Share

๒ แม่ดอกบัวขาว

last update Last Updated: 2025-03-04 07:34:50

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักใหญ่โตโอ่อ่า

หลีหนิงหนิงเงยหน้าไล่ขึ้นมามองชั้นที่สอง…ชั้นที่สามขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ห้า

รังรักของซ่งเสวี่ยนและแม่ดอกบัวขาว

ทุกอย่างจะมิใช่เรื่องแปลกหากซ่งเสวี่ยนนั้นไม่มีภรรยา

“ดูท่าคงไปพลอดรักกัน ท่านคงชืมไปแล้วกระมังว่ายามนี้ตนมีภรรยาแล้ว” หลิหนิงหนิงพูดไล่หลังซ่งเสวี่ยที่เดินจากไปไม่เหลียวมอง

ไม่รู้เพราะเหตุใดซ่งเสวี่ยนถึงไม่ตัดใจจากแม่ดอกบัวขาวเสียที ว่ากันตามตรงนั้นในบทที่ฉากที่พระรองตัวร้ายนัดหมายกับนางเอกออกมาเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้นางอยู่ข้างกายเช่นเดิม

แต่แม่ดอกบัวขาวนั้นทำทีเป็นบัวที่ตัดเยื่อยังเหลือใยเพราะแท้จริงแล้วอยากเก็บไว้ทั้งพระเอกและพระรองของนาง

“ช่างเแสแสร้งเสียจริง” นางคร้านจะใส่ใจจึงปล่อยไป

หลังจากซ่งเสวี่ยนปล่อยนางทิ้งไว้หน้าโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปผู้เดียวนั้น เหอะ! เห็นนางเป็นตัวอะไรกันและคิดว่าหลีหนิงหนิงมีหรือจะวิ่งตามบุรุษ

อยากได้ก็เอาไปเถอะ!

หลีหนิงหนิงพูดขึ้นกับตนเอง “เช่นนั้นข้าจะไปตามทาง ของข้า” ก่อนจะทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

หากอยู่เดียวที่จวนนางก็โดนโบยเจียนตาย

ทว่าหากอยู่กับซ่งเสวี่ยนก็เฉียดเข้าใกล้ความตาย

ใบหน้าคนงามยกยิ้มเยาะตนเอง ก็แน่สิ…นางมันก็ เป็นเพียงตัวประกอบในนิยายเท่านั้น แต่จะตายเมื่อไหร่หรือเพราะเหตุอันใดนั้น หลีหนิงหนิงไม่รู้แน่ชัด

หลีหนิงหนิงเดินเตล็ดแตร่ไปทั่วถนนตลอดทั้งสาย มีร้านอาหารสองข้างฝั่งที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาเชิญชวนให้ลิ้มลอง พร้อมทั้งท้องน้อย ๆ ของนางที่เริ่มส่งเสียงคร่ำควรญโวยวาย

 ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเลี้ยวเข้ายังร้านหนึ่งที่ไม่มีคน

มือเรียวลูบหน้าท้องตนเองเล็กน้อย “ใจเย็น ๆ หน่อย”

“เหล่าป่านข้าเอาโจ๊กชามหนึ่ง” จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงพลันสบตากับเจ้าร้านที่กำลังมองมาพอดี

“โจ๊กชามหนึ่ง!” เหล่าป่านย้ำอีกครั้ง

หลีหนิงหนิงจึงพยักหน้าตอบด้วยความยิ้มแย้ม ได้กินอะไรสักหน่อยคงอารมณ์ดีขึ้นไม่ได้ และแน่นอนบทตัวประกอบของ หลีหนิงหนิงคงไม่ง่ายนัก

เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มเปลี่ยนไปจากนิยายที่แปลที่ละนิด

“คุณหนูหลี”

“…..”

“ยามนี้คงต้องเรียกซ่งฮูหยินแล้วใช่หรือไม่”

บุรุษในอาภรณ์สีขาวสะอาดตาดุจเทพเซียน ใบหน้าที่หล่อเหล่าคมคายพร้อมทั้งจมูกเป็นสันและท่าทางประหนึ่งจอมเสเพล หากนางเดาไม่ผิดแล้วก็

“จือรุ่ยหยาง” หลีหนิงหรองขมวดคิ้ว หรี่ตามอง

เหตุใดเขามาอยู่ที่นี้!

