LOGIN<แกร๊ก!>
เสียงลูกบิดประตูหมุน พร้อมกับการเปิดเข้ามาของ นภา แม่ของเมฆินทร์และเมย์
"เมฆ!" นภาอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพลูกชายที่ดูย่ำแย่และซบอยู่ข้างเตียง
"มาทำอะไรในห้องนี้! แล้วนั่น... เกิดอะไรขึ้น!"
เมฆินทร์เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก ความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวเข้าแทนที่ฤทธิ์เหล้าที่ยังหลงเหลือ
"คุณแม่... คุณแม่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมกลับมาเวลานี้..."
นภาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยคำถามที่ทับถม
"แม่ถามว่าเรามาทำอะไรในห้องนี้! จี๊ดเป็นอะไร! แกทำอะไรน้อง!"
"คุณแม่ครับ... คือผม..." คำพูดของเมฆินทร์ติดอยู่ในลำคอ เมื่อภาพการกระทำของตัวเองย้อนกลับมา
นภาขยับไปที่เตียง จ้องมองร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
"จี๊ด... จี๊ด เป็นอะไรลูก... นี่มันอะไรกัน! ทำไมหนูจี๊ดถึงนอนไม่ได้สติ!"
นภาหันกลับไปหาลูกชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธจัด
"ตามแม่มาที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้!"
ภายในห้องทำงาน
นภานั่งลงที่เก้าอี้ทำงานอย่างหนักอึ้ง ส่วนเมฆินทร์ยืนก้มหน้าราวกับนักโทษ
"เกิดอะไรขึ้น! บอกแม่มาเดี๋ยวนี้! ทำไมจี๊ดถึงนอนไม่ได้สติ แล้วแกทำไมไปอยู่ที่ห้องนั้น! ยัยเมย์ล่ะไปไหน!"
"คือ....คือว่า..." เมฆินทร์พยายามเรียบเรียงคำพูด
"นี่ไม่ใช่ว่าแกไปทำอะไรน้องใช่ไหม!" นภาจ้องเขม็ง
เมฆินทร์ระเบิดความสับสนที่อัดอั้นออกมาจากความเข้าใจผิดที่เขาปั้นแต่งขึ้น
"ทำไมคุณแม่ถึงพูดเหมือนรู้จักจี๊ด และคุ้นเคย ทั้งคนในบ้านหลังนี้ ทำไมทุกคนถึงดูสนิทสนม และเป็นกันเอง มีแค่ผมที่ไม่รู้เรื่องนี้! มันคืออะไรครับ!"
นภาถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย
"มันจะอะไร! จี๊ดก็เป็นเพื่อนรักของยัยเมย์ มันจะมีความหมายอะไรมากกว่านั้น"
"แต่ทำไมดูเหมือนคุณแม่จะใส่ใจจี๊ดมาก ทั้งยัยเมย์ที่โทรหาคุณแม่ถ้าจี๊ดไม่ยอมมาพักรักษาตัวที่นี่... เมย์มันขู่ว่าถ้าไม่มาจะฟ้องแม่ จี๊ดก็ยอม... สรุปว่ามันยังไง! มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นเหรอที่ไม่รู้!" เมฆินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด
"แล้วแกเคยคิดจะรับรู้อะไรไหมล่ะ เมฆินทร์! แกไม่ได้สนใจเอง แกจะรู้ได้ยังไง! แกรู้ไหมว่าน้องเขาน่าสงสารแค่ไหน! ชีวิตเขาที่กำลังจะไปได้ดี ใช้เส้นทางที่เขารัก... แต่เขาต้องมาหยุดทุกอย่าง เก็บทุกอย่าง ก็เพราะอะไร! แกไม่เคยรู้ล่ะสิ!" น้ำเสียงของนภากลายเป็นตำหนิอย่างรุนแรง
"เมื่อก่อนเคยสนใจอะไรนอกจากดื่มเที่ยวมั้ยล่ะ! ที่น้องเขาเป็นแบบนี้ ที่เขาต้องไม่ทิ้งความฝัน... ก็เพราะยัยเมย์! ถ้าไม่เป็นเพราะร่างกายเขาคงไม่มีปัญหา เขาคงไปได้ไกลกว่านี้...ดีไม่ดีอาจติดทีมชาติไปแล้ว แต่ชีวิตเขาที่ต้องพัง...
