LOGIN"ตอนนั้นเมย์วิ่งมาขอให้พี่เมฆช่วยนะ พี่จำไม่ได้เลยเหรอ!"
(...?...)
ภาพในอดีตย้อนกลับมาในหัวของเมฆินทร์และเมย์ชัดเจน
"พี่เมฆช่วยไปเก็บผ้าพันคอให้เมย์หน่อย มันติดอยู่บนกิ่งไม้"
"เมย์อย่ามากวน ไปเล่นที่อื่นเลย พี่กำลังจะเก็บของ"
"เมย์ไม่ได้กวน!... แต่พี่ตัวสูง น่าจะเอื้อมถึงช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ"
"โตแล้วหัดมีความรับผิดชอบซะบ้างเมย์ ไม่ใช่เอะอะ ๆ มาตะโกนบอกเอะอะโวยวายให้คนช่วย"
<เมย์กระทืบเท้าเดินหนีไปด้วยความงอน!>
ภาพตัดไปที่จารวีกับเมย์ในห้วงความคิดเมย์เล่าให้เมฆินทร์ฟัง
"ไม่มีใครช่วยเลย ทำไงเราจะเอาลงมาได้ มีไม้ไหมเอามาสอย"
ทั้งคู่มองซ้ายมองขวาหาแต่ก็ไม่มี
"งั้นปีนเลยไหม!"
"จะดีเหรอเมย์ ... มันอันตราย!"
"แกเขย่งถึงไหมแกตัวสูงยัยจี๊ด"
"ลองแล้วไม่ถึง"
"งั้น...ช่วยไม่ได้ ปีนเลยดีกว่า"
พูดจบ เมย์รีบปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้ ในจังหวะนั้นมีกิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่เมย์เผลอไปเหยียบทำให้กิ่งไม้หักลง... ร่างของเมย์ร่วงลงมาบนร่างของเพื่อนที่พยายามจะรับเธอไว้ ไม่ให้หัวของเมย์ไปกระแทกกับก้อนหิน และที่แย่ยิ่งกว่านั้น กิ่งไม้ที่หักมากลับพลาดไปกดทับข้อเท้าของเธอไว้กับหินที่อยู่ด้านล่าง... นั่นคือจุดเริ่มต้นของข้อเท้าเธอที่มีปัญหา
ตัดภาพมาปัจจุบัน
"ทำไมพี่ถึงไม่รู้เรื่องนี้... ถ้าเกิดวันนั้นพี่อยู่ที่นั่น พี่ก็น่ารู้สิ"
"พี่จะรู้ได้ยังไง ในเมื่อพี่ไม่สนใจ! วันนั้นที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อุทยานรีบเข้ามาช่วยแล้วพายัยจี๊ดไปปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ไปเที่ยวของเมย์ก็แยกย้ายกันกลับ ก็ไม่แปลกที่พี่จะไม่รู้..."
เมฆินทร์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด! เขานิ่งงันไปกับความจริงอันขมขื่น
"เมย์... ทำไมพี่รู้สึกว่าการละเลยครั้งนั้นของพี่... มันย้อนกลับมาทำร้ายตัวพี่เอง ถ้าตอนนั้นพี่สนใจเมย์สักนิด จี๊ดอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้..."
เมย์ส่ายหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
"มันไม่เกี่ยวหรอกพี่เมฆ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ในตอนนั้นมันเป็นความผิดของเมย์! แต่ความผิดของพี่... คือปัจจุบันนี้ต่างหากที่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พี่ทำ! ขนาดเมย์เป็นน้องพี่ เมย์ยังไม่อยากจะให้อภัยพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ..."