สมควรที่จะอยู่โรงเตี๊ยมกับคนสองผู้นั้น!!

ยามนี้เขาสมควรจะอาละวาดมีเรื่องกับซ่งเสวี่ยนมิใช่หรือ!!!

จือรุ่ยหยางสำรวจมองหลีหนิงหนิงประหนึ่งว่ากำลังเห็นผี เมื่อเขาเห็นนางนั่งอยู่ผู้เดียวจึงถือโอกาสมาทักทายเสียหน่อย ไฉนถึงต้องร้องตกใจด้วย “ผ่านไปไม่กี่วันเจ้าก็หลงลืมข้าไปหมดแล้วหรือไรหลีหนิงหนิง”

ไม่ลืม! แต่ข้าพึงเห็นครั้งแรกต่างหาก

แม่ดอกบัวขาวคิดจะจับบุรุษหล่อเหล่าไว้ข้างกายทั้งสองคนเลยหรือไร

หลีหนิงหนิงสายหน้า สายตายังคงจับจ้องไม่วาง

จื่อรุ่ยหยางกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองไม่กระพริบตา เขาแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนเอ่ย “ซ่งเสวี่ยนเขาดีกับเจ้าหรือไม่ บุรุษผู้นั้นเห็นแก่ตัวนักเป็นถึงบุตรชายคนโตของจวนแล้วจะมีอำนาจอันใดเพราะมารดาเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น”

ที่กล่าวออกมาคิดจะทำอันใดงั้นหรือ?

หลีหนิงหนิงอาจจะปรบมือให้กับจือรุ่ยหยางจริง ๆ “แล้วท่านมีดีอันใดหรือ” นางย้อนถามกลับ

แม้จะแปลไม่จบแต่พื้นฐานของตัวละครนางย่อมจำได้ พระเอกผู้นี้เกิดในครอบครัวค้าขายนับว่ายังมีฐานะน้อยกว่าพระรองของนางด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดต้องกดผู้อื่นต่ำยกตัวเองขึ้นสูง

เขาคิดว่านางโง่งมหรือ! ท่านมีดีแค่ความหล่อเท่านั้น

ประโยคของสตรีเบื้องหน้าทำเอาจื่อรุ่ยหยางไปไม่เป็น ทว่าในใจเขานั้นย่อมรู้ดีว่าตนดีกว่าซ่งเสวี่ยนทุกอย่าง

ไม่ว่าจะแย่งชิงความรักจากหลีหลินว่านมาได้

หรือแม้แต่หน้าตาเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า

“หลายวันก่อนเจ้ายังวิ่งตามข้าอยู่ไม่ใช่หรือไร ไฉนเปลี่ยนไปราวกับไม่คุ้นหน้า” จื่อรุ่ยหยางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะปรายสายตามองเหล่าป่านที่ยกโจ๊กหนึ่งถ้วยมาวางบนโต๊ะให้

“นั่นมันเรื่องในอดีต!”

“10 อีแปะ” เหล่าป่านรูปร่างอ้วนท่วม ตามตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อไคล้กำลังจดจ้องรอรับเงินจากสตรีตรงหน้าหลังจากวางถ้วยโจ๊กร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนตรงหน้า

“…..” หลีหนิงหนิงไม่รู้ว่าควรจะสนใจผู้ใดก่อนดี

 “หากไม่มีก็ไม่ต้องกิน” เหล่าป่านเริ่มขึ้นเสียง ลูกค้ามีไม่น้อยที่มานั่งสั่งอาหารที่ร้านพอกินแล้วก็ไม่จานเงิน

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเก็บเงินก่อน

ว่าอย่างไรนะ!!!

หลีหนิงหนิงมีสีหน้าตกใจ นางหลงลืมไปได้ว่าไม่มีเงิน

ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี แม้แต่เงินติดตัวสักอีแปะยังไม่มีซ้ำยังอยู่ต่อหน้าพระเอกที่นางกำลังด่าทอไปอีก “เช่นนั้นข้าขอตัว”

หลีหนิงหนิงแทบอยากจะก้มหน้าวิ่งหนีจากไปโดยเร็ว

จังหวะเดียวกันนั้นเองสถานการณ์ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของจื่อรุ่ยหยาง เขามองดูด้วยความสนุกซ้ำยังเหยียบย้ำ ดูเคลนซ่งเสวี่ยนอยู่ในใจ “ข้าเลี้ยงเจ้าเอง”

จื่อรุ่ยหยางหยิบเงินออกมาจากสาบเสื้อส่งให้เหล่าปานก่อนที่จะเดินไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“ข้าไม่กิน!” หลีหนิงหนิงปฏิเสธเสียงแข็ง

แค่นี้นางก็ขายหน้าแทบแย่แล้ว

“ข้ามีดีอันใดหรือ…หากมีภรรยาข้าคงมอบเงินให้นางไม่ปล่อยให้ลำบากหรือต้องออกมาหาข้าวกินนางจวน”

หลินหนิงหนิงหันขวับ กระแทกเสียง “เหอะ! แค่นี้นับเป็นบุญคุณหรือ….เช่นนั้นข้าไม่กิน!”

ไปกินกับผีเถอะ!

“เช่นนั้นผู้ใดจะกิน” จือรุ่ยหยางหน้าเสียเมื่อถูกปฏิเสธ “หลีหนิงหนิงเจ้ามิเคยปฏิเสธข้า”

“หากท่านไม่กินก็นำไปให้สุนัขกินซะ”

แน่นอนว่าหากง่ายเกินไปคงไม่ใช่ตัวประกอบเช่นนาง

จังหวะที่หลีหนิงหนิงลุกขึ้นหันหลังเตรียมจะเดินออกไปนั้น สายตาเห็นบุรุษและสตรีผู้หนึ่งกำลังมองมาอยู่

“น้องหญิง! พี่รุ่ยหยาง!”

เหอะ!

นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามบทที่นางเคยแปลแม้แต่น้อย

วันนี้นางสมควรจะถูกโบยและนอนโอดโอยอยู่ที่เรือนแต่กลับติดตามซ่งเซวี่ยนออกมา ส่วนฉากที่พระรอง พระเอกและ แม่ดอกบัวขาวพบเจอกันคือที่โรงเตี๊ยมทว่าเหตุใดผู้คนถึงมาพบกันยังที่ตลาดกันได้

หลีหนิงหนิงกรอกตามองบน

“หนิงหนิงมีเรื่องอันใดกับพี่รุ่ยหยางกัน” หลีหลินว่านเดินย่างกายมาตรงหน้าก่อนยืนมือหลีหนิงหนิงขึ้นมาจับกุมอย่างอ่อนโยน “พี่รุ่ยหยางอ่อนโยนกับนางสักนิดเถอะ นางน่าสงสารเพียงนี้” ประโยคหลังเอ่ยกับจือรุ่ยหยาง

ข้ามีอันใดให้น่าสงสารกัน

หลีหนิงหนิงขมวดคิ้ว เอียงคอมองด้วยความสงสัย

“ข้าสบายดี สบายดีมากและกำลังจะกินโจ๊กถ้วยนั้นทว่า จู่ ๆ กับมีสุนัขตัวหนึ่งมายุ่มย่าม” นางอธิบายพร้อมทำการทางประกอบชี้ไปที่โจ๊กหอมกรุ่นถ้วยนั้นที่ตอนนี้คงจืดชืด

จือรุ่ยหยางแย้ง “เจ้ากล่าวหาว่าข้าป็นสุนัขได้อย่างไร ข้าเห็นใจเจ้าที่ไม่มีเงินโจ๊กเมื่อพบคนคุ้นเคยย่อมช่วยเหลือ”

“เหอะ!” หลีหนิงหนิงแค่นเสียง เท้าสะเอวมองไม่กะพริบ

นัยน์ตาของหลีหลินว่านเริ่มเอ่อคลอ ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยมองแล้วน่าสงสารจับใจ “หยุดเถอะ”

“หลินว่าน” ซ่งเสวี่ยนที่ยืนดูอยู่นาน เมื่อเห็นนางในดวงใจเริ่มทีท่าไม่ดีจึงหมายจะเข้ามาปลอบใจแต่ทว่ากับไม่ทันจื่อรุ่ยหยางที่พลันดีตัวนางเขาโอบกอดเสียงแล้ว

“ข้าขอโทษหลินว่าน ข้าผิดไปแล้ว”

จือรุ่ยหยางลูบเรือนผลงามอย่างแผ่วเบา พร้อมกับส่งสายตาดุมายังหลีหนิงหนิง

บทของตัวประกอบเช่นนางคือทำให้ตัวเองของนางคือทำให้เรื่องดำเนินไปได้ใช่หรือไม่ ซ้ำยังต้องเป็นแม่สื่อให้พระเอกปากสุนัขและแม่ดอกบัวขาวอีกหรือ

จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงปรายสายตาไปมองซ่งเสวี่ยนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้เพียงแค่หนึ่งคืบเขาก็จะถึงตัวแม่ดอกบัวขาวแล้ว แต่ทว่าพระรองล้วนได้รับแต่ความผิดหวัง

“กลับเรือน”

หลีหนิงหนิงเจ็บปวดหัวใจ พระรองร้ายกาจผู้น่าสงสารของนางคงจะเจ็บปวดไม่น้อย “ข้าจะปลอบใจท่านเอง”

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๓๐ บุตรชายหนึ่งบุตรสาวหนึ่ง

    วสันต์ฤดูพานพบมาอีกครา สายลมเย็นโชยมาพัดพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้พรรณาส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจวน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดส่องจ้ากระทบลำธารจำลองจนน้ำระยิบระยับชวนให้งดงามในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยนโอบอุ้มห่อผ้าสีแดงไว้แนบอก เพียงพริบตาก็ผ่านพ้นครบร้อยวันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนหลีหนิงหนิงผู้เป็นภรรยารักทั้งครรภ์อีกหน เขาคาดไว้ว่างอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวอย่างแน่นอนและทันทีที่หมอหญิงชราโอบอุ้มห่อผ้าออกมานั้นพลันบอกกล่าวว่าได้คุณหนูผู้หนึ่ง เขาในตอนนั้นมีความสุขสมดั่งใจหวังแม้ทารกจะตัวแดงผิวเหี่ยวย่นแต่ซ่งเสวี่ยนไม่เคยวางมือโอบอุ้มบุตรสาวไว้ตลอดช่างต่างจากบุตรชายคนแรกเหลือเกินอาจเป็นเพราะเขาเป็นบิดาอีกคนแล้ว“เหตุใดท่านไม่เคยอุ้มข้าบ้าง” ซ่งเหว่ยหยางเงยหน้าทักทวงบิดาแฝงความน้อยใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากโอบอุ้มน้องสาวบ้างซ่งเสวี่ยนหลุมตาต่ำมองบุตรชายที่บัดนี้จวนจะเจ็ดขวบแล้วแต่ยังสูงเพียงแค่ช่วงระหว่างขาเท่านั้น“หากเจ้าโตเมื่อไหร่ค่อยมาอุ้มบุตรสาวข้า”!!ซ่งเหว่ยฟังแล้วขมวดคิ้วงุนงงไม่เข้าใจ “สัญญากับข้า!”ในทุกปีล้วนมีเหตุการณ์พลิกผันเสมอและการเป็นตัวประกอบที่กลายเป็นมารดาทั้งยังมีสามีเ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๙ ชีวิตคู่ราบรื่น

    ตอนแรกที่ซ่งเสวี่ยนพบเจอบุรุษที่คล้ายคลึงตนเองก็พลันไม่ชอบใจอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กทารกที่คล้ายตามติดภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่างเขายิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีทุกครั้งพอลอบสังเกตสีหน้าของบุรุษข้างกลายที่บึ้งตึงแล้ว หลีหนิงหนิงพลันหัวเราะชอบใจ“บอกแล้วอย่างไรบุตรในครรภ์ข้าต้องเป็นเด็กชาย”ในความคิดของหลีหนิงหนิงบุตรชายคนแรกสมควรเป็นผู้ชายหากถามหาเหตุผลนั้นไม่มี นางเพียงแค่อยากชื่อชมซ่งเสวี่ยนในวัยเด็กจนเติบโตเท่านั้นคำพูดหยอกเย้าของนางเช่นนี้ ซ่งเสวี่ยนไม่ชอบเลยยิ่งพอเวลาพอไปนานเข้าเด็กทารกน่าเกียจนั้นก็เติบโตจึ้นแต่ไฉนยังต้องคล้ายตามติดภรรยาข้าทุกฝีก้าว“พรุ่งนี้ให้เขาไปเรียนหนังสือได้แล้ว” ซ่งเสวี่ยนเอ่ย นัยน์ดุดันจ้องมางเด็กชายตรงหน้าด้วยความจริงจังเจ้าเด็กนี้สมควรออกไปพบเจอผู้นเสียบ้างมิใช่วัน ๆ อยู่แต่กลับภรรยาเขาไม่ห่าง“ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยร้องตกใจ “ข้าไม่ไป!”หลีหนิงหนิงหรี่ตามองอย่างขุนเคือง “เขาพึงจะสี่ขวบเท่านั้นอาเสวี่ยน”ไฉนเลยนางจะไม่รู้เหตุผลของซ่งเสวี่ยนคราแรกที่ซ่งเหว่ยหยางถือกำเนิดออกมาเป็นทารกตัวแรกนั้นซ่งเสวี่ยนแทบจะไม่เข้าใจหรือโอบอุ้ม เพียงแค่มองเห็นเห็นผิวหนังที่เห

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๘ หากนางเอกไม่ได้คู่กับพระเอก

    หากไม่ได้ต้องอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันทุกวันเช่นนี้ จื่อรุ่ยหยางก็ยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าแท้จริงแล้วหลีหลินว่านมีนิสัยเช่นไรตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีปีที่แล้วจนกระทั่งวนเวียนพบใหม่ อีกครา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีหลินว่านพังพินาศตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้จื่อรุ่ยหยางทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไม่พึงผู้ใดได้“ข้าเซ็นหนังสือหย่าได้แล้ว”“บอกแล้วอย่างไรข้าไม่หย่า!”พอได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง หลีหลินว่านพลันโมโหไม่มีที่สิ้นสุด “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้าที่ผ่านมาท่านล้วนกีดกันบุรุษอื่นออกไป…” นางยกยิ้ม “พอได้แล้วจึงอยากจะทิ้งข้าหรือ!”เรื่องไปกันใหญ่แล้ว จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หลินว่าน มันเพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยดีต่อข้าเลย”ในในยามนี้เข้าใจแล้วมีบุพเพ…มีวาสนา..แต่ไร้รัก“เหอะ!” หลีหลินว่านยืนกอดอกมองด้วยความสายตาแข็งกร้าว “ท่านไม่มีหากหนีไปจากข้าพ้น!” นางกระแทกเสียงหากจื่อรุ่ยหยางยังไม่ตายก็ไม่มีทางแยกจากนางไปได้ หลีหลินว่านไม่ยอมตกเป็นขี้ปากของพวกคนนางรังเกียจเหล่า นั่นแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของนางล้วนเป็นไปดั่งใจหวังแล้วเหตุใดครั้งรี้มันถึงกลับเป็นไปไม่ได้กันซ่งเสวี่ยน!พอนึกถึงบุรุษชื่อของบ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๗ บิดามารดา

    สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วพอเข้าสู่ฤดูเหมันต์เขามักจะปลีกตัวออกไปหลบซ้อนตัวอยู่เพียงผู้เดียวบรรยากาศที่หนาวเย็นจนสั่นสะท้าน หิมะที่โปรยปรายตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดจนทั่วบริเวณโพลนขาว เพียงแวบหนึ่งซ่งเสวี่ยนพลันเห็นเหตุการณ์ในตอนที่ตนเองสามขวบอีกครั้ง“ข้าเกลียดฤดูหนาว” น้ำเสียงทุ้มสถบออกไปหลีหนิงหนิงเอี่ยงใบหน้ามองบุรุษข้างกาย ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้ออุ่นที่ทำจากขนสัตว์และแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้มองดูน่าเอ็นดูไม่น้อย“ข้าอยากโอบกอดอาเสวี่ยนคลายหนาว พอฤดูใบไม้ผลิข้าอยากดูดอกไม้บานพร้อมกัน” ดวงตาเมล็ดซิ่งวูบไหว“แต่ข้าชอบ” ก่อนที่สายตาจะปรายไปมองหิมะที่ยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างมุมปากหนาพลันยกยิ้ม “นับวันยิ่งเกียจคร้าน”ความจริงแล้วนางไม่ได้ชมชอบความหนาวสักนิด เพียงแต่พออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ที่ไม่ต้องทำอันใด นอกจากนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหรืออาภรณ์ขนสักอุ่น ๆ สักผืน“ให้ข้าปิดโรงเตี๊ยมดีหรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเสนอ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความยียวนทั้งสิ้น “พอเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าว่าพวกเราอยู่จวนตลอดไปคงไม่น่าเบื่อนัก”“ไม่” หลีหนิงหนิงปฏิเสธ “ ท่านจะเอาเงินที่มาให้ข้าใช้”นางยอมไม่ได้เ

