ห้องส่งตัวเจ้าสาว
“มี่อิน”
“คุณหนู เอ้ย…องค์หญิงเพคะหม่อมฉันอยู่นี่”
“เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”
“เตรียมพร้อมแล้วเพคะ แต่ว่าองค์หญิงเพคะ หม่อมฉันเห็นพระพักตร์ท่านอ๋องในวันนี้ เขาช่างรูปงามนัก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะ….”
“จะหน้าตาเช่นไรมันก็คือฆาตกรที่ฆ่าพี่สาวของข้า เจ้าออกไปได้แล้ว อย่าให้ผู้ใดเห็นเจ้าล่ะ”
“องค์หญิง จะลงมือจริงๆหรือเพคะ”
“ออกไปเถอะ ไปรอที่ที่เรานัดกัน หากว่าข้าไม่ไป นั่นแสดงว่าแผนการข้าล้มเหลว เจ้าจงรีบกลับไปชุนฮัวทันที ทรัพย์สินทั้งหมดยกให้เจ้า เข้าใจหรือไม่”
“คุณหนู บ่าวไม่อยากไปเลยเจ้าค่ะ”
“มี่อิน เรื่องนี้อันตรายมาก เจ้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ หากผิดพลาด ข้าจะรับผิดชอบเองคนเดียว รีบหนีไป”
“คุณหนู แต่ว่าท่าน…”
“เด็กโง่ ข้ามีวรยุทธ์สูงขนาดนี้เจ้ายังต้องกลัวอีกงั้นหรือ”
"แต่ว่า..
“ไปเถอะ เร็วเข้า ใกล้เวลาแล้ว”
มี่อินจำใจเดินจากไปพร้อมน้ำตา เมื่อนางออกมาแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าบ่าวหมาดๆก็เดินเข้ามาในห้อง เฟิ่งอ๋องปิดประตูห้องส่งตัว ก่อนเข้ามาเขาไล่แม่สื่อและผู้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกออกไปจนหมด
เขาหันมามองเจ้าสาวที่นั่งอยู่ที่เตียงพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อยและปฏิญาณตนเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าภายใต้ผ้าคลุมเจ้าสาวนั่นจะหน้าตาเช่นไร เขาจะไม่มีวันใจอ่อนให้กับสตรีแพศยาจากแคว้นชุนฮัวอีก
แค้นของถิงอัน เขาต้องสะสางด้วยชีวิตของนางเท่านั้น ในเมื่อพี่สาวนางฆ่าคนรักของเขา เช่นนั้นเขาขืนใจน้องของนางและทรมานนางอยู่ในตำหนักอ๋องนี้ นั่นก็สาสมแล้วที่พวกนางฆ่าคนรักของเขา
“พระสนม ข้าจะเปิดหน้าเจ้าสาวแล้วนะ”
“…..”
ไร้เสียงตอบกลับของคนที่นั่งนิ่งอยู่ราวกับตุ๊กตาไม้ หลินเย่นั้นรอเพียงโอกาสที่เขาจะเดินเข้ามานางจะได้จัดการเขาทันทีในมีดเดียว นางรอโอกาสนี้มาแสนนานเพื่อแก้แค้นอ๋องชั่วของฉีโจว เฟิ่งจื่อหลิงหยิบไม้มงคลมาเพื่อจะเปิดหน้าเจ้าสาว เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆนาง
“ฉึบ!!”
มีดสั้นสีเงินเฉือนเฉียดคอเขาไปนิดเดียวเมื่อเขาหักหลบพร้อมกับไม้มงคลที่รับมีดเอาไว้แทน เขารัดตัวนางพร้อมกับหมุนกลับมา ใบหน้านั้นยังไม่ถูกเปิดออก แต่ภายใต้ชุดเจ้าสาวนั้นนางกลับเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเขาตั้งรับกระบวนท่าที่นางโจมตีมา
“พระสนม เจ้าจะฆ่าสามีตัวเองในวันแต่งงานเช่นนี้ ข้าควรจะลงโทษเจ้าอย่างไรดี”
“คนชั่ว อย่าอยู่เลย!!”
“น่าสนใจดีนี่ มีผ้าคลุมอยู่เจ้าคงไม่สะดวกสู้เท่าไหร่ ให้ข้าเปิดหน้าเจ้าก่อนดีหรือไม่”
“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า คนน่ารังเกียจ ตายเสียเถอะเจ้าอ๋องชั่ว!!”
เฟิ่งจื่อหลิงยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างท้าทาย เขาไม่คิดว่าจะแต่งกับพระสนมที่มีวรยุทธ์เช่นนี้และยังมาเพื่อฆ่าเขาอีกด้วย แม้ว่าจะไม่รู้ว่านางจะฆ่าเขาทำไม แต่การที่นางไม่ต่อสู้เลยอาจจะทำให้เขารู้สึกผิดกับนางได้หากจะเป็นฝ่ายกระทำผู้เดียว เป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกัน
“ได้สิพระสนมของข้า เจ้าอยากออกกำลังก่อนจะเข้าหอก็ไม่บอก เช่นนั้นข้าจะเล่นกับเจ้าเสียหน่อยก็ได้ มาเลย!!”
“ไอ้คนเลว!!”
หลินเย่ใช้ทั้งกระบวนท่าหลากหลายในการโจมตีเขา แต่เขากลับรับนางได้ทุกท่าจนนางเริ่มโมโห ผ้าแดงที่คลุมหน้าถูกกระชากหลุดด้วยมือนางเองเพื่อจะได้มองเห็นหน้าเขาอย่างชัดเจน
เมื่อนางดึงผ้าออก ทั้งสองได้สบตากันเป็นครั้งแรก เฟิ่งอ๋องนั้นถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ แม้ว่าถิงอันจะงดงาม แต่ก็แทบจะไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของนางที่ยืนตรงหน้าเขาในตอนนี้ แต่สายตาของนางนั้น…..
“เจ้าเองหรือ ไอ้อ๋องทรราช ฆ่าได้แม้กระทั่งสตรี วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้!!”
เฟิ่งอ๋องสะดุดคำกล่าวหาของนางยิ่งนัก นี่เขาไปฆ่าผู้ใดกันเล่านี่ นางถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาฆ่าเขาถึงเพียงนี้ แต่เขาไม่มีเวลาถามเมื่อนางเริ่มพังห้องเพราะนางสู้เขาไม่ได้
“พระสนม เราค่อยๆมานั่งคุยกันดีๆเถอะนะ เจ้าจะเหนื่อยเปล่านะ ข้าขอเตือนเจ้า”
“หุบปาก!! ไอ้คนชาติชั่ว วันนี้เจ้าไม่ตายอย่าคิดว่าข้าจะหยุด หากเจ้าไม่ตาย ข้าก็จะตายเอง!!”
เขาหลบหมัดของนางพร้อมกับจับตัวนางได้อีกครั้ง คงเพราะเครื่องประดับและชุดที่หนักทำให้นางขยับตัวไม่ได้คล่องมากนัก อีกอย่าง นางก็คงเหนื่อยแล้วด้วยเพราะโจมตีเขามาหลายครั้ง โชคดีที่วันนี้เขาไม่ได้ดื่มสุราหนักมาก
“พอกันที ข้าไม่อยากเล่นแล้ว”
เฟิ่งจื่อหลิงหันกลับไปโจมตีนางกลับ หลินเย่ตั้งรับเขาแทบไม่ทัน สุดท้ายก็ถูกเขาจัดการและล็อกตัวนางเอาไว้ได้
“ปล่อยข้านะเจ้าคนชั่ว”
“ข้าไม่นึกมาก่อนเลยว่าพระสนมอยากจะยั่วข้าก่อนที่เราจะเข้าหอ นี่คงเป็นวิธีเรียกความสนใจแบบพิเศษของชุนฮัวใช่หรือไม่”
“ฝันไปเถอะว่าเจ้าจะได้แตะต้องตัวข้า!!”