เขาก็ไม่เคยกล่าวโทษใครเลยทั้งสิ้น! แม่เองกับน้องที่รู้สึกผิด จึงอยากดูแลเขา! ในเมื่อลูกของแม่ทำร้ายความฝันของเขา แม่ก็อยากให้โอกาสเขา! จี๊ดไม่ได้ชอบไม่ได้อยากเรียนนิเทศ แต่เขาก็ต้องเรียน เพราะในเมื่อเขาไม่สามารถเป็นนักกีฬาได้อีกเขาก็ต้องมีอาชีพติดตัว! แม่ก็อยากสนับสนุน ถ้าเขาเรียนจบจะได้เข้ามาช่วยทำงาน... แม่ก็อยากรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกของแม่เคยทำไว้!"
เมฆินทร์ตะลึงกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้
"มันเกิดอะไรขึ้น มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคุณแม่? ทำไมแม่ต้องรับผิดชอบ ทำไมแม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น?"
นภาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
"เมฆินทร์...ขาคนทั้งขา! เท้าคนทั้งเท้า! ลูกคิดว่ามันสำคัญกับน้องเขาไหมล่ะ! น้องเขาไม่พิการก็ดีแค่ไหนแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะลูกของแม่... จี๊ดจะเป็นแบบนั้นไหม!
แม่สัญญากับพ่อแม่เขาว่าจะดูแลเขา รักเขาให้เหมือนลูกตัวเอง... แล้วสิ่งที่แกทำตอนนี้มันคืออะไร!" นภาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาด้วยคำถามที่เจ็บปวดที่สุด
"นี่แกไม่ได้ทำอะไรน้องใช่ไหม!"
"คือผม... กับ... เรา... เรา รักกัน จริง ๆ ครับ!" เมฆินทร์สารภาพด้วยความสิ้นหวัง
"แต่เมย์กับจี๊ด... ความสัมพันธ์ของพวกเธอ... ทำให้ผม..."
"ความสัมพันธ์บ้าบออะไรของแก! นี่แกคิดว่าน้องแกกับจี๊ดเป็นอะไรกัน! อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักน้องตัวเองถึงขนาดคิดว่าน้องแกจะชอบผู้หญิง! นี่แกเอาสมองส่วนไหนของแกคิด! แกบริหารงานได้ยังไงทุกวันนี้!"
"ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะน้องรู้สึกผิด! ผิดที่ต้องทำให้จี๊ดไม่สามารถคัดตัวเป็นนักกีฬาได้ เพราะอะไร!"
(ขณะนั้นเอง...)
<แกร๊ก!>
เสียงประตูห้องทำงานถูกเปิดออก เมย์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่รู้เรื่องราว
"อ้าวคุณแม่! มาถึงแล้วเหรอคะ คุยอะไรกันอยู่ทำไมดูเครียดจัง แล้วพี่เมฆกลับมาทำไม เมย์นึกว่าไปนอนที่คอนโดแล้วซะอีก!"
"นี่เมย์กลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้ยายจี๊ดแล้ว"
"ยัยเมย์!" เมฆินทร์มองหน้าน้องสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความละอายที่เกิดจากความเข้าใจผิดที่โง่เขลาของตัวเอง
"มีอะไรกันหรือเปล่าคะทำไมมองหน้าเมย์แบบนั้น"
"เมย์... พี่ขอโทษ"
"ขอโทษ!...ขอโทษอะไรคะพี่เมฆ คุยเรื่องอะไรกันอยู่คะ ดูเครียดจัง" เมย์ถามอย่างไม่เข้าใจ
นภาแทรกขึ้นด้วยเสียงที่ควบคุมความโกรธไว้
"ถามพี่ชายเราดูสิ ว่าทำอะไรไว้"
"อะไรคะที่พี่เมฆทำ...พี่ทำอะไร! ทำไมคุณแม่ดูจริงจังขนาดนี้"
"คือพี่.... พี่กับจี๊ด...." เมฆินทร์พยายามพูด
เมย์เลิกคิ้วมองอย่างไม่ใส่ใจ
"อ๋อ! จะบอกว่า พี่กับจี๊ดคบกันเหรอคะ? เมย์รู้แล้วค่ะ ใครจะไม่รู้ล่ะคะ ก็มีแค่สองคนนั่นแหละที่ไม่รู้ว่าคนอื่นเขารู้"
เมฆินทร์และนภาแทบจะพูดพร้อมกัน
"แล้วทำไมถึงไม่บอก!"
