แชร์

บทที่ 6 หัวใจที่เต้นระรัว

ผู้เขียน: พะเนินเทินทึก
สิบนาทีต่อมา การสัมภาษณ์ของฌองก็เสร็จสิ้น

เขาเปิดประตูและเดินออกไป

เบียงก้ายืนขึ้นในทันที “เป็นยังไงบ้างคะ?”

“กรรมการที่สัมภาษณ์ถามคำถามยากมาก แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่พี่รับมือไม่ได้นะ” ฌองก้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของเบียงก้า

เบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“คนต่อไปค่ะ เบียงก้า เรย์น” เลขาสาวประกาศเรียก

เบียงก้ารีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินเข้าไปในห้องอย่างกังวล

วินาทีที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ลุคจ้องมองเธอด้วยแววตาอันสับสน

เบียงก้านั่งลงอย่างเรียบร้อย และเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ให้สัมภาษณ์ทีละคน

หลังจากนั้น เธอแนะนำตัวสั้น ๆ "สวัสดีค่ะ ทุกท่าน ก่อนอื่นเลย ขอพระขอบคุณที่ให้โอกาสดิฉันได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ดิฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ”

เนื่องจากเธอตัดสินใจกลับประเทศนี้และหางานทำที่นี่ บริษัทที่เธอต้องการไปสัมภาษณ์ผุดขึ้นมาในความคิดมากมาย

อาจไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์ที่สุดในการเริ่มต้น แต่ก็สมบูรณ์เพียงพอและไร้ปัญหาใด ๆ

การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไป

ลุคประเมินเธอด้วยสายตาที่เย็นชา

บางที การจ้องมองของเขาอาจดูเฉียบแหลมเกินไป แม้ว่าเบียงก้าจะสามารถตอบคำถามของในการสัมภาษณ์ทั้งหมดได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

มันไม่เพียงแค่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอด้วยสายคมดุจมีด แต่กลับรู้สึกเหมือนมีหนามประหลาดทิ่มแทงเธอไปทั้งตัว

อันที่จริง เมื่อเดินเข้าไปในห้องครั้งแรก เบียงก้าก็เหลือบมองลุคเช่นเดียวกัน

แต่ถึงกระนั้น นี่เป็นการสัมภาษณ์งานอย่างเป็นทางการ และเธอต้องปฏิบัติตัวอย่างจริงจัง แม้ว่าเธอจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่เธอต้องไม่ชะล่าใจและไม่ฟุ้งซ่าน

“คุณเรย์น คุณแต่งงานแล้วรึยังครับ?” เสียงอันเยือกเย็นของลุคขัดจังหวะการสัมภาษณ์ในทันที

คำถามนั้นทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์มืออาชีพทุกท่านถึงพูดไม่ออก

ผู้ให้สัมภาษณ์หยุดการสัมภาษณ์เบียงก้าอย่างเป็นทางการ แล้วหันไปมองผู้บริหารพร้อมกัน

เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ให้สัมภาษณ์ด้วย

“ไม่ค่ะ ดิฉันยังไม่ได้แต่งงานค่ะ” เบียงก้าเอ่ยขึ้นพลางพยายามสงบสติอารมณ์ แท้จริงแล้ว หัวใจของเธอเต้นระรัวแทบจะกระเด็นออกมา

“ถ้าอย่างนั้น คุณมีคนที่คุณตั้งใจจะแต่งงานด้วยไหมครับ?” ลุคขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้ง

เบียงก้านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอพยักหน้าและตอบกลับ “ดิฉันมีแล้วค่ะ”

ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดรู้สึกสับสนไม่น้อย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บริหารถึงตั้งคำถามนี้ออกไป?

บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างทั้งสองทำให้เบียงก้ามองเห็นคุณลักษณะรูปงามของลุคได้ดีขึ้น

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนนี้แตกต่างจากเด็กชายวัยเยาว์ที่โด่งดังในโรงเรียนมาก

ไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทางหรือสีหน้าของเขา ลุค ครอว์ฟอร์ดดูเป็นคนเย็นชาและโหดเหี้ยมไม่น้อย

ในที่สุด การสัมภาษณ์ก็เสร็จสิ้นลง

เบียงก้าเดินออกจากห้อง เธอพลันรู้สึกเข่าอ่อน

“ในห้องเป็นยังไงบ้าง? บอกมาสิ!" นีน่าเป็นคนแรกที่วิ่งไปหาเธอและไถ่ถาม

เบียงก้านิ่งงันไป เธอพูดขึ้น “คนที่สัมภาษณ์เขาถามฉันว่าฉันแต่งงานยัง และถ้าฉันไม่ได้แต่งงาน มีใครที่ฉันตั้งใจจะแต่งงานด้วยไหม”

ฌองขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น เป็นคำถามที่ฟังดูไม่ใช้มันสมองมากเท่าไหร่เลย?

เรียกได้ว่าลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเธอก็ได้

ถึงกระนั้น นีน่ากล่าวขึ้น “โห นั่นเป็นเรื่องปกติในประเทศนี้มาก ๆ เลยนะ อันที่จริง นี่ถือว่า

พวกเขายังดีมีมารยาทที่ไม่ถามว่าเธอมีลูกแล้วรึยัง”

“แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องถามแบบนั้นด้วยล่ะ” เบียงก้าเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่ทั้งสามลงเดินบันไดไป

“เพราะว่าเด็ก ๆ จะเข้ามารบกวนการทำงานของเธอไงล่ะ” นีน่าตอบโดยมองไปที่พี่ชายของเธอและเบียงก้า “บริษัทในประเทศนี้ส่วนใหญ่จะเลือกปฏิบัติกับผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้วน่ะสิ ในเมื่อเธอเลือกกลับมาที่นี่แล้ว ดังนั้นเธอต้องทำใจให้ชินนะ”

บ่ายวันนั้น

เบียงก้าและฌอง ต่างก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า พวกเขาจะได้ทดลองงานสองเดือน หากพวกเขาสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมดในช่วงสองเดือนข้างหน้า พวกเขาจะสามารถอยู่ที่บริษัท ทีคอร์ปอเรชั่นต่อไปในฐานะของพนักงานประจำได้

วันถัดมา

ฌองและนีน่าปลุกเบียงก้า และพวกเขาต้องไปทำงานด้วยกัน

“พี่วางแผนจะซื้อรถสักคัน เราจะได้ไม่ต้องยืมรถของนีน่ามาใช้หลังจากนี้” ฌองกล่าวกับเบียงก้า ก่อนที่พวกเขาเดินเข้าไปทำงานที่แผนกออกแบบ

“ว่าไงนะ พี่ไม่อยากให้ฉันเป็นไปมือที่สามรึไง?” นีน่าจงใจล้อเล่น และเดินคั่นระหว่างทั้งสองคน

เบียงเก้าพูดขึ้น “ตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเธอทั้งคู่ไม่ต้องมารับฉันนะ มันลำบากเกินไป ไหนพวกเธอจะต้องเสียเวลาลำบากขับรถอ้อมกันอีก กว่าถึงบ้านฉัน ฉันว่ายังไงขึ้นรถไฟใต้ดินน่าจะสะดวกกว่าน่ะ”

วันแรกของการทำงานมาถึง

เบียงก้าจริงจังกับงานอย่างผิดปกติ

บ่ายวันนั้น ฌองถูกนักออกแบบรุ่นพี่คนหนึ่งในแผนกพาตัวออกไปคุยงานอย่างกะทันหัน

ก่อนที่จะเดินออกไป ฌองคว้าแล็ปท็อปสำหรับทำงานโดยเฉพาะไปด้วย และเร่งให้เบียงก้ารีบลงไปข้างล่าง

อันที่จริง ฌองรู้สึกสับสนกับตนเองว่าแผนกออกแบบกำลังทำอะไร?

เอาจริง พาเด็กหน้าใหม่ออกไปคุยเรื่องธุรกิจนะ? จะเป็นอย่างไรถ้าเกิดทำงานช้าเกินกำหนด มันทำให้ประสิทธิภาพของทีมลดลงรึเปล่า?

เบียงก้าไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องนั้น เธอทำความคุ้นเคยกับงานอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน นีน่าก็เดินไปหาเบียงก้าและพูดว่า “เสร็จแล้วเหรอ? เย็นนี้บ้านฉันนะ

กินข้าวเย็นด้วย แม่สามีในอนาคตของเธอเป็นคนเชิญเองเลยนะ”

เบียงก้าเพิ่งเริ่มชินกับพิมพ์เขียวโครงสร้างอาคารที่ดีที่สุดของบริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเก้กังว่า “ฉันเพิ่งได้รับแจ้งข่าวร้ายมาน่ะสิ ฉันต้องทำงานล่วงเวลาน่ะ…”

ดวงตาของนีน่าเบิกกว้าง และเธอก็รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงานเธอเพื่อเช็คข้อความของเธอ

แย่จริง ล่วงเวลาจริง ๆ ด้วยสิเนี่ย!

เป็นเรื่องจริงสินะที่นักออกแบบต้องทำงานล่วงเวลาค่อนข้างบ่อย แต่ที่นี่ เบียงก้าและพี่ชายของเธอโชคร้ายเป็นพิเศษ คนหนึ่งถูกส่งออกไปคุยธุรกิจในวันแรกของการทำงาน ในขณะที่อีกคน กลับต้องทำงานล่วงเวลาต่อ

ทีมงานรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ ก่อนที่จะกลับมานั่งก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

คืนนั้น เวลาสี่ทุ่มครึ่ง

ในที่สุดหัวหน้าแผนกก็อนุญาตให้นีน่าและหญิงสาวอีกสองคนกลับบ้านได้

แต่เบียงก้ายังต้องทำงานต่อไป

นาฬิกาชีวิตของเธอกำลังจะพัง ดังนั้นเบียงก้าจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นที่สุด

เธอยืนขึ้นและหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาเพื่อไปชงกาแฟมาดื่ม

เมื่อเธอกลับมาพร้อมกับกาแฟ หัวหน้าฝ่ายเห็นเธอ เขาจึงพูดว่า “ท่านประธานต้องการพิมพ์เขียวฉบับนี้ รีบเอาไปให้เขาเร็ว”

เบียงวางแก้วกาแฟลงและหยิบพิมพ์เขียวเดินออกจากแผนกออกแบบทันที

เหลือเพียงสามคนในแผนกออกแบบ หัวหน้างาน นักออกแบบอาวุโส และเธอผู้เป็นผู้ทดลองงานที่ได้รับเกียรติครั้งนี้

เอาพิมพ์เขียวไปหาเจ้านายงั้นเหรอ ฮะ?

ขณะที่เบียงก้าเดินเข้าไปในลิฟต์ รูปร่างหน้าที่ละเอียดอ่อนของลุค ครอว์ฟอร์ด ก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ

ลิฟต์ขึ้น จนไปถึงชั้นบนสุด

เบียงก้าเดินไปรอบ ๆ ในที่สุดก็พบห้องทำงานของประธานบริษัท

เธอเคาะประตู

“เข้ามา” เสียงของชายผู้นั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยนใด ๆ แต่มันกลับทุ้มนุ่มลึกเหลือเกิน

เบียงก้าเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะใหญ่ในห้องทำงานสีโทนเย็น เธอวางพิมพ์เขียวไว้บนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น “พิมพ์เขียวที่คุณต้องการค่ะ ท่านประธาน”

ลุคยังจดจ่ออยู่กับงานของเขาเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปรับพิมพ์เขียว ก่อนจะหยิบขึ้นมาตรวจ เมื่อเบียงก้ากำลังออกไป เขาก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเธอ

เบียงก้าไม่ต้องการเสียมารยาท เธอจึงยืนรออยู่ หรือว่ามีบางอย่างที่ท่านประธานต้องการจากเธอกัน?

สายตาของลุคจ้องมองเธอเป็นช่วงเวลาสักระยะ หลังจากผ่านไปห้าปี หญิงสาวคนนี้ดูอ่อนโยนและยั่วยวนมากขึ้น ทั้งรูปลักษณ์และความงดงามที่สาดส่องออกมาจากเธอ

“คุณสามารถเลิกงานแล้วกลับบ้านได้เลย กลับบ้านไปเตรียมตัวเถอะ เพราะพรุ่งนี้คุณจะต้องเดินทางไปคุยงานกับผม” ลุคละสายตาจากเธอ และหันกลับมามองงานของเขา

เบียงก้าต้องการที่จะบอกว่าตอนนี้ เธอยังไม่มีความสามารถที่เพียงพอที่จะแบกความรับผิดชอบอันมหาศาลนี้ได้ แต่ลุคได้ออกคำสั่งเหล่านั้นอย่างเย็นชาและแข็งกร้าว น้ำเสียงของเขาไม่สามารถมีข้อโต้แย้งใด ๆ

ทั้งหมดที่เธอทำได้คือพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

ลุคหันไปมองเธออีกครั้ง แผ่นหลังของเธอดูสวยงาม โดยเฉพาะเอวอันเพรียวบางและคล่องตัว

ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ตระหนักว่าทุกส่วนตั้งแต่คอจนถึงหน้าอกมีอาการชาไปหมด
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 207 ครอบครัวทั้งสี่คนนอนอยู่ด้วยกัน

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 206 คุณเมารึเปล่า

    เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 205 ลุคแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน

    “น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 204 เขาอยากครอบครองเธอใจจะขาด

    เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 203 ทำไมคุณถึงขี้อายนักเล่า ผมก็เห็นทุกอย่างไปหมดแล้วนิ

    เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 202 ตัณหาอันแรงกล้าในยามเช้าของลุค

    ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status