Masukอากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...
ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยาน
ธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!
"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมา
พรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...
(...!...)
เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น
"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดรินจนเธอขนลุกซู่ไปทั้งกาย
"แผนอีกหรือเปล่าคะพี่เมฆ" หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยแววตาซุกซน แต่ริมฝีปากที่แห้งผากของเธอก็เผยความต้องการอย่างไม่อาจซ่อน ใบหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้
เมฆินทร์หัวเราะในลำคอต่ำๆ "ใครจะไปทำแบบนั้นครับ สองคนนั้นน่าจะมีธุระจริง ๆ แหละ หรือไม่... เขาคงอยากให้เราอยู่ด้วยกัน... แบบนี้"
น้ำเสียงทุ้มต่ำและแววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งที่เชื้อเชิญ ราวกับดวงไฟร้อนแรงที่พร้อมจะเผาไหม้
หญิงสาวพยายามเปลี่ยนเรื่อง "แล้วทำไมพี่ไม่ไปนอนกับพี่ธนาคะ จี๊ดจะได้นอนกับริสา"
"แล้วมั่นใจเหรอว่าริสาอยากนอนด้วย ดูสิ"
เธอหันไปมองตามที่เขาบอก ภาพเงาตะคุ่มของธนากับริสาที่กำลังนัวเนียทำให้เธอหน้าเห่อร้อนผ่าว ความสั่นสะท้านแล่นริ้วลงไปถึงท้องน้อย หัวใจเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
หลังจากเมฆินทร์ตะโกนบอกธนาให้ดับไฟ แล้วหันมากระซิบกับหญิงสาว ลมหายใจร้อนๆ ปะทะเข้าที่ข้างแก้ม
"แล้วเต็นท์เราต้องดับไหม!"
"จะดับทำไมคะ มันก็มืดสิ" เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก
"ถ้าไม่มืด... ไม่กลัวคนอื่นมองเห็นเงา... ที่กำลังโยกไหวของเราเหรอ...อื้อ?"
เขาพูดเสียงแหบพร่า นัยน์ตาคมกริบฉายแววดุดัน จ้องมองเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้เบาๆ บนริมฝีปากนุ่มของเธอ แล้วเลื่อนลงมาสัมผัสที่ติ่งหูเบาๆ
"บ้า... พูดอะไรก็ไม่รู้"
หญิงสาวก้มหน้าซ่อนความเขินอาย แต่ความร้อนผ่าวบนใบหน้าก็ฟ้องว่าเธอกำลังพึงใจ
เมฆินทร์ยกมือขึ้นช้อนปลายคางมนของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ให้เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วย เพลิงปรารถนา ที่ไม่อาจเก็บซ่อน เขาโน้มใบหน้าลงมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากที่ได้รูปค่อยๆ กดจูบลงบนกลีบปากนุ่มของเธอ
แรกเริ่มเป็นจูบที่อ่อนหวาน... แต่มันเต็มไปด้วยความกระหาย อุณหภูมิที่ร้อนแรงจากภายในทำให้มันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นสากสอดแทรกเข้ามาอย่างบุกรุก แขนแกร่งรั้งร่างเธอเข้าหาตัวแนบแน่นจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง เธอส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคออย่างไม่อาจห้าม
เขาผละจูบออกเพียงเสี้ยววินาที ขยับตัวไปปิดไฟในเต็นท์
<พรึ่บ!>
ความมืดมิดเข้ามาแทนที่ มีเพียงแสงจันทร์เล็ดรอดเข้ามาเล็กน้อย เงาของคนทั้งสองสะท้อนวูบไหวบนผ้าเต็นท์ด้านนอก