"แล้วนับประสาอะไรกับยัยจี๊ด... คนที่ถูกกระทำ ให้เจ็บปวดแบบนั้น... เมย์ไม่รู้หรอก ว่าพี่ไปทำอะไรให้ยัยจี๊ดต้องเสียใจขนาดนั้น... แต่สิ่งที่เมย์รู้ก็คือ
ปกติยัยจี๊ดเป็นคนที่เข้มแข็งและมีความอดทนสูงมาก! ถ้าไม่ถึงที่สุดนางคงไม่เป็นแบบนี้! แล้วการที่จี๊ดเป็นแบบนี้... เมย์ไม่รู้ว่าพี่จะสามารถแก้ไขตัวเองได้หรือเปล่า"
สิ่งที่เมย์พูดทำให้เมฆินทร์ตระหนักบางอย่าง มันคือเรื่องจริงที่บอกว่าจารวีมีความอดทนสูงมาก ก่อนหน้านี้เขาย่ำยีเธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอไม่เคยปริปากบอกใคร ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้... จนวันที่เขาสารภาพความรู้สึกกับเธอ เพียงไม่กี่วัน เขากลับทำร้ายเธออีก...
เมฆินทร์รู้สึกคิดหนัก และเป็นกังวลใจมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เขามีหนี้บุญคุณที่ต้องชดใช้ในอดีต... และมีหนี้บาปที่ต้องไถ่ถอนในปัจจุบัน...
ไนท์คลับวายุ
ไนท์คลับที่ปิดทำการยามกลางวันเต็มไปด้วยความตึงเครียด เมฆินทร์นั่งอย่างหมดอาลัย หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโกรธตัวเอง เมย์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าซีดเผือด
"ไม่แปลกหรอกค่ะที่จี๊ดเลือกที่จะไม่ให้ใครรู้" เมย์เริ่มพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความผิดหวัง
"เมย์ว่าถ้าคนที่รู้คนแรกไม่ใช่เมย์กับริสา ก็คงไม่มีใครรู้อีกแล้ว เพราะพวกเราแทบจะไม่มีความลับต่อกัน... ก็มีแค่เรื่องของพี่เมฆนี่แหละค่ะที่ทำให้จี๊ดต้องเงียบไปแบบนี้! ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะพี่นั่นแหละค่ะ พี่เมฆ!"
เมย์ลุกขึ้นยืนด้วยความคับแค้นใจ "ตอนนี้ยัยริสาก็แย่ เมย์คงไปรบกวนมากไม่ได้ พี่เมฆคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว เมย์ไม่รู้จะช่วยยังไงต่อ เพราะเพื่อนที่เมย์รู้จักทุกคน เมย์ก็ถามหมดแล้ว"
"แล้วถ้าจี๊ดคิดว่าคนที่เมย์รู้จักทั้งหมด... มึงจะตามไปถูกล่ะวะ?" วายุที่นั่งเงียบจับประเด็นขึ้นมา ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดเหมือนกับเป็นนักสืบ
"งั้นน้องจี๊ดก็ต้องไปหาคนที่แก หรือเมย์ หรือคนรอบข้างไม่รู้จักเลย ต้องเป็นแบบนั้นสิ!"
"มันก็เป็นไปได้ค่ะพี่วายุ" เมย์พึมพำอย่างสิ้นหวัง "แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจี๊ดอยู่ที่ไหน จะแจ้งความก็ไม่ได้เพราะเขาไม่ได้หายตัวไป แต่เขาจงใจไม่ให้เรารู้"
ทันใดนั้น วินกับปกรณ์ ผู้ที่สร้างแต่ปัญหาเดินเข้ามาท่ามกลางความตึงเครียด
"เป็นยังไงบ้างวะไอ้เมฆ มันแย่หนักกว่าเดิมอีกเหรอ" ปกรณ์ถามอย่างไม่สบายใจ
เมฆินทร์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยแววตาเกรี้ยวกราด "มันแย่เพราะมึงนั่นแหละไอ้กรณ์! มึงเอาความคิดโง่ ๆ อะไรมาใส่หัวกูวะ! กูไม่น่ามาคบกับพวกมึงเลย เทียวสร้างแต่ปัญหาให้กูอยู่ตลอด!"