"ไม่บอกอะไรคะ? มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่นี่ แล้วยายจี๊ดเองก็ยังไม่ได้เล่าให้เมย์ฟังอย่างเป็นทางการ"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่" เมฆินทร์ถามอย่างตะลึง
"สงสัยมาตั้งนานแล้วค่ะ ชัดเจนที่คอนโดยัยจี๊ดนั่นแหละ ทำอะไรไม่รู้จักระวัง! จะกอดจูบกันอยู่ในรถ! ก็ช่วยระวังหน่อยค่ะ "
"เฮ้ย...ก็วันนั้น เมย์รีบลงมาจากห้อง ปล่อยให้พี่ธนากับริสาเคลียร์กัน... แต่ก็ดันมาเจอพี่กอดจูบกันอยู่ในรถ เมย์แทบจะวิ่งกลับบ้านตั้งแต่ตอนนั้นแหละ แล้วถ้าเมย์บอกว่ารู้... รู้ตอนที่พี่กอดจูบกัน... จะอายเมย์ไหมล่ะถ้าเมย์พูด!"
เมฆินทร์แทบทรุดลงกับพื้น เขาโง่เขลาขนาดนั้นเชียวหรือ
"งั้นแสดงว่า... เมย์กับจี๊ดเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เหรอ"
เมย์มองพี่ชายอย่างประหลาดใจ
"ทำไมถามแบบนั้นน่ะ? ไม่ใช่เพื่อนจะให้จี๊ดเป็นแม่เมย์ หรือว่าเมย์เป็นแม่ยัยจี๊ดเหรอคะ?"
นภาทนไม่ไหวอีกต่อไป
"เอาล่ะ เลิกยอกย้อนกัน! สรุปมันยังไง! แกทำอะไรน้อง! ทำไมในห้องนอนมันอยู่แบบนั้น!"
เมย์ได้ยินคำว่า 'ห้องนอน' และ 'ทำอะไรน้อง' ก็เริ่มตื่นตระหนก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
"อะไร! พี่เมฆพี่ทำอะไรยัยจี๊ด! บอกมา! เกิดอะไรขึ้น!" เมย์ตะคอก ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องนอนของจารวีทันที
นภาหันกลับมาบีบไหล่ลูกชายอย่างแรง
"ว่าไง เมฆินทร์! สรุปมันคืออะไรยังไง! รักน้องชอบน้องเหรอ แล้วตั้งแต่ตอนไหน! แล้วได้ทำอะไรเกินเลยกับน้องไหม! บอกแม่มาเดี๋ยวนี้!"
เมฆินทร์ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้อีกต่อไป เขาสารภาพออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดบาป
"ครับ... ทำครับ!..."
นภาแทบจะเป็นลม ร้องไห้สะอื้นออกมาพร้อมกับกำหมัดทุบไปที่ไหล่ของลูกชายอย่างเจ็บปวด
"พ่อแม่เขาฝากฝังให้แม่ดูแลลูกสาวเขา... แกทำอะไรลงไป!"
"แกทำอะไรของแก! แกทำไปแบบนั้นแล้วแกรักน้องไหม! ไม่ใช่ว่าแกไปเล่น ๆ กับน้องแล้วทิ้งน้องแบบนี้! แม่จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้กับหน้าพ่อแม่เขา! รับปากว่าจะดูแลลูกสาวเขาแต่ลูกชายตัวเองมาทำเรื่องแย่ ๆ แบบนี้!"
(เสียงกรีดร้องของเมย์ดังมาจากทางห้องนอน!)
"คุณแม่! ยัยจี๊ดไม่อยู่ที่ห้องอ่ะ! ในห้องน้ำก็ไม่มี! ไปไหนก็ไม่รู้..."
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







