“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร
“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”
สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา
“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”
“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้
“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับสิ ฉันน่ะรับได้แล้ว ตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่เสียใจ เพราะตายวันไหนก็เหมือนกัน ไม่มีเหลนให้รออุ้มหรอก” เอ่ยออกมาราวประชด แต่ลึกๆ แล้วกลับนึกเสียดาย นางอายุมากแล้ว อุตส่าห์อยู่มาจนถึงวันนี้ก็อยากมีเหลนให้อุ้มก่อนจะอุ้มไม่ไหว แต่คงเป็นไปไม่ได้ หลานชายนางเป็นหมันเสียแล้ว
ผกากรองกับเทียนหยดหันมามองหน้ากัน ประหลาดใจในสิ่งที่ได้รู้
“ไปตรวจแล้วหรือคะ สมัยนี้แพทย์เก่งๆ มีออกเกลื่อน น่าจะพอมีทาง”
“ตรวจแล้วครับ ไม่มีหวังหรอก” เขาตอบนางผกากรอง ยิ้มชืดๆ ยอมรับความจริงโดยดุษณี
เทียนหยดใจหายแปลกๆ ที่รู้ว่าสมัตถ์จะมีลูกไม่ได้ เขายังหนุ่มแน่นแท้ๆ น่าเสียดายแทนจริงๆ ชีวิตครอบครัว ถ้าขาดลูกไปก็เหมือนเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แก่เฒ่ามาใครเล่าจะดูแล
“เอ่อ...แม่คะ นี่ปลาอะไรคะ” เอ่ยถามเสียงดังด้วยอยากให้ทุกคนออกจากโหมดตึงเครียดนี้
“ปลาเก๋า”
“หรือคะ นึกว่าปลาทับทิม”
“อะไรฮึยัยเทียน แค่ปลาก็จำผิด ใครได้ไปเป็นเมียน่าสงสารตายเลย”
“โอยแม่...หนูทำกับข้าวเป็นนะ” คนสวยท้วงเสียงขรม
“งั้นมื้อค่ำทำสักอย่างแล้วกัน แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ได้เลยค่า ไข่เจียวนะคะแม่ขา...” ว่าแล้วเอาแก้มไปถูต้นแขนมารดาอย่างประจบ คนเป็นมารดาก็ยักไหล่แรงๆ จนใบหน้าน้อยหลุดออกมา เทียนหยดทำค้อนแต่มีรอยยิ้มพร่างพราย แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารต่อจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นมาอีกนิด จวบจนมื้อเที่ยงเสร็จสิ้นกระบวนความ
___________
สมัตถ์สั่งความโอบนิธิก่อนพาศรีสุรางค์ไปโรงพยาบาล ว่าเขาจะกลับมาก่อนตะวันตกดินเพื่อสอนเด็กชายเล่นกอล์ฟ โอบนิธิเฝ้ารอด้วยความหวัง ระหว่างรอ ผกากรองก็พาเด็กชายไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของมาทำกับข้าวมื้อต่อไป
ส่วนเทียนหยด หญิงสาวออกจากบ้านหลังจากอาหารมื้อเที่ยง แวะซื้อน้ำอัดลมสองสามแพ็คก่อนขับรถไปหาแฟนหนุ่มที่คอนโดฯ หัวใจในอกเต้นตุบๆ ด้วยว่ามันเป็นเวลามากกว่าหนึ่งอาทิตย์แล้ว นับจากวันที่เข้าไปหาชายคนรัก เอาขนมกับเครื่องดื่มไปให้เขา และฝากของบางอย่างไว้บนโคมไฟในห้องรับแขก ของบางอย่างที่จะทำให้เธอตัดใจจากจีรวัฒน์ได้อย่างถาวรเสียที
___________
คอนโดมิเนียมของจีรวัฒน์ เวลาบ่ายสามโมง
เทียนหยดเปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบๆ วันนี้ห้องเรียบร้อยอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาคงกลัวว่าเธอจะบ่นเอากระมัง หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรง แวะเข้าไปดูจีรวัฒน์ในห้องนอนก็เห็นยังหลับพริ้ม ที่โต๊ะเขียนแบบไม่มีงานกางอยู่ แสดงว่าเขาเพิ่งทำงานชิ้นล่าสุดเสร็จไปกระมัง เสื้อผ้าชุดหนึ่งทิ้งอยู่ที่พื้นตรงปลายเตียง เธอเดินไปหยิบมัน เอาไปใส่ไว้ในตะกร้า กลิ่นหอมแปลกๆ โชยออกมาจากเสื้อผ้าชุดนี้ กลิ่นอับอบร่ำของอะไรสักอย่าง ใช่...กลิ่นนี่คงติดมาจากในผับสินะ
หญิงสาวถอนหายใจ ก้าวออกจากห้องช้าๆ มานั่งทำใจที่โซฟาสีขาวด้านนอก มันมีหลากหลายวิธีในการจับผิดคนคิดนอกใจ ตอนแรกเธอกะว่าจะใช้เครื่องติดตามแอบเอาไปใส่ในรถ แบบที่พอโทรเข้าไปแล้วสามารถได้ยินเสียงคนในรถได้ รู้พิกัดที่รถอยู่ อะไรทำนองนั้น ทว่าเมื่อคิดดูอีกที หากจีรวัฒน์นอกใจกันจริงๆ มันคงทรมานพิลึกที่ต้องมาได้ยินเสียงแฟนตัวเองอี๋อ๋อพลอดรักกับสาวอื่น การสั่งซื้อกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วทางอินเทอร์เน็ต จึงเป็นสิ่งที่เธอเลือกใช้ ให้มันรู้แจ้งว่าเขานอกใจเธอจริงๆ ให้จับได้คาหนังคาเขา มีภาพชัดเจนปฏิเสธไม่ได้ ดิ้นไม่หลุด จนต่อหลักฐานนั่นแหละ มันถึงจะสมบูรณ์แบบ ไหนๆ ก็จะเจ็บแล้ว เจ็บแค่ตูมเดียวไปเลย จะได้รู้กันไปว่าแค่อกหัก แค่โดนทรยศหักหลัง มันจะทำให้เธอตายไหม
คิดมากก็ปวดใจ สุดท้ายก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปยังห้องครัวแบบตะวันตก เอาข้าวของที่ซื้อมาเข้าชั้นเข้าตู้ ก่อนจะเอาเก้าอี้ออกมาตั้งใกล้โซฟาสีขาว แล้วปีนขึ้นไปแกะเอากล้องเล็กๆ ที่ซ่อนไว้บนโคมไฟลงมา บรรจงแกะมันแล้วเอาเมมโมรี่ข้างในมาใส่กล้องถ่ายรูปที่เตรียมใส่กระเป๋ามาด้วย เธอนั่งลงที่เดิม ก่อนจะเปิดโปรแกรมอ่านไฟล์วิดีโอ...แล้วภาพเคลื่อนไหวบนจอกล้อง ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เธอต้องกดกรอให้มันเร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เธอนั่งรอครู่ใหญ่ เกือบจะถอดใจไปแล้ว เพราะในวิดีโอมีแต่จีรวัฒน์ในอิริยาบถต่างๆ ตามปกติ ทว่าเมื่อวิดีโอเล่นจวนจะหมด ในเวลาเที่ยงคืนของเมื่อคืนนี้ ร่างอรชรของใครบางคนก็ปรากฏเข้ามาในเฟรม
++++
“เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้
-+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ
“ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd
[21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ
สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า
เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