INICIAR SESIÓNครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับบิดาก่อนจะหมดลมหายใจ คนที่เขาเรียกว่าพ่อจู่ ๆ ก็บอกความลับที่ไม่เคยกล่าวกับใครมาก่อน
อดีตนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ในบั้นปลายสุดท้ายต้องตายอย่างทรมาน อยู่อย่างรู้สึกผิด ร่างกายซูบซีดนอนรอความตายไปเรื่อย ๆ เขาจำวันนั้นได้ดี วันที่บิดาบอกเรื่องน้องสาว
“เฉินเหลียนเจ้ามีน้องสาว” แม่ทัพถานพูดพร้อมกับหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากใต้หมอน เขารู้สึกผิดที่ทอดทิ้งนางไว้เช่นนั้น
บิดายื่นป้ายหยกที่มีเพียงครึ่งชิ้น ให้ใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันเพื่อรับตัวนางกลับมายังเมืองหลวง
เขาสืบทราบปูมหลังอีกที นางเป็นเพียงเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในหอคณิกา เป็นโชคดีของนางที่หน้าตาธรรมดาไม่โดดเด่นจึงเป็นแค่เพียงหญิงรับใช้ มารดาของนางหรืออนุภรรยาของแม่ทัพถานอดีตแสนงดงามเป็นนางโลมเลื่องชื่อ เวลานี้เสียชีวิตไปนานแล้ว มามาในนั้นสงสารที่นางไม่มีที่ไปจึงให้พักอาศัยอยู่ที่นั่น
ตอนไปรับตัวมารถม้าของนางดันถูกสลับกับป๋ายหลูอิงสตรีจากหอคณิกา มีคนตั้งใจส่งตัวนางโลมชื่อดังผู้นั้นไปสำหรับรับรองรัชทายาท แต่กลายเป็นว่าสตรีที่ถูกส่งไปเป็นถานซู่เฟิน
และเฉิงเว่ยฉีรู้ว่าซู่เฟินเป็นคนของสกุลถานถึงได้ส่งตัวนางกลับมาถูกต้องเช่นนี้
เขาลังเลว่าจะส่งนางไปนอนที่ใด ตอนแรกที่ตั้งใจเอาไว้คือห้องเก็บฟืน จึงไม่ได้จัดเตรียมห้องหับไว้สำหรับนาง
ใบหน้าหมดจดของเด็กคนนี้ซีดเซียว
พ่อบ้านถานเห็นความสับสนในแววตาจึงกล่าวขึ้น
“ทางปีกด้านตะวันตก มีเรือนเล็ก ๆ ห่างไกลอยู่แห่งหนึ่ง ข้าน้อยให้คนเข้าไปทำความสะอาดที่นั่นอยู่ตลอด ส่งตัวคุณหนูไปพักที่นั่นก็ได้”
ถานเฉินเหลียนไม่ตอบอันใด เขาพานางกลับไปที่นั่นทันที
พ่อบ้านถานอยู่กับคุณชายของตนมาตั้งแต่เขายังเล็ก รู้ดีว่าคนผู้นี้อ่อนโยนเพียงไหน แต่สิ่งแวดล้อมภายนอกบังคับให้เขาต้องแข็งแกร่ง
เขามั่นใจว่าคุณชายของตนจะดูแลคุณหนูคนนี้เป็นอย่างดี จึงตั้งใจมาทำความสะอาดจัดเตรียมสถานที่นี้ไว้ตั้งแต่ต้น
เขาอุ้มนางไปยังเรือนตะวันตก ถานเฉินเหลียนมองใบหน้าซีดเซียวของสตรีตัวเล็กตรงหน้า สำรวจไปยังรอยมือเขียวช้ำบริเวณรอบคอเล็ก ๆ
เกือบไปแล้ว เขาเกือบฆ่านางแล้ว โชคดีที่เขายั้งมือไว้ได้ทันไม่ได้ลงน้ำหนักบีบคอนางซ้ำสอง
ถานเฉินเหลียนครุ่นคิด เฉิงเว่ยฉีเดิมทีเป็นสุภาพบุรุษแต่คนผู้นั้นทำร้ายและข่มเหงนาง เขานึกไม่ออกว่าองค์รัชทายาทมีเหตุผลใดที่ทำเช่นนี้
แล้วที่นางจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ถานเฉินเหลียนสับสนว้าวุ่นไปหมด
ไว้รอนางฟื้นก่อนค่อยสอบถามเรื่องราวคุยกันดี ๆ จากนั้นค่อยจับนางย้ายไปนอนห้องเก็บฟืน
