LOGIN“เป็นอะไรผึ้ง”
เอวาถามเพื่อนรักทันทีที่เห็นเพื่อนหยุดเต้น และทำหน้าเศร้าเล็กน้อย “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันเมา” อัญรินทร์ตอบกลับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตากลมโตเอาแต่มองผู้ชายที่เธอเพิ่งจะมีความสัมพันธ์กับเขาไปเมื่อคืน เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง และเขากำลังประคองหญิงสาวชาวเอเชียนางหนึ่ง เดินไปตรงทางออกของผับแห่งนั้น “ฉันเสียตัวให้คนมีเจ้าของเหรอวะ บ้าที่สุด” อัญรินทร์พูดพึมพำในลำคอ เธอรู้สึกจุกในอก จนอยากจะดื่มแอลกอฮอล์ให้เมาหนักๆ เธอจะได้ลืมเรื่องทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น ตอนที่ 6 นอนกับพี่ชายเพื่อน (พรึ่บ) “ไม่ต้องไปส่งก็ได้ เดี๋ยวซาร่ากลับเอง” ซาร่าสะบัดแขนออกจากมือของสรวิชญ์ “อ้าว สรุปไม่ได้เมานี่ แล้วมาทำเหมือนคนเมาเนี่ยนะ” สรวิชญ์พูดเชิงตำหนิหญิงสาว “ถ้าไม่ทำแบบนี้ นัสก็ไม่สนใจซาร่าไง ทำถึงขนาดนี้ยังไม่สนใจเลย คนบ้าอะไร” หญิงสาวแสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “ถ้าจะถามหาความจริงใจจากไอ้นัส ไปถามหากับผู้ชายอื่นดีกว่านะ อย่าเสียเวลาเลย ที่บอกเพราะหวังดี” สรวิชญ์พูดกับหญิงสาวตามตรง และเขาเองก็รู้จักนิสัยของเพื่อนดี หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับอะไร ทั้งสองแยกย้ายกันไปขึ้นรถแท็กซี่กันคนละทาง “เฮ่อ...” ร่างหนานอนพลิกตัวไปมาพร้อมกับถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าเขาจะพยายามหลับตาขนาดไหน แต่หัวสมองของสรวิชญ์ก็เอาแต่คิดถึงผีสาวตนนั้น “แน่จริงมาหลอกอีกสิวะ ยัยผีเซ็กซี่ ถ้ามารอบนี้จะกระแทกให้หนักกว่าเดิม กระแทกให้หายเป็นผีเลย ออกมาดิ” สรวิชญ์พูดคนเดียวเหมือนคนบ้าก็ว่าได้ กว่าจะข่มหลับตาลง ก็ปาไปตีสองกว่าๆ “น้ำผึ้ง กลับห้องได้แล้ว เมามากแล้วนะ” อานัสเดินไปเรียกน้องสาวที่กำลังเต้นและเมาแทบไม่ได้สติ “อื้อ ผึ้งยังไม่อยากกลับเลยพี่นัส ขอเต้นต่อได้ไหม” หญิงสาวแทบจะยืนไม่ไหว เอวาต้องคอยพยุงแขนของเพื่อนรักเอาไว้ “พี่บอกให้กลับก็คือกลับ อย่ามาต่อรอง ถ้าผึ้งทำแบบนี้พี่จะไม่พาไปไหนด้วยแล้วนะ” อานัสพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ก็ได้ ฮึ่ย! พี่นัสชอบขู่ผึ้งจริงๆเลย” อานัสคอยประคองน้องสาวเดินออกจากผับ เอวาเดินตามหลังมาติดๆ เธอไม่ถึงกับเมามาก แต่ก็รู้สึกมึนหัวพอสมควร “เอ่อ...คืนนี้น้องเอวานอนที่ห้องพี่ได้หรือเปล่าครับ น้ำผึ้งเมาขนาดนี้ คงนั่งรถไปไกลไม่ได้มาก แต่ถ้าน้องเอวาไม่สะดวกนอนที่ห้องพี่ เราไปส่งน้ำผึ้งกันก่อน เดี๋ยวพี่นั่งรถไปส่งน้องเอวาทีหลังนะครับ” อานัสพูดกับเอวา ขณะที่ทั้งสามนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่นัส เอวานอนที่ห้องพี่ก็ได้” อานัสแอบอมยิ้มเมื่อได้ยินเอวาตอบกลับเช่นนั้น “ห้องพี่นัสมีที่นอนเพียงพอใช่ไหมคะ” “น้องเอวานอนบนเตียงกับน้ำผึ้งก็ได้ เดี๋ยวพี่นอนบนโซฟาเองครับ” “ค่ะ” อัญรินทร์เมาจนหลับตั้งแต่อยู่ในรถ พี่ชายของเธอต้องทำหน้าที่อุ้มน้องสาวเพื่อเดินเข้าไปในลิฟต์ “น้องเอวาช่วยหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงพี่หน่อยสิครับ” “ได้ค่ะ” เธอล้วงมือเข้าไปหยิบคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหน้า เอวารู้สึกขวยเขินจนหน้าแดง (แก๊ก) (แอ๊ดดด) ประตูห้องถูกเปิดออก อานัสอุ้มน้องสาวขึ้นไปวางบนเตียงนอน คนเมาหนักหลับไม่ได้สติ “พี่นัสมีผ้าเช็ดตัวหรือเปล่าคะ เอวาจะอาบน้ำ” “เดี๋ยวพี่เอาให้นะครับ” เขาพูดพร้อมกับเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า มือหนาหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมกับเสื้อยืด และกางเกงวอร์มของเขาออกมายื่นให้เอวา “นี่ครับ น้องเอวาใส่เสื้อผ้าของพี่ก็ได้นะครับ อาจจะตัวใหญ่หน่อย แต่พี่ว่าน้องเอวาใส่ได้” “ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นมือไปรับ และเดินเข้าห้องน้ำทันที อานัสมองตามหลังหญิงสาวด้วยความพอใจ ถ้าเป็นหญิงอื่น เขาคงจะจัดการตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในห้องของเขาแล้ว แต่เพราะเธอเป็นเพื่อนของน้องสาว และดูเรียบร้อยพอสมควร เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินเธอเร็วเกินไป “อื้อ คนฉวยโอกาส มีเมียแล้วยังมาปล้ำฉันอีก” อัญรินทร์นอนละเมอพูดพึมพำคนเดียว ขณะที่เอวากำลังหลับตานอน (ตุ๊บ!) “โอ๊ย!” “ออกไปเลยนะ คนบ้า!” อัญรินทร์ยื่นเท้าไปถีบเอวาจนเธอเกือบจะตกเตียง แถมยังพูดพึมพำเหมือนไล่ใครให้ออกห่าง “ผึ้ง เธอเป็นอะไร มาถีบฉันทำไม นี่ฉันเองนะ” เอวาพยายามพูดกับเพื่อนพร้อมกับยื่นมือไปเขย่าลำตัวของอัญรินทร์ (ตุ๊บ!) “โอ๊ย! ยัยผึ้ง” (ก๊อกๆๆๆ) “มีอะไรหรือเปล่าครับน้องเอวา เปิดประตูให้พี่หน่อยครับ” อานัสเคาะประตูรั้วๆ เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากในห้อง เอวารีบกระโดดลงจากเตียงไปเปิดประตูให้พี่ชายเพื่อนทันที (พรึ่บ ตุ๊บ) “ออกไปเลยนะ ไอ้บ้า ไม่งั้นฉันจะถีบให้หายโรคจิตไปเลย” อานัสและเอวายืนมองอัญรินทร์ใช้เท้าถีบอากาศ และทุบเตียงนอนรัวๆ “เมาจนนอนละเมอเลยเหรอเนี่ย” น้ำเสียงทุ้มพูดออกมาเบาๆ แต่ก็พอที่จะทำให้เอวาได้ยินสิ่งที่เขาพูด “น้ำผึ้งถีบเอวาหลายรอบแล้วค่ะ ดีที่ไม่ตกเตียง ยัยผึ้งไปเอาแรงมาจากไหนไม่รู้ค่ะ ทำอย่างกับโกรธใครมา” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เอวาท่าทางเหนื่อยล้าและง่วงนอนอย่างเห็นได้ชัด “รอแป๊บนะครับ” อานัสเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เอวายืนมองเพื่อนสาวที่กำลังนอนดิ้นและถีบอากาศอยู่แบบนั้น (ครืดดดด) “พี่นัสลากโซฟาเข้ามาทำไมคะ” เอวาเอ่ยถามทันทีที่เห็นอานัสลากโซฟาเข้ามาในห้องนอน เขาดันด้านหน้าโซฟาไปชนกับผนังห้อง (พรึ่บ) “อื้อ ไอ้บ้า ปล่อยนะโว้ย!” อานัสอุ้มน้องสาวไปวางบนโซฟา เธอส่งเสียงด่าทอออกมาจนเขาต้องถอนหายใจหลายครั้ง “นอนถีบผนังห้องไปเลยนะ ยัยเด็กขี้เมา” อานัสต่อว่าน้องสาวและนำผ้าห่มผืนหนาไปคลุมกายให้เธอ “นอนกันเถอะนะครับ พี่ง่วงแล้ว” (พรึ่บ) อานัสบอกเอวา ขณะที่เขาก้าวขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงใหญ่ “เอ่อ...แล้วเอวาต้องนอนตรงไหนคะ” “ก็นอนบนเตียงกับพี่ไงครับ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดง และค่อยๆเดินเข้าไปนั่งลงที่ขอบเตียงนอน “นอนเถอะครับ ไม่ต้องคิดมาก” ------------------------------------------- พาพี่นัสกับน้องเอวามาให้ฟินกันก่อนนะคะ ส่วนพี่เสือกับน้องน้ำผึ้ง ค่อยฟินกันต่อ ฝากกด like comment เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะตอนที่ 33 ผีสาวสุดที่รัก(ตอนจบ)สามเดือนต่อมา“พี่เสือคิดยังไงถึงอยากจะไปปาร์ตี้วันฮาโลวีนที่ลอนดอนคะ”อัญรินทร์ถามสรวิชญ์ ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรอเวลาขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ“ก็พี่อยากไปฉลองวันครบรอบสองปีที่พี่ได้เจอน้องผึ้งไงครับ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในคืนนั้นจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว แต่มันก็มีความหมายสำหรับพี่มาตลอด น้องผึ้งก็ชอบไม่ใช่เหรอครับ”“ใช่ค่ะ ผึ้งชอบเทศกาลฮาโลวีนที่ลอนดอนมาก มันสนุกและตื่นเต้นมาก แต่ผึ้งก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่นั่นอีก เพราะพี่นัสเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังดีที่พี่สะใภ้ของผึ้งคือเอวา อย่างน้อยผึ้งก็ต้องได้ไปเที่ยวบ้านคุณพ่อคุณแม่ของเอวา”“ครับ พี่ก็เลยถือโอกาสชวนน้องผึ้งไปลอนดอน เพราะอย่างน้อยเอวากับไอ้นัสก็อยู่ที่ลอนดอนอีกตั้งสองเดือน ไปครั้งนี้ พี่จะพาน้องผึ้งเที่ยวให้ทั่วเลยครับ”“ดีจังเลยค่ะ”อัญรินทร์ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ไปขึ้นเครื่องกันเถอะครับ”สรวิชญ์และอัญรินทร์ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินราวๆ 12 ชั่วโมง ทั้งสองเดินทางไปที่บ้านของเอวา และอานัสกับเอวาพร้อมครอบครัวของเธอกำลังรอต้อนรับคนทั้งคู่ที่มาเยือน“ตกลงวันฮาโลวีนที่จะถึงนี้ พวกเราจะไปเท
ตอนที่ 32 ผู้หญิงคนนั้นคือว่าที่ลูกสะใภ้งานแต่งของอานัสและเอวาถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หรู แขกที่มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติสนิทมิตรสหายของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว สรวิชญ์อยู่ช่วยงานเพื่อนรัก และค้างคืนที่บ้านของอานัส แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนของอัญรินทร์อีก เพราะเขาให้เกียรติเธอและครอบครัว เขาสารภาพความในใจให้บิดามารดาของเธอรับรู้ ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้ห้ามพี่สรวิชญ์และอัญรินทร์คบกัน มารดาของเธอรู้สึกยินดีอีกต่างหาก แต่ทางด้านบิดามารดาของสรวิชญ์ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ลูกชายหลงรักคือใครกันแน่“เดินเร็วๆสิคุณ แขกมากันเยอะแล้ว ฉันล่ะตื่นเต้นแทนเจ้านัสกับหนูเอวาจริงๆเลย”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่ทั้งสองลงจากรถแทกซี่ และกำลังเดินเข้าไปในงานแต่ง “บ้านอานัสใหญ่มากเลยนะคุณ ใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านเราอีก แขกก็มากันเยอะ ดีแล้วที่เรานั่งรถแท็กซี่มา ถ้าขับรถมาเองคงจะเดินไกลกว่านี้”นายวิทวัสพูดพร้อมกับย่างก้าวตามหลังภรรยาเข้าไปในงาน“เอ๊ะคุณ ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”นางสุวิภาพูดกับสามี ขณะที่นางมองไปเห็นอัญรินทร์กำลังยืนต้อนรับแขกอยู่กับบิดามารดาของเธอ “คุณหมายถึงใคร คุณวิภา”นายวิทวัสถามภร
