เข้าสู่ระบบล็อบบี้และสติของเมย์
เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้
ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!
พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียว
เมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันที
เมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!
เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!
พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'
เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมท้น "ขอบคุณนะ... เมย์"
เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็วและผลักหลังเมฆินทร์เบา ๆ ไปทางประตู "พี่ไปก่อนเลยนะ! เมย์เหมาจ่ายสปีดโบ๊ทไว้แล้วเผื่อฉุกเฉิน! รีบพาจี๊ดออกไปเดี๋ยวนี้!"
เมย์หันไปหาวายุที่ยังคงยืนอึ้ง มองเธอด้วยสายตาเลื่อมใส
"พี่วายุ!"
"หา... วะ... ว่าไงน้องเมย์?"
"พี่อยู่เป็นเพื่อนเมย์ที่นี่! เดี๋ยวเมย์เคลียร์กับตำรวจก่อน พี่ค่อยให้เขากลับมารับเมย์! นี่พี่ทำอะไรบ้างเนี่ยตั้งแต่มา!"
วายุทำหน้าจ๋อยลงทันที แต่ก็ยังไม่วายอุทานเบา ๆ ถึงภาพหญิงสาวที่กำลังบ้าพลัง
"เท่ห์สุดๆอ่ะ!"
เมฆินทร์กอดคนรักไว้แน่น แล้วพุ่งตรงไปยังเรือสปีดโบ๊ทที่มารอรับอยู่ทันที ทิ้งให้วายุยืนทำหน้าเลิ่กลั่กอยู่ข้างเมย์ที่กำลังเตรียมรับมือกับตำรวจที่จะมาถึงในอีกไม่กี่นาที
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ใกล้ที่สุด
เปลือกตาหนักอึ้งราวกับถูกผนึกไว้ในความมืด เริ่มขยับกระตุกถี่ๆ เป็นสัญญาณแรกของการกลับคืนสู่สติ
เธอค่อย ๆ จ้องมองเพดานสีขาวว่างเปล่า แต่เมื่อเงาร่างสูงใหญ่ของเมฆินทร์ทาบทับลงมาที่เตียง สายตาที่ว่างเปล่านั้นก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงในทันที
"จี๊ด..."
เมฆินทร์เอ่ยเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา เขาค่อย ๆ เอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปเพื่อสัมผัสใบหน้าของเธอด้วยความอ่อนโยนที่สุดในชีวิต หวังว่าไออุ่นจากสัมผัสของเขาจะช่วยปลอบโยนเธอได้
"กรี๊ดดดด!!!"
หญิงสาวร้องกรีดออกมาสุดเสียงอย่างบ้าคลั่งทันทีที่เห็นมือของเขา ร่างกายที่อ่อนแอของเธอดีดตัวหนีอย่างรุนแรงจนเกือบตกจากเตียง ทั้งที่ปวดร้าวไปทั้งท้องน้อย
เธอเบียดตัวเองไปติดกับหัวเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนดวงตาเบิกกว้างราวกับกำลังเห็นภาพซ้อนของเงาของผู้ชายที่ทำร้ายเธอ ทั้งในอดีตและในห้องนั้น
"ไม่! อย่าเข้ามา! ออกไปนะ! อย่าแตะตัวฉัน! คนชั่ว! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!" เธอตะโกนด้วยเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง ไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอเคยรัก หรือปีศาจที่ทำลายเธอ
เมฆินทร์ชะงักมือค้างอยู่กลางอากาศ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดที่เหี้ยมเกรียม เขาเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธออย่างชัดเจน มันเป็นความกลัวที่ไม่มีข้อยกเว้น... แม้แต่กับเขา
เมฆินทร์น้ำเสียงแหบพร่า "จี๊ด... นี่พี่เอง... พี่เมฆไง ..."
เธอส่ายหน้าอย่างรุนแรง "ไม่! ไม่! ออกไป! ออกไป!"
ทันใดนั้น พยาบาลและแพทย์ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นอาการของเธอที่ตัวสั่นเทาและกรีดร้องจนแทบขาดใจ
แพทย์เสียงเคร่งเครียด "คุณออกไปก่อนครับ! เร็วเข้า! อาการคนไข้กำลังแย่ลง!"
เมฆินทร์ค่อย ๆ ถอยหลังออกไปช้า ๆ อย่างคนไร้วิญญาณ เขามองเห็นร่างของจี๊ดที่สั่นเทาและหวาดกลัวสุดขีดเมื่อต้องอยู่ใกล้เขา
ความรักของเธอถูกแทนที่ด้วยความกลัวโดยสมบูรณ์แล้ว
แพทย์หันมามองเมฆินทร์ด้วยสายตาตำหนิ "คนไข้มีภาวะหวาดผวาเฉียบพลันต่อเพศชาย ซึ่งเป็นผลรวมของความเครียดรุนแรงและการถูกทำร้ายทางร่างกายและจิตใจซ้ำ ๆ
ตอนนี้เราต้องให้เธออยู่ในการดูแลของพยาบาลผู้หญิงเท่านั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางอารมณ์... คุณห้ามเข้าใกล้เธอจนกว่าเราจะอนุญาต"
คำพูดของแพทย์เหมือนค้อนที่กระแทกเข้ากลางศีรษะของเมฆินทร์
หวาดผวาต่อเพศชาย...
เขาไม่สามารถโทษเบียร์ได้เพียงคนเดียว เบียร์เป็นเพียงตัวกระตุ้นสุดท้าย... แต่รากฐานของความกลัวนี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยความบ้าคลั่งของเขาเองในคืนนั้น!
เขาทรุดตัวลงกับเก้าอี้หน้าห้อง มือสั่นเทาจนกำหมัดไม่ลง ความเจ็บปวดที่ท้องน้อยของเธอที่ถูกเบียร์ต่อย... ยังเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่เขามอบให้เธอในคืนนั้นด้วยความรุนแรงที่ปราศจากความรัก
เมฆินทร์พึมพำกับตัวเอง "พี่ขอโทษ... พี่ขอโทษ... จี๊ด... ไม่ใช่แค่เบียร์... แต่เป็นพี่... ที่ทำให้เธอต้องหวาดกลัวขนาดนี้..."
เขาเพิ่งตระหนักว่าเขาไม่ได้พ่ายแพ้แค่ในสงครามกับเบียร์... แต่เขาได้พ่ายแพ้ในสงครามกับ หัวใจของเธอแล้วอย่างสมบูรณ์
เมย์กับวายุตามเมฆินทร์มาถึงโรงพยาบาล ภาพของจารวีที่หวาดผวาทำให้ความตึงเครียดปกคลุมไปทั่ว
เมฆินทร์นั่งกุมขมับอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เธอยังคงหวาดกลัวอย่างรุนแรง ยอมให้เพียงเมย์และพยาบาลผู้หญิงเข้าใกล้ได้เท่านั้น
"พี่เมฆ... จี๊ดจะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ? หมอว่าไงบ้าง?" เมย์ถามเสียงเครียด
"หมอให้นอนพักดูอาการ... แต่สภาพจิตใจแย่มาก บวกฤทธิ์ยาที่ไอ้เวรนั่นมันแอบเอาให้จี๊ดกินด้วย" เมฆินทร์ตอบเสียงแหบ
"เรื่องมันเลยเถิดไปมากแล้วนะเมฆ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะกันธรรมดา" วายุเตือน
"กูรู้... กูพลาดเอง" เขาตอบอย่างยอมรับ
"เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วค่ะพี่เมฆ" เมย์ถอนหายใจ "เราต้องบอกที่บ้านจี๊ดไหม?"
"แล้วตำรวจว่ายังไงบ้าง!" เขาลากคอมันเข้าตารางยัง
"นี่ก็อีกเรื่อง ในจังหวะที่พวกเรากำลังชุลมุนกันอยู่ กว่าตำรวจจะไปถึง หมอนั่นมันก็หายไปแล้ว" เมย์ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนเจ็บใจ
"หาย! หายไปได้ยังไง...นี่ตำรวจเขาเกรงใจที่มันเป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทเหรอ ถึงไม่จับมัน!" เมฆินทร์น้ำเสียงเริ่มเกรี้ยวกราด
"ไม่เลยไอเมฆ... ที่พีคกว่านั้น...มึงอยากรู้ไหม!" วายุแทรกพร้อมกับหันไปมองหน้าเมย์
"ไอ้หมอนั่น...มันไม่ใช่ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทเว้ย! มันเป็นลูกคนงานเก่าแก่ที่ดูแลรีสอร์ทมานาน เขาไว้ใจให้มันช่วยดูแลกิจการ และมันก็ไม่ใช่พึ่งทำแบบนี้เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็หลอกเครมผู้หญิงไปเยอะ แต่ไม่มีใครเอาเรื่องมัน เพราะสุดท้ายมันก็บอกว่าผู้หญิงสมยอมไปหามันถึงที่"
"มึง! มึง!...กูน่าจะกระทืบมันให้ตายคาตีนกูไปเลย! กูไม่น่าปล่อยมันไว้เลย
เมฆินทร์หอบหายใจด้วยหอมโมโห!...
ครู่หนึ่ง ก่อนที่เมย์จะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"พี่เมฆ เดี๋ยวเมย์โทรหาคุณแม่ก่อน ให้คุณแม่มาจัดการ เรื่องมันใหญ่เกินกว่าที่เราจะควบคุมได้แล้ว"
เธอต่อสายถึงมารดาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ฮัลโหลคุณแม่คะ... ตอนนี้จี๊ดอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องมัน... หนักขึ้นใหญ่ขึ้นกว่าที่คิดมากค่ะ ตอนนี้เมย์ควรทำยังไงดีคะ? คุณแม่รีบมาหน่อยได้ไหมคะ?"
หลายชั่วโมงต่อมา
ไม่นานนัก นภาก็มาถึงโรงพยาบาลด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าลูกชาย เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกทันที
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! เมฆินทร์! แกเป็นต้นเหตุใช่ไหม!"
เมฆินทร์ก้มหน้ายอมรับผิด "ครับแม่..."
"ถ้าเกิดว่าลูกเขาเป็นอะไร แม่จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้หน้าพ่อแม่เขา! ยังไงเรื่องนี้เราก็ต้องบอกที่บ้านให้รู้!"
นภาตำหนิเสียงเฉียบขาด ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังห้องพักฟื้นอย่างรวดเร็ว "แม่จะเข้าไปดูจี๊ดก่อน พวกแกยืนรออยู่ตรงนี้!"
คำขอสุดท้าย
ภายในห้องพักฟื้น จารวีเริ่มมีสติมากขึ้นและอาการหวาดกลัวลดลง นภานั่งลงข้างเตียง มองใบหน้าซีดเซียวของเด็กสาวด้วยความสงสาร
"จี๊ด... ไม่ต้องกลัวนะลูก...นี่ป้าเอง ป้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว" นภาปลอบโยน
"ป้าตัดสินใจแล้ว... ป้าจะโทรไปบอกพ่อกับแม่หนูที่เชียงใหม่ ให้เขารู้เรื่อง ป้าจะพาหนูไปพักฟื้นที่นั่น ป้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง"
หญิงสาวรีบส่ายหน้าอย่างแรง "ไม่ค่ะ! อย่าบอกพ่อกับแม่นะคะ!"
"ทำไมล่ะลูก?"
"หนูไม่อยากให้พวกท่านเป็นห่วง... แล้วถ้าพวกท่านรู้เรื่องหนูกับพี่เมฆ... มันจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้หลายเท่าเลยค่ะ ที่บ้านหนู... ท่านหัวโบราณมาก ท่านเคร่งครัดเรื่องพวกนี้มากค่ะ... หนูยังไม่พร้อม... และหนูก็ยัง... ไม่อยากเจอหน้าพี่เมฆตอนนี้ด้วยค่ะ"
นภาถอนหายใจอย่างยอมรับ "เฮ้อ... เป็นความผิดของลูกป้าจริง ๆ ... ได้จ่ะ ป้าจะไม่บอกพ่อแม่หนู ป้าจะทำตามที่หนูต้องการ"
การตัดสินใจที่เจ็บปวด
นภากลับออกมาที่โถงทางเดินด้วยสีหน้าจริงจัง
"จี๊ดขอให้ปิดเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้พ่อแม่เขารู้" เธอแจ้งลูก ๆ
เมฆินทร์ตกใจ "ไม่ให้รู้? แล้วเรื่องของผมล่ะครับคุณแม่?"
"แกไม่ต้องยุ่ง!" นภาตวัดเสียงเด็ดขาด
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกต้องยอมรับการตัดสินใจของแม่ แม่จะทำเรื่องให้จี๊ดจบการฝึกงาน และให้จี๊ดเริ่มทำงานที่บริษัทเราเลย จะได้ไม่มีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัย ส่วนตัวเขาก็พักไปก่อนจนกว่าจะหายดี และ... เพื่อให้แกกับจี๊ดหลีกเลี่ยงการเจอหน้ากัน แม่จะย้ายแกไปดูแลสาขาที่เชียงใหม่ทันที"
เมฆินทร์นิ่งอึ้ง "คุณแม่จะให้ผมไปเชียงใหม่?"
"แกไม่มีทางเลือก!" นภาเสียงหนักแน่น "ถ้าแกไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้... ก็ทำตามที่แม่สั่ง!"
เมฆินทร์มองเข้าไปในห้องพักด้วยสายตาที่เจ็บปวดร้าวลึก เขาไม่มีทางเลือกอื่นเพื่อไม่ให้เธอหายไปไหนอีก สุดท้ายจึงพยักหน้าอย่างจำนนต่อความต้องการของแม่และหญิงสาวที่เขารัก... ทั้งที่ในใจเจ็บปวดแทบขาดใจ
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







