มาลีตกตะลึง “แต่…เธอเป็นน้องสาวของฉัน…”เจนนิเฟอร์อาบน้ำร้อนมาก่อนและก็เธอได้เห็นสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่ผู้หญิงทำต่อกันมานักต่อนักแล้ว ทันทีที่ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้น เธอก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังวางแผนอะไรชาร์ล็อตพึมพำกับมาลีอย่างเย็นชาว่า “หยุดปกป้องนางนั่นเถอะ! มันเป็นเหมือนเนื้องอกที่ควรกำจัดโดยเร็วที่สุด เธอกับแม่ก็พยายามฉุดกระชากมันขึ้นมาแล้ว คุณหญิงให้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศและใช้เงินมากมายไปกับเธอและเธอก็ให้มันมามากเกินพอแล้ว เป็นความผิดของมันเองที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการยั่วยวนผู้ชายไม่เลือกหน้า!“ฉันบอกเลยนะ มันไม่มีค่าอะไรในสายตาฉันเลย และฉันจะต้องทำแบบนี้เพื่อปกป้องความรักของฉันเอง!” จากนั้น ชาร์ล็อตก็เดินกลับไปยังที่นั่งของเธอมาลีแสร้งทำเป็นขัดแย้งกับเธออยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งชาร์ล็อตขมวดคิ้วและเริ่มจะหมดความอดทน จึงทำให้มาลีตกลงที่จะทำตามแผนของเธอ …หลังจากที่มาลีออกจากห้องมา เธอก็เหลือบมองไปทางห้องน้ำเมื่อเธอแน่ใจว่าทางปลอดโปร่งแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปในมุมที่ลับตาคนและกดโทรออกเสียงการโทรดังอยู่นานก่อนที่จะมีใครบางคนรับสาย มาลีพูดอย่างรำคาญใจ “ทำไมนายถึงรับสายช้าขนาดนี
“ร้อน ร้อนจริง ๆ...“ทำไมถึงรู้สึกแย่แบบนี้? ฮึม…"เบียงก้าพยายามควบคุมสติพลางกระแทกปุ่มลิฟต์ และในที่สุดประตูลิฟต์ก็เปิดออก จากนั้นเธอก็เข้าไปด้านในโชคดีที่มีเพียงเธอคนเดียวที่นี่!เบียงก้าซ่อนตัวอยู่ในลิฟต์ที่กำลังเลื่อนลงมา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างแปลกประหลาด เธอไม่สามารถหยุดเสียงคร่ำครวญซึ่งผ่านออกมาทางริมฝีปากของเธอได้ ลิฟต์ค่อย ๆ เลื่อนลงมาถึงชั้นเจ็ดและหยุดอยู่ที่นั่นเบียงก้าเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟต์ เขาดูเหมือนเพิ่งจะอายุ 18 หรือ 19 ปี เขาสูงมากกว่า 170 เซนติเมตร เขาแต่งกายสบาย ๆเขาอาจจะกำลังเป็นนักศึกษา“คุณ…คุณไหวไหมครับ?” เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเบียงก้า จึงทำให้เขาตกใจและพูดตะกุกตะกัก“ฉัน… ฉันสบายดี” เบียงก้าขมวดคิ้ว “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”ความรู้สึกนั้นยากเกินกว่าจะระงับได้ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังลอยอยู่ในทะเลและแกว่งไปมาบนคลื่นอย่างไม่มั่นคง ซึ่งตอนนี้เธอต้องการสมอเรือเป็นอย่างมากด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเธอมองดูเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าของเธอ เธอจึงคิดว่าเขาเป็นสมอเรือนั้น…สายตาที่เร่าร้อนของผู้หญิงคนนี้ทำให้ใบหน้าของเ
ทั้งร่างกายและจิตใจของลุคสั่นสะท้าน สัมผัสแห่งความคุ้นเคยบริเวณหว่างขาของเขาแผ่ซ่านทั่วร่างกาย และความรู้สึกนี้ก็ทำให้จังหวะใจของชายหนุ่มระรัวยิ่งขึ้นความงามอันแสนอ่อนหวานของเธอดึงดูดสายตาของเขามาโดยตลอด“อ่า!”วินาทีถัดมา เขาอุ้มเธอในทันที เท้าของเบียงก้าลอยขึ้นจากพื้นอีกครั้งเขาอุ้มเธอขึ้นชิงช้าสวรรค์ ลุคต้องอดทนต่อการยั่วยวนจากมือเล็ก ๆ ที่ซุกซนไปมารวมถึงความรู้สึกของริมฝีปากนิ่ม ๆ ที่ซักไซร้อยู่ที่คอ…. และยังจูบไปที่บริเวณไหปลาร้าของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเบียงก้าไม่รู้ว่าชายผู้นี้เป็นใคร เธอลืมแม้กระทั่งว่าตัวเธอเป็นใคร สัญชาตญาณความกระหายของร่างกายกำลังครอบงำเธอให้ทำเช่นนี้ เพราะนี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ร่างกายเธอรู้สึกดีขึ้น มิฉะนั้น ความกระหายอันเร่าร้อนนี้จะแผดเผาทรมานเธอจนทำให้เธอปรารถนาที่จะหมดไหม้ไปพร้อมกับมันเธอรู้สึกทรมานแสนสาหัสได้โปรด ใครก็ได้ช่วยเธอทีมือของเธอกำลังเสาะแสวงหาสิ่งที่เธอต้องการ เธอปลดกระดุมเม็ดที่สามบนเสื้อเชิ้ตของชายคนนั้นอย่างง่ายดาย…กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อลุคถูกปลดออกตั้งแต่แรกแล้ว และตอนนี้เม็ดที่สามก็ถูกปลดเช่นกัน ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าเธอปลด
“คุณบอกว่าคุณชอบมันเหรอ?” ลุคถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำก่อนที่จะดึงเธอขึ้นมานั่งในบนบัลลังก์ของเขาในคราวเดียว การกระทำของเขาเร่งรีบและรุนแรงราวกับพายุ เธอรู้สึกถึงบัลลังก์ราวกับว่ากำลังจะถูกเขาพิพากษา ร่างกายของเธอชนเข้ากับกำแพงกล้ามเนื้อของเขา เขาตรึงตัวเธอไว้ดั่งเชลยเธอใช้เวลาครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเธอตกอยู่ในอ้อมกอดอันแนบแน่นของชายผู้นี้“ผมจะทำให้คุณชอบมันมากขึ้นกว่านี้อีก!” ด้วยคำพูดเหล่านั้น ลุคกดเธอเข้ากับกระจกหน้าต่างภายในห้องกระเช้าอีกครั้ง สูงขึ้นไปในอากาศ เขาจุมพิตริมฝีปากอันอ่อนโยนและเป็นสีดอกกุหลาบของเธอ สัมผัสที่นุ่มนวลและเยือกเย็นถูกฉาบลงบนผิวของเธอ“อืม…” เธอรู้สึกว่าเขากำลังดูดดื่มริมฝีปากของเธออยู่ ด้วยความเย้ายวนชวนฝัน เธอเอื้อมมือไปโอบรัดเอวอันแข็งแกร่งของเขา…เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาเอื้อมมาใกล้ เขาเปิดปากและใช้ริมฝีปากอันเบาบางของเขาและเชื้อเชิญเธอไปมือน้อย ๆ ของเบียงก้าจับเอวของชายคนนั้นก่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนไหล่ที่กว้างและแข็งแรงของชายคนนี้ ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา เห็นได้ชัดว่าเธอชอบร่างชายที่ทรงพลังนี้เหลือเกินลิ้นเล็ก ๆ ของเธอ
เบียงก้ามองไปที่นีน่า เสียงของเธอเบาจนแทบจะกระซิบ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังกลัวอยู่ในขณะนี้ แล้วพูดว่า “ฉัน…ฉันได้ทำอะไรที่มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้รึเปล่า?”“แล้วฉัน ได้เจอผู้ชายบ้างไหม?”“ฉันไม่รู้เลย” นีน่าพูดอย่างเคืองใจ “ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นตอนที่เธอถูกวางยา แพทย์โทรหาฉันอีกที หลังจากที่พวกเขาควบคุมผลข้างเคียงของมันได้แล้ว” เบียงก้าเริ่มจับประเด็นได้ผลข้างเคียงอยู่ภายในความควบคุมของแพทย์นั่นหมายถึงมีคนโทรหาหมอให้เธอเบียงก้าถอนหายใจและใช้มือกุมหัวไว้ ขณะที่เธอคิดทบทวนอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นไม่นาน เธอพูดว่า “ฉันจำได้ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์ ฉันคิดว่าเขาบอกว่า… เขาต้องการพาฉันไปโรงพยาบาล?”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น”นีน่ารู้สึกกังขากับคำตอบนั้น “ฉันกังวลว่าจะมีคนที่หาประโยชน์จากอาการของเธอ ฉันเลยโทรไปเบอร์นั้นอีกครั้ง แต่คนที่รับสายคือแพทย์ เธอเป็นแพทย์หญิงด้วยนะ!”ในที่สุด ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมของนีน่าก็ทำให้หัวใจของเบียงก้าสงบในที่สุด“ขอดื่มน้ำหน่อยสิ?”"แน่นอนสิ!" นีน่ารีบหยิบแก้วน้ำมาป้อนที่ริมฝีปากของเบียงก้าหลังจากนั้น เธอเอื้อมมือไปหาผลไม้น
แม้ว่าเบียงก้าจะตอบสนองในทันทีและหันกลับมาสวมเสื้อผ้าของเธออย่างเร่งรีบ ผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ประตูยังคงเห็นทุกอย่างแล้ว“ทำไมคุณอยู่คนเดียวล่ะ?” เสียงทุ้มลึกของลุคเป็นสิ่งแรกที่ทำลายความเงียบในห้องเรื่องโกหกเมื่อครู่ถูกเปิดโปรงต่อเธอย่างง่ายดาย เบียงก้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น“ฉันหมายความว่ากำลังจะมาคนตามมาที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้มีคนอยู่กับฉันแล้ว”ชายคนนั้นมองดูเธอขณะที่เธอตื่นตระหนก เธอพยายามปกปิดคำโกหกนั้นอยู่ดวงตาของลุคมองไปรอบห้องเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ตำรวจติดต่อมาผม ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง? ร่างกายของคุณดีขึ้นใช่ไหม?” ชาร์ล็อตต์ถูกจับแต่เธอไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอด้วยปัญหาเช่นนี้ เธอจึงแจ้งชื่อลุคให้ตำรวจแทน นั่นเป็นเหตุผลที่ตำรวจติดต่อเขามาสมองของเบียงก้าจะระเบิด ดวงตาสีดำสดใสของชายคนนั้นมองตรงมาที่เธอ“ร่างกายของฉัน… สบายดีค่ะ…” เบียงก้าอึดอัดใจทุกสิ่งที่จะให้ผู้ชายผู้เป็นหัวหน้าของเธอรู้ว่าเธอถูกวางยาปลุกกำหนัด ดังนั้นเธอแทบจะไม่สามารถแม้แต่จะตอบ“เจสันขอลางานให้คุณหนึ่งสัปดาห์ พักผ่อนให้สบายนะ” ลุคกล่าวต่อ“ขอบคุณค่ะ และขอบคุณคุณดอยล์
เพียงแค่นั้นมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาในห้องจากระยะไกลต่อมา พวกเขาได้ยินเสียงของเจสัน ดอยล์ขณะที่เขาถามอย่างเป็นทางการว่า “คุณเรย์นครับ ผมขอทราบได้ไหมว่าเจ้านายอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ?”เบียงก้ามองไปทางประตู เธอหายใจไม่ค่อยออก"พ่อครับ?" นั่นคือเสียงของบลองช์พอได้ยินว่าคุณบีไม่สบาย เด็กชายก็มาเยี่ยมเธออย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่ที่ประตูห้องและรู้สึกหมดหวังที่จะเข้าไป เพราะเจสันหยุดเขาไว้“ทำไมพ่อไม่ให้ผมเข้าไป?”“ชู่ว…” เจสันเอานิ้วจิ้มริมฝีปากบอกนายน้อยของเขาให้เงียบไว้ เจสันยืนห่างออกไปสองเมตร ดูเป็นมืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เขากังวลว่ามีบางอย่างที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นด้านใน และในฐานะลูกน้อง เขาไม่ต้องการที่จะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นด้วย"พ่อครับ?" บลองช์กระพริบตาและยกมือเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อเคาะประตูทันใดนั้น ประตูเลื่อนเปิดจากด้านใน และพ่อของเขามองลงมาที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นราวกับน้ำแข็งพ่อใจร้ายมากที่มาเยี่ยมคุณบีโดยไม่เรียกเขามาด้วย! บลองช์ไม่สนใจพ่อของเขาและใช้กำลังทั้งหมดลากตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่และตุ๊กตาเข้ามาในห้อง จากนั้นเขาก็โผเข้ากอดเบียงก้า ขณะที่กอดเธอเอาไว้ เด็กชายก็เอ่ยถามว่
ผ่านไปนานมากจนขาเธอชาเพราะนั่งฟุบอยู่กับพื้นนาน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงของลุคมาจากห้องน้ำ มีเสียงแหบแห้งปนออกมาจากน้ำเสียงของเขาเขาพูดว่า “คุณเข้าไปได้แล้ว”เบียงก้ากัดริมฝีปากของเธอและกลืนความกระอักกระอ่วนลงไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดประตูห้องน้ำอีกครั้งลุคมองมาที่เธอ สีหน้าและการกระทำของเขาดูซับซ้อนเบียงสบตาเขาครู่หนึ่ง แต่เธอไม่สามารถทนต่อดวงตาสีเข้มและลึกของเขาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องหันหลังและมองไปทางอื่นที่นี่และเดี๋ยวนี้ ลุคแต่งตัวดูเป็นชายชาตรีไร้ที่ติ เขาเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมบูรณ์แบบตามปกติ แม้แต่คอเสื้อและแขนเสื้อก็ดูเรียบร้อยผิดหูผิดตาราวกับไม่เคยเข้าไปพัวพันกับผ้าขี้ริ้วผืนใดผืนหนึ่งก่อนหน้านี้ ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการด้านเดียวของเธอเท่านั้น เบียงก้ากำลังจะเข้าไป แต่แล้วเขาก็ขวางทางเธอไว้ร่างสูงและเรียวของชายคนนั้นยังคงมีกลิ่นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและฟีโรโมนของผู้ชาย มันทำให้เธอรู้สึกอลม่าน“ขอร้องแหละค่ะ ให้ฉันผ่านไป” เบียงก้าพูดพร้อมก้มหน้าลงลุคขมวดคิ้วเข้มแน่น และเขาเดินผ่านเธอ ปัดไหล่ของเธอขณะที่เขาจากไปเบียงก้าหายใจเข้าลึก ๆ และเข้าไปในห้อง