Share

บทที่ 8 บลานก้า และ เรนนี่

เบียงก้าไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย จากที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเธอ

กาลเวลาผ่านไป

เด็กชายพูดว่า “ผมว่าดูน่าอึดอัดครับ”

น้องสาวตัวน้อยพยักพยักหน้า

เบียงก้า “….”

“คุณผู้หญิงครับ โทรหาพ่อของผมตอนนี้เลยเถอะ และบอกเขาด้วยว่าคุณไม่ต้องการดูแลพวก

เราสองคนแล้ว” เด็กชายกล่าว

เด็กชายตัวเล็ก ๆ ดูค่อนที่จะไม่เป็นมิตรกับเธอสักเท่าไหร่

“ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่าไม่อยากดูแลพวกหนูน่ะ” เธอต้องอธิบายให้ชัดเจน

เธอจะกล้าพูดว่าเธอไม่ต้องการดูแลลูก ๆ ของเจ้านายได้อย่างไรกัน? เจ้านายคงจะจัดการเธอ

จนกลายเป็นอาหารกลางวันเป็นแน่

“ในเมื่อต้องการจะดูแลเราสองคนจริง ๆ คุณควรทำเหมือนที่คุณพูดสิครับ” เห็นได้ชัดว่าเด็กชายไม่ชอบบรรยากาศที่เงียบ ๆ แบบนี้

ผู้หญิงคนนี้ดูซื่อบื้อกว่าคนอื่น ๆ มาก

เบียงก้า “…”

เป็นความผิดพลาดของเธอเองสินะที่ออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียก่อน ถึงได้มาเจอเรื่องเช่นนี้

“มากับหนูหน่อยค่ะ พี่ชาย” เด็กหญิงตัวเล็กบอกได้ว่าสีหน้าของป้าคนนี้เริ่มไม่พอใจ และเธอก็ลากพี่ชายออกไปด้วยความขุ่นเคือง

เบียงก้าถอนหายใจยาว มองดูเด็กน้อยสองคนเดินหายไปทางประตูห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำ

น้องสาวเอ่ยถาม “พี่คะ ทำไมถึงใจร้ายกับคุณป้าคนสวยจังเลย?!”

“ก็เธอมีแผนน่ะสิ” พี่ชายรู้สึกแย่กับน้องสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จากนั้น เด็กชายพูดอย่างเคร่งขรึม “พวกผู้หญิงหน้าตาดีพวกเต็มใจที่จะดูแลเราก็เพียงเพราะต้องการแต่งงานกับพ่อของเราเท่านั้นแหละ”

“พวกเขาต้องการแต่งงานกับพ่อของเราเหรอ?” น้องสาวไม่เข้าใจ

พี่ชายกล่าวเสริม “แถมอย่างน้อย ผู้หญิงคนอื่นก็ยังทำทีเป็นชอบพวกเรา แต่ดูเธอคนนี้สิ!”

ถ้าผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับพ่อของตนจริง ๆ เธอจะไม่มีวันดูแลพวกตนได้อย่างดีแน่นอน

น้องสาวของเขายืนกราน “คุณปู่ทวดพูดเสมอนะคะว่าเราอย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกน่ะ”

อย่างไรก็ตาม พี่ชายของเธอพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่สนว่าเธอจะคิดยังไงนะ ไม่ว่ายังไงฉัน

จะมีแม่แค่คนเดียว และนั่นคือผู้หญิงที่ทำให้ฉันเกิดมาเท่านั้น!!”

แม้น้องสาวสุดแสนซื่อจะเข้าใจ แต่เธอก็ขุนเคืองไม่แพ้กันพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณปู่บอกว่าพวกเราเกิดมาจากต้นไม้ในสวน!”

"ยายโง่!" พี่ชายของเธอโกรธมากจนหน้าเล็ก ๆ ของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาผลักประตูห้องน้ำให้เปิดออก และไม่พูดอะไรอีก

เบียงก้าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ทำไมพวกเขาถึงทะเลาะแบบนี้กัน

“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ฉันผิดเองแหละ ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเด็กยังไง มันก็เลยเกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนั้น” เบียงก้ารู้สึกผิดอย่างมาก

น้องสาวเงยหน้าขึ้นและเอ่ยขึ้น “พี่ชายนั่นแหละค่ะที่เป็นคนผิด!”

เบียงก้าหันไปมองเด็กชายและพยายามพูดเพราะ ๆ กับเขา “หนูอยากดูการ์ตูนไหม?” เธอหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาขณะที่เธอกล่าวเสริม “ดูเรื่องเพลสแซ่นต์โก๊ตแอนด์บิ๊กบิ๊กวูล์ฟไหม หรือจะดูบาบู ดาบลูดีล่ะ?”

“นั่นมันให้เด็กดูแล้ว!” เด็กชายตัวน้อยอดไม่ได้ที่จะทำให้เธอดูโง่เขลาอีกครั้ง

เบียงก้ารู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น

ทุกอย่างชะงักลงชั่วครู่

“คุณผู้หญิงครับ ทำไมถึงไม่ถามว่าเราอายุเท่าไหร่ล่ะ?”

เบียงก้าพบข้อแก้ตัวเพื่อขจัดความอึดอัด “แล้วหนูอายุเท่าไหร่?”

“ห้าขวบค่ะ พี่ชายก็ห้าขวบค่ะ”

“พวกเหนูเข้าโรงเรียนกันรึยังเอ่ย?” ถ้าพวกเขากำลังเรียนอยู่... วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี

“เราไปโรงเรียนค่ะ แต่เราก็มีติวเตอร์ส่วนตัวด้วย คราวนี้พ่อเป็นคนบอกว่าจะพาเราออกไปเล่น พ่อบอกว่าที่นี่มีชิงช้าสวรรค์สูงมากเลยแหละ”

“จ่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” เบียงก้าตอบกลับ

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย ผมอยากโทรหาพ่อ” พี่ชายบอก

เบียงก้ากระพริบตาปริบ ๆ และยื่นโทรศัพท์ให้เด็กชายทันที

บลองช์ค้นหารายชื่อในโทรศัพท์ของเบียงก้าเพื่อหาหมายเบอร์ติดต่อของพ่อ แต่หาเด็กน้อยหา

ไม่เจอ จากนั้นเขาก็มองหาผู้ติดต่อทางวีแชทของพ่อ แต่ก็หาไม่พบเช่นกัน

“คุณไม่มีช่องทางติดต่อกับพ่อผมเลยเหรอ?” เขาถามพลางเงยหน้ามองเบียงก้า

เธอส่ายหัว "ไม่มีหรอกจ่ะ"

ดูเหมือนพี่ชายจะไม่เชื่อเธอ ขมวดคิ้วขณะพูดว่า “ไม่มีจริง ๆ เหรอ?”

“หนูบอกพี่แล้วว่าป้าคนนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงจิตใจไม่ดีที่ต้องการเป็นแม่เลี้ยงของเราสักหน่อย!”

น้องสาวนั่งมองพี่ชายอย่างสบประมาท

พี่ชายมองไปที่น้องสาวของเขาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย และเขาไม่กล้ามองไปทางเบียงก้าอีก

ในที่สุดเบียงก้าก็เข้าใจทั้งหมด!

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเด็กชายถึงเป็นปฏิปักษ์ต่อเธอ

“ฉันขออธิบายบางอย่างให้พวกหนูเข้าใจนะคะ” เบียงก้ามองไปยังเด็กทั้งคู่ “พ่อของพวกหนูส่งหนูสองคนให้เจสันดูแล แต่เจสันกำลังยุ่งกับงานมากเลยจ่ะ เขาเลยส่งพวกหนูมาอยู่กับฉันสักพัก ไม่มีอะไรระหว่างพ่อของพวกหนูกับฉันแน่นอน เราเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้นจ่ะ”

เด็กชายมองไปที่เบียงก้าอย่างครุ่นคิด

เบียงก้ายอมรับอย่างเปิดอก “พ่อของพวกหนูกับตัวฉันเองมาจากโลกคนละใบกันเลย คนหนึ่งเกิดมาในโลกที่พิเศษมาก ๆ แต่อีกคนเกิดมาในโลกที่ธรรมดา และเป็นคนที่แสนธรรมดาคนหนึ่ง พวกเราสองคนมีความต้องการและอยู่ในสังคมที่แตกต่างกัน ดังนั้น พวกเราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้หรอกจ่ะ หนูเข้าใจที่ฉันพูดไหมเอ่ย?”

“ไม่ค่ะ…” น้องสาวส่ายหัวอย่างว่างเปล่า

เบียงก้าหันไปมองพี่ชายตัวน้อยแทน

เด็กชายพูดว่า “เข้าใจแล้ว พ่อของผมเป็นคนชนชั้นสูงแต่คุณเป็นพวกรากหญ้าสินะ”

เบียงก้าหัวเราะออกมา “นั่นแรงเหมือนกันนะเนี่ย แต่หนูพูดถูกแล้วจ่ะ พ่อของพวกหนูกับฉันมีระยะห่างเยอะมากเลยแหละ พวกหนูไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ถึงพ่อของคพวกหนูจะเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลก ฉันก็คงไม่ได้กลายไปเป็นแม่เลี้ยงของพวกหนูหรอกนะ เข้าใจใช่ไหม?”

น้องสาวจ้องมองใบหน้าเบียงก้าและพยักหน้าตอบรับ แต่ก็ค่อนข้างสับสน

“เอาล่ะ เรามาเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ” เบียงก้าแนะนำตัวเองว่า “ฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ พวกหนูจะเรียกฉันว่า คุณเรย์น หรือเรียกแค่บีเฉย ๆ ก็ได้จ่ะ”

“หนูชื่อเรนนี่ ครอว์ฟอร์ดค่ะ เหมือนกับวันที่ฝนตกอากาศดี ๆ น่ะค่ะ” น้องสาวแนะนำตัว

“ผมชื่อบลองช์ ครอว์ฟอร์ดฮะ เรียกผมว่าบลานก้าหรือเรียกว่าลานี่ก็ได้ครับ” พี่ชายแนะนำตัวเองเขาเองด้วย สลัดคราบการเป็นปรปักษ์ออกทั้งหมด

เรนนี่เหรอ?

เหมือนกับวันที่ฝนตกสินะ?

บลองช์ ครอว์ฟอร์ด?

บลานก้า?

บลานก้า? เรนนี่?

ทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกราวกับว่าเธออาจจะโชคดีก็ได้ที่ได้พบกับเด็กทั้งสอง!

เมื่อทั้งคู่เข้าใจกันแล้ว เด็กทั้งสองเปิดใจกับเธออย่างมีความสุข

เธอยกเลิกนัดอาหารค่ำกับเพื่อนร่วมงาน

เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนของเธอไปทำงานหลังทานอาหารเย็นเสร็จ ในขณะที่ภารกิจปัจจุบัน

ของเธอคือดูแลเด็กทั้งสองให้ท่านประธาน

ในตอนแรกเบียงก้าเอาใจใส่ระมัดระวังอย่างมาก หากเด็ก ๆ มีรอยขีดข่วนใด ๆ แม้แต่น้อย อาจจะทำให้เธอต้องตกงานได้ แม้ว่าในที่สุด เธอลงเอยด้วยการกลิ้งเล่นบนพรมไปกับเด็ก ๆ

ลึกลงไปในหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความชื้นใจ แต่ลึกเข้าไปด้านในอีก เธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน

ลูกของเธอคงอาจจะอายุประมาณลานี่กับเรนนี่ ตอนนี้

เมื่อเธอมองดูใบหน้าที่มีความสุขของเด็กน้อยทั้งคู่ ทำเธอแทบจะมองเห็นเป็นลูกเธอเอง

เด็กคนนั้นตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง? เธอมีความสุขดีใช่ไหม?

คืนนั้น เบียงก้ารับประทานอาหารกับเด็กน้อยที่รักทั้งสอง

พวกเขามีบริการทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ ในร้านอาหารของโรงแรม เรนนี่นั่งในร้านอาหาร และเพลิดเพลินไปกับอาหารตรงหน้า สักครู่ก่อนที่เธอจะเริ่มน้ำลายไหลเมื่อเห็นไก่ทอดที่เด็กคนอื่นกำลังรับประทานอยู่

“เช็ดน้ำลายซะ มันสกปรกนะ!” พี่ชายของเธอดุ และเธอเองก็ไม่พอใจ

เบียงก้ารีบหยิบผ้าเช็ดปาก เช็ดน้ำลายออกจากปากของเรนนี่

“พ่อหนูห้ามไม่ให้กินไก่ทอดเหรอจ๊ะ?” เบียงก้ารู้สึกไม่ดีต่อเรนนี่ ถ้าลูกสาวของเธอน้ำลายไหลเพราะไก่ทอดมากขนาดนี้ เธอคงจะยกเว้นให้สักครั้ง

เรนนี่พยักหน้า แต่ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ไก่ทอดที่อยู่บนโต๊ะถัดไป เธอใจลอย

จนวางตะเกียบลงบนโต๊ะ

“ขอโทษนะคะ?” เบียงก้าโบกมือของเธอเรียกเด็กเสิร์ฟ

สิบนาทีผ่านไป

มีไก่ทอดมาเสิร์ฟ มีทั้งหมดสองชิ้น

ตัวพี่ชายตัวน้อยเสียสละให้น้องสาว เขามองไก่ทอดทั้งสองชิ้น ถึงแม้ว่าจะอยากลองชิมดูเหมือนกัน แต่เขาก็หักห้ามใจพลางเอ่ยขึ้น "กินไปเถอะ แต่พ่อสอนว่าลูกผู้ชายมีหลักการที่ต้องยึดมั่นอยู่”

เบียงก้าไม่ได้พูดอะไร แต่ข้างในเธอค่อนข้างแปลกใจ ในเวลาเดียวกัน เธอค่อนตกใจกับเด็ก

วัย 5 ขวบคนนี้ และการควบคุมตนเองของเขาเมื่อเผชิญกับสิ่งยั่วยวน

หลังจากที่เติบโตขึ้น บางคนอาจประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ แต่การเดินทางของพวกเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาต้องอดกลั้นเท่าไร พวกเขาต้องเสียสละมากแค่ไหน

แล้วลุค ครอว์ฟอร์ดเป็นหนึ่งในตัวอย่างดังกล่าวรึเปล่านะ?

เด็กน้อยคนนี้เย็นชาและไม่ไว้ใจใคร เบียงก้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่นีน่าพูดในตอนนั้นว่า

เจ้านายเป็นคนโหดเหี้ยมและไร้หัวใจในโลกของธุรกิจ

เด็กน้อยคนนี้เป็นเหมือนพ่อของเขาในแบบรุ่นเล็กจิ๋วล่ะนะ!

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status