น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน ทว่าหลีหนิงหนิงพลันรู้สึกไอเย็นที่แพร่กระจายรอบตัว
หลีหนิงหนิงจูงมือซ่งเสวี่ยนมาจนกระทั่งหยุดอยู่ท้ายตลาดก่อนจะเริ่มรู้สึกได้ว่ามือที่จับกุมอยู่เริ่มบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นางสบัดมือทันที หัวคิ้วของหลีหนิงหนิงขมวดมุ่นมองไม่พอใจ “ข้าเจ็บ” “สมควร” ทั้งน้ำเสียงเย็นชาและสีหน้าเคร่งขรึมของ ซ่งเสวี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทั้งสิ้น “ข้ากำลังช่วยท่านอยู่นะซ่งเสวี่ยน” นี่เป็นเรื่องบุญคุณแต่เขากับกระทำรุนแรงกับนางเช่นนี้ หลีหนิงหนิงเห็นว่านางควรปล่อยเขาให้ถูกพระเอกแทงจนกระอักเลือดจุกอกไปซะดีกว่า อารมณ์ของซ่งเสวี่ยนไม่สมควรให้นางต่อว่าเลยสักนิด ซ่งเสวี่ยนตอบ “หากเจ้ายังสอดมือยุ่งเรื่องของข้าเช่นนั่นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” แล้วมีเหตุอันใดสตรีตรงหน้าถึงกล้าสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ “รักษาชีวิตของเจ้าไว้ให้ดีเถอะหลีหนิงหนิง” หลีหนิงหนิงกำมือแน่น เม้มปากเป็นเช่นตรง พระรองผู้นี้หากเขาคิดจะทำเรื่องอันใดแล้วล้วนทำให้สำเร็จทั้งเรื่องสังหารนางก็เช่นกัน หากเมื่อใดนางทำตัววุ่นวายเมื่อนั้นคือความตายมาเยือน ทว่าคิดว่าคนอย่างหลีหนิงหนิงจะหวาดกลัวหรือ นางเพียงแค่โมโหเท่านั้น “เหอะ!” นางแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนจะเอ่ย “ละครฉากนั้นท่านเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น ต่อให้ทำดีหรือเหนือกว่าจือรุ่ยหยางอย่างไรคิดว่าหลีหลินว่านจะสนใจท่านหรือ” บัดซบเถอะ! เหตุใดนางจะต้องมีเรื่องกับบุรุษผู้นี้ทุกครั้ง “เหลวไหลสิ้นดี” ซ่งเสวี่ยตวาดกลับ นัยน์ตาดูลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดาได้ “ตาบอดหรือไรกัน! หลีหลินว่านนางหวังดีจะช่วยเหลือแต่เจ้ากลับใจแคบ” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความโกรธที่อัดอั้นเต็มส่วน หลีหนิงหนิงแย้ง “เป็นท่านและนางที่มีบุพเพแต่ไร้วาสนา” หากวันนั้นซ่งเสวี่ยนไม่ตกหลุมพรางสตรีเบื้องหน้าปานนี้เขาและหลีหลินว่านคงได้หมั้นหมายกันแล้ว “ข้าสมควรจะฆ่าเจ้าทิ้งตั้งแต่วันนั้น” จังหวะเดียวกันหลีหนิงหนิงพลันหลับตาลง “หาข้าสมควรตายนักก็ลงมือ” เรื่องผิดพลาดเช่นนี้หลีหนิงหนิงมีส่วนผิด นางยอมรับความตายที่ซ่งเสวี่ยนมอบให้ ว่ากันตามตรงเดิมที่เป็นวันที่แม่สื่อและซ่งเสวี่ยนมาจวนเพื่อทาบทามหลีหลินว่านพี่น้องร่วมจวนของหลีหนินหนิง แต่เพราะนางเป็นตัวประกอบอย่างไรจึงขั้นทำให้ตนเองได้ตบแต่งเอง แน่นอนพระรองตัวร้ายย่อมคู่กับตัวประกอบ ส่วนพระเอกและแม่ดอกบัวขาวย่อมคู่กัน ซ่งเสวี่ยนมองอย่างเย็นช้า “เป็นสตรีที่ใจกล้าอวดดี” ในเมื่อนางกล่าวเช่นนี้เขาจึงยกมือขึ้นก่อนจะคว้ามือเข้าที่ลำคอระหงจากนั้นจึงออกแรงเพิ่มมากขึ้น มุมปากพลันยกยิ้มเหี้ยมโหด ดูสิว่าความใจกล้าของนางสุดท้ายแล้วจะอ้อนวอนร้องขอชีวิตหรือไม่ ความคับแค้นใจทั้งหมดที่มีมาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ซ่งเสวี่ยนกำลังระบายมันกับภรรยาตนเอง เขากำลังจะอยู่ในใจหลินว่านแต่กลับเป็นนางที่ทำพัง! “อึก!” หลีหนิงหนิงตัวชาทั่วร่าง เมื่อรู้สึกแรงบีบรัดที่ลำคอมากเพิ่มเรื่อย ๆ พร้อมกับลมหายใจที่เริ่มติดขัด บัดซบเถอะ! ข้าจะอายุสั้นด่วนจากไปอีกแล้ว สตรีเบื้องหน้าใบหน้าหน้าเริ่มซีดเซียว ทว่ากับไม่ส่งเสียงวินวอนหรือไม่ดิ้นทุรนทุรายอย่างที่ควรจะเป็น ซ่งเสวี่ยนพลันหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะคลายมือเย็นเฉือบออกจากลำของนาง และอีกครั้งที่หลีหหนิงหนิงรอดพ้นจากความตาย “ช่างน่าเวทนา” ซ่งเสวี่ยนกล่าว แววตาดุดัน เมื่อเป็นอิสระหลีหนิงหนิงทั้งหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาแดงก่ำมองบุรุษตรงหน้าด้วยความเครียดแค้น อีกนิด…อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นนางก็สิ้นใจแล้วแต่เขากับปล่อยให้นางเป็นอิสระลิ้มรสความทรมานแทนความตาย ซ่งเสวี่ยนเฝ้ามองนางด้วยสายตาว่างเปล่า “ทรมานอย่างงั้นหรือ…หึ! ความตายสำหรับสตรีใจกล้านั้นง่ายเกินไป” หลีหนิงหนิงสั่นสะท้านและก้าวถอยหลังออกห่าง “ซ่งเสวี่ยนท่านมันโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ข้าคาดไว้” โหดเหี้ยม! คำนี้สำหรับซ่งเสวี่ยนนั้นเขากับคุ้นชินแล้ว ผู้คนต่างตราหน้าว่าและไม่เข้าใกล้ทว่าจะมีผู้ใดรับรู้ว่าเขาพบเจออันใดมาบ้าง “เช่นนั้นก็อย่ามาทำตังวุ่นวายกับข้า” ซ่งเสวี่ยนคาดไว้แล้วอีกไม่นานนางคงอย่าขาดกับเขา ยามพลบค่ำไร้ผู้คนพลุ่งพล่าน เป็นหลีหนิงหนิงที่คิดมากไปเอง ในเมื่อสถานการณ์ล้วนแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลีหนิงหนิงเดินเข้าประตูหลังจวนที่มีไว้สำหรับพวกเหล่ารับใช้ก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูลงอย่างเบามือมากที่สุด แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง ผู้ใดจะหยั่งรู้ว่าวันหนึ่งนางจะเฉียดใกล้ความตายหลายครั้ง พรึ่บ! เพียงพริบตาเดียวไฟก็พลันสว่างวาบทั่วทางเดิน เซินฮูหยินใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างปิดไม่ปิด “คิดว่าจะหนีพ้นหรือ” ก่อนจะปรายสายตามองไปยังด้านหลังของสะใภ้หมาด ๆ ปรากฏว่าข้างกายนั้นไร้ร่างลูกเลี้ยงผู้น่าขยะแขยง “คิดว่าจะมีผู้ใดช่วยเจ้าได้ตลอดไปหรือ” หลีหนิงหนิงชะงักตัวแข็งจังหวะที่นางหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีนั้น…กับไม่ทันเสียแล้ว เซินฮูหยินสั่ง “จับตัวนางไป!” ข้าผิดอันใด! หรือเพราะข้าเป็นตัวประกอบกัน หลีหนิงหนิงถูกหิ้วไปโดยบ่าวใช้ในจวน นางทั้งดีดดิ้นสุดแรงจะสู้แรงของบุรุษชายฉกรรจ์ได้อย่างไรหรือหวีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีผู้ใดสอดมือเข้ามายุ่งทั้งสิ้น “ปล่อยข้า!” “จับนางไว้ให้แน่น” เซินฮูหยินนำหน้าไปมุมปากยกยิ้มร้าย นางสมควรจะสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้างวันข้างหน้าจะได้หวาดกลัว พอรู้ตัวอีกทีหลีหนิงหนิงก็ถูกพาตัวมาลานหน้าห้องบรรชนแล้วก่อนที่จะถูกกดตัวนอนคว่ำตัวราบไปกับไม้กระดาษแข็ง ๆ แขนทั้งสองข้างถูกมัดด้วยพันธะ “ปล่อยข้า!” คิ้วของเซินฮูหยินเริ่มขมวดด้วยความโมโห “เหอะ จะมีผู้ใดริอาจมาช่วยเจ้าได้หรือ..