เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรถม้าจากไป อิงอู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นคุณหนูคนก่อนหน้านี้ แล้วนำเสี่ยวหลงเปาที่ได้รับ ไปตรวจสอบพิษก่อนจะนำไปมอบให้คุณหนูสามผู้เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลเจียง
เจียงเซวียนเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นในสำรับอาหารมีจานใบหนึ่งว่างเปล่า คล้ายกับเจียงเซียวเล่อถูกใจมันมากจนกินหมดไม่เหลือ
“ดูเจ้ากินข้าวได้มากทีเดียว” เขากล่าวก่อนจะทรุดกายนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม
“ที่คุณหนูกินจนหมดเป็นเสี่ยวหลงเปาที่คุณหนูเหอนำมาให้เจ้าค่ะ” เป็นจี้เอ๋อเอ่ยแทน เพราะนางเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูกินอย่างอื่นด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ
“สหายเจ้านำเสี่ยวหลงเปามาให้หรือ”
“เจ้าค่ะ ซือซือช่างใส่ใจข้าจริง ๆ” คิดแล้วก็โมโหที่ท่านลุงพ่อบ้านไม่เชิญนางเข้าจวน ได้แต่รับฝากแล้วปล่อยกลับไป นางจึงออกคำสั่งว่าต่อจากนี้ไม่ว่าคุณหนูเหอจะมาเยือนจวนนี้ยามใด ต้องอนุญาตให้นางเข้าเรือน
“เช่นนั้นเจ้าก็ได้กินเสี่ยวหลงเปาร้านป้าจางที่อยากกินแล้วใช่หรือไม่” เจียงเซวียนกล่าวคล้ายไม่ใส่ใจ แต่แท้จริงกลับรอฟังคำตอบจากน้องสาว
“ใช่เจ้าค่ะ ข้ากินคนเดียวทั้งห้าลูกเลย”
“ห้าลูกหรือ กินมากขนาดนั้นไม่แปลกใจเลยที่จะกินอย่างอื่นไม่ได้แล้ว” จำได้ว่าเสี่ยวหลงเปาที่นางได้ไปมีหกลูกมิใช่หรือ นางคงไม่ได้แอบกินไปหนึ่งลูกหรอกกระมัง
“ก็เสี่ยวหลงเปามันอร่อยนี่เจ้าคะ ข้ากินไปกินมาก็เผลอกินไปจนหมด”
“ในเมื่อกินเสี่ยวหลงเปาจนแน่นท้องไปแล้ว เช่นนั้นก็ได้เวลากินยา”
“แต่ว่าข้า...” เจียงเซียวเล่อตั้งใจจะต่อรอง
“อีกสามวันก็จะถึงพิธีปักปิ่นของเจ้าแล้ว อย่างไรก็ต้องกิน”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” เมื่อน้องสาวตอบรับ คนเป็นพี่จึงเอาห่อกระดาษออกมาจากอกเสื้อก่อนจะแกะเชือกที่ผูกเผยให้เห็นน้ำตาลปั้นรูปสัตว์
“น้ำตาลปั้น!” แววตาของคุณหนูสกุลเจียงเปล่งประกายฉายแววยินดี มีพี่รองก็เหมือนมีมารดาที่เข้าใจนาง
“เห็นเจ้าชอบต่อรองเวลากินยา พี่เลยซื้อน้ำตาลปั้นมา หวังหลอกล่อให้เจ้ากินยาง่ายขึ้นและหายป่วยก่อนถึงวันงานปักปิ่น”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่รองช่างเข้าใจข้าจริง ๆ”
“งานปักปิ่นของเจ้า เจ้าได้เชิญสหายมาหรือไม่”
“ข้าลืมเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้จี้เอ๋อรีบนำเทียบไปมอบให้”
“อีกหนึ่งชั่วยามพี่จะออกไปตรวจบัญชีที่ร้านต่อ อย่างไรเจ้าฝากเทียบเชิญพี่ไปก็ได้ ประเดี๋ยวพี่จะไปมอบให้นางด้วยตนเองจะได้ดูจริงใจกว่า ทั้งยังได้ขออภัยที่ส่งเทียบเชิญให้อย่างกะทันหัน”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
เพราะมีน้ำตาลปั้นกินตามหลัง เจียงเซียวเล่อจึงสามารถดื่มยาได้อย่างรวดเร็วต่างจากก่อนหน้านี้ที่ต้องหลอกล่อกันแทบตาย แต่ก่อนที่พี่ชายจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป คุณหนูเจียงก็เอ่ยวาจาที่ทำให้เจียงเซวียนอดยิ้มไม่ได้
“พี่รองก่อนเดินเข้าจวนตระกูลเหอท่านควรหาผ้ามาคลุมหน้าเสีย ประเดี๋ยวสหายข้าจะหลงใหลท่าน”
“ไหนเจ้าบอกว่าที่ชอบสหายคนนี้มาก เพราะนางไม่สนใจพี่ ดังนั้นหากพี่จะนำความรูปงามของตนไปพบหน้าสหายเจ้า นางก็ไม่หลงใหลพี่หรอก” หากนางหลงรูปลักษณ์ของเขาจริงวันนั้นคงไม่เสียมารยาทแย่งเสี่ยวหลงเปาของเขาไปหน้าตาเฉยหรอก
“พี่รองจะล่อลวงคุณหนูคนไหนก็ได้ข้าไม่ว่า แต่ได้โปรดยกเว้นซือซือสหายของข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ นาน ๆ ครั้งข้าจะพบเจอคนที่รู้ใจเช่นนาง” เจียงเซียวเล่อกล่าว
‘คนที่รู้ใจเช่นนั้นหรือ’ ฟังดูทะแม่ง ๆ แปลก ๆ นะหากเอ่ยถึงบุรุษเขาต้องคิดว่าคนผู้นั้นคงเป็นบุรุษที่น้องสาวพึงใจ แต่นี่เป็นสตรี นางคงแค่เอ่ยวาจาผิดไป
“นะเจ้าคะพี่รอง ก่อนเข้าประตูจวนเหอ ท่านกรุณาใส่ผ้าคลุมหน้าด้วย”
“ขอรับคุณหนูเจียง ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งขอรับ”
“ดีมาก” เจียงเซียวเล่อยิ้มก่อนจะแสร้งโบกมือเป็นเชิงไล่พี่ชาย
“เจ้านี่นะ!” เจียงเซวียนกล่าวอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยกมือยีผมน้องสาวให้ยุ่งเหยิงแล้วรีบออกไปจากห้องทันที
“พี่รองแกล้งข้าอีกแล้ว” เสียงโวยวายของน้องสาวดังตามหลังมา
คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