Mag-log inผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองนางด้วยสายตาเชิงเหยียดหยาม ที่บาดเจ็บก็เพราะนางดื้อเองไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
สายตาเขาเย็นชายิ่งกว่าใครคนไหนที่นางเคยเจอมาตลอดทั้งชีวิต พวกเพื่อนผีเพื่อนมนุษย์ของเธอหลายยังไม่เคยมีใครมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นมาก่อน เรียกได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตบนพริวิเลจความงามมาโดยตลอด
“เช้าแล้ว จะกลับบ้านเองหรือจะให้ข้าไปส่ง” เฉิงเว่ยฉีถามสตรีตัวเล็กที่นั่งกองอยู่กับพื้น
โห!!! แบบนี้มันเข้าว่าฟันแล้วทิ้งชัด ๆ
ซู่เฟินรู้สึกหมั่นไส้คนผู้นั้น จากเอฟซีมารดาจะกลายเป็นซาแซงแล้วนะ
“ข้ากลับเอง” หญิงสาวกัดฟันพูด
“งั้นไม่ส่ง” พูดจบเขาก็ลุกเดินออกไปทันที
หญิงสาวกำหมัดแน่น ตกลงแล้วนางทะลุมิติเข้ามาเป็นใครกันแน่ นางรอง นางร้าย หรือนางบำเรอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว
ร่างแบบบางเหยียดหลังตรง ตอนสมัยเรียนเห็นเช่นนี้เคยโยนเบสบอลเปิดงานมาก่อนนะเฟ้ย!!
ซู่เฟิน จับผ้าขี้ริ้วม้วนเป็นก้อนกลม คนตัวเล็กเดาะผ้าในมือสองสามครั้งเพื่อกะน้ำหนักให้พอดี นางเล็งไปที่หัวของชายผู้นั้น
ฟิ้ว!! ผ้าขี้ริ้วเหม็นฉึ่งโยนไปแปะลงบนหัวของคนผู้นั้นพอดิบพอดี ข้าราชบริพารด้านนอกที่เห็นเช่นนั้น ก็ลมแทบจับ
“จับนาง จับนางเอาไว้ นางลอบทำร้ายองค์รัชทายาท”
สิ้นเสียงของขันทีทหารองครักษ์หลายสิบคนก็กรูกันยื่นดาบเข้ามาจ่อคอนาง
เฉิงเว่ยฉีโกรธจนหน้าดำหน้าแดง คราแรกตั้งใจจะปล่อยนางกลับบ้านไปดี ๆ แต่ทำเช่นนี้ ส่งเข้าคุกดีหรือไม่
“เจ้า”
ซู่เฟินเลิ่กคิ้วข้างหนึ่งส่งให้เขาอย่างกวนประสาท ทั้งยังจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
เอาซี้ ให้นางตายอีกรอบก็ได้นะไม่ติด!!!
เฉิงเว่ยฉียกมือสะบัดแขนหนึ่งที ทหารองครักษ์ก็ถอยกรูดไปยืนอยู่เบื้องหลังเขาตามหน้าที่ ท่าทีเช่นนั้น หากเป็นซู่เฟินร่างมัมหมี นางคงจะร้องกรี๊ดกร๊าดพ่อพระรองของแม่เป็นแน่ แต่ยามนี้ นางคือถานซู่เฟินที่พึ่งถูกคนผู้นั้นดูหมิ่นเหยียดหยาม
แม้เขาจะไม่พูดออกมา แต่ความรู้สึกมันถูกส่งผ่านออกมาจากภาษากายและดวงตาของเขา
“ข้าไม่เคยเผยด้านนี้ให้ผู้ใดเห็นมาก่อน นอกจากคนของข้าเท่านั้น” สายตาเฉิงเว่ยฉีดูอำมหิตเลือดเย็น เขาพุ่งปรี่เข้ามาบีบคอนางอย่างรวดเร็ว
ถานซู่เฟินเคยเรียนยูโดมาก่อน ประสาทสัมผัสในเรื่องพวกนี้ของเธอค่อนข้างเร็ว ในสมัยอดีตเพราะเธอมักจะถูกคุกคามจึงต้องระแวดระวังตัวฝึกทักษะป้องกันตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ในยามเผื่อฉุกเฉิน
นางก้าวขาถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนร่างแบบบางติดอยู่กับกำแพง ซู่เฟินตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอก เขาใช้มือเพียงข้างเดียวก็สามารถกำรอบคอเธอได้
“แค่ก ๆ ปล่อยข้านะ” นางพยายามตะโกนโวยวาย
