2
การช่วยเหลือ
เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว
“ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน
“พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง
เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ
‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’
ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ในขณะที่มันกำลังจะก้าวเข้ามาก็ถูกเสียงเรียกของพวกเดียวกันเรียกเอาไว้ก่อนที่มันจะรีบแยกย้ายกันหลบหนีไป
“แม่นางเจ้าออกมาเถิด”
“พวกมันไปแล้วหรือเจ้าคะ” แม้นางจะทำใจกล้าแต่ทว่าเสียงที่เอ่ยออกมากลับสั่นเล็กน้อย ก็ใครมันจะไปเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
“อืม” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ
“ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเอามือกุมท้องในสภาพที่ไม่ใคร่ปกติ
“อืม แต่ไม่มาก” บุรุษที่สวมหน้ากากไม้ปิดบังใบหน้าครึ่งบนเอาไว้บอก
“เช่นนั้นข้าจะไปตามหมอให้ท่านนะเจ้าคะ” นางตั้งใจจะไปตามหมอให้จริง ๆ นั่นแหละ แต่แค่จะไม่กลับมาแล้ว แม้คนผู้นี้จะช่วยนางไว้ แต่ก็ไม่แน่อาจจะไปทำเรื่องไม่ดีมาจึงถูกตามล่า ดังนั้นควรรีบพาตัวออกห่างให้เร็วที่สุด
“ประเดี๋ยวก่อนแม่นาง” เขารั้งชายอาภรณ์ของนางไว้
“มีอันใดหรือเจ้าคะ”
“เจ้าอย่าเพิ่งออกไปจะดีกว่า เกิดพวกมันย้อนกลับมาเจ้าจะเป็นอันตราย”
‘เขาก็พูดถูก’ เช่นนั้นแล้วนางควรทำเช่นไรดีก่อนจะหน้าเสียเมื่อเห็นเลือดไหลเปรอะเปื้อนมือเขายิ่งกว่าเดิม
“ท่านบาดเจ็บมากเช่นนี้ หากไม่รีบไปตามหมอ แล้วท่านตายไปเช่นนี้ ข้ามิกลายเป็นคนร้ายสังหารท่านหรือเจ้าคะ แล้วอีกอย่างข้ากลัวท่านจะเป็นผีมาหลอกหลอนข้า เอ่อ...ขอโทษเจ้าค่ะ” นางเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไปก่อนจะยิ้มแหยๆ ออกมา
“เจ็บแค่นี้ข้าไม่ตายหรอก เจ้าช่วยฉีกชายอาภรณ์มาพันห้ามเลือดให้ข้าที”
“จะดีหรือเจ้าคะ” อาภรณ์ตัวนี้มารดาเพิ่งมอบให้นางเมื่อวาน หากมันฉีกขาด นางจะโดนดุหรือไม่
“เจ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่หากข้าตายไปเพราะเจ้าไม่ช่วย ข้าจะเป็นผีมาหลอกเจ้า”
‘อ้าว! ไอ้คนชั่ว เป็นเจ้าที่พากลุ่มคนถือดาบเปื้อนเลือดมาหาข้า ยังมีหน้ามาข่มขู่ข้าอีก’ แม้ในใจจะด่าทอแต่ทว่านางกลับต้องลงมือทำตามที่เขาต้องการ ก็นะเขาเก่งกาจเอาตัวรอดจากกลุ่มคนที่ตามล่าได้ เช่นนั้นเขาย่อมไม่ธรรมดา และคนที่ไม่ธรรมดาเช่นเขาย่อมสังหารนางได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก ดังนั้นการยอมทำตามที่เขาบอกคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะถลกอาภรณ์ขึ้นเล็กน้อยแล้วฉีกมันออกมา ในใจนึกขอโทษมารดาผู้แสนดีแต่ปากร้ายไปด้วย
“เจ้า!” บุรุษที่นอนพิงกองไม้ตกใจไม่น้อยที่เห็นนางถลกชายอาภรณ์ขึ้นจนเผยให้เห็นข้อเท้าและเข่าก่อนจะฉีกชายอาภรณ์เช่นที่เขาต้องการ
หากบาดแผลติดเชื้อขึ้นมาก็อย่ามาโทษนางภายหลัง เป็นท่านเองที่ร้องขอ โทษข้าไม่ได้
“ท่านถอดอาภรณ์ออกก่อนได้หรือไม่” แผลกว้างขนาดไหนก็ไม่ทราบหากพันไม่ดี ประเดี๋ยวเลือดไม่หยุดไหลก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปเสียที
ฮือ...เสี่ยวหลงเปาเย็นหมดแล้วกระมัง
“นี่เจ้า! ไร้ยางอายเกินไปแล้ว” สตรีผู้นี้กล้าดีอย่างไรมาขอให้เขาถอดอาภรณ์
“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านอย่าเพิ่งคิดหลงตัวเองไปไกล ที่ข้าขอให้ท่านถอดอาภรณ์เป็นเพราะว่าข้าจะได้ดูว่าแผลมันกว้างหรือเอียงซ้ายเอียงขวาประมาณใด จะได้พันแผลห้ามเลือดถูกเจ้าค่ะ” นางบอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ขออภัยที่เข้าใจผิด”
ภายใต้หน้ากากไม้คนผู้นี้คงรูปงามไม่น้อยถึงได้หลงตัวเอง แต่ขอโทษนะ! หากนางอยากดู นางไปดูที่หอชายงามก็ได้ แค่จ่ายตำลึงให้มากหน่อยได้ยินว่าจะลูบจะไล้จะทำอันใดก็ได้
นางไม่เคยไปหรอกแค่เคยได้ยินสหายในโลกเก่าบอกมาว่าเป็นเช่นนี้ พอเอ่ยถึงก็อยากลองไปสักครั้งเหมือนกัน
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