“แม่ไม่ใช่คนเห็นแก่เงินนะคะ เทียนเชื่อว่าถ้าจีจริงใจกับเทียน รักเทียน และไม่ทรยศหักหลังเทียน ทำให้แม่มั่นใจว่าจีดูแลเทียนได้ เทียนว่าแม่คงไม่รังเกียจจีหรอกค่ะ มันอยู่ที่จีต่างหาก อยู่ที่ว่าตอนนี้ จีเต็มที่แค่ไหนกับสิ่งที่เราเป็นอยู่” เทียนหยดเอ่ยให้แฟนหนุ่มได้คิด
จีรวัฒน์หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ทว่าก็สามารถทำให้มันเป็นปกติได้โดยไว
“ไม่เอาน่า ไม่เอาเรื่องเครียดนะ ไปดูหนังกันดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันรอบ เร็วเข้า” เขาเร่งเร้าด้วยไม่อยากตอบคำถามใดๆ ที่เทียนหยดเอ่ยมา เขายังไม่มีคำตอบให้หล่อนหรอก เขาชอบสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมาย ทำงาน ได้เงิน เที่ยว ถ้ามีปัญหา เขาก็มีคนรักที่แสนดีอย่างเทียนหยดนี่ไงที่คอยช่วยทุกทาง แล้วเขาจะยังดิ้นรนให้ตัวเองต้องเหนื่อยทำไมเล่า ยิ่งการดิ้นรนเอาชนะใจว่าที่แม่ยายด้วยแล้ว มันไม่ชวนให้กระตือรือร้นเลย
เทียนหยดส่ายหน้ายามได้ฟังวาจาว่าที่พ่อของลูก เธอคิดถูกไหมนะที่มาคบคนคนนี้ เขาดูเหมือนไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอเลย เขายังคล้ายชายที่เธอเพิ่งคบหาเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด ไม่มีความกระตือรือร้นในสิ่งใด ไม่ขวนขวาย ไม่ยอมคิดหาเงิน เอาแค่พอมีใช้ไปวันๆ ที่สำคัญกำลังจะถูกตราหน้าว่านอกใจแฟนด้วย ให้ตายเถอะ!
“เทียนจ่ายไปก่อนนะ คราวหน้าจีเลี้ยงเอง”
เทียนหยดยิ้มชืดๆ ให้แฟนหนุ่ม คำว่า จีเลี้ยงเอง คงเป็นคำพูดติดปากจีรวัฒน์ไปแล้ว มันจริงที่เขามักถามว่าเธออยากกินอะไร อยากเที่ยวที่ไหน ดูหนังเรื่องอะไร แต่ทุกครั้ง มักเป็นเธอที่ต้องควักกระเป๋า แต่เธอยอมได้ ยอมได้แบบไม่เคยฉุกใจคิดเลย เพราะรักอย่างไรเล่า รักผู้ชายคนแรกที่เข้ามานั่งในหัวใจ รักแรกพบ รักในความหล่อเหลาและเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ชอบชายรูปงาม ไม่รู้สินะ...แต่รู้สึกว่าวันนี้เธอจะได้เห็นบางอย่างที่แตกต่างไป บางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมันเลยตั้งแต่คบกับจีรวัฒน์มา
___________
สามทุ่มตรง
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นที่สนามหญ้าด้านหนึ่งที่มีดวงไฟส่องกระจ่าง เทียนหยดเปิดแง้มประตูห้องไว้เล็กน้อย เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เตรียมตัวเข้านอน ทว่าห้องที่ร้อนเกินไปทำให้เธอหลับไม่หลง ขอเอาลมเย็นย่ำยามค่ำคืนพัดผ่านเข้าไปในห้องสักนิดเถิด บางครั้งก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าจะทนไปเพื่ออะไร คอนโดมิเนียมของเธอมีแอร์เย็นฉ่ำรออยู่ แต่ก็นั่นล่ะ เธอทิ้งมารดากับน้องชายไม่ได้หรอก เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าอะไรๆ มันจะเข้าที่เข้าทาง
เสียงหัวร่อต่อกระซิกของสตรีนางหนึ่งดังแว่วเข้ามาในหู เทียนหยดเปิดประตูออกให้กว้างขึ้น ห้องนอนแม่บ้านนั้นดีอยู่อย่างคือเปิดประตูมาแล้วเจอสนามหญ้าเลย แต่มันเสียก็ตรงที่ พอเปิดออกปุ๊บก็เจอกับสองผัวเมียคู่หนึ่งยืนพลอดรักกันอยู่ สมัตถ์กับราตรียืนอยู่ที่สนาม และเหมือนกับว่าฝ่ายหญิงจะพยายามมิให้ถูกฝ่ายชายหอมแก้ม เธอ ไม่ได้อยากมองฉากรักนักหรอก แต่มันเป็นไปเอง เธอผลักประตูออกให้กว้างที่สุด ยืนพิงมันในท่ากอดอก เฝ้ามองคู่สามีภรรยาต่อ