หุบปากซะ!” ก่อนที่นางจะพยักหน้าให้พ่อบ้านเตรียมโบยได้ทันที “เหอะ! ท่านไม่มีสิทธิลงโทษข้าโดยไร้เหตุผลเซินฮูหยิน” มันไม่ยุติธรรมวำหรับหลีหนิงหนิงเลย คิดว่าตนเองเป็นนายหญิงแล้วจะใช้อำนาจลงโทษผู้ใดได้ตามใจหรือ หมดสิ้นแล้วชีวิตอันนางสงสารของตัวประกอบ หลีหนิงหนิงใบหน้าเจื่อนลง ไร้การขัดขืนและรู้ว่าถึงอย่างก็ไม่มีผู้ใดช่วนเหลือได้ “ลงมือเถอะพ่อบ้าน ข้าเหนื่อยเต็มทีแล้ว” พ่อบ้านลงมือทันทีโดยไม่รีรอ เพี๊ยะ! ไม้หนาขนาดใหญ่ฟาดลงการหลังของสตรีรูปร่างอรชรทันที พ่อบ้านเกรงว่าหากครบยี่สิบไม้นางจะไม่สิ้นลมก่อนหรือ แต่เขาเซินฮูหยินได้อย่างไร เซินฮูหยินเกรี้ยวกราดทันที “มารดาจัดการเอง” พ่อบ้านที่เอาแต่ชักช้าเช่นนี้มันจะไปได้เรื่องอันใด นางรีบก้าวเดินก่อนจะคว้ามาถือไว้ในมือ “ไม่เคารพมารดาสมควรถูกสั่งสอน” เพี๊ยะ! ทว่าหลีหนิงไม่ได้ปริปากร้องโอดโอยออกมานั้นยิ่งเป็นกมรแสดงว่ายังคงเหิมเกริมและขัดขืนอยู่ เซินฮูหยินเห็นดังนั้นจึงยกไม้ขึ้นสูงกว่าเดิมเตรียมฟาดลงอย่างแรง “บังอาจแตะต้องคนของข้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมกับไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมา แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ขัดขวางไว้ก็ไม่อาจเสี่ยงชีวิตทำเช่นนั้นได้ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นเฉือบประดุจเหมันต์ฤดู ซ่งเสวี่ยนเดิมเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งเฉย หากแต่นัยน์ตาปรายไปมองสตรีบนกระดาษไม้กับแปรเปลี่ยนเป็นความเหี้ยมโหด เซินฮูหยินมีท่าทีกระอักกระอ่วน “มารดากำลังสั่งสอนนางอยู่ซ่งเสวี่ยน” ผู้ใดจะรู้เล่าว่าเด็กชายตัวเล็กผอมแห้งเมื่อหลายปีก่อนจะโตมาได้เหี้ยมโหดปานนี้ มุมปากหน้ายกยิ้ม “มารดาของข้าตายไปแล้ว” “ซ่งเสวี่ยน” หลีหนิงหนิงยังคงมีสติแต่ทว่าร่างกายนางกับอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรงราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง “เจ้าจะอยู่หรือตายล้วนเป็นข้าที่ตัดสินใจ” “เจ้าไม่มีสิทธิพานางไป” เซินฮูหยินตะโกนลั่น ฟังดูแล้วช่างเป็นคำปลอบใจที่ทำให้หลีหนิงหนิงคลายความกลัวในตอนนี้ได้มากที่สุด จากนั้นต่อมานางพลันถูกโอบอุ้มก่อนที่สติจะดับวูบไป เกรงว่าข้าคงจะตายแล้ว เซินฮูหยินไม่พอใจอย่างถึงที่สุด เรื่องเช่นนี้เป็นการหักหน้าของนาง “เจ้าสมควรถูกบิดาลงโทษซ่งเสวี่ยน!” “คนผู้นั้นมีหรือจะกล้าทำอันใดได้” ซ่งเสวี่ยนหาได้หวาดกลัวผู้ใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะนรกหรือพิภพปีศาจเขาล้วนการเผชิญ ในขณะนั้นซ่งเสวี่ยนไม่สนใจผู้ใดที่กีดขวางอยู่ทั้งนั้น สตรีผู้นี้เป็นคนของเขาผู้อื่นล้วนไม่สามารถทำอันใดได้ตามอำเภอใจ เขาโอบอุ้มอย่างมั่นคง จุดหมายคือเรือนนอนวสันต์ฤดูพานพบมาอีกครา สายลมเย็นโชยมาพัดพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้พรรณาส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจวน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแสงแดดส่องจ้ากระทบลำธารจำลองจนน้ำระยิบระยับชวนให้งดงามในอ้อมแขนของซ่งเสวี่ยนโอบอุ้มห่อผ้าสีแดงไว้แนบอก เพียงพริบตาก็ผ่านพ้นครบร้อยวันแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนหลีหนิงหนิงผู้เป็นภรรยารักทั้งครรภ์อีกหน เขาคาดไว้ว่างอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวอย่างแน่นอนและทันทีที่หมอหญิงชราโอบอุ้มห่อผ้าออกมานั้นพลันบอกกล่าวว่าได้คุณหนูผู้หนึ่ง เขาในตอนนั้นมีความสุขสมดั่งใจหวังแม้ทารกจะตัวแดงผิวเหี่ยวย่นแต่ซ่งเสวี่ยนไม่เคยวางมือโอบอุ้มบุตรสาวไว้ตลอดช่างต่างจากบุตรชายคนแรกเหลือเกินอาจเป็นเพราะเขาเป็นบิดาอีกคนแล้ว“เหตุใดท่านไม่เคยอุ้มข้าบ้าง” ซ่งเหว่ยหยางเงยหน้าทักทวงบิดาแฝงความน้อยใจ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากโอบอุ้มน้องสาวบ้างซ่งเสวี่ยนหลุมตาต่ำมองบุตรชายที่บัดนี้จวนจะเจ็ดขวบแล้วแต่ยังสูงเพียงแค่ช่วงระหว่างขาเท่านั้น“หากเจ้าโตเมื่อไหร่ค่อยมาอุ้มบุตรสาวข้า”!!ซ่งเหว่ยฟังแล้วขมวดคิ้วงุนงงไม่เข้าใจ “สัญญากับข้า!”ในทุกปีล้วนมีเหตุการณ์พลิกผันเสมอและการเป็นตัวประกอบที่กลายเป็นมารดาทั้งยังมีสามีเ
ตอนแรกที่ซ่งเสวี่ยนพบเจอบุรุษที่คล้ายคลึงตนเองก็พลันไม่ชอบใจอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กทารกที่คล้ายตามติดภรรยาของเขาอยู่ไม่ห่างเขายิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดีทุกครั้งพอลอบสังเกตสีหน้าของบุรุษข้างกลายที่บึ้งตึงแล้ว หลีหนิงหนิงพลันหัวเราะชอบใจ“บอกแล้วอย่างไรบุตรในครรภ์ข้าต้องเป็นเด็กชาย”ในความคิดของหลีหนิงหนิงบุตรชายคนแรกสมควรเป็นผู้ชายหากถามหาเหตุผลนั้นไม่มี นางเพียงแค่อยากชื่อชมซ่งเสวี่ยนในวัยเด็กจนเติบโตเท่านั้นคำพูดหยอกเย้าของนางเช่นนี้ ซ่งเสวี่ยนไม่ชอบเลยยิ่งพอเวลาพอไปนานเข้าเด็กทารกน่าเกียจนั้นก็เติบโตจึ้นแต่ไฉนยังต้องคล้ายตามติดภรรยาข้าทุกฝีก้าว“พรุ่งนี้ให้เขาไปเรียนหนังสือได้แล้ว” ซ่งเสวี่ยนเอ่ย นัยน์ดุดันจ้องมางเด็กชายตรงหน้าด้วยความจริงจังเจ้าเด็กนี้สมควรออกไปพบเจอผู้นเสียบ้างมิใช่วัน ๆ อยู่แต่กลับภรรยาเขาไม่ห่าง“ท่านพ่อ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยร้องตกใจ “ข้าไม่ไป!”หลีหนิงหนิงหรี่ตามองอย่างขุนเคือง “เขาพึงจะสี่ขวบเท่านั้นอาเสวี่ยน”ไฉนเลยนางจะไม่รู้เหตุผลของซ่งเสวี่ยนคราแรกที่ซ่งเหว่ยหยางถือกำเนิดออกมาเป็นทารกตัวแรกนั้นซ่งเสวี่ยนแทบจะไม่เข้าใจหรือโอบอุ้ม เพียงแค่มองเห็นเห็นผิวหนังที่เห
