คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน
เท่าที่เขาทราบรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไร้ความทะเยอทะยาน แม้จะค่อนข้างมีเงินถุงเงินถังเพราะเหอฮูหยินเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดกลางอย่างโรงเตี๊ยมไฉ่เหวินที่ต้อนรับตั้งแต่ชาวบ้านไปถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และแม้จะเปิดมาเกือบสิบเจ็ดปี แต่ทว่ายังมีลูกค้ามากมายสร้างรายได้ให้จวนเหอมากกว่าเบี้ยหวัดของรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอช่างเสียอีก
นัยน์ตาราบเรียบกวาดมองสองข้างทางในระหว่างที่เดินไปยังโถงกลางจึงได้เห็นเครื่องประดับและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ทว่าดูดี ทั้งยังมีสวนที่ปลูกดอกไม้ผสมผสานกับผลไม้ซึ่งต่างจากจวนอื่นที่มักจะปลูกต้นไม้มงคล
‘เรียบง่าย ไร้ความทะเยอทะยานอย่างแท้จริง’ บ่งบอกได้ว่าจวนเหออาจจะไม่ได้คิดการใหญ่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากตระกูลเจียงของเขา
ที่ผ่านมามีคุณหนูตระกูลใหญ่พยายามเข้าหาและตีสนิทน้องสาวของเขาอย่างมีจุดประสงค์ ทำให้น้องสาวเขารู้สึกเข็ดขยาดที่จะคบหาหรือสนทนากับคุณหนูคนอื่น
“คุณชายรองเจียง รอชั่วครู่นะขอรับ” พ่อบ้านจางบอกกล่าวก่อนจะรีบไปตามเหอฮูหยินที่วันนี้กลับจวนก่อนเวลาพอดี
ผ่านไปไม่ถึงชั่วหนึ่งก้านธูป เหอฮูหยินก็ออกมาต้อนรับคุณชายรองเจียง ที่มาขอพบ
“คารวะเหอฮูหยินขอรับ ขออภัยที่ข้ามารบกวนเวลาของท่าน”
“ไม่เป็นไร ท่านมีเรื่องใดหรือ”
“อีกสามวันที่จวนตระกูลเจียงจะจัดพิธีปักปิ่นของเซียวเล่อ แต่ยามนี้นางล้มป่วยจึงไม่อาจนำเทียบเชิญมาส่งด้วยตนเอง เพื่อเป็นการขออภัยที่ส่งเทียบเชิญให้คุณหนูเหอที่เป็นสหายอย่างเร่งด่วน ข้าจึงนำมาส่งด้วยตนเองพร้อมทั้งขออภัยเหอฮูหยินด้วยที่เชิญกะทันหันเช่นนี้”
“คุณชายรองเจียงเกรงใจตระกูลเหอของเราเกินไปแล้ว ที่ผ่านมาซือซือของเราไม่ค่อยชอบออกนอกจวนจึงไม่ใคร่จะมีสหาย ข้าจึงรู้สึกยินดีที่นางได้เป็นสหายกับคุณหนูเจียง เทียบเชิญนี้ข้าจะรีบตอบกลับและแจ้งให้ซือซือทราบ”
“ขอบคุณเหอฮูหยินที่ไม่ถือสาจวนที่ไร้ผู้อาวุโสเช่นจวนเจียง ต่อจากนี้คุณหนูเหอกับเซียวเล่อคงไปมาหาสู่กันบ่อย หากเหอฮูหยินมีเรื่องใดจะชี้แนะ สามารถเรียกข้ามาสนทนาได้เลยนะขอรับ ข้าเป็นบุรุษบางครั้งอาจจะขาดตกบกพร่องดูแลน้องสาวไม่ทั่วถึงไปบ้าง ขอเหอฮูหยินได้โปรดชี้แนะ”
“คุณชายรองเจียงเกรงใจกันเกินไปแล้ว แต่หากท่านเอ่ยถึงเพียงนี้ ยามคุณหนูเจียงมาที่จวนเหอ ข้าจะช่วยดูแลให้อีกทาง ท่านอย่าได้กังวล”
“ขอบคุณเหอฮูหยินที่เมตตาพวกเราสองพี่น้องขอรับ” ท่าทางนอบน้อมของบุรุษรูปงามตรงหน้าทำให้เหอฮูหยินยิ้มอ่อนโยน
ช่างเป็นบุรุษที่รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่เสียจริง ทั้งยังกล่าววาจาได้อย่างนุ่มนวล เปิดเผยและจริงใจพลอยทำให้ผู้อาวุโสเช่นตนรู้สึกเอ็นดูไปด้วย
“เอาเถิด มีอันใดอยากปรึกษาหารือ ท่านสามารถมาหาข้าที่จวนได้เสมอ”
“ขอบคุณขอรับ เช่นนั้นวันนี้ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ขอตัวลาก่อนนะขอรับ”
“เชิญตามสบาย คราวหน้ามาก็อยู่สนทนากันให้นาน ๆ หน่อยอย่าได้ถือเป็นการรบกวน” น้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตาให้ทำคนที่ไร้มารดามานานรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เพราะวันนี้เขาแจ้งกับพ่อบ้านจวนเหอว่าจะนำเทียบเชิญมามอบให้คุณหนูเหอเพื่อเชิญไปร่วมงานปักปิ่น ด้วยมั่นใจว่ายามนี้เหอฮูหยินน่าจะไม่อยู่จวน อย่างไรสหายของน้องสาวก็ต้องออกมาต้อนรับขับสู้ เขาจะได้รู้กันไปเลยว่านางใช่สตรีที่แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจริง ๆ หรือไม่
ทว่าคนที่ออกมาพบกลับไม่ใช่สตรีนามเหอซือซือ แต่เป็นเหอฮูหยินที่บังเอิญอยู่จวนพอดีออกมาต้อนรับ
ในภายหน้าอย่างไรเจียงเซียวเล่อย่อมมาเยือนจวนตระกูลเหอบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงฝากเนื้อฝากตัวกับอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะได้มีคนช่วยสอดส่องอีกคน
‘วันนี้ไม่ได้เจอ อย่างไรอีกสามวันข้างหน้าข้าต้องได้เจอเจ้า’ แม้จะมั่นใจไม่น้อยว่าคนที่แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาไปเป็นสหายของน้องสาว แต่อย่างไรเขาก็อยากเห็นเช่นกันว่าสตรีที่ชอบเอ่ยวาจาออดอ้อนผู้นั้นจะทำหน้าเช่นไรเมื่อทราบว่าเขาเป็นพี่ชายของสหายนาง
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