สมัตถ์ยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงไฟในสวนสีเปลวเทียน ส่วนราตรีนั้นอยู่ในอ้อมกอดเขา เขากระซิบข้างหูหล่อน ก่อนจะหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วสวมเข้าที่หูสองข้างของหล่อน จากแสงที่กระพริบล้อแสงไฟ เธอมั่นใจว่ามันเป็นตุ้มหูเพชรเม็ดเล็กๆ และลงท้ายด้วยการที่ราตรียอมให้สมัตถ์จูบอย่างดูดดื่ม
มือข้างขวาของเขาประคองที่ท้ายทอยศรีภรรยา ส่วนมืออีกข้างดันเอวบางเข้าหาตัว สองร่างแนบชิดชนิดที่ว่าแม้มวลอากาศก็มิอาจแทรกระหว่างตัวของทั้งสองได้ ด้วยระยะที่ไม่ได้ห่างมากมายและมุมที่พอเหมาะพอดี เลยทำให้เทียนหยดได้เห็นลิ้นอันมันวาวของสมัตถ์สอดแทรกแลกกันกับลิ้นของศรีภรรยา เธอยืนมองมันราวกับโดนยาสั่ง ร่างทั้งร่างเริ่มชา จุดที่อ่อนไหวที่สุดเริ่มร้อนผ่าวและเต้นตุบๆ ยิ่งพวกเขาจุมพิตกันดูดดื่ม เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของตัวเองจนนึกอิจฉาราตรีที่ได้ครอบครองจุมพิตนั้นของสมัตถ์ มันคงจะ อร่อย สินะ ไม่อย่างนั้นราตรีคงไม่หลับตาพริ้มแลกจูบกับเขาอย่างดุเดือดหรอก
“บ้าจริง! แอบมองทำไมนะ” ถามตัวเองแล้วยิ่งตกใจ รีบปิดประตูแล้วเอามือทาบที่หน้าอก หัวใจเธอยังเต้นแรง พวงแก้มร้อนผ่าว ต้องรีบเปิดพัดลมแรงๆ แล้วปีนขึ้นเตียงไปสงบสติอารมณ์ ทว่าด้วยอากาศที่ร้อนอย่างกับอยู่ในเตาอบ มันทำให้เธอต้องพาตัวเองในชุดคลุมสีชมพูอ่อน ออกมาจากห้องนอนจนได้
เทียนหยดหอบเอาหมอนหนึ่งใบเข้ามาในตัวบ้าน เธอเดินขึ้นชั้นสอง แทบจะย่องเอาเพราะคนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว แม้แต่สองสามีภรรยาที่เธอเห็นที่สนามเมื่อครู่ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เธอแลหาห้องมารดา เมื่อเจอประตูบานที่คิดว่าใช่ ก็เดินไปหามัน เคาะประตูสองสามครั้ง มารดาก็ลุกมาเปิด
“หือ...อะไรกันยัยเทียน ยังไม่นอนอีก”
ผกากรองขยี้หูตาถามบุตรสาว นางหลับไปตั้งแต่หัวค่ำพร้อมๆ กับโอบนิธิแล้ว
“นอนไม่ได้แม่ มันร้อน” ว่าพลางสอดกายเข้าไปในห้องมารดา จัดการปีนขึ้นเตียงฝั่งที่ยังว่างอยู่ โดยเหลือพื้นที่ไว้ให้มารดาด้วย
“ตลกน่า เตียงมันเล็ก” ผกากรองว่า ส่ายหน้าน้อยๆ ยามเห็นเทียนหยดทำตัวเหมือนเด็กสาวที่นึกอยากนอนกับพ่อแม่
“ไม่เล็ก...ใหญ่กว่าเตียงหนูอีก นะคะ หนูร้อน...” ทำเป็นอ้อนแล้วตบหมอนป้าบๆ สองสามที ก่อนเอนกายลงนอน
ผกากรองเดินขึ้นมานอนตรงกลาง อึดอัดนิดหน่อยแต่พอทนได้ นางชอบนอนเตียงกว้างๆ เพราะลำพังแค่โอบนิธินอนดิ้น นางก็แทบจะตกเตียงอยู่ทุกวัน