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๖ เทียบเชิญมงคล

    ในขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยมีเจ้าบ่าวควบนั่งม้านำหน้าไป ผู้คนมากมายต่างมาชื่นชมมุ่งดูด้วยความรื่นเริงและยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่จัดว่ามีขมวบสินเดิมที่ยาวเหยียดสมศักดิ์คุณหนูหลีจากภรรยาเอกและบุตรชายผู้เดียวของสกุลจื่อมีสมรสมงคลก่อนที่ขบวนจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าประตูจวนสกุลจื่อที่ถูกตกแต่งประณีตด้วยสีแดงที่สื่อถึงความมงคลจื่อรุ่ยหยางสวมชุดอาภรณ์สีแดงลวดลายมังกรจากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่วันมงลงเช่นนี้สมควรจะยิ้มแย้มเบิกบานแต่ใบหน้ากับหมองคล้ำไม่เป็นมงคลเสียเลย“จับมือข้า” เขาพูดขึ้นแผ่วเบาหลีหนิงหนิงสวมใส่อาภรณ์สีแดงเช่นกันเย็บปักด้วยความประณีต เรือนผมถูกมวยขึ้นเป็นทรงอย่างงดงามถูกประดับความมงกุฎหงษ์ที่แสดงถึงสัญญาณเคียงข้างมังกรแม่สื่อตะโกนร้องก้องบอกพิธีการทั่วจวนหนึ่งคำนับฟ้าดินสองคำนับบิดามารดาสามคำนับกันและกันทว่าช่างเป็นงานมงคลที่ไม่รับรู้ถึงบรรยากาศของความมงคลเลยแม้น้อย นี่เป็นเคราะห์กรรมของพระเอกผู้นี้หรือไร บนใบหน้าของจื่อรุ่ยหยางไม่หลงเหลือความสุขเลยเป็นงานมงคลที่บรรยากาศหดูจริง ๆช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ หลีห

  • พระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบอย่างข้า   ๒๕ เถ้าแก่เนี้ย

    พอเข้าสู่ช่วงฤดูชิวเทียนหรือฤดูใบไม้ร่วง โรงเตี๊ยมและบริเวณโดยรอบที่เป็นร้านอาหารพลันครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ในห้อง ๆ หนึ่งยังชั้นสองของร้านมีสตรีผู้หนึ่งนั่งเท้าคางทอดสายตาลงไปมองชั้นหนึ่งเดียวใบหน้าเบิกบานหากโรงเตี๊ยมมีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งปีเช่นนี้ นางคงได้ร่ำรวยเป็นแน่!หลีหนิงหนิงแอบลอบยิ้มในใจ พลางพลิกสมุดรายการของกิจการไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของซ่งเสวี่ยนที่ต้องตรวจสอบนางเพียงอยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเท่านั้นซ่งเสวี่ยนที่เห็นการกระทำของภรรยาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เถ้าเนี้ยว่าอย่างไรกิจการของข้าขาดทุนหรือไม่”หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วจึงหันไปถลึงตาใส่เขา บุรุษผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เข้าใจแต่กลับเยาะเย้ยกันหรอกหรือ “ไปให้ไกล” นางเอ่ยปากไล่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พระรองผู้นี้ก็เปบี่ยนไปราวกันคนละคน“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เมื่อเห็นเป็นภรรยาหน้างอไม่พอใจ ผู้เป็นสามีอย่างซ่งเสวี่ยนนั้นก็ต้องสมควรเข้าใจใช่หรือไม่ ว่ากันตามตรงเขาเป็นสามีผู้อื่นคราแรกซ้ำยังดีต่อผู้อื่นไม่เป็นแม้ว่าจะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status