ยามที่นางหลับไปซู่เฟินฝันถึงพิซ่า ฝันถึงโคล่า นางคิดถึงรสชาติซาบซ่าของน้ำอัดลม ความฝันของนางตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของกินแทบทั้งนั้น
มารดาเอ้ย ของกินพวกนั้นลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้าแต่ซู่เฟินหยิบมากินไม่ได้สักอย่าง นางจำได้ว่าตอนเป็นผียุค 5G มีแต่คนสร้างกุศลส่งผลบุญมาให้นาง เพียงแค่นึกถึงสิ่งของที่นางต้องการก็จะมาปรากฏตรงหน้า ได้กินไม่มีอดอยากกระเป๋าเสื้อถูกส่งมาให้นางอย่างไม่ขัดสน
ส่วนตอนนี้นะเหรอ ฮื้อ ๆ ฝันร้าย ฝันร้ายอีกแล้ว นางนอนละเมอร่ำไห้
ข่าวเรื่องคุณหนูถานกระโดดน้ำจะฆ่าตัวตายได้ยินไปถึงเฉิงเว่ยฉีด้วยเช่นกัน ชาวบ้านโพทนาเรื่องนี้กันไปทั่ว ‘คุณหนูถานถูกโจรราคะฉุดไปข่มเหงรังแก กลับมาก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่โชคดีที่พี่ชายของนางช่วยเอาไว้ได้ทัน’ เหตุผลเพียงเท่านั้นก็ทำให้เขาลำบากต้องไปดูหน้านางที่เรือนสกุลถาน จะตายตอนนี้ได้อย่างไรกันเขายังไม่ได้เริ่ม
กลางดึกสงัดบุรุษหนุ่มแต่งกายด้วยชุดสีดำปกปิดใบหน้าหล่อเหลามุ่งตรงไปเรือนสกุลถาน แอบฟังบ่าวคุยกันจนรู้ว่านางพักอาศัยอยู่ที่ใด จึงไปหานางที่นั่น
เรือนพักของสตรีผู้นั้นเงียบสงัดตั้งอยู่ห่างออกมาจากตัวเรือนหลัก หากไม่มีความจำเป็นคงไม่มีผู้ใดมาเยือนที่นี่
เขารู้เรื่องของนางโดยบังเอิญมันเกิดจากความไม่ตั้งใจ ได้ยินผ่าน ๆ ว่าแม่ทัพถานมีบุตรสาวนอกสมรส ไม่คิดว่าตนเองจะได้เจอนางในเหตุการณ์เช่นนั้น
เขาเดาว่าถานซู่เฟินคนนี้ น่าจะมีสถานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสกุลถาน ดูจากเรือนพักที่ห่างไกลบ่าวรับใช้ประจำกายก็ไม่มี
ใบหน้าของสตรีตัวเล็กนั่นซีดเซียวไร้สีเลือด เฉิงเว่ยฉีใช้มือไปอังที่หน้าผาก ซู่เฟินตัวร้อนจี๋ สักพักก็ละเมอร้องไห้ออกมา เมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของนางเขาก็รู้สึกไม่ดีนัก ให้นางลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำกับเขาเสียยังจะดีกว่า
“เจ้าร้องไห้เสียใจเรื่องข้างั้นหรือ” เขาโน้มกายพูดกับนาง
เสียงของเฉิงเว่ยฉีปลุกให้นางตื่น ซู่เฟินปวดหัวจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น นางหรี่ตามองบุรุษชุดดำ จ้องมองเข้าไปในดวงตา
“มาดูว่าข้าตายหรือยังงั้นเหรอ” ซู่เฟินถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่ดวงตานางก็จำได้แล้วว่าเขาเป็นใคร
เฉิงเว่ยฉีปลดผ้าคลุมหน้า
“ข้าก็แวะมาหาภรรยาอย่างไรเล่า มาดูว่าตายหรือยัง” น้ำเสียงของเฉิงเว่ยฉีเต็มไปด้วยความกวนประสาท
“อย่ามาหาเรื่องข้าเวลานี้” นางหลับตาปากเล็ก ๆ ของนางพูดจาขู่ฟ่อเป็นลูกแมว ซู่เฟินกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น ตอนนี้นางหนาว หนาวเหลือเกิน
“เป็นสามีก็ต้องดูแลภรรยา” เขากระโดดเข้าไปด้านในสุดของเตียง
ซู่เฟินสัมผัสได้ถึงความยวบยาบของเตียงนอน
“ให้ข้าตายดีกว่าเป็นภรรยาเจ้า” หญิงสาวทำท่าจะลุกออกจากเตียง แต่มือแข็งแกร่งของเฉิงเว่ยฉีรั้งนางให้กลับลงมานอน
“ข้าไม่ปล่อยให้ภรรยาตายง่าย ๆ หรอก หากเจ้าตายข้าก็จะไปฉุดวิญญาณเจ้ากลับมาจากยมโลก”
ซู่เฟินส่ายหัวกับพฤติกรรมเช่นนี้ของเขา ใครจะไปคิดว่าพระรองแสนดีจะกลายเป็นบุรุษชั่วร้ายที่สุดในเรื่องไปได้
ยามนี้เวลานี้ นางคร้านจะต่อร้องต่อเถียงกับเขาแล้ว ไว้หลังจากนี้ หลังจากร่างกายแข็งแรง กินอิ่มนอนหลับค่อยคิดต่อก็แล้วกันว่าจะเอาอย่างไรดี
อากาศคืนนี้ค่อนข้างเย็น เรือนพักหลังนี้ก็ไม่ได้อบอุ่นเท่าใดนัก บวกกับอาการไข้ ซู่เฟินที่นอนหลับอยู่บนเตียงขยับเข้าหาความอบอุ่นตามสัญชาตญาณ หญิงสาวหันไปพึ่งพิงเขาโดยไม่รู้ตัว ท่าทางของนางเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังออดอ้อนเจ้านาย มือเล็กของนางขยับมาซุกอยู่ตรงอก เฉิงเว่ยฉียิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
อากาศของตงเปี่ยนเวลานี้เริ่มหนาวเย็นขึ้น หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อากาศและบรรยากาศในเมืองจึงเป็นสีขาวโพลนเต็มไปด้วยหิมะข้าวของมีค่าต่าง ๆ ถูกส่งมาจากเมืองหลวงแทบทุกวันไม่ได้ขาด วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีเสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูหนาวส่งมาที่บ้านของนางซู่เฟินหยิบดูพลิกไปพลิกมาอยู่สองสามครั้ง“ของใคร”“เรียนฮูหยินเป็นของจากวังหลวงขอรับ”“งั้นก็เอาแจกคนในเมืองเสีย ที่บ้านข้าไม่มีที่จะวางแล้ว หากชิ้นไหนเป็นของพี่ชายข้าให้นำกลับเข้าไปเก็บในห้อง”พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในเรือนชินเสียแล้ว ทุก ๆ วันจะมีของล้ำค่าส่งมาจากเมืองหลวง เขาเองก็เป็นผู้ตรวจบัญชีรายการทุกครั้งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของมีค่าควรเมือง สิ่งไหนที่เขาคิดว่าไม่ควรนำไปแจกก็แอบนำไปเก็บไว้ในโรงเก็บของ สิ่งไหนที่สามารถแบ่งปันให้ผู้อื่นได้เขาก็จัดการให้บ่าวรับใช้นำไปแจกได้ยินว่าเฉิงเว่ยฉีจะขึ้นครองราชย์ในเวลาอีกไม่นาน จักรพรรดิองค์ปัจจุบันชรามากแล้วและยังมีอาการประชวรอีกด้วย ส่วนเรื่องใคร
นางจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาลังเลของเฉิงเว่ยฉี ยิ่งเขาลังเลเท่าไหร่หัวใจของนางก็ยิ่งออกห่างจากเขาเพิ่มขึ้นทุกเวลา ยิ่งเขาตัดสินใจช้าเท่าไหร่ นางยิ่งตัดสินใจอะไร ๆ ได้ง่ายมากขึ้นเฉิงเว่ยฉีลังเล นางให้เขาละทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอย่างที่นางหมายถึงมันรวมถึงราชบัลลังก์ที่เขาเฝ้าปรารถนามานานหลายปีเหตุใดกันนางจึงต้องกดดันเขาเช่นนี้ ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่เขาตัดใจจากฉีหลิงเซี่ย เหตุใดสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนางถึงมีอิทธิพลกับหัวใจเขาเช่นนี้นึกถึงครั้งแรกที่เจอกันตั้งใจเพียงแค่จะเหยียดหยามแก้แค้นถานเฉินเหลียน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทุกการกระทำของนางถึงมีผลต่อตัวเขาเช่นนี้คนตัวสูงโน้มกายเข้าไปหานางโอบกอดนางอย่างรักใคร่ส่วนตัวซู่เฟินนั้นไม่ยอมรับการกอดจากเขานางพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการควบคุม มือของเฉิงเว่ยฉีอยู่ไม่สุข ซุกซนไปทั่วร่างกายของนาง“เฟินเอ๋อ ข้ารักเจ้า” เขาบอกรักนาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกรักเฉิงเว่ยฉีรุกเร้าตะบมจูบไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มของนางหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องหรือสัมผัสร่า
ควบม้าหลายร้อยลี้ตามสองผัวเมียมาจนถึงตงเปี่ยน คนของเฉิงเว่ยฉีรีบรายงานทันทีว่าสองคนนั้นไปสถานที่แห่งใด รัชทายาทหนุ่มรีบตามไปที่ที่คนของตนรายงานทันทีเรือนไม้หลังไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งอยู่สุดปลายถนนของเมืองตงเปี่ยน ณ บริเวณนี้อยู่ไม่ห่างจากกลางเมืองเท่าไหร่และผู้คนไม่พลุกพล่านไปมาเดินทางสะดวกนักคนของถานเฉินเหลียนเมื่อเห็นเฉิงเว่ยฉีก็ตกใจตาลีตาเหลือกทำความเคารพกันแทบไม่ทัน เพราะไม่คาดคิดว่าการมาตงเปี่ยนแบบด่วนจี๋ขนาดนี้จะถูกรายงานไปถึงองค์รัชทายาทด้วยเช่นกัน“ถวายบังคมองค์รัชทายาท”เสียงผู้คนด้านนอกทำเอาถานเฉินเหลียนที่อยู่ในห้องพักของซู่เฟินตกใจ เฉิงจื้อหงและฉีหลิงเซี่ยที่คุยกันอยู่หลังบ้านก็รีบออกมาที่ลานด้วยเช่นกันฉีหลิงเซี่ยมองบุรุษที่อยู่ในสภาพคลุกฝุ่น เป็นเฉิงเว่ยฉีบุรุษที่ยืนอยู่ตรงนี้ นางเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าบุรุษผู้นี้จะตามพวกนางสองผัวเมียมา“เสด็จพี่” เฉิงจื้อหงร้องทักทายพี่ชายของตนเขาเองก็ประหลาดใจสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างฮูหยินไป๋เหตุใดถึงสามารถพาเอาบุคคลเหล่านี้มาถึง
รอมาจนครบสองวันคอมพิวเตอร์ชุดใหม่ถึงได้เริ่มติดตั้ง ซู่เฟินเดินวนเวียนไปมารอบ ๆ เจ้าหน้าที่ไอทีของมหาวิทยาลัย ไหนพวกเขาจะต้องคอยลงโปรแกรม ไหนจะต้องทำนู่นนี่นั่นจัดสถานที่อีกนาน ซู่เฟินกับซื่อหยุนซวนจึงชวนกันออกไปเดินเล่นนอกมหาวิทยาลัยผ่านมาเกือบปีแล้วที่เธอตายอยากรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเป็นยังไงบ้าง“หยุนซวนเธอตายตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” ซู่เฟินถามผีสาวนักศึกษา ชุดที่เธอสวมใส่ดูเหมือนหลุดมาจากยุค 70s ยังไงยังงั้นซื่อหยุนซวนยิ้มมุมปาก“ถ้าฉันบอกไป เธอจะเชื่อฉันไหมล่ะ”ซู่เฟินพยักหน้าหงึก ๆ“เชื่อสิ” เธอตอบ“ถ้าจำไม่ผิด ฉันว่าฉันตายตอนปี 1975 นะ ปีนี้ปี 2010 ก็น่าจะราว ๆ 35 ปีได้แล้วล่ะ” ผีสาวนักศึกษาตอบ“โห งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นรุ่นพี่ฉันน่ะสิ ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงอายุพอ กับพ่อแม่ฉันเลย”ซื่อหยุนซวนแสดงสีหน้าไม่พอใจ เธอไม่ชอบที่ใครมาเรียกตัวเองว่าพี่“เค ๆ ฉันไม่ว่าเธอแล้วเราเป็นเพื่อนกันก็ได้” ซู่เฟินขอโทษขอโพย&ldquo
เมื่อเห็นว่าฮูหยินไป๋สลบไม่ได้สติ หมอตำแยจึงรีบแจ้งข่าวแก่หมอชรา มาถึงก็เริ่มลงมือรักษาสตรีตัวเล็กนี่ที่นอนหลับไม่ได้สติ ใบหน้าของนางซีดเซียวคนในเหตุการณ์เล่าว่า ฮูหยินไป๋ฝืนตัวเองให้นมลูกอยู่สักพักใหญ่รอจนเจ้าถั่วน้อยหลับไป นางก็หมดสติไปในทันที“เจ้าถั่วน้อย” หมอชรานิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าหมอชราคล้ายจะสงสัย สาวใช้จึงรีบอธิบาย“ก่อนฮูหยินสลบไป นางเรียกคุณชายน้อยว่าเจ้าถั่วน้อยเจ้าค่ะ ข้าเดาว่าคงเพราะคุณชายน้อยตัวเล็กนอนขดเหมือนถั่ว”“อ้อ” หมอชราและลูกศิษย์เข้าใจได้ จากนั้นจึงรีบส่งข่าวไปยังสหายของฮูหยินไป๋ในทันทีเมื่อคนที่ตกเปี่ยนทราบข่าวก็รีบดำเนินการส่งม้าเร็วไปยังเมืองหลวงทันที โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีการศึกทำให้แม่ทัพถานและฮูหยินยังพำนักอยู่เมืองหลวง“คลอดลูกแล้วสลบไม่ได้สติอย่างนั้นหรือ” ถานเฉินเหลียนได้ยินเรื่องที่น้องสาวนอนไม่ได้สติก็ตกใจคำนวณไว้แล้วว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นางคลอด ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอ้อมไปหานางที่ตงเปี่ยนแต่ด
เหงื่อกาฬในร่างกายของซู่เฟินผุดขึ้นราวกับเขื่อนแตก เวลานี้นางปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว ราวกับสติสัมปชัญญะของนางจะขาดหายไปให้ได้มันรู้สึกเจ็บปวดเหมือนวิญญาณจะออกจาก ซู่เฟินไม่รู้ว่าจะบังคับไม่ให้ตัวเองหมดสติหรือหลับไปได้อย่างไร หากนางหมดสติเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องนางอาจไม่รอด ร้ายไปกว่านั้นถ้าเกิดนางได้วาร์ปกลับไปโลกเดิมล่ะเจ้าถั่วน้อยนี่จะคลอดยังไง? ผีเสี่ยวเหรินทำได้เพียงนั่งให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้รอบกายของซู่เฟินที่เป็นคน มีเพียงบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาจากเมืองหลวงและหมอตำแยถ้าเป็นโลกยุคปัจจุบันมันทรมานขนาดนี้ไหมเนี่ย มารดาจะไม่ไหวแล้ว!!“ท่านหมอ ฮูหยินไป๋ นางเจ็บท้องมาตั้งแต่เช้าแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดเด็กจึงยังไม่คลอดอีก” สาวใช้ถามหมอตำแยนางเลิกผ้าที่ปิดคลุมช่วงล่างของซู่เฟินเอาไว้ ปากมดลูกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ความจริงนางควรจะคลอดได้แล้ว แต่มันเป็นเรื่องปกติของสตรีที่ตั้งครรภ์ท้องแรก น่าเสียดายที่นางต้องคลอดตามลำพังไม่มีญาติหรือสามีมาเฝ้







