ลานี่พูดกับเรนนี่ว่า “คุณปู่ชาร์ลส์บอกว่า คุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว และคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาคบกับคุณพ่อด้วย”เรนนี่พยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พี่ชายเธอพูดหมายถึงอะไร“เรามาหาแฟนใหม่ให้พ่อกันเถอะ พี่คิดว่าคุณบีเป็นตัวเลือกที่ดีเลย” บลองช์ตัดสินใจยอมแพ้ เขาครุ่นคิด 'ไม่ใช่เพราะว่าคุณพ่อไม่ต้องการคุณแม่ แต่เพราะว่าคุณแม่มีแฟนใหม่ไปแล้ว’ ...ในช่วงเวลาอาหารเช้าอลิสัน แทนเนอร์เดินลงมาจากชั้นบน เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้คน จากนั้น เธอก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อคะ หนูมีธุระ ขอตัวไปก่อนนะ”ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเงยหน้าขึ้นและกำลังจะพูดกับเธอว่า 'ตกลง' แต่แล้ว ซูซาน อาร์มสตรองก็ขัดจังหวะในทันที เธอเลิกคิ้วพร้อมหัวเราะ “ดูสิ แต่งตัวซะสวยเชียว ดูปากสิ แดงอย่างกับเพิ่งไปเลือดของเด็กเป็น ๆ มาอย่างนั้นแหละ ออกไปหาผู้ชายเหรอจ๊ะ?”ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดจะไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับการพูดจาประชดประชันกันที่เกิดขึ้นทุกวันมานานกว่า 10 ปีอลิสันยังคงสงบนิ่ง “ซูซาน ไม่ต้องห่วงหรอกจ่ะ ฉันไม่ใช่เธอนะ ฉันไม่จำเป็นต้องหาผู้ชายคนอื่นเพียงเพราะว่าฉันทนความเหงาไม่ไหว ถึง
รถไฟใต้ดินวิ่งผ่านสถานีก่อนหน้านี้มาจนถึงอีกหนึ่งสถานี เบียงก้าครุ่นคิดว่า ร่างกายของเธอที่กำลังแนบชิดกับลุคนั้นมีความรู้สึกที่แปลกไป...หน้าต่างบานใหญ่ของตู้โดยสารรถไฟใต้ดินสะท้อนให้เห็นภาพของผู้โดยสารภายในรถไฟในตอนแรก เบียงก้าไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองได้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าที่เขินอายของเธอก็จางลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอพยายามเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองไปยังภาพสะท้อนที่อยู่บนหน้าต่างร่างสูงกำยำของลุคยืนอยู่ด้านหลังเธอ ชายผู้นั้นจับราวด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งได้ปกป้องเธอเอาไว้ด้วยการโอบกอดเบียงก้าตัวเล็กเกินไป แต่เธอก็ยังอยากเห็นสีหน้าของเขา ความสูงของชายผู้นั้นทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดังนั้น เธอจะต้องเงยหน้าขึ้น ถ้าหากว่าเธออยากเห็นใบหน้าของเขา เพียงเพราะว่าชายวัยกลางคนได้ฉวยโอกาสจากเธอก่อนหน้านี้ด้วยการสัมผัสมือของเธออย่างจงใจ เหตุการณ์นั้นทำให้ลุคแสดงความเป็นเจ้าของและโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่น เมื่อผู้โดยสารชายคนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้ยินชายผู้นี้เรียกเธอว่า 'ภรรยา' ดังนั้น พวกเขาจึงถอยออกจากเบียงก้าโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี
“ฉันเปล่า…” เบียงก้ารีบปฏิเสธทันที “เธอกล้าโกหกฉันเหรอ? ถ้าเธอไม่ได้แอบชอบเขา แล้วใครกันล่ะที่ชอบซุ่มอยู่หลังกำแพงและแอบมองออกไปที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียนมัธยมที่อยู่ติดกันอย่างกับคนบ้านั่นน่ะ?” คลอเดียหยอกล้อเธอถึงเรื่องของอดีตเบียงก้ายังจำเหตุการณ์ในสมัยมัธยมของเธอได้ดี เธอมักจะชอบจ้องมองทิวทัศน์ที่สวยงามและผู้คนอย่างโง่เขลาสมัยเรียนมัธยม และคนที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ รุ่นพี่ครอว์ฟอร์ด จากโรงเรียนมัธยมที่อยู่ติดกันคลอเดียคาดเดาได้ว่า เบียงก้าอาจจะกำลังเขินอายอยู่ เธอจึงพูดต่อว่า “เขาหล่อเหล่ามากขนาดนั้น! และยังน่าเกรงขามอีกด้วย! มีใครบ้างล่ะที่จะไม่ตกหลุมรักเขา? เธอไม่เห็นจะต้องอายเลย”เบียงก้าสำลักเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเริ่มแดง จากนั้น ใบหน้าของรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดที่อยู่ภายในใจก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของลุค ครอว์ฟอร์ดโดยไม่รู้ตัวมีข่าวลือว่า ลุคมีน้องชายที่ชื่อ หลุยส์ และทั้งสองพี่น้องก็มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของรูปลักษณ์ และเบียงก้าก็ยังไม่เคยเห็นหลุยส์เป็นการส่วนตัวมาก่อนถ้าหากว่า หลุยส์ คือรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ด แต่ลุค คือคนที่อยู่ในใจของเธอตลอดเวลา ดังนั้น มันคงจะ
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว เควินก็รู้สึกปวดหัวทั้งคืนเจนนิเฟอร์พลิกบ้านทั้งหลังเพื่อมองหาเอกสารสัญญาหลังจากที่เธอค้นหาอยู่นาน เธอก็พึมพำกับมาลีว่า “เควินเล่นตุกติกอะไรกับฉันแน่ ทำไมเขาถึงยังไม่ตายไปอีก!”“แม่หมายความว่ายังไง? เรายังจะได้รับค่าชดเชยสำหรับการหรือถอนด้วยจำนวนเงินหลักแสนใช่ไหม? เงินจำนวนมากที่พวกเราไม่เคยเห็นในชีวิตของเราเลย” มาลีกล่าวกับแม่ของเธอในขณะที่เธอขมวดคิ้วและช่วยแม่ของเธอหาเอกสาร เธอกล่าวต่อว่า “ถ้าเขาจะต้องตาย เขาก็ควรจะอดทนรอจนกว่าเราจะได้เงินก้อนนั้นมาสิ”“นี่เป็นความผิดของเธอที่ฉันจะต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากร่วมกับเขา” จากนั้น เจนนิเฟอร์ก็ย้ายเก้าอี้และมองหาเอกสารนั้นที่ด้านบนของตู้รองเท้าหนึ่งชั่วโมงผ่านไป การค้นหาของแม่และลูกสาวก็สิ้นสุดลงอย่างไร้ประโยชน์เจนนิเฟอร์เข้าไปในห้องนอนด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน เธอตรวจดูให้แน่ใจว่าเควินหลับแล้ว เธอจึงออกมาและไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารที่ลูกสาวของเธอสั่งมา ในขณะที่พวกเขาทานอาหาร มาลีก็ถามขึ้นว่า “นี่แม่ แม่คิดว่าใครคืออดีตภรรยาของเขา? ทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องอดีตภรรยาไม่ให้พวกเรารู้ด้วย?”“ลูกโง่เหรอ?
เบียงก้าลืมตาที่มีน้ำตาขึ้น แก้มของเธอแดงราวกับสีของดอกกุหลาบ ในขณะที่เธอมองดูชายตรงหน้าอย่างสับสนดวงตาที่เฉียบคมของลุคเต็มไปด้วยความหลงใหลในขณะที่จ้องมองลึกลงไปในดวงตาของเธอ พวกเขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ดังนั้น เขาจึงก้มลงจูบเธออีกครั้งเบียงก้าลืมตาขึ้นในขณะที่เธอกำลังจมดิ่งลงในจูบอันแสนดูดดื่มของชายผู้นั้นเธอมองเห็นจมูกที่สูงสง่าและคิวที่ลึกล้ำที่แตกต่างไปจากผู้ชายทั่วไป ภายใต้แสงไฟสลัวในยามค่ำคืน ความละเอียดอ่อนของเขานั้นช่างขัดแย้งกับตัวตนของเขายิ่งนักมือที่ใหญ่โตของชายผู้นั้นโอบที่ศีรษะของเธอพร้อมกับคางที่เชิดขึ้น จุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นั้นไล่ลงไปที่เขาคอจนไปถึงเนินอกของเธอ…“อืม…” เบียงก้าถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้นมองดูเขา ริมฝีปากอันเร่าร้อนของชายผู้นั้นทิ้งรอยเอาไว้บนผิวหนังของเธอ ในขณะที่เขายังคงรูปไร้ร่างกายของเธอต่อไปความเร้าอารมณ์ระหว่างพวกเขาค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเบียงก้ามีประสบการณ์เพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะในเรื่องของการจูบ ในขณะที่ลุคเป็นคนเดียวที่ทำมันอย่างต่อเนื่องแรงกระตุ้นจากเขาส่งผ่านมาหาเธอเบียงก้าหลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นชายผู้น
ทันทีที่เบียงก้าพูดคำว่ามีนัดดูตัว เธอก็ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้เห็นคิวที่คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจของชายผู้นั้นที่ดูน่ากลัวขึ้นเล็กน้อย“ปล่อยฉันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะรั้งฉันเอาไว้!”ราวกับว่าเธอไม่ได้พูดกับลุค แต่เธอเพียงแค่พูดให้ตัวเองได้ยินลุคเบิกตากว้างในทันที เบียงก้าถูกกดลงบนขาของชายผู้นั้น เธอเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่เธอแทบจะขาดอากาศหายใจหลังจากนั้นไม่นาน มืออันใหญ่โตของชายผู้นั้นที่เอวของเธอก็หลุดออก ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งที่กำลังกุมข้อมือของเธอเอาไว้ก็คลายลง...เธอถูกปล่อยแล้ว ในที่สุด เบียงก้าก็เป็นอิสระ ใบหน้าของเธอว่างเปล่าเธอลุกขึ้นและจัดระเบียบเสื้อผ้าของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมาแต่เมื่อเธอเปิดประตูรถ ชายผู้นั้นก็โผงผางเข้ามาด้วยอารมณ์ที่หึงหวง เขาลากเธอกลับมา จากนั้น เขาก็โยนเธอลงบนที่นั่งบนรถอีกครั้ง “ไปดูตัว แต่ทำไมถึงนุ่งน้อยห่มน้อยแบนนี้ล่ะ? นี่เป็นแผนการของคุณเพื่อการยั่วยวนผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?” ลุคพูดจาข่มขู่เธอดวงตาที่สับสนของชายผู้นั้นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ตื่นตระหนกของเธอเบียงก้าได้ยินคำพูดที่ขุ่นเคืองเหล่านั้นเธอ
สิบนาทีต่อมา…“ฉัน ฉันทำไม่ได้” เบียงก้ากล่าวด้วยท่าทางที่ตกใจและดวงตาที่เบิกกว้างลุคกดร่างกายของเขาเข้ากับเธอ ริมฝีปากอันเย้ายวนของเขากดลงบนริมฝีปากที่บอบบางและอ่อนโยนของเธอเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาแตะกับเธอเบา ๆ ร่างกายของเธอสั่นเทาในขณะที่เขารอการตอบสนองจากเธอ“ฉัน…ฉัน…” เธอหลับตาแล้วพูดขึ้นว่า “ฉัน ฉันทำไม่ได้...คุณอย่า...”ลุคมองดูหน้าอกที่สั่นเทาของเธอ จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นนั่งในที่นั่งคนขับของเขา ชายผู้นั้นเลื่อนกระจกรถลงและจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ราวกับว่าเขาทำมาเป็นพันครั้งแล้ว เขาเหลือบมองออกไปภายนอกและพ่นควันบุหรี่ เขายกนิ้วอันเรียวงามของเขาขึ้นมาและกดเข้าที่ขมับที่เจ็บปวดของเขาลุคยินดีรอจนกว่าที่เธอจะพร้อมจูบเขาหลังจากเติบโตมาได้ยี่สิบเก้าปี เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่เขาเคยได้รับ ก็มากกว่าจำนวนโรงแรมที่เธอเคยได้นอนเสียอีกอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้รบกวนจิตใจของเขาและทำตามใจชอบเหมือนที่ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่คงจะได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการไปแล้วเช่นเดียวกับที่เธอเคยพูด ทั้งหมดที่เขาทำคือทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องกระดิกนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอวบหรื
"มานัดบอดนี้ ฉันก็คงจะไม่ได้มองหาอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ"เธอแค่อยากจะออกจากสถานนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้นเธอรู้สึกเครียดมากขึ้นเมื่อลุคนั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนเทวดาผู้พิทักษ์“คุณไม่มีผู้ชายในแบบนี้ที่คุณชอบเลยใช่ไหมครับ? ถ้างั้น ผมขอเล่าประวัติของผมให้คุณฟังก็แล้วกัน” ในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของลีออนข้างถ้วยกาแฟก็ดังขึ้น “ขอโทษนะครับ แต่ผมต้องรับสายนี้”หลังจากที่ลีออนพูดเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้าพอที่จะขยับเขยื้อนใด ๆ เพราะกลัวว่าจะเผลอกันไปเจอสบตากับชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆลุคเองก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไรมากมายเช่นกัน เขาเพียงแค่อ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟรสขมเป็นครั้งคราวหมายเลขนั้นแสดงชื่อ "ป้าอลิสัน"ลีออนรับสาย“ลีโอ นัดบอดเป็นยังไงบ้าง หลานป้า?” อลิสันถามอย่างกังวลใจและต้องการทราบผลการนัดดูตัวครั้งนี้โดยเร็วที่สุดลีออนเหลือบมองเบียงก้าซึ่งนั่งอยู่คนเดียวห่างออกไป และพูดอย่างเหลือทน “ป้าอลิสัน ผู้หญิงคนนี้สวยเหลือเกินครับ แต่ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอเลย”เมื่ออลิสันได้ยินว่าเขาพูดเช่นนั้น เธอเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา “ท