LOGINทิศเหนือมองตามร่างเล็กที่เดินสะบัดก้นออกไป มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของหญิงสาว
เขายกมือถือขึ้นมาดูเบอร์ที่เพิ่งกดโทรออก ตั้งใจจะบันทึกเอาไว้แต่ก็ลืมไปว่ายังไม่รู้จักชื่อเธอ
ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากดพิมพ์คำว่า ‘ยัยหัวขโมย’ ใช้แทนชื่อของเธอแล้วกดบันทึกเอาไว้
ช่วงเย็น
ของขวัญเดินลงจากตึกเรียนในช่วงเวลาใกล้ค่ำเพียงลำพัง เนื่องจากต้องอยู่วาดงานสีน้ำส่งอาจารย์ในท้ายคาบ
แต่เพราะฝีมือของเธอยังอ่อนหัดจึงทำเสร็จช้ากว่าเพื่อน ๆ ทำให้ต้องอยู่เลยเวลาไปเกือบชั่วโมง
เมื่อเดินมาถึงทางเดินหน้าตึกเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูทันที
หญิงสาวกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ที่เพิ่งมีคนเพิ่มเพื่อนเข้ามา เพื่อนใหม่ของเธอตั้งโปรไฟล์เป็นรูปเข็มทิศที่ปลายเข็มชี้ไปยังตัว N ดูก็รู้ว่าเป็นใคร
นิ้วเล็กกดเข้าไปเปิดอ่านข้อความที่เพื่อนใหม่ส่งมาให้
ทิศเหนือ : อยู่ไหน
ทิศเหนือ : รอนานแล้วนะ
ทิศเหนือ : ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ ถ้าภายในสิบนาทียังไม่ตอบ เธอได้เห็นดีแน่ยัยหัวขโมย
นั่นคือข้อความสุดท้ายที่เขาส่งมาหาเธอเมื่อแปดนาทีที่แล้ว
ใช้สายตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปให้เขา
ยัยหัวขโมย : เพิ่งออกจากคณะค่ะ กำลังจะกลับหอ
ส่งไปได้ไม่นานข้อความของเธอก็ถูกเปิดอ่าน ยังไม่ทันได้เก็บมือถือลงกระเป๋า ข้อความจากอีกฝ่ายก็เด้งขึ้นมา
ทิศเหนือ : อยู่ไหน
ยัยหัวขโมย : หน้าคณะศิลปกรรมค่ะ
เขาอ่านข้อความของเธอแล้วก็เงียบหายไป หญิงสาวเก็บมือถือลงในกระเป๋าสะพายข้างแล้วตั้งหน้าเดินดุ่ม ๆ
บรื้น~บรื้น
เสียงท่อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดังมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะขับมาจอดเทียบอยู่ข้างตัวของหญิงสาวโดยไม่ได้ดับเครื่อง กระจกด้านหน้าของหมวกกันน็อกเต็มใบถูกเปิดออกโดยเจ้าตัว สายตาคู่คมของคนบนรถมองมาที่หญิงสาวแล้วเอ่ยสั่ง
“ขึ้นรถ”
“ไปไหนคะ”
เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามเขาด้วยความสงสัย
“ไปเอาเสื้อที่ห้องเธอไง”
หญิงสาวมุ่ยหน้าเดินเข้าไปใกล้เขา เธอยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้างรถเพราะไม่รู้ว่าต้องขึ้นนั่งยังไง เกิดมาทั้งชีวิตก็ไม่เคยนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มาก่อน
ทิศเหนือมองคนทำตัวเงอะงะอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาเอี้ยวตัวไปจับที่มือของเธอ แล้วเอาไปวางไว้ที่ไหล่ของเขา ก่อนจะก้มลงไปจับขาข้างเดียวกันของเธอ ยกขึ้นไปวางไว้ที่พักเท้าของคนซ้อนโดยไม่พูดไม่จา
“บอกดี ๆ ก็ได้มั้ง”
ทำหน้ามุ่ยแล้วเอ่ยบ่นออกไป ก่อนจะก้าวขาขึ้นไปนั่งคาบซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของชายหนุ่ม
“หึ”
เขานึกขำเมื่อได้ยินบางคนบ่นขมุบขมิบ ก่อนจะแอบยิ้มมุมปากภายใต้หมวกกันน็อกเต็มใบ
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อย ทิศเหนือก็บิดออกตัวอย่างแรงจนคนที่นั่งซ้อนท้ายแทบหงายหลัง
ของขวัญร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นใจร่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แขนเล็กเอื้อมไปกอดเอวคนขับเอาไว้แล้วซบหน้าลงบนแผ่นหลังของเขาด้วยความกลัว
เวลาต่อมา
รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับมาจอดที่หน้าหอพักที่หญิงสาวเช่าอยู่ เธอก้าวขาลงจากรถแล้วรีบเดินดุ่ม ๆ เข้าไปด้านใน เพื่อจะรีบขึ้นไปเอาเสื้อลงมาคืนให้เจ้าตัวเรื่องทุกอย่างจะได้จบ ๆ
แต่ทว่าเดินเข้าไปได้เพียงไม่กี่เมตร กลับรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนเดินตามเข้ามา เธอหันขวับกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นทิศเหนือที่เดินตามมาติด ๆ
“ทำไมไม่รออยู่ข้างนอกคะ จะตามเข้ามาทำไม”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่คิดหนี”
มาถึงขนาดนี้แล้วเขายังคิดว่าเธอจะหนีอีกเหรอ คนอย่างเขามันกวนประสาทสุด ๆ ในชีวิตนี้เชื่อใจใครไม่เป็นเลยรึไง
เธอชักสีหน้าใส่เขาแล้วรีบเดินขึ้นบันไดโดยมีทิศเหนือเดินตามติด ๆ
ร่างบางเดินมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง เธอควานหากุญแจในกระเป๋าสะพายข้างแล้วหยิบมันขึ้นมาไขเปิดประตูห้อง สายตาก็คอยเหลือบมองคนข้างหลังอย่างหวาดระแวง
กะเอาไว้ว่าเมื่อเปิดประตูได้จะรีบเข้าห้องแล้วปิดประตูอย่างไวที่สุด จะไม่ให้เขามีโอกาสเข้าไปข้างในห้องเธอเด็ดขาด
แต่ทว่ามือของเขานั้นไวกว่าความคิดของเธอ เขาดันประตูห้องเธอเอาไว้พร้อมทั้งแทรกตัวเข้ามาด้านในอย่างได้รวดเร็วโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งหลัก
หลังประตูปิดสนิทชายหนุ่มก็ล็อกลูกบิดแล้วใส่กลอน เขาเดินเข้ามาในห้องแล้วมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนของเธออย่างถือวิสาสะ
ต่างจากอีกคนที่กำลังทำหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ถึงแม้จะโมโหแค่ไหนก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ก่อน แค่เอาเสื้อคืนให้เขาทุกอย่างคงจบและคงไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก
ของขวัญเดินไปหยิบเสื้อสองตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วยื่นมันให้กับเขา
จู่ ๆ ด้านนอกก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทั้งคู่หันออกไปมองนอกระเบียงพร้อมกัน
เขาหันกลับมามองเธอแล้วยื่นมือไปรับเสื้อสองตัวเอาไว้โดยไม่ได้พูดอะไร
ของขวัญมองหน้าคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียงของเธอด้วยความสงสัย เขาไม่กลับรึไงทำไมยังนั่งเฉย
เธอรีบออกปากไล่เขาทันที
“ได้แล้วก็ออกไปสิคะ”
“เธอไม่เห็นรึไงว่าข้างนอกฝนกำลังตกอยู่”
“ตกแล้วยังไงคะ คืนนั้นฝนก็ตกเหมือนกัน คุณก็ยังไล่ฉันลงจากรถอย่างกับหมูกับหมาเลย”
“แต่เธอก็ไม่ได้ลงนิ”
“ก็คุณยื่นข้อเสนอกดดันฉัน”
“แล้วไง”
ทิศเหนือลุกออกจากเตียงนอนแล้วมองหน้าหญิงสาว ก่อนจะเดินเข้าใกล้เธอช้า ๆ
“ละ...แล้วคุณก็พาฉันไปที่บ้านของคุณไง”
ของขวัญเดินถอยหลังอย่างประหม่า สายตาจดจ้องไปยังคนที่ขยับเท้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“อืม...แล้วยังไงอีก”
“ฉันลงจากรถไม่ได้คุณก็รู้ คุณก็ยังกดดันให้ฉันเลือกไปกับคุณ แล้วคุณก็...”
หยุดชะงักกลางคันเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ก่อนที่แผ่นหลังจะชนเข้ากับตู้เสื้อผ้า ของขวัญกำลังจะขยับหนี แต่กลับถูกทิศเหนือยกแขนสองข้างขึ้นมากักไว้ เขาใช้สายตาหื่นกระหายจ้องมอง ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูของเธอ
“งั้นวันนี้ฉันจะให้เธอเลือกอีก เลือกเอาว่าจะยอมให้ฉันหลบฝนดี ๆ หรือจะให้ฉันทำอย่างอื่น”
ริมฝีปากหนาแตะชิดใบหูเล็กพร้อมทั้งพ่นลมหายใจร้อนผ่าวรดบนซอกหูของหญิงสาว
ของขวัญหลับตาปี๋แล้วรีบถดคอหนี
ทิศเหนือมองตามร่างเล็กที่เดินสะบัดก้นออกไป มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของหญิงสาวเขายกมือถือขึ้นมาดูเบอร์ที่เพิ่งกดโทรออก ตั้งใจจะบันทึกเอาไว้แต่ก็ลืมไปว่ายังไม่รู้จักชื่อเธอริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากดพิมพ์คำว่า ‘ยัยหัวขโมย’ ใช้แทนชื่อของเธอแล้วกดบันทึกเอาไว้ช่วงเย็นของขวัญเดินลงจากตึกเรียนในช่วงเวลาใกล้ค่ำเพียงลำพัง เนื่องจากต้องอยู่วาดงานสีน้ำส่งอาจารย์ในท้ายคาบแต่เพราะฝีมือของเธอยังอ่อนหัดจึงทำเสร็จช้ากว่าเพื่อน ๆ ทำให้ต้องอยู่เลยเวลาไปเกือบชั่วโมงเมื่อเดินมาถึงทางเดินหน้าตึกเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูทันทีหญิงสาวกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ที่เพิ่งมีคนเพิ่มเพื่อนเข้ามา เพื่อนใหม่ของเธอตั้งโปรไฟล์เป็นรูปเข็มทิศที่ปลายเข็มชี้ไปยังตัว N ดูก็รู้ว่าเป็นใครนิ้วเล็กกดเข้าไปเปิดอ่านข้อความที่เพื่อนใหม่ส่งมาให้ทิศเหนือ : อยู่ไหนทิศเหนือ : รอนานแล้วนะทิศเหนือ : ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ ถ้าภายในสิบนาทียังไม่ตอบ เธอได้เห็นดีแน่ยัยหัวขโมยนั่นคือข้อความสุดท้ายที่เขาส่งมาหาเธอเมื่อแปดนาทีที่แล้วใช้สายตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะพิม
วันต่อมาของขวัญเดินทอดน่องเข้าไปในพื้นที่ของคณะศิลปกรรมศาสตร์อย่างเร่งรีบ ชุดนักศึกษาถูกคลุมเอาไว้ด้วยเสื้อกันหนาวคอเต่าอีกชั้นเพื่อปิดบังรอยจ้ำทั้งที่อากาศค่อนข้างร้อน ใบหน้าสวยถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากอนามัยราวกับกลัวว่าใครจะจำหน้าได้เธอทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนสนิทที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ“ของขวัญ”เพลินตา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของของขวัญ เอ่ยเรียกอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าใช่เพื่อนของเธอหรือเปล่า แต่ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนสาวสุดโก๊ะของเธอที่ชอบทำตัวแปลกประหลาดอยู่บ่อย ๆ“เป็นอะไรทำไมต้องใส่แมส แล้วนี่ไม่ร้อนเหรอใส่เสื้อกันหนาวซะมิดชิดเชียว”เพลินตาเอ่ยถามเพื่อนสาว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะท่าทางของเธอ“ไม่สบายนิดหน่อย กลัวเพื่อนจะติดไข้” ลดหน้ากากอนามัยลงก่อนจะยิ้มเจื่อนให้เพื่อนแล้วตอบเสียงเบา“เออ! แล้วเป็นยังไงบ้าง จ๊อบวันเสาร์เรียบร้อยไหม”เพลินตาเอ่ยถามถึงงานพิเศษที่เพื่อนสาวรับจ๊อบเอาไว้เมื่อวันเสาร์ มีคนจ้างให้เธอไปเสิร์ฟอาหารในงานวันเกิดของคุณยายวัยเกษียณ แต่ทว่าพอเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว กลับเจอเข้ากับแก๊งขององศา คู่อริเก่าสมัยเรียนมัธยมปลายของเธอคิดขึ้นมาแล้ว
ทิศเหนือตื่นขึ้นมาในช่วงบ่าย ร่างแกร่งขยับตัวอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ด้วยอาการสะลึมสะลือ แขนยาวเอื้อมไปอีกฝั่งของเตียงนอนเพื่อกอดคนข้าง ๆ เขาพยายามควานไปจนทั่วแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าเขาลืมตาตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ผงกศีรษะขึ้นมองด้านข้างเพื่อเช็กดูให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ ๆ ห้อง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าหญิงสาวที่เขามีอะไรด้วยเมื่อคืนไม่ได้อยู่ในห้องนอนของเขาชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันที เขาไม่เคยถูกผู้หญิงชิ่งหนีหลังจากที่มีอะไรกันมาก่อน แถมตอนนี้ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร แม้จะรู้สึกว่าคุ้นหน้าเธออยู่บ้างก็เถอะร่างสูงลุกออกจากเตียงนอน สายตาทอดมองไปที่คราบเปื้อนบนผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ราวกับสนามรบ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงเที่ยวกลางคืนอย่างเด็กนั่นจะยังบริสุทธิ์อยู่เขาแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงบทรักอันเร่าร้อนระหว่างเขาและเธอเมื่อคืน หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะเดินออกมาแต่งตัวที่หน้าตู้เสื้อผ้าเขาเลือกสวมเสื้อยืดกางเกงยีนขายาวตามสไตล์หนุ่มมาดเซอร์ ก่อนจะค้นหาเสื้อแจ็กเกตหนังตัวโปรดเพื่อมาสวมทับอีกที แต่ทว่าเขาค้นหาจนทั่วตู้เสื้อผ้าก็ยังไม่เจอ จำได้ว่าครั้งล่
ทิศเหนือก้มหน้าลงที่สองเนินอวบนูน ก่อนจะแลบลิ้นเลียวนเวียนอยู่บนเม็ดยอดทับทิมสีหวานที่ตั้งชูชันราวกับยั่วยวนเขา สองมือหนาบีบเคล้นทั้งสองเต้าป้อนเข้าปากแล้วดูดดึงสลับไปมาทั้งสองข้างเพื่อช่วยโลมเล้าอารมณ์ของเธอ ก่อนจะเลื่อนลงมาซุกไซ้ไปตามเรือนร่างนุ่มนิ่มพร้อมกับขบเม้ม จนเรือนร่างขาวนวลเกิดรอยจ้ำสีแดงตามจุดที่ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่าน“อ๊า~”หญิงสาวเริ่มมีอารมณ์อีกครั้ง ทิศเหนือจึงอาศัยจังหวะที่เธอส่งเสียงคราง ดันแท่งเนื้อลำใหญ่เข้าไปทีเดียวจนมิดลำ ทำเอาเธอจุกหน่วงไปจนทั่วท้องน้อยชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสร้องโอดครวญ ปากหนารีบประกบจูบแล้วดูดดึงลิ้นเล็กทันทีสองมือทำหน้าที่บีบขยำสองเต้าไม่หยุดมือ ริมฝีปากก็ทำหน้าที่บดจูบอยู่ที่ริมฝีปากของเธอไม่หยุดปาก ส่วนเอวแกร่งก็ทำหน้าที่กระแทกกระทั้นส่งลำเอ็นเข้าออกร่องเธออย่างไม่หยุดเช่นกัน“อา~เสียวฉิบหาย”เสียงครางอย่างหยาบโลนดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอแกร่ง เขารู้สึกสยิวไปทั้งตัวเพราะร่องของหญิงสาวตอดรัดแท่งเอ็นจนเขาแทบทนไม่ไหวและคงเสร็จในไม่ช้าร่างสูงสอบเอวเข้าออกอย่างรัวเร็วขึ้นเมื่อรู้สึกว่าน้ำรักกำลังจะพุ่งทะยานออกมาเขากระแทกแรง ๆ อย่างลื
พูดจาดิบเถื่อนใส่เธอแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะที่เอวสอบก็ทำหน้าที่ขยับไม่หยุดส่วนคนใต้ร่างแทบจะหยุดหายใจเพียงแค่ได้ฟังคำพูดลามกของเขา เธอต้องเบือนหน้าแดงระเรื่อหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตาหื่นกระหายที่มองมา“หึ~”เขาจับมือเธอออกจากแท่งเอ็นของตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวเธอลงนอนแล้วขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงบดจูบริมฝีปากของหญิงสาวอย่างดุเดือดเร่าร้อน ลิ้นเรียวถูกสอดแทรกเข้าไปด้านในทั้งดูดทั้งเลียไปจนทั่วโพรงปาก มือสองข้างก็ทำหน้าที่เล้าโลมไปจนทั่วร่างบางตั้งแต่เต้าอวบเลื่อนไปจนถึงสะโพกมนสวย แล้วบีบขยำเล่นอย่างสนุกมือเขาใช้ประสบการณ์ที่ช่ำชองโลมเล้าร่างสวยอย่างชำนาญ ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะปาดผ่านร่องกลีบที่ปิดสนิทเพื่อสะกิดจุดอ่อนไหวของหญิงสาว“อ๊ะ~”มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาเบา ๆ จากลำคอระหง เธอพยายามดิ้นหนีจากการรุกล้ำที่เกินเลยของเขา แต่ทว่าแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน สัมผัสของเขาทำเธอวาบหวามอ่อนระทวยไปทั้งตัว“หึ หึ”คนตัวสูงดูจะถูกใจกับเสียงครางเบา ๆ ไม่น้อย เมื่อรู้จุดอ่อนไหวของเธอเขาล็อกเป้าหมายแล้วมุ่งโจมตีทันทีเขาหยัดตัวคุกเข่า มือหนาเอื้อมไปลูบวนตรงหว่างขาเรียวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช
หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในบ้านสองชั้น ที่ด้านในตกแต่งไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราโอ่อ่าราวกับบ้านในละครหลังข่าวที่เธอเคยดูตอนเด็ก แม้จะพอรู้มาบ้างว่าครอบครัวของเขาคือตระกูลนักธุรกิจชื่อเสียงโด่งดังที่คนในประเทศต่างก็นับหน้าถือตา แต่พอได้มาเห็นของจริงก็อดตกตะลึงไม่ได้ เธอไม่คิดว่าเขาจะรวยขนาดนี้ของขวัญเดินตามทิศเหนือเข้ามาด้านในอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงกลางห้องขนาดใหญ่ที่จัดตกแต่งเอาไว้คล้ายกับห้องรับแขกส่วนเจ้าของบ้าน เขาเดินเข้าไปหยิบไวน์ในตู้เย็นออกมาเทใส่แก้วแล้วยกดื่มอย่างใจเย็น ก่อนจะเทอีกแก้วแล้วยื่นมันให้เธอ“ดื่มสิ”“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ”“หึ เล่นบทใสซื่อสินะ”เขาแค่นหัวเราะแล้วกล่าวดูถูก ก่อนจะเดินเข้าใกล้แล้วจ่อแก้วไว้ที่ริมฝีปากของหญิงสาว“หรืออยากดื่มจากปากของฉัน”หญิงสาวรับแก้วจากมือของเขาแล้วรีบยกดื่มเธอทำหน้าเหยเกกับรสชาติของไวน์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป มันทั้งขมและเฝื่อนจนอยากจะบ้วนทิ้ง แต่ต้องจำใจกลืนมันลงคอเพราะคนตรงหน้าจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไม่รู้ว่าพวกคนรวยกินเข้าไปได้ยังไง รสชาติแสนห่วยแถมยังราคาแพงอีกต่างหากในระหว่างที่เธอให้ความสนใจกับไว







