LOGINภายในรถแท็กซี่ มีเพียงแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กกับโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่เหลือน้อย จารวี ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนด้วยความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เธอพยายามประคองข้อเท้าที่เจ็บหนักเอาไว้ เธอไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เพื่อนสนิททุกคน... เมย์ก็รู้จักหมด ถ้าไปหาเพื่อนคนอื่นยังไงเมย์ก็ต้องรู้เรื่อง จะกลับบ้านตอนนี้ก็ไม่กล้า ไม่อยากให้พ่อกับแม่เห็นในสภาพที่บอบช้ำเช่นนี้
"ลุงคะ ไปส่งหนูที่คิวรถตู้ชลบุรีค่ะ" เธอพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
"คิวไหนล่ะหนู หนูจะไปไหน" ลุงคนขับถามอย่างเป็นห่วง
"ไปพัทยาค่ะ... โอเคค่ะ งั้นลุงไปส่งแถว ๆ บางพลีนะ แถวแยกกิ่งแก้วมีคิวรถตู้อยู่ตรงนั้น"
"ได้ค่ะ"
ในใจของจารวีตอนนั้นนึกถึงเบียร์ ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทที่เธอเคยร่วมโครงการด้วยเมื่อไม่นานมานี้... เป็นคนเดียวที่อยู่ไกลและไม่เกี่ยวข้องกับวงโคจรของเมฆินทร์และเมย์
เมื่อมาถึงคิวรถตู้ เป็นเวลารุ่งเช้าช่วงประมาณตีสี่ คิวรถตู้รอบแรกคือเวลาตีห้า เธอทรุดตัวลงนั่งรอด้วยสภาพที่อ่อนล้าจนแทบหมดแรง เมื่อวินรถตู้เปิด เธอรีบซื้อตั๋ว มุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายอย่างเร่งรีบ
เธอกดโทรศัพท์หาใครสักคนด้วยมือที่สั่นเทา
"คุณเบียร์... นี่จี๊ดเองนะคะ... จี๊ด... จารวี จำจี๊ดได้ไหมคะ... คุณเบียร์เคยบอกว่าถ้ามีปัญหาหรือมีเรื่องอะไรโทรหาได้ตลอด... ตอนนี้จี๊ดขอไปพักที่รีสอร์ทได้ไหมคะ... ขอบคุณค่ะ อีกประมาณชั่วโมงนึงน่าจะถึงท่าเรือ... เดี๋ยวจี๊ดไปเองก็ได้ค่ะ ไม่ต้องข้ามฝั่งมารับ"
เมื่อจารวีไปถึงท่าเรือแหลมบาลีฮาย เบียร์ ก็มารอรับอยู่แล้ว
"คุณจี๊ดครับ ผมเป็นห่วง เลยข้ามฝั่งมารับดีกว่าครับ... เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมถึงมาเวลานี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
เธอส่ายหน้า พูดอะไรไม่ออก เบียร์ที่เห็นท่าทางบอบช้ำและดวงตาที่แดงก่ำก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอต้องเจอเรื่องร้ายแรงและหนักหนามา เขาเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ซักถาม แต่พาเธอไปยังรีสอร์ททันที
เมื่อถึงรีสอร์ท เบียร์ยื่นกุญแจห้องที่เงียบสงบให้
"คุณจี๊ดพักได้ตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องคิดมาก อยากอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้"
"ขอบคุณค่ะ... จี๊ดอยู่ไม่นานหรอกค่ะ.... จี๊ดแค่...แค่นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนในตอนนี้... คิดไม่ออกว่าจะไปหาใคร...พรุ่งนี้... แค่พรุ่งนี้ จี๊ดก็ไปแล้วค่ะ
เบียร์มองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนและให้ดูเหมือนจะให้เกียรติ
"ขอบคุณ คุณจี๊ดนะครับ ที่คิดถึงผมเป็นคนแรก ผมดีใจมากเลยนะครับ ผมเฝ้ารอว่าวันไหน นามบัตรที่ผมให้ไปคุณจะโทรมา... วันนี้ผมดีใจมากเลยนะครับ ที่ผมเป็นคนแรกที่คุณนึกถึง พักผ่อนนะครับ... ผมขอตัวก่อน"
เมื่อเบียร์ก้าวออกจากห้องไป จารวีทรุดตัวลงนอนกอดตัวเองร้องไห้บนเตียงอย่างควบคุมไม่ได้ สายเรียกเข้าหลายสิบสายจากเมย์และคนอื่น ๆ แต่เธอก็ไม่รับสาย
เธอต้องพาร่างที่เจ็บปวดนี้หลบหนีออกมา มือเรียวจับไปที่ข้อมือตัวเองพร้อมกับนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เมฆินทร์ทำ ความรักของเธอพังทลายลงแล้ว... ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอร้องไห้และไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน จนโทรศัพท์ของเธอก็แบตหมด
<ก๊อก ๆ ๆ>
เสียงเคาะประตูปลุกเธอขึ้นมา
"คุณจี๊ดครับ ไปทานอาหารกันครับ"
หญิงสาวสะดุ้งขึ้นพร้อมกับดูมือถือที่ดับไป เธอเลือกที่จะไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะถามว่ามีที่ชาร์จแบตหรือไม่กับเบียร์ เธอเลือกที่จะวางโทรศัพท์ไว้ในห้อง แล้วเดินออกไปด้วยความเหนื่อยล้า
"ค่ะคุณเบียร์"
"ไปทานข้าวกันครับ ร่างกายต้องเติมพลังนะครับ เดี๋ยวจะแย่ ไปกันครับ"
ท่าทีที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนและให้เกียรติของเบียร์ ทำให้จารวีที่เดินตามหลังถึงกับตาแดงก่ำ เธออดเปรียบเทียบกับเมฆินทร์ไม่ได้... ผู้ชายที่เธอรักที่ทำเรื่องแย่ ๆ กับเธอ ขนาดเบียร์เป็นคนอื่น เขายังสุภาพกับเธอมาก นั่นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดร้าวลึก
เมื่อไปถึงโต๊ะอาหาร เบียร์เอ่ยขึ้นที่ดูเหมือนเข้าใจเธอ
"ผมจะไม่ถามคุณจี๊ดนะครับ ว่าคุณไปเจออะไรมา ผมอยากให้คุณพักผ่อนที่นี่อย่างสบายใจ ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดว่าผมเป็นพี่ชายคนหนึ่งก็พอครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ คุณเบียร์"
"ถ้าอย่างนั้น... เรียกผมว่า พี่เบียร์ ได้ไหมครับ ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานแล้ว เราไม่ใช่คู่ค้าทางธุรกิจเหมือนเมื่อก่อน ผมสามารถเรียกว่าน้องจี๊ดได้ใช่ไหมครับ"
จี๊ดอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบอย่างตะกุกตะกัก
"ดะ...ได้ค่ะ"
"งั้นต่อไปนี้ผมขอเรียกว่าน้องจี๊ดนะครับ แล้วก็น้องจี๊ดก็ช่วยเรียกพี่ว่าพี่เบียร์ แบบนี้น่าจะโอเคกว่า"
"ค่ะ พี่เบียร์"
"ทานเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นหมด"
เมื่อทานอาหารเสร็จ จารวีพาตัวเองมานั่งตรงจุดชมวิว เธอพยายามตั้งสติและคิดว่าจะต้องเอายังไงกับชีวิตตอนนี้ ไหนจะเรื่องฝึกงาน ไหนจะที่มหาวิทยาลัย... ยังไงเมย์ก็ต้องรู้ ถ้าเข้าไปมหาลัย ป่านนี้เมย์ก็คงเป็นห่วง ไหนจะคุณป้านภา ที่เอ็นดูเธออีก... แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก ในตอนนี้ เธอรู้สึกหวาดกลัวเมฆินทร์ยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เธอหวาดกลัวความโหดร้ายของเขาที่ทำเหมือนเธอเป็นอะไรซักอย่าง...
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้จารวีรู้สึกหวาดกลัว เธอมีความรู้สึกเหมือนกลัวผู้ชาย แม้กระทั่งกับเบียร์ที่เธอขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกกลัว แต่เธอต้องพยายามข่มเอาไว้ ตอนนี้เธอเหมือนคนจิตตก เธอกลัวแม้กระทั่งสายตาคนที่มอง...
"จะจองตั๋วยังไงนะ มือถือแบตก็หมด" เธอพึมพำกับตัวเอง
จารวีเริ่มตั้งสติได้ เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดับสนิท แล้วเดินมาหาพนักงานตรงเคาน์เตอร์เพื่อขอชาร์จแบต เธอคิดว่ายังไงก็คงต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้าน เพราะเธอเองก็ไม่มีที่ไหนให้ไปแล้ว
ตัดภาพมาทางด้านของเมฆินทร์กับเมย์ ภายในรถที่กำลังแล่นไปอย่างรวดเร็ว
เมย์โทรหาเพื่อนทุกคนที่รู้จักรวมไปถึงน้าของจารวี แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ไหน
"พี่เมฆ! เมย์โทรหาทุกคนแล้ว ถามทุกคนแล้ว ไม่มีใครรู้เลย... หรือว่ายัยจี๊ดจะกลับบ้าน... เดี๋ยวเมย์ลองโทรกลับบ้านดีกว่า"
บทสนทนาทางโทรศัพท์ เมย์-วินัย(พ่อของจารวี)
"ฮัลโหล คุณลุงเหรอคะ... จี๊ดกลับบ้านไหมคะ... อ๋อ... งั้นเหรอคะ... เปล่า ๆ ไม่มีอะไรค่ะ พอดีว่าใกล้ถึงช่วงไฮซีซั่นกะว่าจะชวนไปกางเต็นท์เหมือนสมัยก่อน กลัวนางแอบไปแล้วไม่บอก ก็เลยโทรมาแอบถามคุณลุงไว้ก่อน... คุณป้าสบายดีไหมคะ... โอเคค่ะ คิดถึงคุณลุงกับคุณป้านะคะ เดี๋ยวก็ไปค่ะ ฝึกงานเสร็จเดี๋ยวก็ไป... โอเคค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ"
บทสนทนาระหว่างเมฆินทร์กับเมย์
หลังวางสาย เมฆินทร์ที่กำลังขับรถอยู่ก็ถามขึ้น
"สนิทกันตั้งแต่มัธยมเลยเหรอ"
เมย์ที่กำลังกลุ้มใจหันมามองพี่ชาย
"อื้ม..."
"พี่คิดว่ามาเป็นเพื่อนกันตอนเข้ามหาลัยซะอีก"
"เปล่า! รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว ถึงว่า... ถึงได้สนิทกันขนาดนั้น... เมย์กับจี๊ดเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ส่วนจี๊ดกับริสาเป็นเพื่อนกันมาก่อนนั้นอยู่แล้ว ยัยจี๊ดกับเมย์รู้จักกันตอนขึ้น ม.4 ตอนนั้นยัยจี๊ดก็พึ่งย้ายมาโรงเรียนใหม่พร้อมกับเมย์ พวกเราก็เลยรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนนั้น"
"พี่เมฆจำจี๊ดไม่ได้เหรอ พี่ไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตายายจี๊ดบ้างเหรอ?"
"ทำไม... พี่เคยเจอเหรอ" เมฆินทร์ถามด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิว่าพี่เห็นไหม... จำได้ไหม ช่วงปลายปีนั้น พี่ก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย... ปีนั้นไง! ปีที่เราไปกางเต็นท์นอนอยู่ดอยอ่างขาง ที่เมย์ไปกับกลุ่มเพื่อน... พี่เองก็ไปกับเพื่อนพี่"
"อื้ม...จำได้... แต่พี่ไม่เห็นกลุ่มเพื่อน ๆ เรานี่"
"จะเห็นได้ยังไง ก็เมย์กับกลุ่มเพื่อนก็กางเต็นท์อยู่อีกโซนนึง..."
"แต่มันเป็นวันเดียวกันวันนั้นแหละ... เป็นวันที่เมย์รู้สึกผิดกับยัยจี๊ดที่สุดในชีวิต"
"ทำไม!..."
"พี่จำไม่ได้จริง ๆ สินะ อย่างว่าแหละ ถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็นานแล้วหนิ... แล้วก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากสำหรับพี่ในตอนนั้น"
เมย์เล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
"พี่จำได้ไหม วันนั้นอากาศมันเย็นมาก เมย์จำไม่ได้หรอกว่ากี่องศา รู้แค่ว่าตื่นเช้ามามีแม่คะนิ้ง... แล้วด้วยความที่อากาศมันหนาวมาก เมย์วิ่งมาหากลุ่มพวกพี่ แล้วมาขอยืมผ้าพันคอ แต่พี่ไม่ได้ให้...
ตอนนั้นเมย์แอบจิ๊กผ้าพันคอของพี่ไป... พอพี่รู้พี่ก็ด่าเมย์แล้วบอกให้เอามาคืน... แต่ตอนเมย์เอาไป เมย์เอาไปให้้ยัยจี๊ด
เพราะเมย์เอาของนางมาใช้ นางเสียสละของนางให้เมย์ บอกว่าเมย์ไม่ชินกับอากาศหนาวเพราะพึ่งย้ายไปอยู่ภาคเหนือ ไม่เหมือนนางที่ชินแล้ว
แต่เมย์กลัวนางจะหนาว ก็เลยรีบวิ่งมาขอยืม พอพี่ไม่ให้ เมย์เลยจิ๊กของพี่ไปเลย...แต่จังหวะที่กำลังเก็บเต็นท์ ผ้าพันคอที่ผึ่งลมไว้ พลาดปลิวไปเกาะอยู่บนกิ่งต้นท้อ... เมย์พยายามจะเอาลงมาคืนนะ...แต่มันก็เอาลงมาไม่ได้"
"ตอนนั้นเมย์วิ่งมาขอความช่วยเหลือพี่นะ จำไม่ได้เหรอ!"
(...?...)
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