"กูขอโทษ... ก็ภาพตอนนั้นมันชัดเจนนี่หว่า" ปกรณ์พยายามแก้ตัว
"ชัดเจนยังไงคะพี่กรณ์!" เมย์จ้องกลับอย่างไม่เกรงใจ "คิดว่าเมย์กับยัยจี๊ดแอบคบกันเนี่ยนะ? พี่เอาสมองส่วนไหนคิดคะ หรือว่าพี่สองคนเป็นแบบนั้นเลยคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันเหรอคะที่ชอบเพื่อนตัวเอง!"
วินกับปกรณ์มองหน้ากันเลิกลั่กทันที วินรีบแก้สถานการณ์ "บ้า! น้องเมย์พูดอะไรอย่างนั้น! อย่าออกนอกเรื่องสิครับ พี่เป็นห่วงไอ้เมฆจริง ๆ นะ"
วายุแอบกลั้นขำกับบทสนทนาที่เผ็ดร้อนและท่าทางเลิ่กลั่กของเพื่อนตัวเอง
"หยุดเลยไอ้ยุ!" วินตะคอก
"อย่าให้ถึงคราวกูนะ กูจะเผาแม่งไม่ให้เหลือซากเลย มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่กับ...!"
"มึงหุบปากไปเลยไอ้วิน....!" วายุสวนกลับ
"เงียบก่อนได้ไหม! คนกำลังใช้ความคิดอยู่!" เมฆินทร์ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความเหนื่อยล้า
"งั้นเมย์ขอตัวก่อนนะคะ ไม่อยากนั่งอยู่กับผู้ชายใจร้ายทั้งหลาย" เมย์กล่าวอย่างเย็นชาและเดินออกไป "ได้เรื่องยังไงโทรบอกเมย์ด้วยนะพี่เมฆ"
"โอเค... ขอบใจเมย์"
ปกรณ์ยื่นแก้วให้ "เอาสักหน่อยไหมเพื่อน จะได้หายเครียด"
"เอะอะ ๆ ก็ให้กูแดกเหล้า! ก็เพราะไอ้เหล้านี่แหละชีวิตกูถึงได้พังแบบนี้! เลิกแดกมันซะดีไหมจะได้จบ ๆ!" เมฆินทร์แทบจะทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
"ก็ดีนะ..." วินพึมพำ "เลิกแดกเหล้าแล้วหันไปแดก... เบียร์ น่าจะโอเคกว่า"
เบียร์!
<...!...>
คำเดียวนี้ดังสนั่นในหัวของเมฆินทร์และวายุ ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก หันมามองหน้ากันเหมือนถูกจุดประกายในความมืดมิด
"ใช่! เบียร์!... ไอ้ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทที่เคยร่วมงานกับบริษัทแก! ไอ้คุณเบียร์!" วายุเรียกชื่อได้ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
"ต้องใช่! ต้องใช่แน่ ๆ!"
เมฆินทร์ไม่รอช้า คว้ากุญแจรถพร้อมกับพุ่งออกจากไนท์คลับราวกับถูกไฟคลอก
"จะไปตอนนี้เลยเหรอวะไอ้เมฆ!" ปกรณ์ตะโกนตามหลัง
"จะอยู่รอทำห่าอะไรล่ะ!"
"ไอ้ยุ! มึงโทรบอกเมย์ด้วยนะ เดี๋ยวกูไปก่อน!"
"เดี๋ยวกูไปพร้อมมึงเลย!" วายุเสนอ
"ไม่ต้อง! มึงไปรับเมย์ให้ก่อน... เผื่อกูไม่รอด อย่างน้อยก็ให้น้องกูไปด้วย ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนกัน"
วายุพยักหน้าเข้าใจ "โอเค ๆ"
เมฆินทร์พุ่งรถออกไปทันที หัวใจเต้นรัวด้วยความหวังอันริบหรี่และรู้สึกผิด
ความร้อนรนในใจทำให้เมฆินทร์ไม่รอรอบเรือโดยสารสาธารณะ ด้วยอำนาจเงินและความเร่งด่วน เขาเช่า สปีดโบ๊ท ส่วนตัวเพื่อทำเวลาให้ถึงเกาะเป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด
เกาะล้าน
เมื่อมาถึงท่าเรือบนเกาะ เขาตรงไปยังรีสอร์ทของเบียร์ทันทีโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
"สวัสดีครับ" เมฆินทร์เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทีเร่งรัด "คุณเบียร์อยู่ไหมครับ ผมเมฆินทร์ ที่มาทำ Project ก่อนหน้านี้"
"อ๋อ... ค่ะ จำได้ค่ะ" พนักงานต้อนรับกล่าว "ผู้จัดการออกไปทำธุระค่ะ"
"แล้วจะกลับเข้ามาตอนไหนครับ"
"ไม่แน่ใจค่ะ"
เมฆินทร์เริ่มกระสับกระส่าย "คุณจำผู้หญิงคนที่ถ่ายแบบให้กับทางรีสอร์ทได้ไหม... ผมอยากรู้ว่าทีมงานของผมที่มาร่วมทำโปรเจกต์ครั้งที่แล้ว ตอนนี้เธอได้มาที่นี่ไหมครับ"
"อ๋อ... ไม่แน่ใจเลยค่ะ"
"ช่วยเช็คให้หน่อยได้ไหมครับ" เมฆินทร์กดเสียงต่ำลงเล็กน้อย
"ต้องขออภัยด้วยนะคะ... ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเราไม่สามารถเปิดเผยได้ค่ะ" พนักงานตอบอย่างสุภาพแต่หนักแน่น
เมฆินทร์กำหมัดไว้แน่น เขารู้สึกเหมือนเจอทางตัน
"ตอนนี้ที่รีสอร์ทมีห้องว่างไหมครับ"
"เหลือแต่ห้อง Exclusive ค่ะ"
"ห้องอะไรก็เอาครับ"
"ราคาไหนก็เอาครับ!"
หลังการจองที่พักสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เขาคว้ากุญแจห้องมาไว้ในมือ
"รถนั่นผมใช้ได้ไหมครับ? ผมจองห้องแล้ว"
"อ๋อ ได้ค่ะ คุณลูกค้าจะให้พนักงานช่วยเอาของไปเก็บที่ห้องเลยไหมคะ..."
"ไม่เป็นไรครับ" เขาโยนกุญแจห้องทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์แล้วรีบขับรถที่เพิ่งได้มาออกไปทันที
เขาขับไปที่จุดชมวิว... ไม่มี!
(...!...)
เขานึกถึงสถานที่เดียวที่เคยมีความลับระหว่างเขากับเธอ... หาดลับ
ตัดภาพมาที่จารวี
จารวีนั่งอยู่บนโขดหินริมหาดลับ ดวงตาเหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ความเจ็บปวดที่เธอได้รับมันหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะให้อภัยเมฆินทร์ได้ แม้จะยอมรับว่าเธอรักเขามากเพียงใดก็ตาม
ความทรงจำมากมายหวนกลับมา... รักแรกของเธอเมื่อสามปีก่อนกับเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนที่เธอเลือกที่จะไม่จำ... ตอนนี้เธอต้องยอมรับความจริงทั้งหมด
"ขอให้จบลงตรงนี้นะคะ..." จี๊ดกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว "พี่เมฆคนใจดี... ที่ไม่มีอีกแล้วของจี๊ด..."
เธอถอดสร้อยคอเงินที่เขาซื้อให้ วางมันทิ้งไว้บนโขดหินอย่างช้า ๆ เหมือนเป็นการยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดลงอย่างเป็นทางการ
เธอหลับตาลงเพื่อกลั้นความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย...
"อยู่นี่ นี่เอง..."
เสียงทุ้มนุ่มที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกและหันขวับไป...!!!
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