หลินเย่ไม่รอพูดซ้ำ มีดเงินที่เคยจ้องเล่นงานเขาพาดมาที่คอหวังปลิดชีวิตตัวเอง เฟิ่งอ๋องเห็นว่านางกำลังจะทำสิ่งใดเขาจึงได้ฟาดไปที่มือนาง มีดนั้นหล่นลงพื้นทันทีพร้อมกับตัวนางที่ถูกเขาอุ้มขึ้นมาและสกัดจุดไม่ให้นางขยับตัวได้อีก
“พระสนม เจ้าดื้อเกินไปแล้ว”
สายตาดุดัน โกรธแค้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมาทำให้เฟิ่งอ๋องนึกใจอ่อนเมื่อนำนางไปวางที่เตียงนอนซึ่งเป็นที่เดียวที่พอจะโล่ง รอบๆห้องส่งตัว ห้องหอของพวกเขาตอนนี้กระจัดกระจายจนเละเทะไม่อาจอยู่ได้เลย
“เหตุใดจ้องหน้าข้าแบบนั้น นี่มันสายตาแบบใดกัน พระสนมเจ้าเอาแต่ตะโกนโวยวายจะฆ่าข้า นี่เจ้าคิดว่าข้าพิศวาสเจ้านักงั้นหรือ จะบอกให้นะ คืนนี้….เจ้าเองก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่สาวเจ้าเคยทำเอาไว้เช่นกัน เจ้าแพ้แล้วไม่มีสิทธิ์พูด อ้อ แล้วก็นะ หากว่าเจ้าคิดจะหนีอีก สาวใช้ที่เจ้าพามาด้วยข้าก็จะไม่ปล่อยไป หากเจ้าคิดฆ่าตัวตายต่อหน้าข้าอีก ข้าจะทรมานสาวใช้เจ้าก่อน”
สายตาที่เกลียดชังนั้นส่งให้เขาอย่างเปิดเผย เฟิ่งอ๋องมองนางที่ได้แต่มองเขาเช่นนั้น เขากลับรู้สึกแปลบๆที่หัวใจเล็กน้อย เขาและนางพึ่งเคยพบกันครั้งแรก แต่เหตุใดสายตาแห่งความเกลียดชังนี้จึงมีมากจนเขานึกโกรธจนอยากกระชากและทำลายนางเสียเดี๋ยวนี้
“เอาล่ะพระสนม ข้าจะถอดชุดเจ้าสาวให้เจ้า เราล่วงเลยเวลามานานเกินไปแล้ว เสียฤกษ์เข้าหอแล้ว ทำไม... ไม่ยอมงั้นหรือ เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วล่ะคืนนี้เจ้าต้องเป็นพระสนมของข้า พรุ่งนี้เราจะมาคุยกันใหม่ ทบทวนบทบาทใหม่กันอีกที เรื่องในคืนนี้ ข้าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง และจงจำเอาไว้…”
เขาเอื้้อมมือหนานั้นมาจับคางของนางเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาดุดันกลับไปให้นางเช่นกัน
“อย่าได้คิดว่าจะหนีรอดไปจากตำหนักอ๋องได้ ชีวิตนี้ของเจ้า ต้องชดใช้แทนพี่สาวเจ้าอยู่ที่ฉีโจวนี้ทั้งชีวิต!!”
ชุดเจ้าสาวค่อยๆถูกถอดออกทีละชิ้น น้ำตาที่ไหลโดยไม่มีเสียงนั้นทำเอาเขารู้สึกว่าเอาเปรียบนางเล็กน้อย แม้ว่านางสมควรที่จะได้รับโทษทัณฑ์นี้
แต่เขาเป็นขุนพลนักรบ ย่อมไม่อยากเอาเปรียบคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่เป็นสตรี เขาคลายจุดให้นาง ทำให้นางพูดได้และขยับตัวได้
“ไอ้คนชั่ว ชาตินี้ข้าไม่มีวัน…อุ๊บ…”
“ตุ๊บ…ๆ..ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ”
เฟิ่งอ๋องไม่รอให้นางได้ด่าเขาอีก ปากหนาประกบเข้าไปอุดปากนางเพื่อให้หยุดพูด ลิ้นสากหนาทะลวงเข้าไปด้านในทันทีพร้อมกับมือของหลินเย่ที่ระดมทุบตีเขาไม่ยั้ง มือหนาของเขาจับมือนางเอาไว้พร้อมกับตึงเอาไว้ด้านบน
“พระสนม ได้เวลาถวายตัวแล้ว อย่าดิ้นให้มากนัก มันจะทำให้เจ้าเจ็บตัว”
“ปล่อยข้านะไอ้สารเลว!!”
งานอภิเษกองค์หญิงจินลั่วเฟยงานอภิเษกยิ่งใหญ่ดังคำประกาศที่ฝ่าบาทได้แจ้งเอาไว้จริงๆ บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงของชุนฮัวต่างพากันตกแต่งซุ้มดอกไม้และประดับธงมงคลทั่วทุกบ้าน และทางวังหลวงยังจัดให้มีขบวนรถม้าเพื่อแห่ขบวนคู่บ่าวสาวของราชวงศ์ตามธรรมเนียมของชุนฮัวด้วยเช่นกันบ่าวสาวในชุดสีขาวบริสุทธ์ปักด้วยเพชรและทองทั้งตัวจากช่างฝีมือดีของในวังที่เพียรตัดชุดนี้ขึ้นมาอย่างประณีต องค์ชายฟงเจ้าหนานจับมือองค์หญิงจินลั่วเฟยขึ้นรถม้าที่ประดับด้วยดอกไม้พร้อมกับรับตะกร้ามาจากสาวใช้ ในนั้นบรรจุแผ่นทองเต็มสองตะกร้า เพื่อให้ทั้งคู่โปรยแจกราษฎรในเมืองหลวงระหว่างที่ขบวนแห่เริ่มออกจากวังหลวง“ข้าน่าจะมาแต่งที่ชุนฮัวบ้างนะ พิธีการของที่นี่ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”“พระองค์อยากแต่งที่ชุนฮัวหรืออยากได้พระสนมที่ชุนฮัวเพิ่มเพคะ”“เปล่านะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด เจ้าดูสิ พวกเขานั่งรถม้าโบกมือให้ประชาชนที่มารอร่วมยินดีกับพวกเขาทั้งสองข้างทาง ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ในฉีโจวเราไม่มีพิธีแบบนี้เกิดขึ้นเลยสักครั้ง”“ชุนฮัวเป็นเช่นนี้มานานแล้วเพคะ เพียงแต่ว่านานๆถึงจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เหล
แคว้นชุนฮัว“หลินเย่ ถึงแล้ว”“จื่อหลิง เหตุใดจึงหนาวเช่นนี้เพคะ”“ตอนนี้ชุนฮัวคงเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว มาเถอะ ข้าจะสวมเสื้อคลุมกับถุงมือให้”“ขอบพระทัยเพคะ”“หลินเย่ พี่เฟิ่งพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“อ้อ เจ้าหนานหลินเย่คงไม่ค่อยชินเท่าไหร่น่ะ เห็นบ่นว่าหนาวลั่วเฟยล่ะ”“พานางไปดื่มชาร้อนด้านในก่อนเถอะ ลั่วเฟยบอกให้กข้ามารับพวกท่านเข้าไปด้านในก่อน อีกห้าสิบลี้กว่าจะถึงชุนฮัว ต้องพักที่นี่ก่อน”“ได้สิ อีกเดี๋ยวข้าจะตามเข้าไป แล้วเนี่ยฝานกับลั่วเจินเล่า”“พวกเขาเข้าไปแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นข้าจะรีบพาหลินเย่ตามเข้าไป”“ได้ขอรับ”“หลินเย่ ไหวหรือไม่”“จื่อหลิง หนาวจังเลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากออกไปเลย”“มาเถอะ ข้าพยุงเจ้าไปเองนะ ลั่วเฟยให้เจ้าหนานมาตามเราเข้าไปด้านใน อยู่ตรงนี้จะหนาวนะ ไปเถอะหลินเย่ค่อยๆเดินออกมาด้านนอกรถม้าที่จอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมก่อนถึงแคว้นชุนฮัว นางเดินลงจากรถม้าและรีบโผเข้ากอดเฟิ่งอ๋องทันทีเพราะความหนาวเย็นเขาพยุงนางและพาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่คนที่เหลือนั่งดื่มชารออยู่ ลั่วเฟยเมื่อเห็นหลินเย่เดินเข้ามาจึงรีบนำเตาอุ่นมือวิ่งเอาไปให้นาง“หลินเย่ นี่เตาอุ่นมื่อ เจ้าอุ้มเอ
“พี่หญิงข้าจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ ท่านอยู่ที่นี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถอะเจ้าไม่ต้องห่วงข้ากับท่านพ่อนะ เที่ยวให้สนุก”“แม่ชีหลาน ไว้พบกันวันขึ้นเขานะ”“ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าสหายที่ตะโกนบอกกับหลานผิงอันอยู่ข้างรถม้าของเขา เฟิ่งจื่อหลิงรู้สึกว่าท่าทีของสหายข้างๆแปลกไป หลายวันมานี้เขาขอตัวไปเฝ้าและรับอาสาส่งยาของท่านหมอไปที่จวนสกุลหลานนอกเมืองและมักจะหายไปหลายชั่วยามในแต่ละวัน“เจ้าจะรอจนนางกลับไปบำเพ็ญเพียรก่อนจึงจะยอมบอกความรู้สึกหรืออย่างไร”“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงตรัสอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่....”“อย่ามาใช้คำพวกนี้กับข้า เป็นสหายกับเจ้ามาหลายปี มาตอนนี้จะมาเรียกข้าเช่นนี้ บอกข้ามาเจ้ากำลังตกหลุมรักเข้าแล้วสินะ”“จื่อหลิงเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าน่ะ...”“พี่ใหญ่ ท่านพี่ พวกท่านคุยอะไรกันอยู่เพคะ”“อ้อ...หลินเย่ข้ามีอะไรจะบอกเจ้าด้วย คือว่า..”“ก็ได้ๆ เฟิ่งจื่อหลิงเจ้าคนเจ้าเล่ห์ ข้ายอมรับ เจ้าอย่าพึ่งบอกหลินเย่นะ นางหวงหลานผิงอันยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีก”“เรื่องนี้น้องรองของเจ้าก็รู้สินะ”“ใช่ นางรู้”“แล้วเหตุใดให้หลินเย่รู้ไม่ได้เล่า”“น้องสามไม่เหมื
“หม่อมฉันเองก็มีความสุขมากเพคะ ที่พวกเราอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ เสียดายที่ท่านพ่อหลานมาไม่ได้”“ใต้เท้าหลานคงต้องรักษาตัวอีกสักพัก เขาตามไปอยู่ที่วัดกับแม่ชีหลานอาจจะทำให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นมาก็เป็นได้”“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ”พวกเขาเข้ามาร่วมวงสนทนาเป็นวงใหญ่เมื่อท่านอ๋องและพระชายามาร่วมด้วยทำให้กลุ่มของพวกเขาเสียงดังกว่าผู้ใดในงานเลี้ยงจนเป็นที่จับตามอง“องค์ชาย หากว่าท่านกลัวว่าฝ่าบาททของชุนฮัวไม่ยกองค์หญิงให้ เช่นนั้นข้าจะเป็นตัวแทนฝ่ายเจ้าบ่าวไปสู่ขอให้ท่านดีหรือไม่”“ท่านอ๋อง พระองค์ตรัสจริงหรือไม่เรื่องนี้กล่าวเล่นๆไม่ได้นะเพราะข้าจริงจังมาก”“ข้าไม่ได้กล่าวเล่นๆ ในเมื่อช่วยให้พวกท่านสมหวังได้เหตุใดจึงจะช่วยไม่ได้กันเล่า ถือโอกาสพาหลินเย่กลับไปเยี่ยมบ้านด้วย ใช่หรือไม่เนี่ยฝาน”“ดี ยอดเยี่ยม ขบวนรถม้าครั้งนี้คงราวกับคาราวานขนส่งสินค้าข้ามแดนเลยกระมังดูจากผู้ที่ร่วมเดินทางแล้วมีมากเหลือเกิน”“เป็นหน้าที่ท่านกับหลงอี้แล้วล่ะที่ต้องดูแลพวกเราตอนเดินทาง ว่าอย่างไรองค์ชายฟงเจ้ายังกลัวอยู่หรือไม่”“หากว่าท่านอ๋องเอ่ยปากขนาดนี้ มีทุกคนช่วยพูด ข้าเชื่อว่างานนี้ฝ่าบาททไม่ยอมก็ต้
งานแต่งตั้งพระชายาท่านอ๋องชุดสีแดงสลับขาวปักเลื่อมลายนกยูสีทองบนฉลองพระองค์พร้อมกับเครื่องประดับสีทองถูกสวมลงบนเรือนร่างของพระสนมหยางหลินเย่ เมื่อเกี้ยวจอดอยู่หน้าตำหนักเพื่อมารับพระสนมไปที่ท้องพระโรงเพื่อทำพิธีแต่งตั้งพระชายา “เมื่อขึ้นเกี้ยวนี้ไปกลับเข้ามาอีกครั้งต้องเป็นพระชายาแล้วนะหลินเย่ เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าภารกิจหลังจากนี้เจ้ากับท่านอ๋องต้องร่วมใจกันทำเพื่อชาวฉีโจว”“เจ้าค่ะพี่รอง พี่ใหญ่เล่าเพคะ”“พวกเขาไปรออยู่ที่ท้องพระโรงแล้ว เหลือข้ากับผิงอันรอส่งเจ้าที่ตำหนัก”“พี่หญิง”“น้องพี่…วันนี้เจ้างดงามมากจริงๆ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีเชื่อใจและมั่นใจในกันและกัน เจ้ากับท่านอ๋องคือคู่ที่สวรรค์ลิขิต ไปได้แล้วข้ากับลั่วเจินจะไปรอเจ้าที่ท้องพระโรง”“เจ้าค่ะ”หยางหลินเย่เดินขึ้นเกี้ยวอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นพระราชพิธีเพื่อแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระชายา ชุดแดงขาวปักนกยูงสีทองยางลากพื้นเมื่อนางเดินถือหนังสือแต่งตั้งสีทองเดินขึ้นยังท้องพระโรงด้านในนั้นมีเฟิ่งอ๋องที่สวมชุดสีเดียวกันกับนางนั่งที่ประทับรออยู่แล้วเพื่อสวมรัดเกล้าพระชายาให้กับพระชายา เมื่อเดินไปยังหน้าพระที่นั่งที่รายล้อมไปด้วยเหล่าข
หลินเย่กลับมาที่ห้องบรรทมอีกครั้งในตอนค่ำเพื่อเสวยมื้อค่ำกับท่านอ๋อง ซึ่งตอนนี้ทำท่านั่งโกรธอยู่ที่โต๊ะเสวยพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เขาเคยทำเมื่อเริ่มโกรธ“ท่านอ๋องเพคะ เนื้อไก่นี่อร่อยนะเพคะ พระองค์ลองชิมดูเพคะ”เขาทำเพียงแค่มองและขยับเนื้อไก่นั้นเอาวางไว้ริมชาม คนที่ตักให้ถึงกับขำกับท่าทางของคนตัวโตตรงหน้าที่งอนราวกับเด็กๆพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจนาง“ท่านอ๋อง…..”“จื่อหลิง….”หลินเย่งัดไม้ตายสุดท้ายมาเมื่อนางขยับตัวเข้ามาใกล้เขาและจงใจใช้อกอวบแน่นนั้นบดเบียดแขนของเขาอย่างจงใจจนคนที่ถูกยั่วนั้นใบหูเริ่มแดงขึ้น“ท่านพี่….ไม่สนใจหม่อมฉันจริงหรือเพคะ”คำว่า “ท่านพี่” ของนางเกือบทำให้เขาใจอ่อน แม้ว่าจะรีบยกชามข้าวขึ้นมาบดบังรอยยิ้มนั้นเกือบไม่ทันแต่ไม่นานเขาก็กลับมาตีหน้าเฉยชาอีกครั้ง“ข้าจะกินข้าว”“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์อยากจะกิน….อย่างอื่นเสียอีก…เฮ้อ เช่นนั้นก็เชิญพระองค์เสวยไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน”“จะ…เจ้าไม่กินหรือ…”เสียงที่เริ่มสะอึกเพราะคำว่า “อาบน้ำ” ที่นางบอกทำให้คนฟังคิดไปไกลจนเตลิดแต่ยังไม่เท่ากับสิ่งที่นางกำลังจะทำ“ใช่เพคะ วันนี้ร้อนอบอ้าว