LOGINรถม้าจอดนิ่งสนิท นางรู้สึกตัวตื่นเพราะการหยุดนิ่งของรถม้า ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นร่างแบบบางของซู่เฟินก็ถูกใครบางคนกระชากลงมาแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
คนตัวเล็กหันหน้าจะตะโกนด่า กลายเป็นว่าบุรุษผู้นั้น ยืนใช้มือไขว้หลังมองเธอด้วยสายตาไร้อารมณ์
ซู่เฟินพิจารณารูปร่างลักษณะของบุรุษคนนั้น พลางนึกถึงบทบรรยายตัวละครของไรท์เตอร์
มักใส่ชุดสีดำสนิท!
รูปร่างสูงโปร่ง!
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย
หรือจะเป็นถานเฉินเหลียน เออ!! ดีจังเลย ตัวนางเองก็พึ่งนึกได้ว่าตัวละครพระเอกมีนามสกุลเดียวกับนาง หรือว่านางจะเป็น.....
คนของถานเฉินเหลียนเข้านำตัวนางกลับเข้าไปในบ้านโบราณหลังใหญ่ เรือนหลังนี้แม้จะไม่โดดเด่นสง่างามเท่ากับจวนรัชทายาทของอีตาพระรองนั่น แต่ก็ถือว่าใหญ่โตสง่างาม
ปูมหลังของถานเฉินเหลียนคือแม่ทัพใหญ่ ครอบครัวตระกูลถานส่งต่อความภักดีจากรุ่นสู่รุ่น แน่นอนว่าปัจจุบัน คนตระกูลถานถือว่ามีอำนาจพอสมควร โดยเฉพาะถานเฉินเหลียน เป็นเช่นนั้นเขาจึงกล้างัดข้อเฉิงเว่ยฉีพ่อพระรองแสนดีของออลพี้เพิ๊ล
“คุณชายจัดการกับนางเช่นไรดี” พ่อบ้านชราถามคนที่คาดว่าน่าจะเป็นถานเฉินเหลียน
เขายืนมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองเธอด้วยสายตาไร้อารมณ์ความรู้สึก ในเรื่องยังบรรยายไว้อีกว่าคนผู้นี้ฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย จิตใจโหดเหี้ยม เพราะเติบโตมาแบบไร้ความรักจากบิดาและมารดา
“ข้ารับเจ้ากลับเข้ามาอยู่ในบ้านเพราะคำขอของท่านพ่อครั้งสุดท้ายก่อนตาย คนผู้นั้นบอกให้ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะหน้าไม่อายเหมือนมารดาของตัวเอง”
ได้ยินว่าเขาด่าแม่ ซู่เฟินก็เลือดขึ้นหน้า อ้าว!!! ไอ้นี่ กล้าดียังไงมาด่าแม่ของนางกัน
คนตัวเล็กผลักอกเขาไปหนึ่งที พร้อมกับชี้มือขึ้นด่า
“ข้าให้เจ้าด่าข้าได้ จะสาปแช่งเช่นไรก็แล้วแต่เจ้า แต่อย่าลามปามไปถึงมารดาของข้า” คนตัวเล็กขึ้นเสียงใส่เขา “คนอย่างเจ้ามันมีดีอะไร นิสัยก็ชั่วร้าย แล้งน้ำใจ ไม่รู้แม่นางหลิงชอบเจ้าไปได้อย่างไร ถ้าข้าเป็นนาง ข้าไปหาคนอื่นเป็นสามีดีกว่า” ซู่เฟินพูดทุกคำออกมาอย่างที่นางรู้สึก
แววตาของถานเฉินเหลียนเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด นางเป็นสตรีที่ใจกล้าหน้าทนกว่าที่เขาคิด ทุกคำที่นางพ่นออกมาล้วนแต่แทงใจดำเขาทั้งสิ้น ผู้เป็นพี่ชายกำหมัดแน่น
ตั้งแต่รู้ว่าบิดาแอบซ่อนนางเอาไว้ และไม่ได้รักใคร่มารดาเขาเพียงคนเดียว แค่นั้นก็เจ็บปวดมากเกินพอแล้ว ตอนนี้ยังต้องรับนางกลับเข้ามาอยู่ในบ้านให้เห็นหน้าทุกวัน เป็นหนามทิ่มแทงใจเช่นนี้อีก แถมตอนนี้ยังพึ่งรู้ว่าปากของนางกล้าแกร่งนัก
ถานเฉินเหลียน แทบอยากจะบีบคอนางให้ตายตรงนี้
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ไม่อยากรักษาชีวิตเอาไว้ใช่หรือไม่ เขาข่มขู่นาง”