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของอัญรินทร์ทันทีที่บิดามารดาของเธอขับรถออกจากบ้านไป อานัสเป็นคนนำกุญแจมาเปิดห้องของน้องสาวให้เพื่อนรัก สรวิชญ์ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปนั่งตรงขอบเตียง เขาจ้องมองดูคนที่กำลังหลับอยู่“! เข้ามาทำไม ใครอนุญาตให้พี่เสือเข้ามาในห้องผึ้ง ออกไปเลยนะ ผู้ชายหลอกลวง!”ตอนที่ 31 ปรับความเข้าใจอัญรินทร์นอนจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขาเองก็มองเธอด้วยแววตาเศร้าลงเล็กน้อย“พี่จะมาอธิบายเรื่องทั้งหมด พี่ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ได้พูดความจริงให้น้องผึ้งฟังทั้งหมด พอพี่เล่าจบแล้ว ถ้าน้องผึ้งยังอยากจะไล่พี่ไป พี่ก็จะไม่มาให้น้องผึ้งเห็นหน้าอีก พี่จะหนีไปไกลๆแบบไม่ต้องเจอใครเลยสักคน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า คนฟังรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมอภัยให้เขาง่ายๆ เพราะเธอเองก็อยากจะลองฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน“จะพูดอะไรก็รีบพูดมา ผึ้งจะได้นอน”เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน“พี่กับทับทิมไม่เคยเป็นอะไรกัน ทับทิมเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่พี่ แม่พี่ก็เลยอยากได้ทับทิมมาเป็นลูกสะใภ้ ตอนที่พี่กลับจากลอนดอน แม่พี่ถามว่าพี่มีแฟนหรือยัง ถ้ายังไม่มี แม่พี่ก็อยากให้พี่ทำความรู้จักกับ
ตอนที่ 30 ผู้ชายหลอกลวง!เวลาเลยผ่านมาถึงวันที่อานัสและเอวาใกล้จะเข้าพิธีแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวนำโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรัก“ว่าไงไอ้นัส โทรมาตั้งแต่เช้าเลยนะ”สรวิชญ์ถามคนที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “น้ำผึ้งกลับมาบ้านแล้ว”“ว่าไงนะ!”สรวิชญ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกดีใจ“กูไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ จะมาบ้านกูก็รีบมานะ แค่นี้ล่ะ”ร่างสูงรีบลุกจากที่นอนวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย สรวิชญ์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขาจะได้เจออัญรินทร์ หลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาเดือนกว่า“วี้ด~วี้ด”เสียงผิวปากเป็นทำนองเพลงดัง ทำให้นางสุวิภาและนายวิทวัสรู้สึกตกใจพอสมควร ลูกชายสุดที่รักกำลังเดินกำลังเดินลงบันไดมา สีหน้าของเขาเบิกบาน แตกต่างจากทุกวันที่ผ่านมา“สะ...เสือ ทำไมวันนี้ถึงได้แต่งตัวหล่อจังเลยลูก เสือจะไปไหน แล้วทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ไม่สบายหรือเปล่าลูก ให้แม่กับพ่อพาไปหาหมอดีไหม”นางสุวิภาถามลูกชายที่ดินผิวปากอยู่แบบนั้น“ผมจะไปง้อเมียผมครับ”สรวิชญ์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างคนมีความสุขสุดๆ“เมีย!...แล้วผู้หญิงคนนั้
