Share

บทที่ 7 ท่าทีอันแปลกประหลาดออกไปของฌอง

เบียงก้าเดินออกจากห้อง

ลุคก็พลันวางพิมพ์เขียวที่อยู่ในมือ เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโต๊ะทำงานไปยังตู้เก็บไวน์แทน ตรงนั้น เขาหยิบแก้วออกมาและรินไวน์ลงไปครึ่งหนึ่งด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย

ช่างเป็นตัณหาที่เย้ายวนเสียจริง!

ตอนที่เบียงก้าออกจากบริษัท ก็เป็นเวลาที่ดึกมากเลยทีเดียว แต่โชคดีที่ยังมีรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะพาเธอกลับบ้านได้

เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือตอบกลับข้อความของฌองบนวีแชท

หลังจากนั้น เธอดึงกระเป๋าเดินทางออกมา และเริ่มจัดของที่เธอจำเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

สายเรียกเข้านั้นคือฌอง

“นี่พี่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ? ฉันคิดว่าฉันบอกพี่ไปแล้วนะว่าแทนที่โทรหาฉันแบบนี้ ให้พี่พักผ่อนแต่หัวค่ำน่ะ” เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เบียงก้ากล่าวด้วยความกังวล

“พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลย พี่ก็เลยเอาของกลับไปที่ห้องพักในโรงแรมเพื่อทำงานต่อน่ะสิ” ฌองเอ่ยถามต่อ “พี่เห็นข้อความของเธอก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเธอถึงต้องออกไปข้างนอกด้วยละ? ไปกับใครเหรอ?”

“ฉันยังไม่รู้ว่าใครเลยค่ะ ต้องรอพรุ่งนี้เช้าเลยแหละถึงจะรู้” เบียงก้าตอบกลับ

“ถ้าเป็นคนที่ไปกับเธอเป็นผู้ชายล่ะก็ ช่วยอยู่ห่าง ๆ จากพวกเขาไว้ด้วยนะ” ฌองเตือนเธอ

“เพราะยังไง เราเพิ่งเริ่มทำงานที่นี่ เธอยังไม่รู้จักพวกนั้นดีพอ”

“ค่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เบียงก้าตอบกลับ ทันทีหลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ปลายสาย

เสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตู

ไม่สิ แทนที่จะเคาะ มันฟังดูเหมือนมีคนพยายามจะทุบประตูมากกว่า!

"เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ?" เบียงก้าเอ่ยถามอย่างประหม่า

“มะ…ไม่มีอะไร” ฌองพูดตะกุกตะกักในทันใด แต่แล้วเขาก็กลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว “ไว้คุยกันทีหลังนะ? พี่จะไปดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นแล้วจะโทรกลับไปบอกนะ”

เขาวางสายก่อนที่เบียงก้าจะบอกให้เขาระวังตัวด้วย

เธอก้มหน้ามองสัมภาระและมองไปที่โทรศัพท์ในมือ แสงหน้าจอก็หรี่ลงหลังจากวางสาย ตอนนี้เบียงก้าเป็นห่วงมาก เธอกังวลว่าฌองจะเจอปัญหาอะไรที่นั่นรึเปล่า เพราะว่าที่นั่นคนก็คุ้นหน้า รวมถึงสถานที่ยังไม่คุ้นเคยอีก

ในคืนนั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันถัดมา

เช้าตรู่ เบียงก้าได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างแรก

เธอรอเพื่อนร่วมงานอยู่บริเวณหน้าบ้าน ความเหนื่อยล้าปรากฏชัดบนใบหน้าของเธอ เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับจนถึงเช้าตรู่ เพราะว่ารอให้ฌองโทรกลับเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่เขาก็ไม่ได้โทรกลับมาแต่อย่างใด

เธอพยายามโทรหาเขา แต่โทรศัพท์ของเขากลับปิดเสียนี่

สิบนาทีต่อมา รถเบนท์ลีย์สีดำก็มาหยุดตรงหน้าเธอ มีชายหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถ

และทุกคนต่างทำความรู้จักกัน

จากนั้น ทั้งสามกลับขึ้นรถอีกครั้ง

พวกเขาใช้เวลาเจ็ดชั่วโมงเพื่อที่จะเดินทางไปถึงยังเมืองจุดหมาย เนื่องจากพวกเขาต้องใช้รถที่นั่น ผู้บริหารระดับสูงจึงได้จัดให้เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งขับรถเบนท์ลีย์ของบริษัทไปที่นั่นเพื่อความสะดวก

เบียงก้าพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานตลอดทาง พวกเขาเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว พวกเขาหัวเราะและหยอกล้อเล่นกันตลอด

กว่าพวกเขาจะถึงเมืองเอชก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว

เมื่อพวกเขาเช็คอินเข้าโรงแรม ซู เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งบอกกับเบียงก้าว่า “กลับไปที่ห้องก่อนได้เลยนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวเราจะโทรไปตามอีกครั้งกินข้าวเย็นนะ”

“ได้เลยจ่ะ” เบียงก้าพูดพร้อมพยักหน้า

เบียงก้านำกระเป๋าเดินทางขนาดกลางขึ้นไปชั้นบนและเข้าไปในห้องของเธอ เธออาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน ก่อนจะนำชุดที่เธอต้องการใส่ไปทำงานออกมารีดอย่างพิถีพิถัน

เมื่อเสร็จแล้ว เธอก็แขวนเสื้อผ้าที่จะใส่ไว้ล่วงหน้า

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเตรียมการทั้งหมดแล้ว เธอเหลือบมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ฌองไม่ได้โทรหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว และยังไม่ได้ส่งข้อความหาเธอด้วยซ้ำ

ในที่สุด คงถึงเวลาที่เธอต้องโทรหาฌองเอง

ในที่สุด ตอนนี้โทรศัพท์ของเขาเปิดอยู่

ทว่า เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นครู่หนึ่งโดยไม่มีใครรับสาย

ตอนนี้เบียงก้าเป็นกังวลและเป็นห่วงเขามากขึ้น เธอจึงโทรหาเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้สายของเธอกลับถูกปฏิเสธทันที

ในไม่ช้า เธอได้รับข้อความจากฌองบนวีแชท “ขอโทษที ตอนนี้พี่ไม่ว่าง เลยรับสายเธอไม่ได้ เดี๋ยวพี่จะโทรหาตอนที่ว่างแล้วนะ”

เบียงก้าก้มศีรษะลงและพิมพ์ตอบกลับ “ได้สิ พี่ทำงานของพี่ไปก่อนเถอะค่ะ”

อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าเขาจะปลอดภัยดี คนที่เคาะประตูเมื่อคืนนี้อาจเป็นพวกขี้เมาที่เคาะผิดห้องก็ได้

หลังจากที่ตอบข้อความของเขา เบียงก้าก็วางโทรศัพท์ลงและมองหาอะไรอย่างอื่นทำ

ทันทีที่เธอหันไปมองอีกทาง โทรศัพท์ของเธอก็สั่นอีกครั้ง

เธอแทบจะหันหลังกลับ เมื่อเธอต้องหันกลับมาเช็คข้อความในโทรศัพท์

ข้อความวีแชทนั่นเอง แต่มันเป็นข้อความอัตโนมัติ "ฮาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คุณเดาสิว่าตาข่ายไฟ

เบอร์น่ะ คือผมเก็บค่าเข้าด้วยนะไอเฟง”

คนส่งคือฌอง ซึ่งตอนขณะนี้น่าจะ "ยุ่งอยู่"

เบียงก้าขมวดคิ้ว

“?” เธอส่งเครื่องหมายคำถามมาให้เขา

ผ่านไปนานกว่าหนึ่งนาที ฌองก็ตอบในที่สุด “พี่กำลังวาดอะไรบางอย่างอยู่ และแขนพี่เลยเผลอไปแตะหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะ” นั่นเป็นเหตุผลที่เขาส่งคำพวกนี้มาให้เธอ

เบียงก้าไม่ได้คิดอะไรมาก

“กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง”

มีคนกดกริ่งหน้าห้องเธอ

"ใครคะ?" เบียงก้าระมัดระวังตัวมากเพราะเธออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ทั้งเมืองและผู้คนที่นี่

เสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากข้างนอก “คุณเรย์น ผมชื่อเจสัน ดอยล์ ผู้ช่วยคนสนิทของคุณครอว์ฟอร์ด ผมเกรงว่าจะต้องรบกวนให้คุณเปิดประตูให้หน่อยครับ”

เจสัน ดอยล์สุดยอดผู้ช่วยคนสนิทที่ได้รับความไว้ใจที่สุดของลุค ครอว์ฟอร์ดค่อนข้างเป็นที่รู้จัก เกือบทุกคนในบริษัทรู้จักเขา ซึ่งรวมถึงเด็กใหม่อย่างเบียงก้าด้วย

เธอเปิดประตู

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" เบียงก้าแทบไม่ทันได้ทักทายเขา เธอก้มศีรษะและเห็นว่ามีเด็กเล็ก ๆ

สองคนยืนอยู่ที่ประตู

คนหนึ่งเป็นเด็กชายและอีกคนเป็นเด็กผู้หญิง ดวงตาและฟันของเด็กน้อยทั้งสองช่างดูเขาสดใส เด็กน้อยช่างดูเหมือนตุ๊กตาสองตัวมากอย่างยิ่ง

เจสัน ดอยล์ยืนอยู่ในชุดสูท หลังของเขาเหยียดตรงราวกับลูกศร เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก “เด็กสองคนนี้เป็นลูกของคุณครอว์ฟอร์ดครับ พ่อของพวกเขายุ่งกับงานและไม่สามารถดูแล

เองได้ ดังนั้น…” เบียงก้ารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้

เธอไม่รังเกียจที่จะดูแลลูกคนอื่นให้ แต่เธอรู้สึกแปลกมาก เพราะเธอมาทำงาน ไม่ใช่มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก

อีกเหตุผลสำคัญที่เธอไม่อยากดูแลเด็ก จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเธอกังวลว่าการเห็นลูกของคนอื่น จะคอยทำให้เธอระลึกถึงลูกและตอกย้ำตัวเธอเอง

“นะ…หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ หนูสัญญา” เด็กหญิงตัวเล็กพูดเบา ๆ

เธอเงยหน้าขึ้นมองเบียงก้าพร้อมกระพริบดวงตาสีดำอันไร้เดียงสาคู่นั้น

“พี่ชายคะ” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เห็นว่าพี่ชายของเธอ ไม่ได้พูดอะไร เธอจึงขมวดคิ้วด้วยท่าทีที่ไม่พอใจและดึงเสื้อของพี่ชายเพื่อพยายามทำให้พี่ชายเธอพูดบางอย่าง

เบียงก้าหันไปมองที่เด็กชายแทน

พี่ชายตัวสูงกว่าน้องสาวเล็กน้อย แต่ถึงแม้เขาจะดูเย็นชา เขาก็รักน้องสาวของเขาอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือเหตุผลที่เขาเงยหน้าขึ้นและบอกกับเบียงก้าซึ่งอยู่หน้าประตู “ผมก็จะเป็นเด็กดีด้วยครับ”

เจสันเหลือบมองนาฬิกา และพูดขึ้น “ผมจะปล่อยให้เด็ก ๆ อยู่กับคุณก่อนนะครับ คุณเรย์น มีอย่างอื่นที่ผมต้องไปทำครับ ดังนั้นผมขอตัวนะครับ”

เบียงก้าไม่ทันได้มีโอกาสที่จะปฏิเสธ

เจสันรีบจากไป และเบียงก้าก็มองลงไปที่เด็กทั้งสองและพูดว่า "ทั้งสองคนเข้ามาได้เลยจ่ะ"

น้องสาวเอื้อมมือน้อย ๆ ของเธอออกไป เพื่อคว้าพี่ชายของเธอ จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในห้องด้วยกัน

“เด็ก ๆ จ๊ะ อยากดื่มอะไรไหมเอ่ย?” เบียงก้าไม่รู้วิธีรับมือกับเด็กน้อย โดยเฉพาะเด็กที่มีฐานะเป็นถึงลูกท่านประธานเช่นนี้

“หนูอยากดื่มนมค่ะ” เด็กสาวพูดขณะนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเรียบร้อย

เบียงก้ารีบตามหานมให้เด็กน้อยอย่างลุกลี้ลุกลน แต่นมในห้องพักของโรงแรมมีราคาแพงมาก นมชนิดเดียวกันที่ขายตามตลาดราคาเพียงสามหยวนกว่า ๆ แต่ที่นี่ราคาสูงถึงแปดสิบเก้าหยวน

เบียงก้าสูดลมหายใจเมื่อเห็นป้ายราคา จากนั้นเธอก็เปิดกล่องพบแก้วสองใบ รินให้เด็ก ๆ คนละแก้ว

พี่ชายที่เย่อหยิ่งและมีใบหน้าสุดจะเย็นชาไม่ดื่มเลย

น้องสาวคนเล็กนั่งบนโซฟา แกว่งขาไปมา ขณะที่กำลังดื่มไปครึ่งแก้วจนถึงหมดแก้วกระทั่งเลียริมฝีปากเพื่อให้แน่ใจว่าดื่มหมดไม่มีเหลือ…

เบียงก้านั่งบนเก้าอี้อย่างเก้งก้าง มองดูเด็กน้อยที่น่ารักบนเก้าอี้ และพยายามหาเรื่องจะคุย

“หนูสองคนเป็นฝาแฝดกันเหรอจ๊ะ?”

“แน่นอนสิครับ” เด็กชายจอมแก่แดดกล่าว เขายังกลอกตา สายตาของเขาที่มีต่อเบียงก้าเต็มไปด้วยความดูถูก

'งี่เง่าจังเลยนะ' ดูเหมือนเขาจะอยากพูดว่า 'ฉันกับน้องสาวหน้าตาคล้ายกันมาก ก็ต้องเป็นฝาแฝดกันน่ะสิ!'

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status