“ตายก็ตายสิ ใช้ชีวิตแบบคนตายยังดีกว่ามาเจอคนอย่างพวกเจ้า”
ซู่เฟินปวดขมับตุบ ๆ ตั้งแต่วาร์ปเข้ามาก็มีเรื่องให้นางปวดหัวไม่หยุด นอกจากจะต้องรับมือกับพระรองแสนชั่ว ยังมีพระเอกแสนร้ายอีกคน
แล้วตอนนี้นางเป็นใครอยู่ในร่างหรือตัวตนของใครกัน อย่าบอกนะว่าเป็นน้องสาวของเจ้านี่
“คุณชาย มีคนส่งของสิ่งนี้มาพร้อมกับคุณหนู ผู้ส่งเน้นย้ำให้ท่านเปิดดูให้ได้”
กล่องไม้ขนาดกะทัดรัดถูกพ่อบ้านถานยื่นมาให้ ถานเฉินเหลียนรับมันมาแต่โดยดี จดหมายที่แนบมาด้วยจ่าหน้าซองถึงเขา ชายหนุ่มคลี่จดหมาย
“ของถานซู่เฟิน
เฉิงเว่ยฉี”
ประทับตรารัชทายาท
เขาอ่านคราแรกก็ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเปิดดูสิ่งของด้านใน สิ่งนั้นเป็นเพียงผ้าสีขาว เขาสำรวจมันดูอย่างสงสัย บนผ้าผืนนั้นมีร่องรอยสีแดง
ถานเฉินเหลียนมองใบหน้าสุดแสนธรรมดาของสตรีที่เป็นน้องสาวด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เมื่อคืนเจ้ากับมัน.......” เขาปรี่เข้าไปบีบคอนาง
ครั้งนี้ซู่เฟินไม่ทันได้ตั้งตัว คอของนางยังปวดระบมจากฝีมือของเฉิงเว่ยฉีอยู่เลย บวกกับความเหนื่อยล้า ตอนนี้ยังมีเจ้าพระเอกมาบีบซ้ำ มารดาเอ๊ย นางขอกลับไปเป็นผีได้ไหม ถ้าเป็นคนแล้วจะทรมานขนาดนี้
น้ำตาที่เคยกลั้นเอาไว้ได้ในคราแรกเริ่มไหลออกมา
“เจ็บ” ซู่เฟินพูดได้เพียงคำเดียว นางรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
น้ำตาของถานซู่เฟินไหลรดลงบนมือแกร่ง ความรู้สึกอุ่นร้อนของรอยน้ำตา ทำให้ถานเฉินเหลียนตกใจจึงรีบปล่อยนาง รอบคอของนางคลับคล้ายคลับคลาจะมีรอยแดงช้ำเหมือนถูกบีบคอทำร้ายมาแล้วก่อนหน้า เขาจับนางแหงนหน้าขึ้น พร้อมกับสำรวจรอยแดงนั่น
“ไปโดนอะไรมากัน....” เขาจับนางเงยหน้า
ซู่เฟินไม่เพียงไม่ตอบ นางยังบ่นด้วยความคับแค้น
“พวกท่านมันเป็นอะไรกัน......” นางแหงนใบหน้าตามมือ จ้องมองพ่อพระเอก “อาศัยแค่มีร่างกายแข็งแกร่งกันหน่อยก็จับคอคนหิ้วไปหิ้วมาเช่นใดก็ได้งั้นหรือ”
“เขาทำร้ายเจ้า?” ถานเฉินเหลียนตกใจ ได้ยินว่าองค์รัชทายาททรงเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่คิดคนผู้นั้นจะทำร้ายสตรี โดยเฉพาะคนที่พึ่งผ่านช่วงเวลานั้นไปด้วยกัน
“ท่านก็ด้วย” ดวงตาของนางพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำใส ๆ ซู่เฟินเริ่มสะอึกสะอื้น ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาข้าวก็ยังไม่ได้กิน น้ำก็ยังไม่ได้ดื่ม ยังถูกคนโบราณพวกนี้หิ้วคอนางไปมาไม่หยุด
เห็นนางเป็นอะไรกัน เป็นแค่ตัวประกอบจะจับทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
อย่าให้นางได้กลับไปโลกเดิมนะ มารดาจะโพสต์แฉพ่อพระรองให้หมด
ตอนนางร้องไห้ ถานเฉินเหลียนปรับสีหน้าของตนไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เขามีน้องสาว พวกคนเป็นพี่ชายต้องทำตัวเช่นไรกัน?
