ไม่ว่าตู้หลิงจะใช้วิธีใดนางก็ไม่สามารถก้าวขาออกไปจากจวนอ๋องได้เลยสักก้าว ราวกับว่าที่นี่กลายเป็นคุกที่กักขังนางเอาไว้
ปีนหลังคา สิงไปกับสิ่งของ หรือเดินออกตามประตูแบบปกติ นางล้วนทำไม่ได้ทั้งสิ้น
กระทั่งลุงผีที่กำลังตามหาหลานผีเช่นนางผ่านมาเจอนางนั่งทำหน้าจ๋องอยู่บนหลังคาจวน
“นังหนูไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมกัน” หยูเต๋อกุยตะโกนเรียก
“ท่านลุงช่วยข้าด้วย ข้าออกไปจากจวนหลังนี้ไม่ได้” ตู้หลิงตะโกนบอก
“อะไรนะ? ออกจากจวนไม่ได้ เป็นเพราะเหตุใดกัน” เป็นผีมาหลายร้อยปีผู้ชราไม่เคยได้ยินว่ามีที่ที่ผีเช่นพวกตนเข้าได้แต่ออกไม่ได้อยู่ด้วย
“ฮื้อ!!” ตู้หลิงร้องไห้ นางอยากออกไปจากที่นี่
“งั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะลองไปหาวิธีดูก็แล้วกัน”
ที่หยูเต๋อกุยพูดไปเช่นนั้นก็เพื่อให้นางคลายความกังวลใจ ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะใช้วิธีใด
ท่านลุงผีลอยหายไปแล้วทิ้งให้นางนั่งร้องไห้อยู่บนหลังคาจวน
คิดแล้วยังนึกเสียใจ นางไม่น่าอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองเลยจริง ๆ ร่างกายของนางสามารถเดินทะลุได้ทุกพื้นที่ของจวนอ๋อง นางสามารถหลอกล่อ ใช้วิชาพื้นฐานผีที่เรียนมาจากท่านลุงได้หมดทุกกระบวนท่า มีเพียงสิ่งเดียวที่นางทำไม่ได้นั่นก็คือการออกไปจากที่นี่
ตู้หลิงคิดถึงสตรีที่หน้าสวยเหมือนกับนาง จึงลอยไปหานางที่ห้อง
“พระชายาคืนนี้ท่านจะรอท่านอ๋องหรือไม่” เสี่ยวเชี่ยนที่กำลังสางผมให้กับนายหญิงของตนเองเอ่ยถาม
“ตลกแล้วเสี่ยวเชี่ยน เจ้าก็รู้ว่าคืนนี้ท่านอ๋องจะไม่มาค้างที่นี่” ผู้เป็นพระชายานั่งทอดถอนใจ เรือนของนางอยู่ห่างไกลจากที่พักของท่านอ๋องนัก เขาน่าจะลืมไปแล้วด้วยกระมังว่านางยังมีชีวิตอยู่ที่นี่
คืนนี้เป็นคืนแต่งงานเข้าหอของมู่อันเฉิงกับไช่หลินซี สตรีที่เขาพึงใจมาตั้งแต่ยังเยาว์ ถ้าบ้านของแม่นางไช่ไม่ประสบเคราะห์กรรม ผู้ที่ได้ตำแหน่งชายาเอกก็คงเป็นนาง
“โธ่พระชายาของหม่อมฉัน” เสี่ยวเชี่ยนน้ำตาร่วง
นายหญิงของนางงดงามและแสนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกเขาถึงเอาไปเล่าลือแต่เรื่องไม่ดี
ตู้หลิงขยับกายมานั่งข้าง ๆ พระชายา ใบหน้าของนางละม้ายคล้ายกับตนอย่างแปลกประหลาด จนบางครั้งนางรับรู้และรู้สึกเศร้าเสียใจไปพร้อมกับนาง น่าเสียดายที่นางไม่สามารถออกไปจากที่นี่ ไปหาเบาะแสเรื่องที่นางและพระชายาผู้นี้มีใบหน้าคล้ายกันได้
พระชายาผู้นี้นางทั้งอ่อนโยน ทั้งเก่งงานบ้านงานเรือน งานของกุลสตรีที่เป็นชนชั้นสูงล้วนแล้วแต่ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง ที่ตู้หลิงรู้เรื่องเหล่านี้ ก็เพราะงานฝีของพระชายาผู้ที่นางไม่รู้จักนาม ล้วนแล้วแต่ประณีต ต้นไม้ดอกไม้ในสวนล้วนถูกตัดแต่งสวยงาม ราวกับรอคอยใครสักคน
“ไปเถอะ เข้านอนกันเถอะเสี่ยวเชี่ยน” พระชายาปล่อยให้หญิงรับใช้ของตนสางผมอีกไม่กี่ที นางถึงลุกกลับไปที่เตียง
ครั้นเสี่ยวเชี่ยนปรนนิบัติเจ้านายของตนเองเรียบร้อยและออกจากห้องไปแล้ว น้ำตาที่พระชายาคนสวยกลั้นเอาไว้ จึงไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
“โธ่ เด็กดี เจ้าอดทนมามากใช่ไหม” ตู้หลิงรู้สึกสงสารพระชายาตัวอย่างที่สุด นางอายุแค่เท่าไหร่เอง สามีก็ไม่รัก ซ้ำยังแต่งเมียน้อยจัดงานเลี้ยงใหญ่โตไม่เกรงใจเมียเอก คนที่น่าสงสารคือสตรีที่นอนร้องไห้น้ำตาเปียกหมอนผู้นี้ต่างหาก
ผีสาวได้แต่ลูบหัวเบา ๆ ขับกล่อมให้นางหลับไป
ถ้าเป็นในโลกเมต้าเวิร์ส นางจะยุให้พระชายาหนีออกไปจากบ้านหลังนี้เสีย ฟ้องหย่าเรียกข้าเสียหายเอาไปฉีดโบท็อก ทำสวย ไปหาสามีคนใหม่ที่หล่อ หน้าตาดี มีอำนาจ มากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า นางจะไม่บอกให้อดทน แต่นางจะบอกให้สู้กลับ
“โธ่เอ๊ย เป็นข้าตู้หลิงดาราเอกแห่งยุคหน่อยไม่ได้”
หลังจากส่งพระชายาเข้านอนไปแล้วตู้หลิงอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนไปยังเรือนหอ นางเห็นแม่ไช่นั่งบีบมือตื่นเต้นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า
“ชิ!!! อยากจะรู้ว่างดงามแค่ไหนกัน” ตู้หลิงบ่น
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป บุรุษที่นางรู้ว่าเขาชื่อมู่อันเฉิงก็เข้ามาในเรือนหอ
รัศมีออร่าความเป็นพระเอกเปล่งประกาย ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง มียศถาบรรดาศักดิ์ ถ้าอยู่ในยุคของนางรับรองไอ้หมอนี่ได้เป็นพระเอกเบอร์ต้นโด่งดังไปทั้งเอเชียแน่ ๆ
บุรุษตัวสูงเดินเข้าไปหาสตรีที่สวมชุดเจ้าสาวสีแดง มือของชายหนุ่มเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างอ่อนโยน
สตรีตัวเล็กใบหน้างดงามผุดผาดปรากฏต่อสายตา ร่างกายของสตรีผู้นี้บอบบางราวกับกิ่งหลิว ดูอ่อนโยนไร้เดียงสา นัยน์ตาสีดำขลับเปล่งประกายราวกับท้องนภายามค่ำคืน
“เหมาะกับเป็นสายไอดอลเกิร์ลกรุปอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” ผีสาววิเคราะห์ ถึงว่ามู่อันเฉิงถึงปักใจรักแต่เพียงไช่หลินซี
“ข้าคิดถึงเจ้าจังเลยซีเอ๋อ” มู่อันเฉิงประคองกอดร่างเล็กบอบบาง ในที่สุดฝันที่เขาได้ครองรักกับสตรีในดวงใจก็มาถึง
“ข้าก็คิดถึงท่าน...พี่อันเฉิง ไม่คิดเลยว่าเราสองคนจะฝ่าฟันกันมาถึงวันนี้” ไช่หลินซีเริ่มร้องไห้ น้ำตาของนางเหมือนมีชีวิต คิดอยากจะร้องเมื่อไหร่ก็สั่งให้น้ำตาไหลได้ทันที
“โธ่ เด็กดีอย่าร้องไห้ไปเลย” มู่อันเฉิงปลอบโยน “และข้าขอโทษที่ไม่สามารถแต่งตั้งให้เจ้าเป็นชายาเอกได้”
สายตาของไช่หลินซีตอนที่มู่อันเฉิงกล่าวว่าไม่สามารถให้นางเป็นชายาเอกได้ ครู่หนึ่งเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แน่นอนว่ากิริยาเช่นนั้นย่อมอยู่ในสายตาของตู้หลิง
“อ้าว!!! สายตาของเจ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าไม่ได้เป็นไปตามที่พูดสินะ” ตู้หลิงเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นแทนสตรีที่นอนร้องไห้อยู่ในห้องตามลำพัง
หน่อย!! นังไช่เสแสร้ง ต้องคิดจะเลื่อยขาตำแหน่งของลูกรักนางแน่ ๆ
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอแค่ได้เคียงข้างท่านข้าก็พอใจแล้ว” ไช่หลินซีปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าทำตาแป๋ว
ดวงตากลมโตที่แสนจะไร้เดียงสาของไช่หลินซี ช่างเป็นสายตาที่เอาไว้ใช้ล่อล่วงให้บุรุษทั้งหล้าให้หลงใหลเสียจริง ๆ
ระหว่างนั้นมือของมู่อันเฉิงก็อยู่ไม่สุข เขาเริ่มลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างของไช่หลินซี ตัวไช่หลินซีก็ได้แต่ทำท่าเอียงอายเฉกเช่นสาวน้อยทั่วไป
“พี่อันเฉิง....” ไช่หลินซีพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ร่างกายของนางถูกเขาถอดเสื้อผ้าออกอย่างอ่อนโยน
“เจ้างามเหลือเกิน” มู่อันเฉิงหยอกเอิน
ชายหนุ่มพูดหยอกเย้า ส่วนมือแกร่งก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายบอบบางและประคองให้เจ้าสาวของตนนอนราบไปกับพื้นที่นอน
ตู้หลิงทนดูคู่รักหวานเชื่อมไม่ไหว ต้องรีบออกไปจากที่นั่นในบัดดล ถึงแม้จะอยากเห็นอาวุธลับของหมอนั่นมากก็ตาม
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา