Share

บทที่ 6 หัวใจที่เต้นระรัว

สิบนาทีต่อมา การสัมภาษณ์ของฌองก็เสร็จสิ้น

เขาเปิดประตูและเดินออกไป

เบียงก้ายืนขึ้นในทันที “เป็นยังไงบ้างคะ?”

“กรรมการที่สัมภาษณ์ถามคำถามยากมาก แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่พี่รับมือไม่ได้นะ” ฌองก้มตัวลงไปจูบที่หน้าผากของเบียงก้า

เบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“คนต่อไปค่ะ เบียงก้า เรย์น” เลขาสาวประกาศเรียก

เบียงก้ารีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินเข้าไปในห้องอย่างกังวล

วินาทีที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ลุคจ้องมองเธอด้วยแววตาอันสับสน

เบียงก้านั่งลงอย่างเรียบร้อย และเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้ให้สัมภาษณ์ทีละคน

หลังจากนั้น เธอแนะนำตัวสั้น ๆ "สวัสดีค่ะ ทุกท่าน ก่อนอื่นเลย ขอพระขอบคุณที่ให้โอกาสดิฉันได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ดิฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ”

เนื่องจากเธอตัดสินใจกลับประเทศนี้และหางานทำที่นี่ บริษัทที่เธอต้องการไปสัมภาษณ์ผุดขึ้นมาในความคิดมากมาย

อาจไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์ที่สุดในการเริ่มต้น แต่ก็สมบูรณ์เพียงพอและไร้ปัญหาใด ๆ

การสัมภาษณ์ดำเนินต่อไป

ลุคประเมินเธอด้วยสายตาที่เย็นชา

บางที การจ้องมองของเขาอาจดูเฉียบแหลมเกินไป แม้ว่าเบียงก้าจะสามารถตอบคำถามของในการสัมภาษณ์ทั้งหมดได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

มันไม่เพียงแค่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอด้วยสายคมดุจมีด แต่กลับรู้สึกเหมือนมีหนามประหลาดทิ่มแทงเธอไปทั้งตัว

อันที่จริง เมื่อเดินเข้าไปในห้องครั้งแรก เบียงก้าก็เหลือบมองลุคเช่นเดียวกัน

แต่ถึงกระนั้น นี่เป็นการสัมภาษณ์งานอย่างเป็นทางการ และเธอต้องปฏิบัติตัวอย่างจริงจัง แม้ว่าเธอจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่เธอต้องไม่ชะล่าใจและไม่ฟุ้งซ่าน

“คุณเรย์น คุณแต่งงานแล้วรึยังครับ?” เสียงอันเยือกเย็นของลุคขัดจังหวะการสัมภาษณ์ในทันที

คำถามนั้นทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์มืออาชีพทุกท่านถึงพูดไม่ออก

ผู้ให้สัมภาษณ์หยุดการสัมภาษณ์เบียงก้าอย่างเป็นทางการ แล้วหันไปมองผู้บริหารพร้อมกัน

เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ให้สัมภาษณ์ด้วย

“ไม่ค่ะ ดิฉันยังไม่ได้แต่งงานค่ะ” เบียงก้าเอ่ยขึ้นพลางพยายามสงบสติอารมณ์ แท้จริงแล้ว หัวใจของเธอเต้นระรัวแทบจะกระเด็นออกมา

“ถ้าอย่างนั้น คุณมีคนที่คุณตั้งใจจะแต่งงานด้วยไหมครับ?” ลุคขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้ง

เบียงก้านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอพยักหน้าและตอบกลับ “ดิฉันมีแล้วค่ะ”

ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดรู้สึกสับสนไม่น้อย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บริหารถึงตั้งคำถามนี้ออกไป?

บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างทั้งสองทำให้เบียงก้ามองเห็นคุณลักษณะรูปงามของลุคได้ดีขึ้น

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนนี้แตกต่างจากเด็กชายวัยเยาว์ที่โด่งดังในโรงเรียนมาก

ไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทางหรือสีหน้าของเขา ลุค ครอว์ฟอร์ดดูเป็นคนเย็นชาและโหดเหี้ยมไม่น้อย

ในที่สุด การสัมภาษณ์ก็เสร็จสิ้นลง

เบียงก้าเดินออกจากห้อง เธอพลันรู้สึกเข่าอ่อน

“ในห้องเป็นยังไงบ้าง? บอกมาสิ!" นีน่าเป็นคนแรกที่วิ่งไปหาเธอและไถ่ถาม

เบียงก้านิ่งงันไป เธอพูดขึ้น “คนที่สัมภาษณ์เขาถามฉันว่าฉันแต่งงานยัง และถ้าฉันไม่ได้แต่งงาน มีใครที่ฉันตั้งใจจะแต่งงานด้วยไหม”

ฌองขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น เป็นคำถามที่ฟังดูไม่ใช้มันสมองมากเท่าไหร่เลย?

เรียกได้ว่าลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเธอก็ได้

ถึงกระนั้น นีน่ากล่าวขึ้น “โห นั่นเป็นเรื่องปกติในประเทศนี้มาก ๆ เลยนะ อันที่จริง นี่ถือว่า

พวกเขายังดีมีมารยาทที่ไม่ถามว่าเธอมีลูกแล้วรึยัง”

“แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องถามแบบนั้นด้วยล่ะ” เบียงก้าเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่ทั้งสามลงเดินบันไดไป

“เพราะว่าเด็ก ๆ จะเข้ามารบกวนการทำงานของเธอไงล่ะ” นีน่าตอบโดยมองไปที่พี่ชายของเธอและเบียงก้า “บริษัทในประเทศนี้ส่วนใหญ่จะเลือกปฏิบัติกับผู้หญิงที่แต่งงานมีลูกแล้วน่ะสิ ในเมื่อเธอเลือกกลับมาที่นี่แล้ว ดังนั้นเธอต้องทำใจให้ชินนะ”

บ่ายวันนั้น

เบียงก้าและฌอง ต่างก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า พวกเขาจะได้ทดลองงานสองเดือน หากพวกเขาสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมดในช่วงสองเดือนข้างหน้า พวกเขาจะสามารถอยู่ที่บริษัท ทีคอร์ปอเรชั่นต่อไปในฐานะของพนักงานประจำได้

วันถัดมา

ฌองและนีน่าปลุกเบียงก้า และพวกเขาต้องไปทำงานด้วยกัน

“พี่วางแผนจะซื้อรถสักคัน เราจะได้ไม่ต้องยืมรถของนีน่ามาใช้หลังจากนี้” ฌองกล่าวกับเบียงก้า ก่อนที่พวกเขาเดินเข้าไปทำงานที่แผนกออกแบบ

“ว่าไงนะ พี่ไม่อยากให้ฉันเป็นไปมือที่สามรึไง?” นีน่าจงใจล้อเล่น และเดินคั่นระหว่างทั้งสองคน

เบียงเก้าพูดขึ้น “ตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเธอทั้งคู่ไม่ต้องมารับฉันนะ มันลำบากเกินไป ไหนพวกเธอจะต้องเสียเวลาลำบากขับรถอ้อมกันอีก กว่าถึงบ้านฉัน ฉันว่ายังไงขึ้นรถไฟใต้ดินน่าจะสะดวกกว่าน่ะ”

วันแรกของการทำงานมาถึง

เบียงก้าจริงจังกับงานอย่างผิดปกติ

บ่ายวันนั้น ฌองถูกนักออกแบบรุ่นพี่คนหนึ่งในแผนกพาตัวออกไปคุยงานอย่างกะทันหัน

ก่อนที่จะเดินออกไป ฌองคว้าแล็ปท็อปสำหรับทำงานโดยเฉพาะไปด้วย และเร่งให้เบียงก้ารีบลงไปข้างล่าง

อันที่จริง ฌองรู้สึกสับสนกับตนเองว่าแผนกออกแบบกำลังทำอะไร?

เอาจริง พาเด็กหน้าใหม่ออกไปคุยเรื่องธุรกิจนะ? จะเป็นอย่างไรถ้าเกิดทำงานช้าเกินกำหนด มันทำให้ประสิทธิภาพของทีมลดลงรึเปล่า?

เบียงก้าไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องนั้น เธอทำความคุ้นเคยกับงานอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน นีน่าก็เดินไปหาเบียงก้าและพูดว่า “เสร็จแล้วเหรอ? เย็นนี้บ้านฉันนะ

กินข้าวเย็นด้วย แม่สามีในอนาคตของเธอเป็นคนเชิญเองเลยนะ”

เบียงก้าเพิ่งเริ่มชินกับพิมพ์เขียวโครงสร้างอาคารที่ดีที่สุดของบริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเก้กังว่า “ฉันเพิ่งได้รับแจ้งข่าวร้ายมาน่ะสิ ฉันต้องทำงานล่วงเวลาน่ะ…”

ดวงตาของนีน่าเบิกกว้าง และเธอก็รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงานเธอเพื่อเช็คข้อความของเธอ

แย่จริง ล่วงเวลาจริง ๆ ด้วยสิเนี่ย!

เป็นเรื่องจริงสินะที่นักออกแบบต้องทำงานล่วงเวลาค่อนข้างบ่อย แต่ที่นี่ เบียงก้าและพี่ชายของเธอโชคร้ายเป็นพิเศษ คนหนึ่งถูกส่งออกไปคุยธุรกิจในวันแรกของการทำงาน ในขณะที่อีกคน กลับต้องทำงานล่วงเวลาต่อ

ทีมงานรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเสร็จ ก่อนที่จะกลับมานั่งก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

คืนนั้น เวลาสี่ทุ่มครึ่ง

ในที่สุดหัวหน้าแผนกก็อนุญาตให้นีน่าและหญิงสาวอีกสองคนกลับบ้านได้

แต่เบียงก้ายังต้องทำงานต่อไป

นาฬิกาชีวิตของเธอกำลังจะพัง ดังนั้นเบียงก้าจึงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นที่สุด

เธอยืนขึ้นและหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาเพื่อไปชงกาแฟมาดื่ม

เมื่อเธอกลับมาพร้อมกับกาแฟ หัวหน้าฝ่ายเห็นเธอ เขาจึงพูดว่า “ท่านประธานต้องการพิมพ์เขียวฉบับนี้ รีบเอาไปให้เขาเร็ว”

เบียงวางแก้วกาแฟลงและหยิบพิมพ์เขียวเดินออกจากแผนกออกแบบทันที

เหลือเพียงสามคนในแผนกออกแบบ หัวหน้างาน นักออกแบบอาวุโส และเธอผู้เป็นผู้ทดลองงานที่ได้รับเกียรติครั้งนี้

เอาพิมพ์เขียวไปหาเจ้านายงั้นเหรอ ฮะ?

ขณะที่เบียงก้าเดินเข้าไปในลิฟต์ รูปร่างหน้าที่ละเอียดอ่อนของลุค ครอว์ฟอร์ด ก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ

ลิฟต์ขึ้น จนไปถึงชั้นบนสุด

เบียงก้าเดินไปรอบ ๆ ในที่สุดก็พบห้องทำงานของประธานบริษัท

เธอเคาะประตู

“เข้ามา” เสียงของชายผู้นั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยนใด ๆ แต่มันกลับทุ้มนุ่มลึกเหลือเกิน

เบียงก้าเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะใหญ่ในห้องทำงานสีโทนเย็น เธอวางพิมพ์เขียวไว้บนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้น “พิมพ์เขียวที่คุณต้องการค่ะ ท่านประธาน”

ลุคยังจดจ่ออยู่กับงานของเขาเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปรับพิมพ์เขียว ก่อนจะหยิบขึ้นมาตรวจ เมื่อเบียงก้ากำลังออกไป เขาก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเธอ

เบียงก้าไม่ต้องการเสียมารยาท เธอจึงยืนรออยู่ หรือว่ามีบางอย่างที่ท่านประธานต้องการจากเธอกัน?

สายตาของลุคจ้องมองเธอเป็นช่วงเวลาสักระยะ หลังจากผ่านไปห้าปี หญิงสาวคนนี้ดูอ่อนโยนและยั่วยวนมากขึ้น ทั้งรูปลักษณ์และความงดงามที่สาดส่องออกมาจากเธอ

“คุณสามารถเลิกงานแล้วกลับบ้านได้เลย กลับบ้านไปเตรียมตัวเถอะ เพราะพรุ่งนี้คุณจะต้องเดินทางไปคุยงานกับผม” ลุคละสายตาจากเธอ และหันกลับมามองงานของเขา

เบียงก้าต้องการที่จะบอกว่าตอนนี้ เธอยังไม่มีความสามารถที่เพียงพอที่จะแบกความรับผิดชอบอันมหาศาลนี้ได้ แต่ลุคได้ออกคำสั่งเหล่านั้นอย่างเย็นชาและแข็งกร้าว น้ำเสียงของเขาไม่สามารถมีข้อโต้แย้งใด ๆ

ทั้งหมดที่เธอทำได้คือพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

ลุคหันไปมองเธออีกครั้ง แผ่นหลังของเธอดูสวยงาม โดยเฉพาะเอวอันเพรียวบางและคล่องตัว

ไม่นานหลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ตระหนักว่าทุกส่วนตั้งแต่คอจนถึงหน้าอกมีอาการชาไปหมด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status