“คือ...กู...กูคิดถึงน้องสาวมึง”“คิดถึงน้องกู! มึงจะบ้าหรือเปล่า มึงจะไปคิดถึงน้องสาวกูทำไมวะ”อานัสยังคงแสดงท่าทีงุนงงกับสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดออกมา“อุบัติเหตุทำให้มึงเสียสติหรือเปล่าวะ ไอ้เสือ”“กูคิดถึงน้องสาวมึง เพราะน้องสาวมึงเป็นเมียกูแล้ว”“ไอ้เชี่ยเสือ!”ตอนที่ 29 ผิดหวังในความรักอานัสจ้องหน้าสรวิชญ์อย่างเอาเรื่อง เขารู้สึกโกรธ และอีกความรู้สึกก็คิดว่าเพื่อนรักคงจะสมองฟั่นเฟือนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น“กูให้มึงพูดอีกครั้ง เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”“มึงตั้งใจฟังกูนะ และมึงก็ห้ามโวยวาย”“...”อานัสยืนนิ่งเงียบ เอวาต้องลากเก้าอี้อีกตัวมาให้ชายคนรักนั่ง“น้ำผึ้งเป็นเมียกู”“!”แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังนิ่งเงียบเพื่อฟังเพื่อนรักพูดต่อ“ผีสาวที่กูหลงรักมาตลอด คือน้องสาวของมึง”สรวิชญ์ตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังทั้งหมด แม้ว่าอานัสจะรู้สึกโกรธสรวิชญ์ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้แล้ว เขาก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา สรวิชญ์ก็พูดกับเขาเสมอว่าเขาหลงรักผีสาวในค่ำคืนนั้นมาตลอด และเพื่อนของเขาก็ไม่เคยไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย เขาจึงมั
ร่างสูงเดินออกจากคฤหาสน์หรูด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มในหัวใจ สรวิชญ์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเขาถึงจะได้คุยกับอัญรินทร์ให้เข้าใจรถสปอร์ตหรู แล่นไปตามถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย สรวิชญ์เอาแต่ครุ่นคิดและเหม่อลอยขณะขับรถ(บึ๊นนนน!)(เอี๊ยดด!)(โคร่ม!)อยู่ๆรถก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง สรวิชญ์ติดอยู่ในรถหรูที่เกิดอุบัติเหตุ พลเมืองดีผ่านมาเจอตอนเกิดเหตุ และได้ติดต่อให้รถกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ แล้วนำร่างของสรวิชญ์ไปส่งที่โรงพยาบาลทันทีตอนที่ 28 น้องสาวมึงเป็นเมียกู“อือ”“ตาเสือลูกแม่!”เสียงครางอู้อี้ดังขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ นางสุวิภาเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้น เนื่องจากลูกชายคนเดียวของนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา หลังจากที่เขาหลับไปหลายชั่วโมง“เป็นไงบ้างลูก ปวดตรงไหนหรือเปล่า”นายวิทวัสถามลูกชายที่กำลังกวาดสายตามองรอบๆห้อง และมีท่าทีมึนงง“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับคุณพ่อ คุณแม่”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามบิดามารดาด้วยความสงสัย“เสือประสบอุบัติเหตุรถคว่ำน่ะลูก โชคดีนะที่เสือไม่เป็นอะไรมาก แค่หัวแตก”“นั่นสิ แม่ตกใจจนแทบจะเป็นลม ตอนเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลโทรไปบอก เสือเจ็บตรงไหนไหมลูก”บิดา







