพราะนางพึ่งจะได้พักหายใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพระสวามีของนางเร่าร้อนจนนางมิอาจยอมเขาได้เช่นกัน
นางเปลี่ยนมานั่งคร่อมและส่งปทุมสีสวยให้เขาจัดการเองกับมือ ท่านอ๋องผู้ที่เหมือนกับถูกสั่งมีหรือจะยอมให้นางสั่งเพียงผู้เดียว เขาทั้งดูดดึงและขบเม้มจนนางครางเสียงสั่นพร้อมกับขยับเอวอยู่บนร่างแกร่งหนาของเขา ผมของเขาถูกนางดึงจนยุ่งเหยิงและเริ่มหลุดออกจากกวานที่ผูกเอาไว้
“อ๊าา เร่งอีกนิดเพคะ อึ๊ยย!!!”
ท่านอ๋องไม่ยอมแพ้ที่จะให้นางเป็นผู้คุมศึกในครั้งนี้นาน เขาดันตัวนางลงและเริ่มเป็นผู้กุมบังเหียนแทน นิ้วมือหนาถูนางดึงไปดูดเอาไว้และขบเม้มเบา ๆ ตามจังหวะที่เขากระแทกไปพร้อมกับมืออีกข้างที่บีบหน้าอกนางจนเนื้อล้นปูดออกมาตามร่องนิ้ว ช่างเป็นคืนส่งตัวที่เร่าร้อนอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนจริง ๆ
วันถัดมา
ม่านบนเตียงยังคงถูกปิดเอาไว้เมื่อทั้งสองพระองค์ที่ยังหลับสนิทด้วยกายที่เปลือยเปล่าจากศึกรักที่กระหน่ำเกือบรุ่งสางได้หยุดลงพร้อมกับสายลูกปัดทองบางส่วนที่ถูกดึงจนขาด
ท่านอ๋องที่นอนกกกอดพระชายาเอาไว้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนที่นางจะตื่น เขาหันไปมองคนในอ้อมกอดอย่างช้า ๆ
“คิดไม่ถึงว่าจะรับมือข้าได้นานถึงเพียงนี้ พระชายา”
“อืมม…อย่าดิ้นสิเพคะท่านพี่”
“ท่านพี่งั้นหรือ….หึ คำเรียกนี้ก็ไม่แย่นัก”
คนข้าง ๆ เริ่มรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาพร้อมกับสบตาเขา ท่านอ๋องที่พึ่งเห็นว่าพระชายาของตนเองตาโตเพียงใดก็ยามที่นางตื่นนอนในตอนนี้เอง ตากลมโตดุจลูกกวางนี้ตราตรึงใจเขายิ่งจนมิอาจละสายตาไปได้
“เจ้า…ตื่นแล้วหรือ”
“พะ เพคะ หม่อมฉัน….โอ๊ะ!!”
นางรู้สึกราวกับเอวเริ่มเคล็ดไปอีกครั้ง ก็แน่ล่ะสิเมื่อคืนนี้นางกับเขาแทบจะมิได้พักเลยราวกับก่อสมรภูมิศึกที่ไม่มีผู้ใดยอมใครเลยจนเฮือกสุดท้ายที่นางเผลอหลับไปก่อนนั่นแหละ เมื่อเริ่มรู้ตัวก็ค่อย ๆ หดตัวกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
“ทำไมกัน เจ้าพึ่งจะมาอายงั้นหรือ”
“ไม่นะเพคะ พระองค์…ไม่รีบออกไปทรงงานหรือเพคะ”
“หลังคืนส่งตัวไม่ควรออกจากห้องหอแต่เช้าเจ้าก็คงรู้ธรรมเนียมนี้ดีนี่”
“ทราบเพคะ หมัวมัวบอกก่อนที่จะมาที่นี่แล้วเพคะ”
“อืม เช่นนั้นก็…”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องด่วนจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเข้ามายามนี้ นี่ยังไม่ถึงเวลา”
“แต่ว่า…ท่านอ๋องเคยรับสั่งเอาไว้หากเป็นเรื่องของจวนท่านราชครูเมิ่งไม่ว่าเวลาใดก็ให้มาทูลได้ทันที”
ฟู่ซิ่วอิงหันมามองพระพักตร์ที่หันกลับมามองนางด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ซิ่วอิงหันไปมองประตูก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงทั้ง ๆ ที่เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา
“ซิ่วอิงนั่นเจ้าจะไปที่ใด”
ท่านอ๋องกระซิบถามเมื่อเห็นนางกำลังจะลุกจากเตียง เสียงถกเถียงขององครักษ์ของเขากับสาวใช้ของนางด้านหน้าประตูยังคงดังอยู่
ซิ่วอิงเปิดผ้าห่มและเดินลงจากเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่าซึ่งดึงสายตาของท่านอ๋องเอาไว้ได้ทันที พระองค์มิได้สนพระทัยกับเสียงหน้าประตูอีกแล้วเมื่อเห็นรูปร่างของพระชายาที่ยั่วยวนตรงหน้าพระพักตร์นี้
“หม่อมฉันจะไปอาบน้ำ….ล้างตัวเพคะ หากได้แช่น้ำอุ่น ๆ ที่ห้องอาบน้ำคงสบายมากขึ้น” / ฟู่ซิ่วอิง
“ท่านอ๋องจะทรงกริ้วหากว่าข้ามิได้มาแจ้ง” / เสี่ยวหมิง
“แต่ว่ายามนี้เป็นเวลาที่ส่งตัว ตามธรรมเนียมไม่ควรจะมาเรียกเช่นนี้” / จินฝู
“แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเองก็รอไม่ได้เช่นกันเจ้าไม่เข้าใจว่าคุณหนูเมิ่งกับท่านอ๋อง....” / เสี่ยวหมิง
“แต่ในเวลานี้คุณหนูของข้าคือพระชายาท่านอ๋อง ว๊าย!!…..” / จินฝู
พวกเขาถกเถียงกันจนดันประตูห้องส่งตัวเข้าไปด้านใน แต่นอกจากห้องที่ราวกับสมรภูมิรบของเมื่อคืนด้านในนี้ก็ไม่พบทั้งท่านอ๋องหรือพระชายา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่า!! มีการลอบสังหารอีกแล้ว!!”
“ไม่ใช่เสียหน่อยเจ้าโง่!! มองดูสิ ทั้งสองพระองค์ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำด้านในต่างหากออกมาได้แล้วอย่าเข้าไป”
“เช่นนั้น…แล้วคุณหนูเมิ่งข้าควรทำเช่นไรดี”
“ก็ไปบอกนางตามตรง ที่จริงแล้วนางควรจะทราบกาลเทศะ วันนี้เป็นวันอะไรหากมีมารยาทก็ไม่ควรมาเข้าเฝ้าในเวลาเช่นนี้”
“แต่ว่า…”
“ท่านจะไปบอกเองหรือว่าจะให้ข้าไปบอกให้ ข้าไม่รับประกันนะเพราะปากของข้ามิได้ถูกออกแบบมาให้พูดจาดีนักกับคนที่ไร้มารยาทเช่นนี้”
“ก็ได้ ๆ ข้าไปเองเจ้าไม่ต้องไปหรอก”
ทั้งสองเดินออกมาและรีบปิดประตูห้องส่งตัวนั้นไว้ดังเดิมและรีบเดินออกมาจากที่นั่นทันที ก่อนหน้านั้นเสียงพวกเขาที่ดังอยู่หน้าประตูเรียกความสนพระทัยท่านอ๋องได้เพียงชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นพระชายาตรงหน้าในร่างเปลือยเปล่าก็พลันเปลี่ยนความสนพระทัยมาที่นางทันที
“พระองค์ไม่รีบไปพบนางหรือเพคะ”
“เจ้าจงใจสินะ”
“จงใจเรื่องใดเพคะ”
“หึ ฟู่ซิ่วอิงดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เจ้าจะไม่อิ่มสินะ”
“พระองค์ทรงทราบด้วยหรือเพคะ หากมิใช่พระองค์ทรงเหนื่อยเสียก่อน อ๊ะ!!”
ท่านอ๋องที่เดินตัวเปลือยตามซิ่วอิงลงมาจากเตียงลงมาคว้าร่างพระชายาที่กล้าท้าทายเขาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ขึ้นมาและหันมารับคำท้าของนางกลับ
“ข้าน่ะหรือจะเหนื่อย มาลองดูกันอีกทีสิว่าศึกนี้ผู้ใดกันแน่…ที่จะกำชัยชนะเอาไว้ได้กันแน่”
“แน่ใจหรือเพคะว่าจะไม่ออกไปบอกองครักษ์ของพระองค์ก่อน”
เสียงกระซิบที่ยั่วยวนอารมณ์เขาที่ข้างหูและเริ่มเบียดหน้าอกเข้ามาจนชิดทำเอาท่านอ๋องกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
“เจ้าคิดว่ากำลังท้าทายผู้ใดอยู่กันแน่พระชายา เมื่อคืนนี้ดูท่าแล้วข้าคงป้อนเจ้าคงจะไม่อิ่มจริง ๆ สินะ”
ท่านอ๋องอุ้มพระชายาในร่างเปลือยเปล่าเดินไปด้านหลังซึ่งเป็นห้องอาบน้ำส่วนตัวโดยไม่ใส่ใจองครักษ์และสาวใช้ที่ถกเถียงกันอยู่ด้านนอกอีก
ห้องโถงรับแขก
“อะไรนะ พระองค์…มิให้เข้าเฝ้าหรือ”
“คุณหนูเมิ่ง คือว่าท่านอ๋องทรงประทับอยู่ในห้องส่งตัวตามธรรมเนียมอภิเษกกับ…”
“พอที!! ข้ารู้แล้ว ข้าเองก็เลือกเวลามาดีแล้วแต่เหตุใดจนป่านนี้ยัง….”
“ต้องขออภัยด้วยขอรับแต่ว่าตามธรรมเนียมแล้วคู่อภิเษกจะไม่รับแขกหลังจากคืนส่งตัวไปอีกสามวัน อย่างไรแล้วรบกวนคุณหนูเมิ่งมาขอเข้าเฝ้าวันหลังเถิดขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
เมิ่งลี่ถิงเดินกลับออกมาจากตำหนักท่านอ๋องพร้อมกับความโกรธที่มิได้พบท่านอ๋องอย่างที่ตั้งใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งท่านอ๋องจากข้า เหตุใดเจ้าไม่ตายไปเสียดี ๆ กันนะนังแพศยาฟู่ซิ่วอิง!!”
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข