ออกไปจากที่นี่ไม่ได้!!!
ไม่ใช่ว่านางจะอยู่รอลุงผีอยู่เฉย ๆ ตู้หลิงยังคงพยายามที่จะหาทางออกไปจากที่นี่ สิ่งหนึ่งที่ตู้หลิงรู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครเอ่ยนามของพระชายาเลยสักคน
ที่นี่นางรู้ว่าบุรุษผู้เป็นเจ้าของจวนชื่อมู่อันเฉิง และสตรีที่แซ่ไช่มีนามว่า ไช่หลินซี แต่กับพระชายาที่น่าสงสารตู้หลิงดันไม่รู้ว่าชื่อเสียงเรียงนามของนาง ว่าชื่ออะไร ราวกับว่านางไม่มีตัวตนใน บ้านหลังนี้
โดยตามธรรมเนียมแล้วเหล่าภรรยารอง เมื่อแต่งเข้าบ้านจะต้องมายกน้ำชาให้แก่ผู้เป็นชายาเอก แต่ผ่านวันแต่งงานไปแล้วหลายวัน แม่ไช่เสแสร้งจึงพึ่งจะโผล่หน้ามาที่เรือนของพระชายา
ไช่หลินซีสวมชุดหรูหราที่มู่อันเฉิงเป็นผู้จัดหามาให้ ประดับศีรษะด้วยปิ่นหงส์ประดับมุกสีชมพูเข้ากันกับชุดที่นางสวมใส่ ท่าทางเยื้องย่างกรีดกรายราวกับเทพธิดาที่จุติมาจากสรวงสวรรค์
เมื่อมาถึงเรือนของชายาเอก ไช่หลินซีจึงถอดหน้ากากนางฟ้าออก ท่าทางวางอำนาจ บ่าวในเรือนของพระชายาล้วนแล้วแต่ไม่มีผู้ใดประทับใจ
“ตายจริง หม่อมฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาหาพี่หญิงตั้งแต่วันแรกหลังจากแต่งงาน ต้องโทษที่ท่านอ๋องไม่ยอมให้ข้าลุกไปไหน กกกอดข้าเอาไว้ตลอดทั้งวัน” ไช่หลินซีก้าวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของเรือน
“งั้นหรือ” พระชายาเอกได้ยินแล้วสะเทือนใจแต่ยังเก็บอาการและข่มความเจ็บช้ำเอาไว้
“พี่หญิง ข้าไช่หลินซียกน้ำชาให้ท่านแล้ว”
มือบอบบางของไช่หลินซียกถ้วยชาร้อน ๆ แบบขอไปทีด้วยมือเดียว ท่าทางกิริยาไร้มารยาทและดูข่มเหงพระชายาอย่างที่สุด
ตู้หลิงเห็นแล้วก็โกรธจัด
“พระชายาน้อยเจ้า ทำอะไรสักอย่างสิอย่าให้นางมาดูถูกเจ้าได้” ผีสาวเป่าหู
ใบหน้าของพระชายาน้อยข่มความโกรธจนแทบไม่ได้แสดงออกมา ความโกรธนั้นส่งผ่านถึงตู้หลิงด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกันก็ไม่ปาน ตัวของผีสาวเองก็ประหลาดใจที่รับรู้ความรู้สึกนี้
พระชายายกน้ำชาของตนเองขึ้นจิบ มุมปากยกยิ้มเย็นชา
“นานแล้วหรือยังที่บ้านของเจ้าประสบเคราะห์” พระชายาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ก็นานพอสมควรเจ้าค่ะ ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงได้นั่งตำแหน่งชายาเอกไปแล้ว” ไช่หลินซีพูดลอยหน้าลอยตา
“ถึงว่า....” พระชายาพูดจบก็ต้องอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
พอเห็นว่าสตรีหน้าขาวซีดที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานหัวเราะเบา ๆ ไช่หลินซีก็เก็บความใคร่รู้เอาไว้ไม่ไหว
“มีอะไรให้น่าหัวร่อกันหรือเจ้าคะ หรือรับความจริงไม่ได้ที่ข้าเป็นผู้ที่ถูกรักจากท่านอ๋อง” ผู้มาเยือนยังคงค่อนแคะสตรีผู้เป็นชายาเอกไม่หยุด
“ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าข้าหัวเราะเรื่องใดข้าจะบอกเจ้า”
“.....” ไช่หลินซีเชิดใบหน้าอย่างเย่อหยิ่งรอฟังสิ่งที่ผู้เป็นพระชายาเอกจะเอ่ย
“ที่ข้าหัวเราะก็เพราะว่าตลกในกิริยาไร้มารยาทของเจ้าต่างหาก และที่ถามว่าบ้านเจ้าประสบเคราะห์กรรมมานานแล้วหรือยังก็เพื่อวิเคราะห์ว่า เจ้าน่าจะไม่ได้รับการศึกษาที่พอ พอที่จะรู้ว่าอะไรคือมารยาทของกุลสตรีที่ดี” พระชายาพูดในขณะที่สีหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
อู้ววววววววววว์
“พระชายาตัวน้อยของข้า เจ้านี่ฉลาดสุดยอดไปเลย” ผีสาวยกนิ้วให้กับพระชายาตัวน้อย
ไช่หลินซีที่ถูกตอกจนหน้าหงาย กำมือแน่นด้วยความโกรธจนกระทั่งเล็บแทงเข้าไปในเนื้อและสัมผัสได้ว่ามีหยาดเลือดอุ่น ๆ ซึมออกมานางจึงหยุด
“พี่หญิง ข้าเสียมารยาทแล้ว”
แค่ชั่วพริบตาเดียวเปลี่ยนให้ไช่หลินซีกลายเป็นสตรีอ่อนหวานได้ถึงเพียงนี้เชี่ยวหรือ ตู้หลิงหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อถือ นางมั่นใจว่าแม่ไช่เสแสร้งจะต้องมีแผนการต่อจากนี้
“พระชายาน้อย เจ้าต้องระวังนางให้มาก ๆ นะ นางต้องมีแผนแน่ ๆ”
ไช่หลินซีลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวออกมาตรงหน้าเก้าอี้ที่พระชายาเอกนั่งอยู่ ยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางอ่อนแอราวกับกิ่งหลิว
“....” พระชายาเมื่อเห็นว่าไช่หลินซียอมอ่อนให้นาง ก็คิดว่านางอ่อนข้อให้จริง ๆ
“หม่อมฉันไช่หลินซี ขอยกน้ำชาให้พี่หญิง”
น้ำชาที่ต้มใหม่ ๆ เดือดจัดถูกไช่หลินซีประคองยกเข้าไปเพื่อคำนับแด่ชายาเอก เมื่อเดินไปได้ใกล้พอขณะที่พระชายากำลังจะรับ ไช่หลินซีก็แกล้งทำน้ำชาหก แก้วกระเบื้องบอบบางแตกกระจาย
น้ำร้อน ๆ ในถ้วยหกราดรดมือบอบบางจนเกิดแผล ส่วนพระชายาที่ไม่ทันได้ระวัง ก็ถูกแก้วกระเบื้องกระเด็ดมาถูกขาจนได้เลือด และตู้หลิงก็รับรู้ความเจ็บนี้ได้เช่นเดียวกัน
โอ๊ย!!! ไช่หลินซีร้องโอดโอยเสียงดัง ตามมาด้วยสาวใช้ของไช่หลินซีตะโกนร้องโวยวาย
“พระชายาเอกทำไมท่านใจร้ายเช่นนี้ นายหญิงของข้าแค่อยากมาทำความเคารพท่านด้วยใจจริง เหตุใด ต้องรังแกนาง หรือเพราะท่านอิจฉาที่ท่านอ๋องรักนายหญิงของข้ามากกว่า” นางตะโกนเสียงดังเหมือนอยากให้ใครได้ยิน
พระชายาเอกงงเป็นไก่ตาแตก ส่วนตู้หลิงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แน่นอนว่าอีตาพระเอกจะต้องโผล่มาในตอนที่นางเอกกำลังลำบาก
มู่อันเฉิงเห็นสตรีที่ตนรักนั่งกองอยู่กับพื้นก็ตื่นตระหนกกลัวนางจะได้รับอันตราย
“ซีเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” มู่อันเฉิงสอบถามด้วยความเป็นห่วง
“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรเพคะ อย่าโทษพี่หญิงเลยเจ้าค่ะ นางคงไม่ได้ตั้งใจทำน้ำร้อนรดมือข้า” พูดไป ไช่หลินซีก็ร้องไห้ไป
บ่าวไพร่ที่ได้ยินเสียงดังก็วิ่งตามมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยิ่งคนเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ น้ำตาของไช่หลินซีก็ยิ่งมากขึ้นตามจำนวนคน
เมื่อได้ยินว่าไช่หลินซีบาดเจ็บที่มือ มู่อันเฉิงจึงประคองมือเล็กบอบบางของนางขึ้นมาดู พบว่ามีรอยแผลที่เกิดจากการจิกเล็บและร่องรอยที่เกิดจากน้ำร้อน
“แล้วแผลนี้ล่ะ เกิดจากอะไร” มู่อันเฉิงสอบถาม
“คือ....” ไช่หลินซีก้มหน้าก้มตา
ไม่ทันที่ไช่หลินซีจะพูด
“นายหญิงของหม่อมฉันโดนพระชายาเอกพูดถากถางรังแก จนต้องอดกลั้นความโกรธด้วยการกำมือ ดูสิเพคะท่านอ๋อง มือเล็ก ๆ ของนางต้องมีรอยแผล ทำเช่นนี้นายท่านในยมโลกจะต้องทุกข์ใจแน่ ๆ”
โอ้โห้ อกอีกแป้นจะแตก แม่พวกนี้ทำงานกันเป็นทีม!!!
“พระชายาน้อยของข้าเจ้าพูดอะไรสักอย่างสิ บอกสามีเจ้าไปว่าเจ้าไม่ได้ทำ”
ตู้หลิงพยายามเป่าหูให้ลูกรักของนางทำอะไรสักอย่าง แต่ดูเหมือน พระชายาน้อยของนางจะตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก
“โธ่ เอ๊ยลูกสาว คงจะทำอะไรไม่ถูกสินะ ถ้าข้าสิงเจ้าได้ก็ดีสิ.....”
ผีสาวเห็นพระชายาแล้วสงสาร ระหว่างนั้นก็แตะตัวนางเบา ๆ เพื่อปลอบโยน
ทันทีที่ตู้หลิงสัมผัสตัวของพระชายา ร่างวิญญาณของตู้หลิงก็สวมทับร่างพระชายาตัวน้อยทันที...
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา