“ฉันจะสั่งยานอนหลับทางอินเทอร์เน็ต”“ฉันจะโทรหาเมีย” เขาเอ่ยบ้าง เทียนหยดเบะปากใส่น้อยๆ แต่สมัตถ์ไม่สนใจ ถ้าหล่อนอยากอิจฉาคนมีความรักก็ช่างหล่อนเถิดหญิงสาวเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน เสิร์ชหาของที่ต้องการทางอินเทอร์เน็ตแล้วสั่งให้เขาเอามาส่งที่นี่โดยยอมเสี่ยงจ่ายเงินก่อนเพื่อความสะดวก“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ”เขาบ่นให้ศรีภรรยา ด้วยว่าต่อสายไปสองสามครั้ง รออยู่เป็นนาทีก็ไม่มีคนรับ“มีกิ๊กหรือเปล่า” เสียงหวานของเทียนหยดเอ่ยประชดประชันสมัตถ์หน้าตึง “ปากเสียจริงๆ ไม่แปลกที่โดนสวมเขา”เทียนหยดอ้าปากค้าง นี่เธอโดนด่าอยู่ใช่ไหม เสียความมั่นใจนะโว้ย!“คุณสมัตถ์!”“อะไร”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย! อีตาบ้า!” ด่าเขาแต่มีรอยยิ้มระบายที่มุมปากสมัตถ์เองก็เผลอยิ้มไปด้วย หล่อนเอามือทุบอกข้างซ้ายปึ้กๆ ช่างน่าขัน ดูท่าว่าเทียนหยดจะเริ่มทำใจได้แล้ว มันคงตัดใจได้ง่ายในเมื่อกล่อนกับแฟนยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกาย นอกจากความรู้สึกและเงิน
โทรศัพท์ของจีรวัฒน์ยังมิได้ถูกดึงออกจากหูเลย เป็นเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงที่เขาโทรหาคู่ขาคนเก่ง หล่อนบอกคล้ายๆ ว่าจะมาหาเขาในวันนี้ ทว่านี่ก็ค่ำแล้ว แต่ยังไร้วี่แวว เขาทิ้งโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงแรงๆ ตัดสินใจว่าจะนั่งทำงานต่ออีกสักนิดแล้วจะออกไปหาเด็กเลาจน์มานอนด้วย ช่วงนี้เขาเป็นอะไรก็ไม่รู้ รู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาของตัวเอง มันพลุ่งพล่านบ่อยครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นเพราะเทียนหยด เพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของหล่อน ให้ตายเถอะ ถ้ารู้ว่าหล่อนจะร้อนแรงขนาดนั้น เขาคงล่อลวงให้หล่อนหลงอยู่ในบ่วงสวาทตั้งนานแล้ว ไม่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษรอให้หล่อนยินยอมพร้อมใจหรอกชายหนุ่มกลับไปที่โต๊ะทำงาน ตั้งสมาธิให้นิ่งแล้วเริ่มทำงานวาดแบบของตัวเอง กระทั่งเวลาสองทุ่มเศษๆ ประตูห้องเขาก็ถูกเปิดเข้ามา เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นเป็นจังหวะทำให้เขารู้ว่าคนที่เดินเข้ามาคือใคร“โอ...คุณพระคุณเจ้า”จีรวัฒน์อุทานแล้วรีบลุกมาต้อนรับแม่สาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่ ผมที่ดัดเป็นลอนบางๆ ทำให้เทียนหยดดูเปลี่ยนไป ชุดที่หล่อนสวมก็ด้วย มันสั้นเพียงแก้มก้น คอเสื้อนั้นก็คว้านลงลึกจนเห
“เทียน...” จีรวัฒน์ครางชื่อเทียนหยดเสียงอ่อยเทียนหยดหันข้างให้ ทำทีปาดน้ำตาแม้รู้ว่ามันยังไม่ได้ไหลออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู ไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะทุกย่างก้าวมันคือการท้าทายกับตัวเอง เธอเริ่มนับเลขห้าในใจ ตามด้วยสี่...สาม...สอง...หนึ่ง!“ก็ได้! เทียน! ก็ได้!”เธอหันหลังขวับ เลิกคิ้วสูงราวกับสงสัยทั้งที่รู้ว่าที่จีรวัฒน์จะเอ่ยออกมามันคือเรื่องใด “อะไรอีก เทียนรีบ”เขาไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ แล้วกลับออกมาพร้อมกับโฉนดที่ดินในมือ“เอาไปเลย พรุ่งนี้จีจะไปเซ็นให้มันเป็นชื่อเทียน เทียนจะได้เอาไปค้ำประกันเงินกู้ แต่ขอร้อง เทียนอย่าไปเลยนะ มันอันตราย จีห่วง” ท้ายเสียงอ่อนโยนจนตัวเองยังรู้สึก เขากับเทียนหยดคบกันมานาน ย่อมมีความผูกพันความแหนหวง แม้ไม่มากมาย แต่ก็ยังมี“จี...จริงๆ นะ จีให้เทียนยืมจริงๆ นะ” ถามอย่างตื่นตะลึง และพอเขาพยักหน้า เธอก็คว้าโฉนดมาไว้ในมือแล้วกระโดดกอดคอเขาจีรวัฒน์อุ้มเทียนหยดแนบแน่นเนิ่นนาน ดีใจที่สามารถรั้งหล่อนไว้ได้ กลัวแสนกลัวว่าหล่อนจะไป กลัวอันตรายที่สมัยนี้ไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่เกิด เรื่องบางเรื่องมันเกิดขึ้นได้เสมอ เทียนหยดผู้ไร้เดียงส
[9]ก่อนใจจะสลาย___________มือสั่นๆ ของสมัตถ์ เคลื่อนลงไปหาร่างบาง ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็กขนาดเท่าตึกสามชั้น มันดูดมือเขาเข้าไปหากางเกงชั้นในสีม่วงที่ห่อหุ้มความอวบอูม เขากลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ จ้องมองมือตัวเองที่เข้าใกล้ส่วนนั้นของเทียนหยด และก่อนที่เขาจะทำอะไรให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็เลื่อนลงไปด้านล่าง เพื่อดึงผ้านวมมาปิดร่างหล่อน...จนชิดคอ“เฮ้อ...รอดตายแล้ว! สมัตถ์”สมัตถ์เดินตบอกเบาๆ ขึ้นมาจนถึงห้องนอน สิ่งที่มองเห็นติดตาเขาจนร่างกายรุ่มร้อนไปหมด เขาแลหาร่างภรรยาท่ามกลางแสงสลัวของไฟในห้อง หล่อนมิได้อยู่บนเตียง แต่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ประตูห้องน้ำปิดอยู่ มีแสงสว่างลอดออกมาจากช่องเล็กๆ ด้านล่าง เขาเดินไปรอหล่อนหน้าประตูนั้น และพอหล่อนเปิดมันออกมา เขาก็รวบร่างหล่อนไว้หมับ!“ว้าย! ตกใจหมดเลยสมัตถ์ นี่แน่ะ!”ภรรยาคนดีตีแขนสามีเปาะแปะไม่จริงจัง ยังอมยิ้มกับการกระทำของเขา“หอม
บทรักจากสองร่างยังดำเนินต่อไปอีกกว่าชั่วโมง ฝ่ายสามีจึงได้ปลดปล่อยสายธารแห่งชีวิตออกมาอย่างท่วมท้น พอๆ กับศรีภรรยาที่เสร็จสมอารมณ์ใคร่เป็นหนที่สอง สุขจนแทบหมดเรี่ยวแรง ได้แต่นอนหงายหอบหายใจที่กลางเตียงกว้างเคียงข้างสามีสมัตถ์นอนพักเหนื่อย เขาพร้อมจะปิดเปลือกตาลงด้วยความเพลีย แต่ฝ่ายศรีภรรยาคงไม่คิดเช่นนั้น ราตรียังไม่พอ หล่อนสะกิดเขาด้วยการลุกมาคร่อมร่างเขาไว้อีกครั้งหนึ่ง“ไม่ๆๆ หมดแรงแล้วไนท์จ๋า”เขาพึมพำ ดึงผ้านวมมาคลุมร่างด้วยว่ารู้สึกหนาว“โอย...อย่าเพิ่ง ไนท์ยังไม่อิ่มเลย อีกรอบนะคะมัตถ์ขา...” ศรีภรรยาออดอ้อนสมัตถ์ส่ายหน้าช้าๆ ดวงตาปิดลงไปแล้วแต่ยังไม่สนิท“ขอแปะโป้งไว้คืนวันเสาร์นะครับที่รัก”“ไม่เอา วันเสาร์ไนท์เที่ยวนี่คะ คืนนี้แหละ นะๆๆ”“อือ...ไนท์ก็ไม่ต้องเที่ยวสักคืนสิครับ นะครับ วันนี้ผมเพลียจัง ฝันดีนะที่รัก” เขาดึงคนร่างเล็กลงมานอนข้างกันแล้วจุมพิตหน้าผากมนอย่างแสนรัก ก่อนจะเข้าสู่นิทราอันแสนสุข ไม่ได้สนใจเลยว่าราตรีจะรู้สึกอย่างไรศรีภรรยาพลิก
เวลา 14:30 นาฬิกา ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ โฉนดที่ดินใบงามถูกส่งลงซองเอกสารแล้วเรียบร้อย ไม่ทันให้เจ้าของเก่าของมันได้พิจารณาด้วยซ้ำ หัวใจของจีรวัฒน์สั่นไหวแปลกๆ กลัวว่าจะไม่ได้โฉนดคืนก็กลัว กลัวว่าจะเสียเทียนหยดไปก็กลัว แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่มั่นใจอย่างหนึ่งว่าเทียนหยดไม่มีวันทอดทิ้งเขา หลายปีที่ผ่านมาหล่อนคอยช่วยเหลือเขามาตลอด เขาจะถือว่าครั้งนี้ ที่ยกที่ดินให้หล่อน เป็นการตอบแทนความดีของหล่อนก็แล้วกัน“ทีนี้จีก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว” เขาโอดครวญ“บ้านะสิ ยังเหลือตัวกับหัวใจ”เทียนหยดเย้า เดินควงแขนเขาไปยังลานจอดรถของสำนักงานที่ดิน“หัวใจก็ไม่เหลือ ให้เทียนไปเหมือนกัน”เทียนหยดแอบทำท่าแหวะใส่อากาศ แน่นอนว่าจีรวัฒน์ไม่มีทางได้เห็น“ขอให้จริงค่ะ ถ้าจีแอบมีคนอื่นนะ เทียนจะทำให้จีจดจำเทียนไปตลอดชีวิตเลย เทียนน่ะ...ทุ่มเทกับจี รักจีมากนะคะ จีน่าจะรู้ ที่ทำงานหนักทุกวันนี้ก็เพื่อเรา ถ้าจีแอบทรยศเทียนละก็ เทียนคง...ใจสลาย”เธอเอ่ยแล้วสังเกตสีหน้าจีรวัฒน์ เขาช่าง
ตีหนึ่งกว่าๆ เทียนหยดขับรถกลับมาถึงบ้าน มันดึกมากแล้ว แต่ใครบางคนยังไม่นอน เขามองมาทางนี้ตอนที่เธอเอารถเข้าไปจอดให้เรียบร้อย ไฟข้างสนามหญ้าส่องร่างเขาเจิดจ้า มองไกลๆ ราวกับว่าตัวเขาเปล่งแสงได้อย่างไรอย่างนั้นสองขาเรียวพาร่างก้าวลงจากรถตรงไปยังห้องของตัวเอง สมัตถ์จ้องเธอเขม็ง ให้ตายเถอะ เธอดื่มเหล้ามาพอสมควร และอยากนอนพักมากกว่าหาเรื่องคน“ไปไหนมา”“ฉันต้องตอบคุณด้วยเหรอ” โต้กลับเสียงห้วน ความเสียใจเรื่องจีรวัฒน์บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความบ้าบิ่นในกายลุกฮือขึ้นเรื่อยๆ ทำไมนะ ทำไมคนที่แสนดีอย่างเธอต้องมาพบเจอจีรวัฒน์ในขณะที่คนเลวๆ อย่างราตรีได้ผู้ชายแสนดีอย่างสมัตถ์ไปครอบครอง“ไม่ตอบก็ได้แต่รู้ไว้ว่าเธอทำให้ฉันมีปัญหา ฉันทะเลาะกับไนท์และไนท์ไม่ยอมให้ฉันเข้าห้อง” เขาบอกรัวเร็ว เดินตามหลังหล่อนจนเกือบจะไปถึงห้อง หล่อนหยุดยืนใต้ร่มเงาของต้นอโศกต้นใหญ่ที่อยู่หลังห้องครัว ด้วยร่มเงาของมันทำให้แสงส่องเข้ามาไม่มากมายนัก หล่อนใช้มือข้างหนึ่งค้ำลำต้นของมันไว้ราวกับไม่มีแรงยืน ก่อนจะหันกลับมาหาเขา ยกมือกอดอกแน่น หน
กลางดึกของคืนอันขุ่นมัวด้วยความไม่เข้าใจ เทียนหยดยืนอยู่ใต้ร่มอโศกในชุดนอนแบบสตรีที่ไร้เสื้อคลุม มวลไอแห่งหยดน้ำค้างลอยอ้อยอิ่งเต็มสนาม ราตรีกาลอันมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างรางเลือน หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ มิได้รู้สึกถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างแล้ว เธอยืนนิ่งในจุดที่เพิ่งผละจากสมัตถ์ ไอเย็นจากบรรยากาศรอบกายทำให้ต้องยกมือกอดอก ถามตัวเองในใจว่าทำไมต้องมายืนอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่กลับไปนอนเสีย นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาคงไม่ลงมาแล้วกระมังทว่าในวินาทีที่ก้าวขาออกเดิน แขนข้างหนึ่งของเธอก็ถูกกระชากอย่างแรง“โอ๊ย!”“ชู่ว์...” สมัตถ์ห้ามเสียงหวีดร้องของแม่คนงาม เขาดึงร่างเทียนหยดเข้ามาหาแล้วดันจนแผ่นหลังหล่อนชิดต้นอโศก“เจ็บนะ” เธอบอก“เธอชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไงล่ะ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องออกมาอ่อยฉันถึงที่”เสียงสบประมาทแม่คนใจกล้าดังอยู่ข้างหูหญิงสาว เทียนหยดใจเดือดปุดๆ พยายามแกะมือเขาออกจากแขนตัวเอง แต่ทำไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ร่างเธอกับเขาแนบชิดกันแทบทุกสัดส่วน ปลายจมูกเขาคลอเคลียที่ข้างแก้มเธอ ได้ยินเสียงลมหายใจเข
[14]หัวใจดวงนี้เป็นของใคร_________สมัตถ์พยายามดึงแขนหล่อนออกจากกาย แต่หล่อนกอดเขาแน่น ไม่แคร์สายตาคนอื่นที่มองมา เวลานี้ใกล้เที่ยง ลานจอดรถจึงมีผู้คนเข้าออกคึกคักเพราะต้องขับรถออกไปหามื้อเที่ยงรับประทาน“ไนท์ขอโทษ...ฮึกๆ ไนท์ผิดไปแล้ว ฮือ...มัตถ์ขา ให้โอกาสไนท์สักครั้ง ไม่ต้องแต่งงานกัน ฮึกๆ ไม่ต้องยกย่องไนท์ก็ได้ แค่ขอให้ไนท์อยู่ด้วยคน ไนท์ไม่มีที่ไปแล้วสมัตถ์ ไนท์ขอโทษ ฮือ...”สมัตถ์น้ำตาคลอ ดึงราตรีออกจากอกด้วยแรงทั้งหมดที่มี“อย่า...พยายามเลยไนท์ ผม...เป็นควายมาชาติหนึ่งแล้ว ให้ผมเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเถอะ ถ้าคุณรักผมจริงละก็ ได้โปรด...ไปให้ไกลจากผม ปล่อยให้ผมเสียใจอยู่ตรงนี้แค่คนเดียวเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่คุณทำ ถ้าผมทำได้ ถ้าชีวิตนี้มันเป็นของผมแค่คนเดียว นาทีนี้คุณอาจไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของผมแล้วก็ได้ ให้เวลากันและกันเถอะไนท์ ทบทวนตัวเอง บางที...คุณอาจไม่ได้รักผม เพราะถ้าคุณรักผมสักนิด คุณจะไปนอนกับคนอื่นทำไม!”ราตรี
อรุณรุ่งวันใหม่เสียงหัวเราะคิกๆ กับเสียงดังก๊องแก๊งที่ดังมาจากด้านนอก ทำให้เทียนหยดต้องปรือตาขึ้นมามอง เธอกะพริบตาปริบๆ ควานหาโทรศัพท์มือถือเพราะนึกว่าเสียงดังมาจากมัน ทว่าเมื่อพิจารณาหน้าจอก็ไม่พบสิ่งใด นอกจากสายเรียกเข้าจากมารดาประมาณยี่สิบกว่าสายได้“โอ๊ย...แม่...จะโทรจิกอะไรนักหนา อีกไม่กี่ปีลูกแม่จะสามสิบแล้วนะ ไม่ใช่เด็กอายุสิบสามซะหน่อย” บ่นมารดาทว่ากดเบอร์ต่อสายกลับไป และกว่าจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว เธอก็โดนบ่นจนหูชา“ค่ะแม่ หรือคะ ค่ะๆ หนูทราบแล้ว หนูอยู่คอนโดฯ ค่าๆ” เธอรับคำที่มารดาเอื้อนเอ่ย และต้องติดอ่างเมื่อมารดาเอ่ยถึงเขา “เอ่อ...หนู...หนูส่งเขาที่โรงแรมค่ะ แล้วค่อยกลับมาที่นี่ กะว่าสายๆ จะพาเขาไปเขต เขานัดไนท์ไว้สิบโมง”เธออธิบาย มารดาที่รักบอกว่าราตรีเข้าไปเก็บเสื้อผ้าบ้างแล้ว แต่ยังเอาไปไม่หมด เจ้าตัวพยายามเข้าหานางศรีสุรางค์ แต่ยังไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ล่าถอยไป“ค่ะแม่ แล้วหนูจะรีบกลับค่ะ” รับคำมารดาแล้ววางสายท่าน มารดาที่รักบอกให้เธอรีบกลับบ้านหลังจากพาสมัตถ์ไปที่เขต ท่
“อยากกลับก็กลับไปสิ ฉันยังไม่กลับ”เขาตอบ นั่งลงบนผืนทราย ไม่ได้แยแสเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกปอน“โอเค งั้นฉันขับรถกลับนะ ส่วนคุณก็เป็นบ้าอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ไปล่ะ” เธอใช้ไม้ตาย คงไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ หากมัวแต่รอให้ผู้ชายใจสลายยอมใจอ่อนเทียนหยดเดินกลับมาที่รถ ไขกุญแจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย และก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถ ประตูอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก บุรุษในชุดชุ่มน้ำทะเลกับเม็ดทรายก้าวเข้ามานั่งเอนหลังพิงเบาะแบบหมดสภาพ“ให้ตายเถอะ! คุณต้องจ่ายค่าล้างรถให้ฉัน!” เธอประกาศดังๆ อยากจะร้องไห้ เบาะผ้าสวยๆ นุ่มๆ ของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำทะเลเค็มปี๋และเม็ดทรายเล็กละเอียด ส่วนเขายิ้มเยาะแล้วหัวเราะในลำคอราวสะใจ“พรุ่งนี้...ฉันจะโสดแล้วนะ เป็นการโสดที่ทรมานเหลือเกินเทียน ฉัน...ยังรักไนท์ แม้ว่าเขาจะร้าย...ฉันก็ยังรักอยู่ ทำไมใจฉันมันดื้อด้านอย่างนี้นะ ไม่ยอมรับความจริงบ้างเลย”“มันคงต้องการเวลาแหละคุณ หรือไม่ก็...ต้องการใครสักคน...มาดูแลมัน” เธอว่าแล้วยิ้มบางๆ หัวใจเธอก็เช่นกัน มันยังโหยหาค
“ฉันต่างหาก...ที่ต้องถามคำถามนั้น!”เสียงสั่นเครือแต่หนักหน่วงของใครบางคนแทรกเข้ามาตอบคำถามนั้นของราตรี หญิงสาวมุ่นคิ้ว ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะได้เบิกโตเมื่อสมัตถ์โผล่ออกมาจากข้างประตู เขายืนอยู่หลังเทียนหยด ดวงตาก่ำแดงพร้อมจะหลั่งหยดน้ำตา“มะ...มัตถ์!” เธอร้องเรียกชื่อสามีอย่างไม่เชื่อสายตา สมัตถ์มาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่มีวันรู้ เธอทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอน“หึๆ ขอบใจนะ ที่ยังจำผัวตัวเองได้...” พูดไปก็ข่มกลั้นโมหะโทสะ สองมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว โกรธจนร่างชาดิก หัวใจเต้นกระหน่ำปานจะทะลุออกมากจากอก พอข่มกลั้นความโกรธไว้มากเข้า มันก็ผลักดันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบที่เรียกว่าหยดน้ำตา“มัตถ์คะ คือว่า...” ราตรีหน้าเสีย มือสั่นปากสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี“รู้อะไรไหม ตอนนี้ฉันอยากเอาปืนมาจ่อหัวพวกเธอทั้งสองคน! แต่ว่า...ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ฉันจะไม่พาความยุ่งยากมาใส่ตัวเองอย่างเด็ดขาด ถ้าพวกเธอมีความสุขกับการเสพสังวาสที่ผิดศีลธรรมจรรยา งั้นก็เอาเลยราตรี! ฉันจะหลีกทางให้ พรุ
[13]เชือด!________สมัตถ์ตื่นมาด้วยจิตใจที่หม่นหมองเหมือนละลองควันพิษบนท้องถนนเมืองไทย พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่พอเห็นหน้าศรีภรรยาก็อดหดหู่ใจไม่ได้ ให้หล่อนเอามีดมาแทงเขา ยังเจ็บน้อยกว่าที่หล่อนไปนอนกับชู้รัก ในใจเขามันสับสนวุ่นวาย อยากบีบคอขาวๆ ของหล่อนแล้วถามดังๆ ว่ากล้านอกใจเขาได้อย่างไร กล้านอกใจคนที่รักหล่อนที่สุดได้อย่างไร!“เป็นอะไรคะ หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย หรือว่ากลัวไนท์งอนเรื่องเมื่อคืน ไม่ต้องห่วงนะคะ ไนท์หายงอนแล้ว ไม่งั้นไม่มายืนผูกเนกไทให้คุณอย่างนี้หรอก” ราตรีว่าสมัตถ์ฝืนยิ้มส่งให้ ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ตระเตรียมไว้กับศรีสุรางค์ตั้งแต่เมื่อคืน“วันนี้คุณย่าอยากไปทำงานกับผม คุณอยากไปด้วยไหม” เขาโยนหินถามทาง“อ่า...ไม่ดีกว่าค่ะ ไนท์ว่าจะไปซื้อของใช้สักหน่อย” ตอบเหมือนเอาความดีเข้าตัว สมัตถ์ยังฝืนยิ้มให้อีก ขยับออกห่างราตรีเมื่อหล่อนผูกเนกไทให้จนเสร็จ“โอเค...ก็ได้ วันนี้ผมไม่หิว ผมไปทำงานเลยดีกว่า”“อะไรกัน ไ
“แทนที่จะเกลียดฉัน เกลียดเมียตัวเองก่อนไหมคุณสมัตถ์ ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย มาโกรธฉันทำไม” เธอบอกด้วยความน้อยใจ ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ กลัวเขาอายที่กำลังมีน้ำตาเต็มวงหน้าเช่นนี้“เธอ...ทำยังไง”“อะไร” เธอถาม บีบยาใส่แผลสดให้เขาแล้วเอาผ้ากอซมาพันให้บางๆ ไม่ได้เก่งเรื่องทำแผลนัก สภาพมันเลยไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่รับรองว่าสะอาดไร้เชื้อโรค“ทนไง ทนตีหน้าตายใส่ไอ้หมอนั่นจนมันยอมเซ็นยกโฉนดที่ดินให้” ถามแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา กลั้นมันมิให้ไหล หล่อนเห็นน้ำตาเขาอีกแล้วเธอยักไหล่ “ไม่รู้สิ เปลี่ยนความโกรธความแค้นเป็นความอดทนมั้ง ฉันทำได้ทุกอย่างแหละไม่ยอมขาดทุนหรอก ฉันให้เขาไปเยอะ ถ้าไม่ได้จากเขาก็ขอให้ได้ทุนคืน ฉันเป็นนักธุรกิจ ไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาด” เธออธิบาย นั่งขัดสมาธิตรงหน้าเขา เขาเหมือนจะมีน้ำตาตลอดเวลา ความจริงถ้าเขาอยากร้องไห้ ก็ร้องได้นะ เธอไม่ว่าหรอก“ฉ
ริมฝีปากคมอ้าค้างน้อยๆ เลือดลมสูบฉีดเร็วแรง ดวงตาที่เบิกโตมีหยดน้ำตาซึมเอ่อ ถามตัวเองซ้ำๆ ว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที ความเจ็บจุกมันหล่นทับหัวใจเขาจนแม้แต่กระดิกกายก็ทำไม่ได้ ราตรีนอกใจเขา!‘หล่อนนอกใจเขา!’ก๊อกๆๆประตูห้องถูกเคาะอีกครั้งก่อนที่ราตรีจะผลักเข้ามา ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มสดใสให้สามีดั่งที่เคยทำมา“มัตถ์คะ กินข้าวเถอะค่ะ คุณย่าหิวแล้ว ท่านบอกให้ตั้งโต๊ะเร็วหน่อย”เสียงเจื้อยแจ้วของศรีภรรยาทำให้สามีต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขาพูดไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าหล่อน อยากถามหล่อนว่าทำได้อย่างไร กล้ามีชู้ได้ยังไง!“มัตถ์?”“เอ่อ...คือ...จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้”นั่นคือสิ่งที่ริมฝีปากเอ่ยออกมาได้ ต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กว่าจะเค้นคำพูดออกมาแต่ละคำมันช่างทรมานเหลือเกิน ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดคือจับราตรีมาเขย่าให้หัวหลุดจะได้สาแก่ใจ“เร็วสิคะ ไนท์รอที่โต๊ะนะ”เขายิ้มให้กับคำกล่าวนั้น จนราตรีหายไปจากหน้าประตู ต้องกะพริบตาถี่ๆ แล้ว
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกแต่เทียนหยดยิ้มกริ่ม เริ่มสนุกที่ได้แกล้งเขา“ม่าย...อีกนิดค่ะคุณผู้ชายขา...อีกนิด...” ว่าแล้วตบแป้งหนักๆ ถี่ๆ สมัตถ์ทนไม่ไหวก็คว้ากล่องแป้งเคาะกบาลช่างแต่งหน้าจำเป็นไปหนึ่งทีปึ้ก!“โอ๊ยคุณ! เคาะหัวฉันทำไมเนี่ย” คนสวยทำหน้ายู่ หันมองกล้องแล้วเอามือลูบกบาลป้อยๆ“ก็เธอทำฉันก่อน หน้าคนนะไม่ใช่หนังควาย ถูมาได้” บ่นเบาๆ เสียงต่ำจนคนฟังรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว“เออๆ ขอโทษก็ได้ มานี่มา มาให้คุณผู้ชมเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”แล้วเทียนหยดก็ยกกล้องลงจากขาตั้งมาจ่อใกล้ใบหน้าเขา รูขุมขนที่ค่อนข้างกว้างในตอนแรก บัดนี้ดูจางลงเพราะมีเนื้อแป้งปกปิดไว้ เธอจ่อกล้องไว้ใกล้หน้าเขาราวครึ่งนาที ก่อนจะจับมันไปวางไว้ที่เดิม แล้วนั่งลงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ยิ้มอะไรของเธอ” เขาสงสัย“ก็...โบกแป้งแล้วคุณก็หน้าเนียนดีเนอะ หน้าอย่างนี้ขึ้นกล้องดีจัง น่าจะไปเป็นดารานะ มองไปมองมานี่ก็คล้ายพระเอกหนังเนาะ”เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้าสมัตถ์ก็ทำตัวไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะหน้าบึ้งก็ไ
สมัตถ์อมยิ้ม หล่อนคงยังรู้สึกผิดกระมัง“เปลี่ยนคำขอโทษเป็นคำสัญญาดีกว่า สัญญาสิว่าเธอจะไม่ทำอีก”คนสวยพยักหน้าน้อยๆ “แล้ว...ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มล่ะ”“หมายความว่าไง ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกน่า”“โธ่เอ๊ย ก็ถามเผื่อไว้นี่นา คุณก็รู้ว่ามีบางอย่างระหว่างเรา บางอย่างที่คุณกับฉันรู้กันแค่สองคน”“ไม่มีทาง มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” สมัตถ์บอกอย่างต้องการให้มันจบเทียนหยดทำหน้าบูด “ก็ได้ คุณกำลังหลอกตัวเอง เชื่อฉันเถอะ” เธอบอกแล้วถอนหายใจเฮือกๆ กลุ้มเรื่องที่ทำกับสมัตถ์แล้วยังกลุ้มเรื่องงานของตัวเองอีก“เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม”เขาเอ่ย อาสาช่วยละนะหากว่าเรื่องนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง“คุณช่วยไม่ได้หรอก ฉันเครียดเรื่องออฟฟิศน่ะ กลัวเสร็จไม่ทัน กลัวไม่มีที่เก็บของ” บอกแล้วพ่นลมออกจากปากอีกครา ก่อนจะหันมาสนของที่อยู่ตรงหน้า เปิดมันออกแล้วพิจารณาแป้งสามตลับที่เรียงกันอยู่“ฉันคงช่วยไม่ได้จริงๆ กลับดีกว่า”เขาว