หมับ!จู่ๆ แขนเรียวของบุตรสาวที่รักก็วางพาดที่รอบเอว ก่อนที่คนตัวเล็กจะขยับมานอนชิดนางในท่ากอดจากด้านหลัง“คิดถึงแม่จัง ไม่ได้กอดตั้งนานแล้วเนาะ” บอกมารดาพลางสูดเอากลิ่นหอมๆ จากแผ่นหลังนางผ่านชุดนอนผ้ามันลื่น“อือ...” เอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วตบเบาๆ บนหลังมือของบุตรสาว ด้วยว่าความใกล้ชิดฉันมารดากับบุตรถูกกางกั้นด้วยว่ากาลเวลาพรากมันไปชั่วเวลาหนึ่ง นางจึงขัดเขินไม่น้อยที่ถูกกอด เทียนหยดเองก็มิใช่เด็กชายเช่นโอบนิธิ หล่อนโตเป็นสาวพอที่จะออกเรือนแล้วด้วยซ้ำ “เอาแขนออกเลย ร้อน” นางว่าแล้วยกแขนบุตรสาวคืนเจ้าของ“โธ่...แม่อ่า...งก กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้” บุตรสาวทำเป็นบ่นน้อยใจ“น้อยๆ หน่อยยัยเทียน จะนอนไหมฮึ ถ้าไม่นอนก็ลงไปนอนข้างล่างเลย”เมื่อถูกมารดาขู่เข้าให้ เทียนหยดเลยต้องตั้งหน้าตั้งตานับแกะในใจ จะได้พาตัวเองเข้าสู่นิทราอันแสนสุข และจากความเหนื่อยล้าในเรื่องงานและเรื่องหัวใจ หญิงสาวเลยผล็อยหลับไปในเวลาต่อมาผกากรองพลิกกายมาหาบุตรสาว แสงโคมไฟจากหัวเตียงที่ยังเรื่อเรืองทำให้แลเห็นใบหน้าขาวของเทียนหยดได้ชัดเจน เทียนหยดงดงามเสมอ หล่อนมีรูปเป็นทรัพย์ มีสมองอันชาญฉลาด บางครั้งนางก็ไม่พอใจที่เทีย
“ให้ตายเถอะ! บ้าชะมัด” หญิงสาวสบถอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี จับดูสองแก้มก็รู้ว่ามันร้อนยิ่งกว่าตอนที่เห็นสมัตถ์จูบกับภรรยาเขาที่สนามเมื่อคืนเสียอีก“เธอนั่นแหละบ้า มาทำอะไรที่นี่ ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่”“ฉันก็นึกว่ายังไม่มีใครตื่นนี่” เธอเถียง กอดอกแน่นเมื่อรับรู้ถึงความโล่งของกายสาว“ฉันมาหากาแฟดื่ม” เขาแก้ต่าง“เหมือนกัน”“แต่เธอควรสวมอะไรที่มากกว่าชุดคลุมอาบน้ำที่ไม่มีชั้นใน”“บอกตัวเองก่อนไหมฮะ! ฉันรู้นะ! มันแข็ง!” โพล่งออกไปด้วยเสียงที่ดังมากกว่ากระซิบเพียงเล็กน้อย ทุกถ้อยวาจาที่เอ่ยออกไปก็อยากตะโกนดังๆ หรอกนะ แต่ติดที่ว่ากลัวคนอื่นจะมารับรู้สถานการณ์นี้ด้วยเท่านั้นเองสมัตถ์หน้าแดง วาจาห่ามๆ ของหล่อนปลุกบางอย่างในตัวเขาให้ลุกฮือ“อะไรแข็งล่ะ” ถามหน้าด้านๆ รู้สึกสนุกยามได้แกล้งเทียนหยด“ก็...ก็...โอ๊ย...ฉันไม่พูดหรอก ลามก! อีตาบ้า!”แล้วเทียนหยดก็สะบัดก้นเดินจากไปอย่างเคืองๆ ส่วนสมัตถ์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงนั้น ยิ้มในความตรงไปตรงมาของแม่ตัวร้าย“ให้ตายเถอะ ยิ้มอะไรวะ” ถามตัวเองทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของบาร์เล็กๆ แลหาเครื่องมือทำกาแฟสักแก้ว ทว่าบนเคาน์เตอร์ที่แลเห
“แม่คะ ข้าวเช้า?”“ไม่ ฉันรีบ แกกินไปเถอะ ไปเร็วตาโอบ” ผกากรองพาโอบนิธิเดินออกไป เทียนหยดไม่ทันได้ทักทายน้องชายด้วยซ้ำศรีสุรางค์เดินลงบันไดมาพร้อมหลานชาย ทั้งสองจับจูงกันเข้ามาในห้องอาหาร พากันนั่งลงก่อนที่วงมื้อเช้าจะเริ่มต้นขึ้น สมัตถ์เพียรตักกับข้าวลงในถ้วยข้าวต้มจืดๆ ให้ภรรยา ท่าทีรักใคร่ห่วงใยนั้นทำให้เทียนหยดอดสมเพชไม่ได้ เพราะถ้าราตรีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจีรวัฒน์จริงละก็ สมัตถ์ก็คงเข้าข่ายถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัวเลย แต่บอกไปคงไม่มีใครเชื่อ ในเมื่อราตรีไม่ได้แสดงออกให้คนอื่นรู้เลยว่าหล่อนมีรสนิยมนอกใจสามี และหากบอกสมัตถ์ในเรื่องนี้ คงเป็นเธอมากกว่าที่อาจโดนด่าเปิงกลับมา ให้สืบจนรู้แน่ชัดก่อนเถอะ รับรองว่าทั้งราตรีและจีรวัฒน์ได้เจ็บไม่น้อยกว่าเธอแน่นอน“ย่าปวดเข่าจังเลยตามัตถ์ เดินเหินไม่ค่อยจะคล่อง อึดอัด” ศรีสุรางค์ว่าพลางตักข้าวต้มเข้าปาก เทียนหยดหันมามองอย่างใคร่รู้“ไปหาหมอไหมครับ ผมพาไป”“ไม่ๆๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก” คนเป็นย่ารีบห้าม ด้วยไม่อยากรบกวนหลานชาย“ความจริง...การออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยได้นะคะ” เทียนหยดเสนอ ทุกคนหันมามอง ก่อนที่ศรีสุรางค์จะทำเมินใส่ “โอเคค่ะ ก็แค่เสนอน
EP 3/8 พิษรักเวลาไล่เลี่ยกัน บนรถของเทียนหยดสมัตถ์นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเบาะของตัวเอง เขายังไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่เอ่ยถาม “เธอทำแบบนี้ทำไม ป่วนประสาทไนท์?” เขาถามอีกเทียนหยดหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองท้องถนนอย่างเดิม“เพื่อ...ปูทางแก้แค้นมั้งคะ”“แก้แค้นอะไรกัน แค่นี้ยังเป็นศัตรูกันไม่พออีกเหรอ”“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกคุณเป็นศัตรู”“แล้วเป็นอะไรล่ะ” เขาย้อน“คนในครอบครัวมั้งคะ” ตอบนิ่งๆ ได้ยินเสียงสมัตถ์หัวเราะหึๆ ในลำคอราวอยากเยาะหยันในสิ่งที่ได้ยิน“เกลียดกันออกขนาดนี้ เธอยังคิดว่าจะญาติดีกันได้เหรอ”“ฉันไม่เคยเกลียดค่ะ ฉันพยายามบอกคุณอยู่”สมัตถ์อึ้งไปนิด ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเอนหลัง พาตัวเองดำดิ่งไปกับสิ่งที่เทียนหยดเอื้อนเอ่ย ในขณะที่เทียนหยดก็พาสมองดำดิ่งสู่เรื่องที่ค้างคาใจ จีรวัฒน์กำลังนอกใจเธอ จริงหรือไม่จริง และถ้าไม่จริง ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้ว่าเขามีเพื่อนชื่อราตรี เธอรู้จักแก๊งเพื่อนเขา เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของเขาน่ะ รู้จักดี เคยไปนั่งดื่มกินด้วยกันก็บ่อย แต่ไม่มีใครเคยเอ่ยชื่อเพื่อนผู้หญิง ชื่อที่พอจะเป็นเจ้าของลิปสติกแท่งนั้นที่ราตรีแย่งไปเลย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น ลิปส
EP 4ชู้รัก____________“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันอาจคิดไปเอง ฉันยังไม่มีหลักฐานมากพอ แต่มันเจ็บนะ ที่ฉันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงอีกคนของเขาเป็นใคร ฉันดันรู้จักหล่อนด้วย”“โอ...มันคง...ทรมาน..”เทียนหยดพยักหน้า เช็ดหน้าเช็ดตาแต่รู้ว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้น่ามองนัก มาสคาร่าแบบไม่ได้กันน้ำของเธอเปรอะเปื้อนผ้าเช็ดหน้าเขา มันทุเรศเหลือเกิน“บ้าจริง! ทำไมฉันต้องมาคร่ำครวญให้คุณฟังด้วยนะ น่าอายชะมัด!”สมัตถ์ส่ายหน้า“ไม่หรอก เรื่องมันละเอียดอ่อน คนเรามีความอ่อนแอทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมามากแค่ไหน”“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าเมียนอกใจ” เธอโยนหินถามทาง สมัตถ์หันไปจ้องถนนเบื้องหน้าชั่วครู่ หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ย“ปล่อยเธอไปกับคนที่เธอรักละมั้ง”“จริงเหรอ” เธอถามอย่างทึ่งๆ น้ำตาเริ่มแห้งเมื่อเช็ดมันถี่ๆสมัตถ์ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่! จะฆ่าให้ตายทั้งคู่เลย!”“หา!” เทียนหยดเหวอรับประทาน ตาเบิกโต อ้าปากค้าง มาสคาร่าเลอะใต้ตากับสีลิปสติกที่เปรอะไปทั่วยิ่งส่งให้ใบหน้างามไม่น่าดูชมสมัตถ์กลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก็ดูหล่อนเถิด ดูได้ที่ไหน“นี่คุณ! ขำอะไรฮะ ล้อฉันเหรอ”เขาพยั
ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอสมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเองเกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้..
แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง“ฉันเลี้ยงเอง”“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”“ครับ”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขาสมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการค
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแต่เทียนหยดยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งเขา“ม่าย...อีกนิดค่ะคุณผู้ชายขา...อีกนิด...” ว่าแล้วตบแป้งหนักๆ ถี่ๆ สมัตถ์ทนไม่ไหวก็คว้ากล่องแป้งเคาะกบาลช่างแต่งหน้าจำเป็นไปหนึ่งทีปึ้ก!“โอ๊ยคุณ! เคาะหัวฉันทำไมเนี่ย” คนสวยทำหน้ายู่ หันมองกล้องแล้วเอามือลูบกบาลป้อยๆ“ก็เธอทำฉันก่อน หน้าคนนะไม่ใช่หนังควาย ถูมาได้” บ่นเบาๆ เสียงต่ำจนคนฟังรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว“เออๆ ขอโทษก็ได้ มานี่มา มาให้คุณผู้ชมเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”แล้วเทียนหยดก็ยกกล้องลงจากขาตั้งมาจ่อใกล้ใบหน้าเขา รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้างในตอนแรก บัดนี้ดูจางลงเพราะมีเนื้อแป้งปกปิดไว้ เธอจ่อกล้องไว้ใกล้หน้าเขาราวครึ่งนาที ก่อนจะจับมันไปวางไว้ที่เดิม แล้วนั่งลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ยิ้มอะไรของเธอ” เขาสงสัย“ก็...โบกแป้งแล้วคุณก็หน้าเนียนดีเนอะ หน้าอย่างนี้ขึ้นกล้องดีจัง น่าจะไปเป็นดารานะ มองไปมองมานี่ก็คล้ายพระเอกหนังเนาะ”เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าสมัตถ์ก็ทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหน้าบึ้งก็ไ
สมัตถ์อมยิ้ม หล่อนคงยังรู้สึกผิดกระมัง“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำสัญญาดีกว่า สัญญาสิว่าเธอจะไม่ทำอีก”คนสวยพยักหน้าน้อยๆ “แล้ว...ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มล่ะ”“หมายความว่าไง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่า”“โธ่เอ๊ย ก็ถามเผื่อไว้นี่นา คุณก็รู้ว่ามีบางอย่างระหว่างเรา บางอย่างที่คุณกับฉันรู้กันแค่สองคน”“ไม่มีทาง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” สมัตถ์บอกอย่างต้องการให้มันจบเทียนหยดทำหน้าบูด “ก็ได้ คุณกำลังหลอกตัวเอง เชื่อฉันเถอะ” เธอบอกแล้วถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มเรื่องที่ทำกับสมัตถ์แล้วยังกลุ้มเรื่องงานของตัวเองอีก“เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม”เขาเอ่ย อาสาช่วยละนะหากว่าเรื่องนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง“คุณช่วยไม่ได้หรอก ฉันเครียดเรื่องออฟฟิศน่ะ กลัวเสร็จไม่ทัน กลัวไม่มีที่เก็บของ” บอกแล้วพ่นลมออกจากปากอีกครา ก่อนจะหันมาสนของที่อยู่ตรงหน้า เปิดมันออกแล้วพิจารณาแป้งสามตลับที่เรียงกันอยู่“ฉันคงช่วยไม่ได้จริงๆ กลับดีกว่า”เขาว
[12]ร้าวราน____________เหตุการณ์ในบ้านโสภณวิชญ์ เริ่มกับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เทียนหยดยังงอนสมัตถ์ราวกับเขาเป็นสามีตัวเอง การที่เขายอมให้อภัยภรรยาง่ายๆ ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าความรักนั้นทำให้คนตาบอดได้จริง แน่ล่ะ เธอเคยเจอมาแล้ว และก้าวผ่านมันมาได้อย่างชอกช้ำระกำทรวงที่สุดจีรวัฒน์ไม่ติดต่อมาเลยนับตั้งแต่วันนั้น ความจริงเธอก็ห่วงเขานะ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไร กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะทำให้เขามีอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นวันศุกร์ตอนบ่ายแก่ๆ เธอจึงยอมเสียฟอร์ม ซื้อเครื่องดื่มเย็นๆ แวะไปหาเขา และอยากขอโทษเรื่องวันนั้น แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเธอจะมาคืนดี คนอย่างเทียนหยดเจ็บแล้วเจ็บเลย เจ็บจำ แต่ที่มาหาเขาวันนี้เพราะมนุษยธรรมล้วนๆ และอีกอย่าง เธออยากคุยเรื่องที่ดินที่เขาเซ็นยกให้ เพราะมาคิดดูดีๆ แล้ว ที่ดินผืนนั้นมันน่าจะมีมูลค่ามากกว่าเงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไป และเธอไม่สบายใจหากเอามันมาครอบครองเพียงคนเดียวเทียนหยดค่อยๆ ชะลอรถเมื่อใกล้ถึงทางเข้าคอนโดฯ ทว่าสตรีนางหนึ่งที่เพิ่งลงจากรถแท็กซี่คันหน้านั้น
แล้วจู่ๆ สมัตถ์ก็น้ำตาไหล เทียนหยดแลเห็นแวบๆ ทางหางตา และต้องหันมามองเต็มหน้า หัวใจเธอเต้นแรง นอกจากโอบนิธิแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายร้องไห้เลยสักคนบุตรสาวของผกากรองดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ เอามันไปวางไว้บนหน้าขาของชายหนุ่ม เขาหันมา วงหน้าอมทุกข์ ดวงตาแดงก่ำและไร้รอยยิ้ม“คุณอาจต้องใช้ น้ำตาคุณ...” เธอบอกสั้นๆ ไม่อยากเอ่ยอะไรให้มากความ ด้วยรู้ว่าผู้ชายคงอับอายหากรู้ว่ามีคนอื่นเห็นหยดน้ำตา“เธอพูดบ้าอะไร” ถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หยิบผ้านิ่มๆ ผืนนั้นโยนใส่ตักเจ้าของ ก่อนจะเอามือลูบหน้าแรงๆ และยิ่งตื่นตะลึงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีน้ำตาอย่างที่เทียนหยดว่าจริงๆ“ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณเอ่อ...คิดแบบนั้นก็ได้” เอ่ยแล้วอยากเฉือนปากตัวเองทิ้งเสีย เรื่องที่เขาทะเลาะกับภรรยาคงหนักหนา และเธอคงไม่มีวันล่วงรู้หากเขาไม่บอก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เขารู้หรอก น่าสงสารหัวใจของสามีผู้จงรักภักดี มันคงบางยิ่งกว่ากระดาษเสียอีกสมัตถ์เงียบไปครู่ใหญ่ สมองกำลังประมวลผล มันสับสนวุ่นวายไปหมด“ถ้าเกิดฉันต้องหย่ากับไนท์”ประโยคสั้นๆ นั้นทำเอาดวงตาของเทียนหยดเบิกโต
ราตรีใจหายวาบ รีบหาทางแก้ต่างเป็นการด่วน“อะไรนะ! บ้าไปแล้วสมัตถ์ ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้มาหาเรื่องกัน ไนท์จะมีกลิ่นแบบนั้นได้ยังไงฮะ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ไนท์โกรธ!” ราตรีทำเป็นตีโพยตีพาย แต่สมัตถ์ก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมมั่นใจ!”“ไปตายซะ! ไนท์อยู่ของไนท์ดีๆ มาว่าไนท์ทำไมฮะ! หรืออยากมีคนใหม่ ถ้าอยากมีก็ไปเลยสมัตถ์ ไม่ต้องมากล่าวหากันอย่างนี้!” ราตรีออกอาการเหวี่ยงวีน บีบน้ำตาจนมันไหลมาคลอเต็มสองเบ้าสมัตถ์ใจไหวยวบ น้ำตาผู้หญิงไม่เคยถูกจริตเขาเลย“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ตอบมาไนท์ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”“บ้าบอคอแตก ฆ่าไนท์เถอะถ้าจะให้ไนท์โกหก!”คำย้อนคืนของราตรีทำเอาสมัตถ์เริ่มไม่มั่นใจ“ก็มันจริง!” เขาเถียง ใบหน้าหล่อเหลาไร้แววรื่นรมย์ มันเครียดขมึง แดงก่ำและดวงตาเต็มไปด้วยโทสะราตรีร้องไห้กระซิกๆ ยืนมองสามี ริมฝีปากสั่นไหว“หลักฐานก็ไม่มี”“มี! แต่คุณอาบน้ำแล้วนี่” เขาเอ่ยออกมาเหมือนเยาะราตรีส่ายหน้าอย่างเหลืออด มือข้างหน
เสียงหัวเราะของราตรีช่างเจ้าเล่ห์เหลือร้าย สมัตถ์มุ่นคิ้วหนักๆ ความระแวงแคลงใจแล่นกลับสู่หัวใจอีกระลอก เขาตัดสินใจเคาะประตูก๊อกๆๆราตรีหันขวับมาหา ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย หน้าเจื่อน รีบเอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ด้านหลัง“เอ้า...มาแล้วหรือคะ วันนี้กลับไวจัง” ทำเป็นทักทายอย่างปกติ มิให้พิรุธสมัตถ์หรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่วงหน้าก็ยิ้มแย้มเช่นเดิม เขาดึงเนกไทลงน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปสวมกอดหล่อน“อะไรคะนี่”“ก็คิดถึง อยากกอด” เขาว่า สองแขนโอบร่างหล่อน แต่สองตามองลงไปเบื้องล่าง โทรศัพท์มือถือของหล่อนยังไม่วางสาย มันยังขึ้นแถบสีเขียวสว่างจ้า ไม่ปรากฏชื่อคนที่โทรเข้ามา มีแต่เบอร์ที่เป็นตัวเลขเท่านั้น เขาจนใจจะจำมันได้ครบเพราะเห็นไม่ชัดเจน และไม่กี่วินาทีต่อมาหล่อนก็ผลักเขาออก“พอแล้วค่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนสิคะ เหม็นเหงื่อ”“เหม็นตรงไหน ออกจะหอม” เขาเถียง ราตรีกลอกตาไปมา“เอ่อ...ไนท์ ไนท์ว่าจะลงไปดูคุณย่าค่ะ แกเอนหลังตั้งแต่บ่าย ไม่รู้ตื่นหรือยัง” เอ่ยยิ้มๆ เอามือถือ
[11]ระแวงแคลงใจ___________เสียงไขกุญแจเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าประตู สมัตถ์รีบดึงผ้านวมขึ้นชิดปลายคาง ปกติเขาจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกหากได้หลับลึกไปแล้ว ทว่าวันนี้ดันดื่มน้ำอัดลมเยอะไปหน่อย ท้องไส้เลยไม่ปกติต้องลุกมาหายารับประทาน ต้องถือว่าเป็นความผิดของโอบนิธิละนะ เพราะเด็กน้อยผู้น่ารักดันชวนดวนน้ำอัดลมตอนออกมาจากวัด จัดกันไปคนละหลายขวดโดยมีเทียนหยดเป็นเจ้ามือ นอกจากท้องอืดจนรับประทานมื้อค่ำไม่ได้แล้ว เลยได้ของแถมเป็นการปวดท้องตอนใกล้เที่ยงคืนนี่อย่างไรแกรก...เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนให้ลงล็อก สมัตถ์ยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงสลัวในห้องนอน ไฟในห้องเขาไม่ได้เปิด เปิดไว้เพียงไฟในห้องน้ำ ทว่ามันก็ถูกแง้มไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงฝีเท้าของราตรีหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์ไร้สายของหล่อนจะดังขึ้นเบาๆ เสียงควานหามันในกระเป๋าดังตามมา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดูเล็กน้อย ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อหล่อนเหลือบมามอง“ฮัลโหล โทรมาทำไมฮะ”เสียงกระซิบกระซาบถามคนปลายสายสมัตถ์ม
เทียนหยดทำอย่างเดียวกับกับน้องชาย เหลือเพียงสมัตถ์ที่ยืนตัวแข็ง ใบหน้านิ่งเฉยไร้รอยยิ้ม“พี่มัตถ์ ไหว้พ่อสิครับ”สมัตนิ่งขึง เทียนหยดดึงชายเสื้อเขาแรงๆ เขาจึงยอมนั่งลง ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังร้อนอยู่“เธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมยกโทษให้เขาเหรอ” เขาถามเสียงเบาเพียงกระซิบ แต่มั่นใจว่าเทียนหยดได้ยินชัดเจน“ไม่หรอก เผื่อฟลุกไง เปิดใจหน่อยน่าคุณ ท่านทำทุกวิธีแล้วนะ ไม่ยกโทษให้ท่าน ก็โกรธท่านน้อยลงก็ยังดี นะๆ”เทียนหยดร้องขอพร้อมรอยยิ้มซื่อใส ใบหน้าน้อยติดอ้อนอย่างเด็กสาว ทำให้ใจของสมัตถ์กระตุกเบาๆ ต้องรีบหันหน้ามาทางที่เด็กน้อยนั่งอยู่ รูปของรุ่งรดิศยังคลี่ยิ้มละไม เขาเพิ่งเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก็ตอนนี้ โครงหน้าเขา ดวงตาเขา หรือแม้แต่รอยยิ้ม คล้ายคลึงใบหน้าโอบนิธิไม่น้อยเลยสมัตถ์พ่นลมเบาๆ ออกจากปาก หน้าตาบอกบุญไม่รับ“พี่มัตถ์ร้อนเหรอ เดี๋ยวโอบยืนบังแดดให้นะ” ว่าแล้วโอบนิธิก็ลุกไปยืนบังแดดให้พี่มัตถ์ ด้วยยามบ่ายคล้อยดวงตะวันมิได้อยู่ตรงศีรษะ มันเลยส่องร่างด้านข้างของพี่มัตถ์ เข
เช้าวันอาทิตย์เสียมอันเล็กๆ ถูกเทียนหยดใช้ขุดดินดำๆ ที่ข้างสนามหญ้า หน้าห้องของเธอมีพื้นที่ว่างไม่น้อย และคงดีหากมีดอกไม้มาออกดอกให้ได้ยลโฉมบ้าง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายทั่วใบหน้างาม แต่ไม่ทำให้คนสวนจำเป็นย่อท้อ ยังตั้งใจขุดดินจนมันกลายเป็นแปลงขนาดสองคูณสี่เมตร ก่อนจะใช้ดินที่ซื้อมาคลุกเคล้าเข้ากับดินเดิมของมัน มีต้นดอกเทียนหยดอยู่ในถุงพลาสติก บางต้นเริ่มออกดอกสีม่วงสดใส บางต้นยังตูมอยู่ แต่พร้อมจะบานในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า“อะแฮ่ม”เสียงกระแอมดังขัดจังหวะเสียมที่กำลังปักลงดิน เทียนหยดลุกยืน สมัตถ์ในชุดอยู่บ้านสบายๆ เดินแบกไม้กอล์ฟมาทักทายเธอแต่เช้า“อะไรติดคอคะ”เขาทำหน้ายุ่งเมื่อถูกเบรก “ฉันแค่อยากรู้เลยหาเรื่องคุยกับเธอน่ะ”“อาฮะ เข้าใจแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ”“อยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรน่ะสิ”หญิงสาวมองค้อน เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่“วันอาทิตย์ฉันว่าง ไม่ต้องไปหาผู้ชาย เลยหาอะไรทำแก้เซ็ง” เธอบอก หอบน้อยๆ เพราะเหนื่อยจากการออกแรงข