“ไม่มีใครกล้าสามหาวเช่นนี้กับข้า” สายตาของเฉิงเว่ยฉีเย็นชา มือแกร่งก็เริ่มบีบรัดคอนางรุนแรงขึ้น
ร่างกายของซู่เฟินเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ตอนนี้เรียกได้ว่านางกำลังจะหมดลมหายใจและตายอีกรอบ
“งั้นก็จงดีใจเสียนะ ข้าก็เสียมารยาทกับเจ้าเป็นคนแรก” เอาเถอะไอ้พระรองหน้าหนา ต่อให้นางตายอีกรอบก็ไม่หวั่น ซู่เฟินพูดกับเขา
สายตาของเฉิงเว่ยฉีมองร่างกายอรชรบอบบางของนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เขาไล่สำรวจร่างเล็กอวบอิ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ให้เจ้าตายตอนนี้มันน่าเสียดายนัก อยู่ร่วมสนุกกันก่อนก็แล้วกัน” เฉิงเว่ยฉีปล่อยมือ
ซู่เฟินสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ นางใช้มือสัมผัสคอตัวเองอย่างเบามือ หากเขาออกแรงอีกนิดนางคงคอหักตายจริงอีกรอบเป็นแน่ โธ่พ่อ!! ทำไมไม่บีบให้นางตายไปเสียเลย
“ไอ้คนหน้าหนาไร้มารยาท” ซู่เฟินกัดฟันด่า นางตั้งใจให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ก็คนหน้าหนาผู้นี้นี่แหละสามีเจ้า”
“ลงมือฆ่าข้าให้ตายไปเลยเสียดีกว่า ดีกว่าให้คนเช่นเจ้ามาเป็นสามีข้า” นางตะโกนด่า
เสียความหล่อของบุรุษผู้นี้จริง ๆ นางไม่คิดว่าพระรองแสนดีในนิยายจะมีร่างมืดกับเขาด้วย หน้าม่านหลังม่านของคนผู้นี้แตกต่างจากนิยายที่เธอเคยอ่านอย่างสิ้นเชิง
หรือนี่คือความจริงที่คุณนักเขียนอยากให้เป็น เฉิงเว่ยฉีคือตัวละครในจิตใต้สำนึกที่แท้จริงของไรท์เตอร์แบบนั้นใช่หรือไม่? ซู่เฟินประมวลผลความคิดในหัวจนอยากเป็นลมตายอีกรอบ
เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม นางอยากแค่เป็นผีเฉย ๆ ก็พอได้หรือไม่
เขาคิดแผนการชั่วร้ายนี้ออกเมื่อครู่ ตอนเห็นป้ายหยกประจำตัวถึงได้รู้ว่านางเป็นน้องสาวของถานเฉินเหลียน คนผู้นั้นยึดครองหัวใจฉีหลิงเซี่ย
จะแก้แค้นคนผู้นั้นที่พรากความรักเขาไปง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ เมื่อตอนนี้เขามีน้องสาวคนผู้นั้นอยู่ในกำมือ
ได้ยินเรื่องที่เขาบอกว่าเป็นสามีของนาง ถานซู่เฟินถึงกับกุมขมับ
“นอนด้วยกันแค่คืนเดียว เขาไม่เรียกว่าสามีหรอกนะ อย่างเจ้าน่ะก็เป็นได้แค่คู่นอนของข้าเท่านั้น” ซู่เฟินพูดไปจิ้มหน้าอกเขาไป พร้อมกับเน้นย้ำคำว่า ‘แค่คู่นอน’ ให้เขาได้ยินชัด ๆ
ตลอดชีวิต 23 ปี เขาไม่เคยพบเจอสตรีที่ไหนใจกล้าหน้าทนขนาดนี้มาก่อน แทบจะเรียกได้ว่า เป็นคนคนเดียวที่ทำให้เขาแสดงธาตุแท้ด้านมืดออกมาโดยไม่ต้องเหนียมอาย
“แค่คู่นอนงั้นหรือ”
วาจาแต่ละคำที่นางพูดออกมานั้นล้วนแต่ใจกล้าหน้าทน ผู้คนในแคว้นฉีล้วนแต่เคารพนบนอบ น้อยคนที่จะพูดกับเขาเช่นนี้ ช่างเป็นสตรีที่น่าประทับใจเหลือเกิน ร้ายกาจเช่นนี้เขามีวิธีแก้เผ็ดสตรีให้เข็ดหลาบ
จะต้องสรรหาสารพัดวิธีมาจัดการให้นางอยู่ใต้อาณัติให้จงได้
อดทนเดินหมากตานี้กับเขาก่อนนะถานซู่เฟิน อย่าพึ่งชิงยอมแพ้ไปเสียก่อนก็แล้วกัน
“ส่งนางคืนพี่ชายของนางเสีย” เขาหันไปออกคำสั่งกับคนของตน
คนพวกนั้นน้อมรับคำสั่งอย่างว่าง่าย
เฉิงเว่ยฉีส่งนางคืนครอบครัว พร้อมด้วยกล่องไม้กล่องหนึ่งบอกมีจดหมายแนบที่ต้องให้ผู้รับอ่านให้ได้
ระหว่างทางกลับบ้าน ซู่เฟินที่ถูกคนผู้นั้นเคี่ยวกรรมตลอดทั้งคืน นอนหลับเป็นตาย หญิงสาวสวมเพียงเสื้อผ้าโปร่งบาง ในยุคก่อนทะลุมิติของนาง เสื้อผ้าซีทรูพวกนี้เรื่องปกติมาก คนตัวเล็กอาศัยความเคยชิน ไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจในความผิดปกติพวกนี้นัก
เหนื่อยแล้วไม่ไหวแล้วมารดาเอ๊ย ขอหลับสักตื่นก็แล้วกัน ไว้รู้เมื่อไหร่ว่าเข้ามาอยู่ในตัวละครไหนค่อยว่ากันอีกทีเนอะ!!
ผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองนางด้วยสายตาเชิงเหยียดหยาม ที่บาดเจ็บก็เพราะนางดื้อเองไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิดสายตาเขาเย็นชายิ่งกว่าใครคนไหนที่นางเคยเจอมาตลอดทั้งชีวิต พวกเพื่อนผีเพื่อนมนุษย์ของเธอหลายยังไม่เคยมีใครมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นมาก่อน เรียกได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตบนพริวิเลจความงามมาโดยตลอด“เช้าแล้ว จะกลับบ้านเองหรือจะให้ข้าไปส่ง” เฉิงเว่ยฉีถามสตรีตัวเล็กที่นั่งกองอยู่กับพื้นโห!!! แบบนี้มันเข้าว่าฟันแล้วทิ้งชัด ๆซู่เฟินรู้สึกหมั่นไส้คนผู้นั้น จากเอฟซีมารดาจะกลายเป็นซาแซงแล้วนะ“ข้ากลับเอง” หญิงสาวกัดฟันพูด“งั้นไม่ส่ง” พูดจบเขาก็ลุกเดินออกไปทันทีหญิงสาวกำหมัดแน่น ตกลงแล้วนางทะลุมิติเข้ามาเป็นใครกันแน่ นางรอง นางร้าย หรือนางบำเรอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยวร่างแบบบางเหยียดหลังตรง ตอนสมัยเรียนเห็นเช่นนี้เคยโยนเบสบอลเปิดงานมาก่อนนะเฟ้ย!!ซู่เฟิน จับผ้าขี้ริ้วม้วนเป็นก้อนกลม คนตัวเล็กเดาะผ้าในมือสองสามครั
คนผู้นั้นสอดขาเข้ามาระหว่างขานาง บังคับให้ซู่เฟินแยกเรียวขาออกอย่างเป็นธรรมชาติ เอาเถอะพ่อเอ๊ย มารดาจะทนไม่ไหวแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ในเมื่อมันเลยเถิดมาถึงจุดนี้เข้าไปแล้วใบหน้าหล่อของเฉิงเว่ยฉี ก้มมองส่วนนั้นของเขาและนาง มันจดจ่ออยู่ตรงหน้าท้องเนียนเรียบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ช่างเป็นสตรีที่สามารถทำให้สติของเขากระเจิดกระเจิงได้ถึงเพียงนี้คนตัวใหญ่ที่เป็นฝ่ายควบคุม ค่อย ๆ สอดส่วนนั้นเข้าสู่ช่องทางคับแคบใบหน้าของนางเหยเก หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงข้างแก้ม เขาหยุดไว้ก่อนดูเหมือนว่านางจะรับไม่ไหว เขาก้มลงพรมจูบซับน้ำตาให้แก่นาง ตัวเขาเองก็พึ่งรู้ว่านางเป็นสตรีที่ยังไม่ผ่านมือชายใด“เด็กดี อย่าเกร็งแค่นิดเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำอ่อนโยน นางเป็นสตรีคนที่สองที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ แต่ถ้าเป็นเวลาเช่นนี้ก็นับว่าเป็นสตรีเพียงคนเดียวคนอื่นนั้น เพียงทำให้จบ ๆ กันไปเท่านั้น“ฉันเจ็บ” เธอบอกออกไปตรง ๆ ความรู้สึกเหมือนกับร่างจะฉีกขาดอย่างไรก็อย่างนั้น ทำไมพวกนางเอกหนังผู้ใหญ่ที่เธอเคยดู อะไร ๆ มันก็ง่ายดายไปหมดสองมือเนียนนุ่มของซู่เฟิน กอดรัดร่างสูงใหญ่ ไว้แนบแน่นหญิงสาวฝังกรงเล็บลงไปบนแผ่
ความรู้สึกรุ่มร้อนแล่นไปทั่วร่างของเธอผู้ชายคนนั้นที่บอกว่าตัวเองชื่อเฉิงเว่ยฉี เดินดุ่ม ๆ มาอุ้มเธอพาดบ่า ในหัวเธอประมวลผลเรื่องราวใด ๆ ไม่ได้แล้วมันร้อน ร้อนไปทั่วทั้งร่างซู่เฟินอยากจะแก้ผ้ากระโดดน้ำเสียเดี๋ยวนี้“ให้ข้าช่วย” เขาบอกกับเธอ“ช่วยอะไร ช่วยอะไรกัน” ซู่เฟินพยายาดีดตัวให้เหมือนกุ้ง ดิ้นรนอยู่บนบ่าของเขา มือใหญ่ของเฉิงเว่ยฉีตบตูดเธอไปหนึ่งทีถานซู่เฟิน แทบอยากจะฆ่าตัวตาย ไอ้คนมารยาทแย่เอ้ยเฉิงเว่ยฉีแบกนางขึ้นบ่าก้าวดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องนอนรัชทายาท เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มตัวนางเอาไว้ก็ถูกเขากำจัดทิ้งไปหมดแล้วกว่านางจะรู้ตัวก็พบว่าตัวเองเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่มร่างเขาต้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ นั่นด้วยความปรารถนาที่ยากจะคาดเดา และยืนรอดูสถานการณ์เผื่อว่านางจะไม่ต้องการให้เขาช่วยสายตาของผู้ชายคนนั้นจ้องเธอราวกับจะกลืนกิน ที่บอกว่ามารดาจะกินผู้ชายสามเดือนครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ เธอพูดเล่นต่างหาก ต่อให้อยากทำจริง ไม่ว่าจะในสถานะผีหรือสถานะคนเธอก็ไม่เอาหรอก มันทำไม่เป็นว้อยยยยย!!!คน!! ตอนนี้เธอเป็นคนงั้นเหรอเพี๊ยะ!!! ถานซู่เฟินตบแก้มขวาของตัวเองแรง ๆ หนึ่งที ความรู้สึกเจ็บชาวาบบนใบหน้า
กรี๊ดดดด!!ผีสาวหวีดร้องด้วยความกลัว ตอนตายหรือเล่นรถไฟเหาะยังไม่กลัวเท่านี้เลย ความรู้สึกตอนโดนดูดเข้าไปด้านใน มันวูบวาบเสียวท้องแปลก ๆครั้นพอลืมตาตื่นขึ้นมาดันได้สบตากับผู้ชายคนหนึ่ง ในหัวสมองของผีสาวพร่าเบลอไปหมด ไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้นรู้อย่างเดียว มันทั้งเสียวและพลุ่งพล่านไปหมดดะ เดี๋ยวนะ!!“คุณเป็นใคร” ซู่เฟินถาม แต่มือก็ยังโอบล้อมรอบคอของเขาผู้ชายคนนั้นถอนจูบจากเธอ ในใจผีสาวมีความรู้สึกเสียดายนิดหน่อย“เจ้าอย่ามาไขสือ เป็นคนหลอกข้ามาเองไม่ใช่หรือ” เขาสบตากับสตรีที่อยู่ในการควบคุมของเขา“ใครหลอกคุณมากัน” ถานซู่เฟินเปลี่ยนจากคล้องคอผลักเขาออกห่างร่างกายของทั้งคู่ที่เคยนัวเนียไร้เสื้อผ้าผละออกจากหัน เฉิงเว่ยฉี จ้องมองสตรีตัวเล็ก ๆ คนนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามระคนไม่เข้าใจเมื่อได้ยืนห่างจากกัน ซู่เฟินถึงได้เห็นหน้าตาเขาชัดเจนขึ้น อื้ม!!! หล่อเหลือเกินพ่อ เธอลอบเลียริมฝีปากที่แห้งผาก รสจูบเมื่อครู่เธอรู้สึกถึงมันได้นิดหนึ่ง คนผู้นั้นใส่แค่ชุดผ้าสีขาวบาง ๆ ร่างกายกล้ามเนื้อสัดส่วนทุกอย่างดูแข็งแกร่งไปหมด เมื่อมองต่ำลงมาเรื่อย ๆ ซู่เฟินก็ยิ้มปริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก“คุณหนูถาน หลอกให้ข
แม้ถานซู่เฟินจะตะโกนดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เธอบอก ฆาตกรที่ฆ่าเธอยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในที่ทำงานได้อย่างหน้าตาเฉยเธอเคยได้ยินว่า พวกผีนี่สามารถไปที่ไหนก็ได้ จะตามหลอกหลอนใครก็ได้ เธอจึงตั้งจิตติดตามไปถึงบ้านของคนที่ฆ่าเธอ อย่างน้อยก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เช่น เข้าฝัน ทำของตก เป่าลมแรง ๆ หรือไม่ก็แลบลิ้นปริ้นตาให้แม่คนนั้น ที่มารู้ทีหลังว่าชื่อหนิงเยว่ซี ตกใจตายกันไปข้างหนึ่งแต่ไม่ว่าจะใช้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แค่ไหน แม่นั่นก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำของเธอเลยสักนิด ชีหนิงเยว่ซีใช้ชีวิตดี๊ดี ส่วนเธอต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนแค่คิดก็เจ็บแค้นเกินไปแล้ว“คนสวย ทำแบบนั้นไม่ช่วยอะไรหรอก” ผีหญิงชราตนหนึ่งพูดกับเธอ“ก็แม่คนนั้นเป็นคนฆ่าหนู หนูอยากจับชีหักคอจริง ๆ” ซู่เฟินพยายามกำมือรอบคอหนิงเยว่ซี“แต่ไหนแต่ไรมา คนเป็นกับคนตายก็เป็นเส้นขนานกัน พวกที่เธอเห็นในละครน่ะ เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น แล้วเพิ่งเป็นผีไม่นานแบบนี้เลเวลผีต่ำต้อยจะไปทำอะไรใครเขาได้” ผียายแก่พูดกับเธอ“งั้นแสดงว่าหนูทำอะไรชีไม่ได้เลยเหรอคะ” ซู่เฟินพองแก้มอย่างเหนื่อยหน่าย“อื้อ ไปชดใช้กันในยมโลกเถอะจะหญิง เดี๋ยวนางก็ไปตกก
การจราจรยามเช้าค่อนข้างติดขัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมหานครยิ่งใหญ่แห่งนี้ ปีปีหนึ่งจะมีบัณฑิตจบใหม่หลายล้านคน ทุกคนต่างแย่งชิงฝ่าฟันเพื่อให้ได้งานบริษัทระดับท็อป สำหรับถานซู่เฟินแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องลงสนามแย่งชิงอะไรแบบนั้นจบจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ผลการศึกษาตอนเรียนจบก็เข้าขั้น Top อีกทั้งยังเคยเดินสายผ่านการประกวดมาหลายเวที หน้าตาจัดว่าสวยงามตอนสัมภาษณ์ อาศัยวาทศิลป์นิดหน่อยบวกกับยิ้มสวยพราวเสน่ห์ หญิงสาวก็ได้งานนั้นมาอย่างง่ายดาย ตำแหน่งเริ่มต้นในทีมพัฒนาและวิจัยของบริษัทระดับชาติจึงตกมาอยู่มือเธออย่างไม่ต้องสงสัยวันนี้เป็นวันทำงานวันแรกคนตัวเล็กเลือกที่จะไม่มาสาย หญิงสาวตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันรถเมล์เที่ยวแรก การเริ่มต้นที่ดีจะส่งผลดีต่อเรื่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซู่เฟินเลือกสวมเสื้อผ้าสีโทนอุ่น ให้ดูบอบบางน่าทะนุถนอม“รอด้วยค่ะ” เธอวิ่งตะโกนร้องเรียกรถเมล์ที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกจากท่าจอดรถ โชคดีที่คนขับรถได้ยิน เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังตกอยู่ในความยากลำบากใครจะไม่ใส่ใจเมื่อขึ้นไปบนรถซู่เฟินยิ้มโปรยเสน่ห์ไปหนึ่งที คุณลุงคนขับใจดีไม่ว่าอะไร ได้แต่โบกมือให้เธอรีบเข้าไปนั่ง เพราะ