หากไม่ได้ต้องอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันทุกวันเช่นนี้ จื่อรุ่ยหยางก็ยังคงไม่กระจ่างแจ้งว่าแท้จริงแล้วหลีหลินว่านมีนิสัยเช่นไรตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีปีที่แล้วจนกระทั่งวนเวียนพบใหม่ อีกครา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีหลินว่านพังพินาศตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้จื่อรุ่ยหยางทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไม่พึงผู้ใดได้“ข้าเซ็นหนังสือหย่าได้แล้ว”“บอกแล้วอย่างไรข้าไม่หย่า!”พอได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง หลีหลินว่านพลันโมโหไม่มีที่สิ้นสุด “เพื่อให้ได้แต่งงานกับข้าที่ผ่านมาท่านล้วนกีดกันบุรุษอื่นออกไป…” นางยกยิ้ม “พอได้แล้วจึงอยากจะทิ้งข้าหรือ!”เรื่องไปกันใหญ่แล้ว จื่อรุ่ยหยางขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หลินว่าน มันเพราะที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยดีต่อข้าเลย”ในในยามนี้เข้าใจแล้วมีบุพเพ…มีวาสนา..แต่ไร้รัก“เหอะ!” หลีหลินว่านยืนกอดอกมองด้วยความสายตาแข็งกร้าว “ท่านไม่มีหากหนีไปจากข้าพ้น!” นางกระแทกเสียงหากจื่อรุ่ยหยางยังไม่ตายก็ไม่มีทางแยกจากนางไปได้ หลีหลินว่านไม่ยอมตกเป็นขี้ปากของพวกคนนางรังเกียจเหล่า นั่นแน่ ชีวิตที่ผ่านมาของนางล้วนเป็นไปดั่งใจหวังแล้วเหตุใดครั้งรี้มันถึงกลับเป็นไปไม่ได้กันซ่งเสวี่ยน!พอนึกถึงบุรุษชื่อของบ
สำหรับซ่งเสวี่ยนแล้วพอเข้าสู่ฤดูเหมันต์เขามักจะปลีกตัวออกไปหลบซ้อนตัวอยู่เพียงผู้เดียวบรรยากาศที่หนาวเย็นจนสั่นสะท้าน หิมะที่โปรยปรายตลอดเวลาโดยไม่มีทีท่าจะหยุดจนทั่วบริเวณโพลนขาว เพียงแวบหนึ่งซ่งเสวี่ยนพลันเห็นเหตุการณ์ในตอนที่ตนเองสามขวบอีกครั้ง“ข้าเกลียดฤดูหนาว” น้ำเสียงทุ้มสถบออกไปหลีหนิงหนิงเอี่ยงใบหน้ามองบุรุษข้างกาย ใบหน้าที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้ออุ่นที่ทำจากขนสัตว์และแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้มองดูน่าเอ็นดูไม่น้อย“ข้าอยากโอบกอดอาเสวี่ยนคลายหนาว พอฤดูใบไม้ผลิข้าอยากดูดอกไม้บานพร้อมกัน” ดวงตาเมล็ดซิ่งวูบไหว“แต่ข้าชอบ” ก่อนที่สายตาจะปรายไปมองหิมะที่ยังคงตกอยู่นอกหน้าต่างมุมปากหนาพลันยกยิ้ม “นับวันยิ่งเกียจคร้าน”ความจริงแล้วนางไม่ได้ชมชอบความหนาวสักนิด เพียงแต่พออากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ที่ไม่ต้องทำอันใด นอกจากนั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหรืออาภรณ์ขนสักอุ่น ๆ สักผืน“ให้ข้าปิดโรงเตี๊ยมดีหรือไม่” ซ่งเสวี่ยนเสนอ ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความยียวนทั้งสิ้น “พอเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าว่าพวกเราอยู่จวนตลอดไปคงไม่น่าเบื่อนัก”“ไม่” หลีหนิงหนิงปฏิเสธ “ ท่านจะเอาเงินที่มาให้ข้าใช้”นางยอมไม่ได้เ