ใบหน้าของซู่เฟินตอนนี้ดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรง ม่านน้ำตายังคงล้นเอ่อที่ขอบตาของนาง นางเกลียดคนพวกนี้จริง ๆ
ในบริเวณบ้าน ซู่เฟินก็เหลือบตาไปเห็นสระบัว
ถ้ากระโดดลงไปในนั้น นางจะตายหรือไม่ น้ำในนั้นลึกหรือเปล่า?
มันลึกพอที่จะทำให้นางตายซ้ำใช่ไหม?
ไม่ทันจะได้คิดเรื่องอื่น ร่างกายอิดโรยของซู่เฟินเดินอย่างเลื่อนลอยไปที่ริมสระ นางเหม่อมองพื้นน้ำที่ทอประกายสะท้อนเป็นสีเงิน
แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้นถานซู่เฟินก็กระโดดลงน้ำไปทันที
“คุณหนูกระโดดน้ำตาย” สาวใช้คนหนึ่งตะโกนลั่น
ถานเฉินเหลียนเองก็ตกใจ เขากระโดดลงไปงมร่างแบบบางของนางตามสัญชาตญาณ กว่าจะฉุดนางขึ้นจากสระบัวก็เหนื่อยเหลือทน ตอนนี้นางสวมเพียงเสื้อผ้าบางเบา เพราะกลัวพวกบ่าวจะเห็นเรือนร่างของนาง จึงสั่งให้ถอยออกไปสิบก้าวอย่าได้เข้ามาใกล้ เขารีบปฐมพยาบาลให้นางทันที
สตรีตัวเล็กกลับมาหายใจอีกครั้ง นางสำลักน้ำและสลบไป
ผู้เป็นพี่รับเสื้อคลุมตัวใหญ่มาจากพ่อบ้าน ห่อนางเอาไว้เป็นดักแด้
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความสับสน “อย่าได้คิดจะมาตายต่อหน้าข้า” เขาพูดกับหญิงสาวที่สลบไสล “แล้วก็อย่าได้คิดอยากตายอีก”
อากาศของตงเปี่ยนเวลานี้เริ่มหนาวเย็นขึ้น หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อากาศและบรรยากาศในเมืองจึงเป็นสีขาวโพลนเต็มไปด้วยหิมะข้าวของมีค่าต่าง ๆ ถูกส่งมาจากเมืองหลวงแทบทุกวันไม่ได้ขาด วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูหนาวส่งมาที่บ้านของนางซู่เฟินหยิบดูพลิกไปพลิกมาอยู่สองสามครั้ง“ของใคร”“เรียนฮูหยินเป็นของจากวังหลวงขอรับ”“งั้นก็เอาแจกคนในเมืองเสีย ที่บ้านข้าไม่มีที่จะวางแล้ว หากชิ้นไหนเป็นของพี่ชายข้าให้นำกลับเข้าไปเก็บในห้อง”พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในเรือนชินเสียแล้ว ทุก ๆ วันจะมีของล้ำค่าส่งมาจากเมืองหลวง เขาเองก็เป็นผู้ตรวจบัญชีรายการทุกครั้งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของมีค่าควรเมือง สิ่งไหนที่เขาคิดว่าไม่ควรนำไปแจกก็แอบนำไปเก็บไว้ในโรงเก็บของ สิ่งไหนที่สามารถแบ่งปันให้ผู้อื่นได้เขาก็จัดการให้บ่าวรับใช้นำไปแจกได้ยินว่าเฉิงเว่ยฉีจะขึ้นครองราชย์ในเวลาอีกไม่นาน จักรพรรดิองค์ปัจจุบันชรามากแล้วและยังมีอาการประชวรอีกด้วย ส่วนเรื่องใคร
นางจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาลังเลของเฉิงเว่ยฉี ยิ่งเขาลังเลเท่าไหร่หัวใจของนางก็ยิ่งออกห่างจากเขาเพิ่มขึ้นทุกเวลา ยิ่งเขาตัดสินใจช้าเท่าไหร่ นางยิ่งตัดสินใจอะไร ๆ ได้ง่ายมากขึ้นเฉิงเว่ยฉีลังเล นางให้เขาละทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างที่นางหมายถึงมันรวมถึงราชบัลลังก์ที่เขาเฝ้าปรารถนามานานหลายปีเหตุใดกันนางจึงต้องกดดันเขาเช่นนี้ ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่เขาตัดใจจากฉีหลิงเซี่ย เหตุใดสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนางถึงมีอิทธิพลกับหัวใจเขาเช่นนี้นึกถึงครั้งแรกที่เจอกันตั้งใจเพียงแค่จะเหยียดหยามแก้แค้นถานเฉินเหลียน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทุกการกระทำของนางถึงมีผลต่อตัวเขาเช่นนี้คนตัวสูงโน้มกายเข้าไปหานางโอบกอดนางอย่างรักใคร่ส่วนตัวซู่เฟินนั้นไม่ยอมรับการกอดจากเขานางพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการควบคุม มือของเฉิงเว่ยฉีอยู่ไม่สุข ซุกซนไปทั่วร่างกายของนาง“เฟินเอ๋อ ข้ารักเจ้า” เขาบอกรักนาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเฉิงเว่ยฉีรุกเร้าตะบมจูบไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มของนางหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องหรือสัมผัสร่า
ควบม้าหลายร้อยลี้ตามสองผัวเมียมาจนถึงตงเปี่ยน คนของเฉิงเว่ยฉีรีบรายงานทันทีว่าสองคนนั้นไปสถานที่แห่งใด รัชทายาทหนุ่มรีบตามไปที่ที่คนของตนรายงานทันทีเรือนไม้หลังไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งอยู่สุดปลายถนนของเมืองตงเปี่ยน ณ บริเวณนี้อยู่ไม่ห่างจากกลางเมืองเท่าไหร่และผู้คนไม่พลุกพล่านไปมาเดินทางสะดวกนักคนของถานเฉินเหลียนเมื่อเห็นเฉิงเว่ยฉีก็ตกใจตาลีตาเหลือกทำความเคารพกันแทบไม่ทัน เพราะไม่คาดคิดว่าการมาตงเปี่ยนแบบด่วนจี๋ขนาดนี้จะถูกรายงานไปถึงองค์รัชทายาทด้วยเช่นกัน“ถวายบังคมองค์รัชทายาท”เสียงผู้คนด้านนอกทำเอาถานเฉินเหลียนที่อยู่ในห้องพักของซู่เฟินตกใจ เฉิงจื้อหงและฉีหลิงเซี่ยที่คุยกันอยู่หลังบ้านก็รีบออกมาที่ลานด้วยเช่นกันฉีหลิงเซี่ยมองบุรุษที่อยู่ในสภาพคลุกฝุ่น เป็นเฉิงเว่ยฉีบุรุษที่ยืนอยู่ตรงนี้ นางเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าบุรุษผู้นี้จะตามพวกนางสองผัวเมียมา“เสด็จพี่” เฉิงจื้อหงร้องทักทายพี่ชายของตนเขาเองก็ประหลาดใจสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างฮูหยินไป๋เหตุใดถึงสามารถพาเอาบุคคลเหล่านี้มาถึง
รอมาจนครบสองวันคอมพิวเตอร์ชุดใหม่ถึงได้เริ่มติดตั้ง ซู่เฟินเดินวนเวียนไปมารอบ ๆ เจ้าหน้าที่ไอทีของมหาวิทยาลัย ไหนพวกเขาจะต้องคอยลงโปรแกรม ไหนจะต้องทำนู่นนี่นั่นจัดสถานที่อีกนาน ซู่เฟินกับซื่อหยุนซวนจึงชวนกันออกไปเดินเล่นนอกมหาวิทยาลัยผ่านมาเกือบปีแล้วที่เธอตายอยากรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเป็นยังไงบ้าง“หยุนซวนเธอตายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” ซู่เฟินถามผีสาวนักศึกษา ชุดที่เธอสวมใส่ดูเหมือนหลุดมาจากยุค 70s ยังไงยังงั้นซื่อหยุนซวนยิ้มมุมปาก“ถ้าฉันบอกไป เธอจะเชื่อฉันไหมล่ะ”ซู่เฟินพยักหน้าหงึก ๆ“เชื่อสิ” เธอตอบ“ถ้าจำไม่ผิด ฉันว่าฉันตายตอนปี 1975 นะ ปีนี้ปี 2010 ก็น่าจะราว ๆ 35 ปีได้แล้วล่ะ” ผีสาวนักศึกษาตอบ“โห งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นรุ่นพี่ฉันน่ะสิ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงอายุพอ กับพ่อแม่ฉันเลย”ซื่อหยุนซวนแสดงสีหน้าไม่พอใจ เธอไม่ชอบที่ใครมาเรียกตัวเองว่าพี่“เค ๆ ฉันไม่ว่าเธอแล้วเราเป็นเพื่อนกันก็ได้” ซู่เฟินขอโทษขอโพย&ldquo