เขาโน้มตัวลงจูบหญิงสาวอีกครั้ง อย่างเร่งเร้าและดุดัน ก่อนที่เขาจะรีบดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมร่างของคนทั้งคู่ บดบังเงาทุกอย่างเอาไว้ เหลือเพียงจินตนาการของคนภายนอก
ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ความหนาวภายนอกไม่อาจเข้าถึงได้ มีเพียงความเร่าร้อนที่ก่อตัวขึ้น จนแทบจะเผาผลาญทุกสิ่ง
เขายังคงจูบเธออย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน ไล้จากริมฝีปากลงมาที่ซอกคอ เขาใช้มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอยเธอไว้ อีกข้างหนึ่งเลื่อนลงไปปลดตะขอชุดชั้นในที่ด้านหลังอย่างคล่องแคล่ว ไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญ
"อุ๊ย!... พี่เมฆ เดี๋ยวคนเห็นค่ะ!" หญิงสาวตกใจกระซิบเสียงเบาหวิว ใบหน้าซุกเข้ากับแผงอกเพื่อซ่อนความเขินอาย
"ดับไฟแล้ว... แถมเราอยู่ในผ้าห่มด้วย ตอนนี้... ไม่มีใครเห็นแล้วครับ นอกจากพี่" เขากระซิบตอบเสียงพร่า หยาบกระด้างไปด้วยอารมณ์ พร้อมก้มลงซับจูบไปที่ซอกคอหอมกรุ่น
สัมผัสอุ่นร้อนทำให้เธอแอ่นคอรับอย่างลืมตัว มือเล็กกำเสื้อยืดของเขาแน่น
มือหนาเลื่อนปลดกระดุมเสื้อหญิงสาวออกอย่างเร่งรีบ พร้อมกับปลดชุดของตัวเองอย่างรวดเร็ว ราวกับสัตว์ร้ายที่อดอยาก
ภายในร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่ม แขนแกร่งเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างนุ่มนิ่ม มือของเขาหนักหน่วงและเรียกความเสียวซ่าน เขาบีบคลึงทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมาอย่างช่ำชอง ขยับนิ้วคลึงยอดถันอย่างกระหาย
"หอมจัง เนื้อนุ่มน่ากินขนาดนี้ ใครจะไปทนไหว" เขากระซิบเสียงต่ำแหบพร่า พลางก้มลงประทับจูบซ้ำ ๆ ไปที่เนินอกนุ่ม ดูดดึงอย่างเร่งเร้า นิ้วกลางพลางวนเล่นตรงปุ่มเสียว
"อ๊ะ...ก็..ทนมาได้ตั้งหลายเดือนนี่คะ ทนอีกไม่ได้เหรอคะ"
"ทนได้... แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว แล้วก็จะไม่ทน... พี่จะกินให้อิ่มเลย ชดเชยกับหลายเดือนที่อดอยากปากแห้ง"
<ตุบ!>
กำปั้นเล็กๆ ของเธอทุบเข้าไปที่แผงอกหนึ่งครั้ง
"ไม่ใช่ว่าอดอยาก จนแอบไปกินที่อื่นมาแล้วนะคะ"
"ไม่มีครับ ไม่อยากกินที่อื่น ไม่อยากกินใครทั้งนั้น อยากกินแต่...คนนี้คนเดียว ขอกินหน่อยนะ"
เขาก้มลงประทับจูบอีกครั้ง ลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปสำรวจโพรงปาก และดูดดึงอย่างเร่าร้อน ก่อนจะเปลี่ยนมาครอบครองยอดถันของเธอด้วยปากอุ่นร้อน
เขารีบปลดกางเกงของหญิงสาว แล้วค่อย ๆ ใช้เท้าดันลงไปจนถึงปลายเท้า พร้อมกับปลดกางเกงชั้นในตัวจิ๋วไปด้วย จากนั้นก็จัดการชุดท่อนล่างของตัวเองอย่างเร่งรีบ เผยให้เห็นความเป็นชายที่ผงาดอย่างเต็มที่
"ลำบากขนาดนี้ยังจะกินเหรอคะ"
"ตื่นเต้นดี... เหมือนแอบกินของต้องห้าม ยิ่งลำบาก ยิ่งอร่อย"
"บ้า..." ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย
เขาจับขาเรียวเธอยกขึ้นพาดไว้ที่เอวของเขา ก่อนจะแทรกกลางลำตัวเข้าไประหว่างขาเรียว แล้วแทรกไขว้กันตรงกึ่งกลาง พร้อมกับค่อยๆ กดหัวหยักที่แข็งขืนลงไป อย่างไม่รีบร้อนแต่หนักแน่น
"กึก!"
"อ๊ะ!"
"พี่เมฆ...ไม่ใส่หรอคะ"
"เวลาแบบนี้... สติพี่จะเหลือเหรอครับ ไม่เป็นไรหรอก... ว่าที่พ่อตาพี่เขาอยากได้พี่เป็นลูกเขย ลงจากดอย เดี๋ยวพี่ไปบอกคุณพ่อตาไว้เลย ว่าอยากแต่งงานกับลูกสาวท่าน"
"อ๊ะ!..แต่งเลยหรอคะ...!"
"ซี๊ดดด...อ้า"
"แล้ว...อ้า...จะให้พี่รออะไร อีกไม่กี่ปีพี่ก็สามสิบแล้วนะ พี่อยากได้เมียแล้วนะ"
"แต่จี๊ด...อ๊ะ...อ๊ะ...ซี๊ด...เพิ่งยี่สิบสามเองนะ!"
"ยี่สิบสามก็เป็นแม่คนได้... ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่จะดูแลลูกเมียพี่เอง"
"พูดมาได้เต็มปากนะคะ"
"หรือไม่จริง? จากนักเรียนในวันนั้น... ตอนนี้... เป็นเมียพี่แล้วนะ"
"อ๊ะ...ซี๊ดดด" เสียงครวญครางหลุดออกมาด้วยความเสียวซ่าน
เขาค่อยๆ ดันแก่นกายและสอบสะโพกอย่างเนิบนาบเข้าไปในร่องรักที่คับแน่น ราวกับกำลังสำรวจอาณาเขต
"ซี๊ดดด...อ้า"
หญิงสาวครางออกมาทันทีที่สัมผัสถึงความเต็มตื้น ดวงตาปิดแน่นด้วยความเสียว
"เหมือนเดิมเลยนะ...คนดี... ตอดพี่ไม่หยุดเลย...อ่ะ ยังแน่นเหมือนเดิมเลย ทำเอาพี่คลั่งอีกแล้ว...อ้า"
เขาโยกเอวหมุนควงอย่างเนิบนาบแต่แข็งแกร่งและคล่องแคล่ว เธอพยายามกัดฟันและกดเสียงไว้ กลัวความสุขจะเล็ดรอดออกไปให้คนอื่นได้ยิน
เธอจิกลงไปที่แผงอกแกร่งด้วยความเสียวซ่าน ลืมแม้กระทั่งความหนาวนอกผ้าห่ม
เขาเริ่มกระแทกซ้ำลงอย่างหนักหน่วงด้วยท่วงท่าที่จำกัด แต่ลึกและถึงใจ แรงกระแทกของเขาไม่ได้แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย
เขาดันแก่นกายสวนเข้าไปลึกจนสุดโคน แล้วจับเอวคอดของเธอ ดันออกแล้วดึงเข้าอย่างหนักหน่วง เป็นจังหวะที่ป่าเถื่อนแต่เต็มไปด้วยอารมณ์
ความเสียวซ่านนี้ทำให้หญิงสาวแทบจะกรีดร้องออกมา ชายหนุ่มต้องรีบซับจูบปากขยี้เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา ลิ้นของเขาสอดประสาน ดูดดึงความรู้สึกอย่างเร่งเร้า เอวเขายังสอบและหมุนควงไม่หยุด
"อื้อ...ซี๊ดดดด"
มือเรียวเล็กจิกไปที่ขาและเลื่อนไปแผ่นหลังของเขาด้วยความเสียวซ่านจนแทบจะขาดใจ เล็บจิกเข้าที่เนื้อจนเป็นรอยแดง
"พี่เมฆ.... จี๊ดไม่ไหวแล้ว มันจะถึงแล้ว! อ่ะ"
เขารู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังพยายามสะกดเสียงไว้ เขากดท้ายทอยเธอลงไปยังแผงอกเพื่อให้เธอระบายความเสียวโดยการกัด เป็นการอนุญาตให้เธอแสดงความป่าเถื่อนออกมา
"อื้อ...อ่ะ!"
"พี่เสียวมากเลย โคตรเสียวเลย...! พี่ก็ใจจะขาดแล้ว"
"อ้าาาา" เสียงครางต่ำในลำคอของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความทรมานอย่างสุขสม
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจูบอย่างดูดดื่มเพื่อไม่ให้เสียงคำรามจากความเสียวซ่านหลุดออกมา จังหวะนั้น เขาหมุนถี่ขึ้นและเร็วขึ้น กระแทกถี่จนร่างของเธอโยกตาม
เสียงอู้อี้ในลำคอของทั้งคู่ไม่เป็นภาษา มีเพียงเสียงเนื้อกระทบเนื้ออย่างหนักหน่วงภายใต้ผ้าห่ม
เขาสอบสะโพกดันเข้า แล้วถอนออกแล้วก็ดันเข้าไปจนสุดลำ และเร่งจังหวะรัวอย่างบ้าคลั่ง ถี่และแรงจนร่างบางเกร็ง กระแทกเข้าไปสามครั้งสุดแรง ร่างกายก็เกร็งกระตุกพร้อมกัน ปล่อยทุกอณูความสุขใส่กัน
"อ๊าาา! ... ซี๊ดดด!"
"อ้าาาา"
ความเร่าร้อนค่อยๆ มลายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเหนื่อยล้าและความอบอุ่นที่เกาะกุม เขาถอนกายออกอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเขามีเหงื่อผุดพราย แล้วดึงร่างนุ่มนิ่มของเธอเข้ามากอดไว้แน่น
หญิงสาวซบหน้าเข้ากับอกอุ่นๆ ของเขา ซึมซับความอบอุ่นหลังพายุอารมณ์ เธอสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขาที่ยังคงเต้นแรงและสม่ำเสมอ เป็นจังหวะที่ช่วยปลอบโยนและทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
"ไม่หนาวแล้วค่ะ... อุ่นมากๆ เลย อุ่นจนร้อนไปหมด" เธอตอบเสียงแผ่วเบา
เมฆินทร์จูบลงบนหน้าผากเนียนเบาๆ แล้วซับจูบลงที่รอยแดงบนคอของเธอ "ดีจัง... พี่อยากกอดจี๊ดแบบนี้ไปนานๆ เลย กอดตลอดชีวิต"
"พี่รักจี๊ดนะ... รักที่สุดเลย รักจนอยากจะกลืนกิน" เมฆินทร์กระซิบเสียงนุ่มลึก แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่เคยหมด
จารวีเงยหน้าขึ้นในความมืด "จี๊ดก็รักพี่เมฆค่ะ... รักมากๆ เลย" เธอตอบด้วยเสียงสั่นเครือจากความตื้นตันใจ
เมฆินทร์ยิ้มกว้างในความมืด เขาจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มของเธออีกครั้งอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
"นอนนะคนดี... เมียพี่ พรุ่งนี้เช้าเราจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน... แล้วลงจากดอยไปเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของพี่"
เมฆินทร์กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกครั้ง นึกถึงการเดินทางของความรักครั้งนี้ "รู้ไหม... พี่เคยคิดว่าความรักของเรามันเริ่มต้นจาก 'ความผิดพลาด' พลาดที่พี่ไม่ได้อยู่เคียงข้างจี๊ดตั้งแต่แรก พลาดที่พี่เคยทำผิดต่อจี๊ด... แต่ความผิดพลาดทั้งหมดนั่น... มันกลายเป็นบทพิสูจน์ที่เข้มแข็งที่สุด ว่าไม่ว่าจะต้องเจออุปสรรคอะไร เราก็จะกลับมาหากันเสมอ... กลับมาอยู่ด้วยกัน"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น จูบซับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ "จี๊ดไม่เคยเสียใจที่ได้รักพี่เมฆค่ะ... เพราะสิ่งที่พี่ให้มามันมากกว่าความผิดพลาดเหล่านั้นตั้งเยอะ"
ทั้งสองคนผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ร่างเปลือยเปล่าแนบชิด ท่ามกลางความมืดมิดและความเงียบสงัดของค่ำคืนบนภูเขา มีเพียงความรักและความอบอุ่นที่โอบกอดพวกเขาไว้ตลอดคืน...
ความผูกพันที่เริ่มต้นจากบาดแผล ได้เดินทางผ่านบทพิสูจน์อันยาวนาน และได้มาสู่จุดจบที่สวยงามที่สุด นั่นคือการได้อยู่เคียงข้างกันตราบชั่วนิรันดร์...
จบบริบูรณ์
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