ในขบวนแห่เกี้ยวเจ้าสาวเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่เอิกเกริก โดยมีเจ้าบ่าวควบนั่งม้านำหน้าไป ผู้คนมากมายต่างมาชื่นชมมุ่งดูด้วยความรื่นเริงและยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่จัดว่ามีขมวบสินเดิมที่ยาวเหยียดสมศักดิ์คุณหนูหลีจากภรรยาเอกและบุตรชายผู้เดียวของสกุลจื่อมีสมรสมงคลก่อนที่ขบวนจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงหน้าประตูจวนสกุลจื่อที่ถูกตกแต่งประณีตด้วยสีแดงที่สื่อถึงความมงคลจื่อรุ่ยหยางสวมชุดอาภรณ์สีแดงลวดลายมังกรจากนั้นจึงกระโดดลงจากหลังมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ทั้งที่วันมงลงเช่นนี้สมควรจะยิ้มแย้มเบิกบานแต่ใบหน้ากับหมองคล้ำไม่เป็นมงคลเสียเลย“จับมือข้า” เขาพูดขึ้นแผ่วเบาหลีหนิงหนิงสวมใส่อาภรณ์สีแดงเช่นกันเย็บปักด้วยความประณีต เรือนผมถูกมวยขึ้นเป็นทรงอย่างงดงามถูกประดับความมงกุฎหงษ์ที่แสดงถึงสัญญาณเคียงข้างมังกรแม่สื่อตะโกนร้องก้องบอกพิธีการทั่วจวนหนึ่งคำนับฟ้าดินสองคำนับบิดามารดาสามคำนับกันและกันทว่าช่างเป็นงานมงคลที่ไม่รับรู้ถึงบรรยากาศของความมงคลเลยแม้น้อย นี่เป็นเคราะห์กรรมของพระเอกผู้นี้หรือไร บนใบหน้าของจื่อรุ่ยหยางไม่หลงเหลือความสุขเลยเป็นงานมงคลที่บรรยากาศหดูจริง ๆช่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ หลีห
พอเข้าสู่ช่วงฤดูชิวเทียนหรือฤดูใบไม้ร่วง โรงเตี๊ยมและบริเวณโดยรอบที่เป็นร้านอาหารพลันครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาท่องเที่ยวหรือจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ในห้อง ๆ หนึ่งยังชั้นสองของร้านมีสตรีผู้หนึ่งนั่งเท้าคางทอดสายตาลงไปมองชั้นหนึ่งเดียวใบหน้าเบิกบานหากโรงเตี๊ยมมีผู้คนครึกครื้นตลอดทั้งปีเช่นนี้ นางคงได้ร่ำรวยเป็นแน่!หลีหนิงหนิงแอบลอบยิ้มในใจ พลางพลิกสมุดรายการของกิจการไปเรื่อยเปื่อยทั้งที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของซ่งเสวี่ยนที่ต้องตรวจสอบนางเพียงอยากทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเท่านั้นซ่งเสวี่ยนที่เห็นการกระทำของภรรยาจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เถ้าเนี้ยว่าอย่างไรกิจการของข้าขาดทุนหรือไม่”หลีหนิงหนิงได้ยินแล้วจึงหันไปถลึงตาใส่เขา บุรุษผู้นี้รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เข้าใจแต่กลับเยาะเย้ยกันหรอกหรือ “ไปให้ไกล” นางเอ่ยปากไล่พอวันเวลาผ่านไปนานเข้า พระรองผู้นี้ก็เปบี่ยนไปราวกันคนละคน“เจ้านี่ฉลาดจริง ๆ” เมื่อเห็นเป็นภรรยาหน้างอไม่พอใจ ผู้เป็นสามีอย่างซ่งเสวี่ยนนั้นก็ต้องสมควรเข้าใจใช่หรือไม่ ว่ากันตามตรงเขาเป็นสามีผู้อื่นคราแรกซ้ำยังดีต่อผู้อื่นไม่เป็นแม้ว่าจะ