เมื่อเห็นว่าฮูหยินไป๋สลบไม่ได้สติ หมอตำแยจึงรีบแจ้งข่าวแก่หมอชรา มาถึงก็เริ่มลงมือรักษาสตรีตัวเล็กนี่ที่นอนหลับไม่ได้สติ ใบหน้าของนางซีดเซียวคนในเหตุการณ์เล่าว่า ฮูหยินไป๋ฝืนตัวเองให้นมลูกอยู่สักพักใหญ่รอจนเจ้าถั่วน้อยหลับไป นางก็หมดสติไปในทันที“เจ้าถั่วน้อย” หมอชรานิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าหมอชราคล้ายจะสงสัย สาวใช้จึงรีบอธิบาย“ก่อนฮูหยินสลบไป นางเรียกคุณชายน้อยว่าเจ้าถั่วน้อยเจ้าค่ะ ข้าเดาว่าคงเพราะคุณชายน้อยตัวเล็กนอนขดเหมือนถั่ว”“อ้อ” หมอชราและลูกศิษย์เข้าใจได้ จากนั้นจึงรีบส่งข่าวไปยังสหายของฮูหยินไป๋ในทันทีเมื่อคนที่ตกเปี่ยนทราบข่าวก็รีบดำเนินการส่งม้าเร็วไปยังเมืองหลวงทันที โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีการศึกทำให้แม่ทัพถานและฮูหยินยังพำนักอยู่เมืองหลวง“คลอดลูกแล้วสลบไม่ได้สติอย่างนั้นหรือ” ถานเฉินเหลียนได้ยินเรื่องที่น้องสาวนอนไม่ได้สติก็ตกใจคำนวณไว้แล้วว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นางคลอด ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอ้อมไปหานางที่ตงเปี่ยนแต่ด
เหงื่อกาฬในร่างกายของซู่เฟินผุดขึ้นราวกับเขื่อนแตก เวลานี้นางปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว ราวกับสติสัมปชัญญะของนางจะขาดหายไปให้ได้มันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนวิญญาณจะออกจาก ซู่เฟินไม่รู้ว่าจะบังคับไม่ให้ตัวเองหมดสติหรือหลับไปได้อย่างไร หากนางหมดสติเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องนางอาจไม่รอด ร้ายไปกว่านั้นถ้าเกิดนางได้วาร์ปกลับไปโลกเดิมล่ะเจ้าถั่วน้อยนี่จะคลอดยังไง? ผีเสี่ยวเหรินทำได้เพียงนั่งให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้รอบกายของซู่เฟินที่เป็นคน มีเพียงบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาจากเมืองหลวงและหมอตำแยถ้าเป็นโลกยุคปัจจุบันมันทรมานขนาดนี้ไหมเนี่ย มารดาจะไม่ไหวแล้ว!!“ท่านหมอ ฮูหยินไป๋ นางเจ็บท้องมาตั้งแต่เช้าแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดเด็กจึงยังไม่คลอดอีก” สาวใช้ถามหมอตำแยนางเลิกผ้าที่ปิดคลุมช่วงล่างของซู่เฟินเอาไว้ ปากมดลูกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ความจริงนางควรจะคลอดได้แล้ว แต่มันเป็นเรื่องปกติของสตรีที่ตั้งครรภ์ท้องแรก น่าเสียดายที่นางต้องคลอดตามลำพังไม่มีญาติหรือสามีมาเฝ้







