 LOGIN
LOGIN
“พิษ?!”เสิ่นเยว่มีสีหน้าตกใจ พลางยกชามยาขึ้นมาดมอย่างละเอียดด้วยความไม่อยากเชื่อในที่สุดก็จับกลิ่นหอมแปลกปลอมเจืออยู่ในกลิ่นยาบำรุงอันเข้มข้นนั้นได้ คล้ายดอกเหมยในคืนเหมันต์ที่เปื้อนสนิมเหล็ก“หญ้าแดนอัสดง?” เสิ่นเยว่ตะลึงงันเขาติดตามเสิ่นม่อตั้งแต่เยาว์วัย รู้จักสมุนไพรและพิษนับร้อยนับพันชนิด แต่ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้จะเป็นเฉียวเนี่ยนที่ได้กลิ่นก่อนหญ้าแดนอัสดงนั้นเป็นพิษร้ายแรงเหมือนพิษโลหิตดับลมปราณ ผู้ที่กลืนกินเข้าไป แทบไม่ทันได้หายใจได้เป็นครั้งที่สองก็สิ้นใจตายทันทีแต่เหตุใดท่านอาจารย์ถึงให้เฉียวเนี่ยนกินหญ้าแดนอัสดงกัน?“ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ข้าจะไปถามท่านอาจารย์!”พูดจบ เสิ่นเยว่ก็ทำท่าจะถือยาจากไป แต่ไม่คาดว่าจะถูกเฉียวเนี่ยนกดข้อมือไว้ “วางยาไว้ที่นี่”เสิ่นเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ศิษย์น้อง หญ้าแดนอัสดงมิใช่ของเล่น ห้ามทำอะไรสะเพร่ามั่วซั่วเชียวนะ!”เฉียวเนี่ยนยิ้มให้เสิ่นเยว่ “ศิษย์พี่วางใจเถิด ข้ารักชีวิตของตัวเองมาก!”ได้ยินเช่นนั้น เสิ่นเยว่จึงปล่อยมือ พลางถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยว่า “เขามาแล้ว”เสิ่นเยว่ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่เฉียว
"ศิษย์น้องไม่เป็นอะไรหรอก"ในที่สุดเสิ่นเยว่ก็เอ่ยขึ้นมา เขาไม่เหมือนเสิ่นม่อ ที่พูดครึ่งเดียว จนคนฟังอึดอัดตายหรือร้อนใจตายก็ยังไม่พูดให้จบแต่ฉู่จืออี้ไม่เชื่อเสียงกรีดร้องเมื่อครู่จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน หากมิใช่เจ็บปวดถึงขีดสุด เหตุใดจะส่งเสียงโหยหวนเช่นนั้นออกมาได้?"หลีกไป"เขาเอ่ยเสียงเย็นเสิ่นเยว่ถอนหายใจอย่างจนใจ "ศิษย์น้องได้รับพิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณ ทุกคืนวันเพ็ญพิษจะกำเริบ ครบเก้าครั้งจึงจะสิ้นชีพ ตอนนี้นางกำลังค้นหาวิธีปรุงยาถอนพิษของผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณอยู่ในหอคัมภีร์ เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านอ๋องบุกเข้าสำนักราชาโอสถได้ ก็ไม่อาจพาศิษย์น้องไป มีแต่จะถ่วงเวลาที่นางจะหายาถอนพิษได้เท่านั้น"ฉู่จืออี้รู้ว่าเสิ่นเยว่พูดความจริง นึกถึงคำพูดของเสิ่นม่อในตอนกลางวัน มือที่กำดาบไว้แน่นยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว "เหตุใดถึงให้พิษแก่นาง? เจ้าสำนักของพวกเจ้าคิดอะไรกันแน่?"เสิ่นเยว่เงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวงบนฟ้า แล้วจึงเอ่ยว่า "ท่านอาจารย์คงอยากมอบสำนักราชาโอสถให้ศิษย์น้องกระมัง!"ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้ขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเสิ่นเยว่กล่าวต่อ "หากศิษย์น้องสามารถถอนพิษผงเก้ากระบวน
เสิ่นเยว่ตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของตนจะคิดไปในทางนั้น จึงรีบเอ่ยว่า "ท่านอาจารย์เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงเป็นห่วงศิษย์น้องก็เท่านั้นขอรับ""ไม่ต้องให้เจ้าไปห่วงหรอก ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีก็พอ"เสิ่นม่อพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อจากไปเสิ่นเยว่มองแผ่นหลังของเสิ่นม่ออยู่เนิ่นนาน ท้ายที่สุดก็เพียงค่อยๆ ส่ายศีรษะเงยหน้ามองฟ้า คิ้วขมวดเล็กน้อยถึงคราวพระจันทร์เต็มดวงอีกแล้วราตรีเงียบสงัดภายในหอคัมภีร์ยิ่งเงียบจนได้ยินเสียงเปลวเทียนปะทุดังเบาๆเฉียวเนี่ยนขดตัวอยู่หน้าโต๊ะไม้จันทน์ ปลายนิ้วขาวดุจหยกกำลังพลิกอ่านตำราร้อยสมุนไพรที่เหลืองเก่า พลันรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่ามือขึ้นมาเหมือนถูกหางแมงป่องต่อยนางเผลอก้มมองฝ่ามือตนเอง ก็เห็นจุดสีดำเล็กๆ นั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แผ่กระจายออกไปทุกทิศดุจใยแมงมุมชั่วพริบตา ความเจ็บปวดก็หลั่งรินท่วมทั่วร่างตำราร้อยสมุนไพรในมือตกกระแทกพื้นดังตุ้บ เฉียวเนี่ยนทั้งตัวขดเกร็งขึ้นมานางพยายามเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นพระจันทร์เต็มดวงดุจจานหยก ซีดขาวและเยียบเย็นราวกับมีเข็มเงินอังไฟร้อนๆ นับพันเล่มไหลไปตามเส้นเลือด ทุกที่ที่ผ่านก็เฉือนผิ
“เจ้าหนุ่ม ทำไมเจ้ามาอีกแล้ว? คราวก่อนยังไม่ตาย คราวนี้จึงอยากมาตายอย่างนั้นหรือ?” เสิ่นม่อพูด น้ำเสียงยังคงแฝงแววประชดประชันฉู่จืออี้กลับเพียงยิ้มเล็กน้อย คารวะให้เสิ่นม่อหนึ่งที “ผู้น้อยคารวะเจ้าสำนัก ข้ามาเพื่อพาเฉียวเนี่ยนกลับไป”“นางไปไม่ได้” เสิ่นม่อกลอกตา “นางได้รับพิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณ หากยังหายาถอนพิษไม่ได้ นางก็จะไม่มีทางออกไปได้”ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนหน้าฉู่จืออี้พลันหายวับไป กลางหว่างคิ้วปรากฏไอสังหาร “ผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณ? ผู้ใดเป็นคนวางยาพิษนาง?”เสิ่นม่อกลอกตาอีกครั้ง “พูดจาไร้สาระ! นางอยู่ในสำนักราชาโอสถของข้า จะยังมีผู้ใดวางยาพิษนางได้อีก?”นั่นก็แน่อยู่แล้ว ว่าคือเขา!ฉู่จืออี้ตะลึง มือหนึ่งจับไปที่ดาบข้างเอว “นางกับเจ้าสำนักไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดเจ้าสำนักถึงทำร้ายนาง?”เสิ่นม่อมองไปที่ดาบข้างเอวของฉู่จืออี้ แต่สีหน้ากลับยังคงไม่ใส่ใจ “เจ้าสำนักผู้นี้ทำการสิ่งใด ต้องมารายงานเจ้าตั้งแต่เมื่อใด อย่าคิดว่าเพราะเจ้าคือท่านอ๋องแห่งแคว้นจิ้งแล้วเจ้าสำนักผู้นี้จะกลัวเจ้า”สิ้นคำ เสียงเคลื่อนไหวก็ดังมาจากในพงไม้ไม่นาน ก็มีคนหลายคนปรากฏขึ้นจากด้านหลังของฉู
เซี่ยหย่วนเบิกตากว้างขึ้นมาทันที จ้องเขม็งไปยังดาบที่ปักอยู่กลางอกของตน ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“ขะ ข้าเป็นผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ จะ เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้...”จนถึงตอนนี้ เขายังเน้นย้ำถึงฐานะของตนเองอยู่หลินเย่ว์สีหน้าเคร่งขรึม “ในฐานะทหารรักษาพระองค์ ควรจะถือหอกปกป้ององค์เหนือหัว มอบชีวิตเพื่อแผ่นดิน แต่เจ้าที่เป็นถึงผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ยังกล้าทรยศหักหลัง ทำผิดฐานกบฏ ฟ้าดินย่อมไม่อาจให้อภัย!”สิ้นเสียง ดาบยาวก็ถูกดึงออกโลหิตพุ่งกระเซ็นราวกับย้อมใบไม้เหล่านั้นให้กลายเป็นสีแดงฉานเซี่ยหย่วนเซถอยไปสองก้าว มือกุมบาดแผลกลางอกแน่น “ขะ ข้าถูกบังคับ ฮองเฮาข่มขู่ข้า ข้า... ข้าถูกบังคับจริงๆ...”ไม่ทันขาดคำ ดาบในมือหลินเย่ว์ก็ฟาดฟันลงมาอีกครั้งเซี่ยหย่วนยังไม่ทันตั้งตัว ก็เห็นแขนซ้ายของตนขาดตกลงไปบนพื้นมองเห็นนิ้วยังขยับกระตุกอยู่ เขาจึงรู้สึกถึงความเจ็บปวดในภายหลัง ร้องออกมาด้วยเสียงแผดเผาใจหลินเย่ว์ไม่เกิดความเวทนาแม้แต่น้อย ฟันดาบอีกครั้ง แขนขวาของเซี่ยหย่วนก็ขาดสะบั้นตามไป หลินเย่ว์ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น “วันนั้น ตอนเจ้าฟันแขนบิดาข้าทิ้ง เจ
คำพูดนั้นเอ่ยออกมาไม่ทันไร เสียงสะอื้นเจ็บปวดก็หลุดออกจากลำคอของหลินเย่ว์โดยไม่รู้ตัวความทรงจำอันแสนเจ็บปวดถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นทะเล ค่อยๆ กลืนกินเขาไปทีละน้อย...เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อแม่ของตนจะตายเช่นนี้แต่ก็ไม่อาจไม่เชื่อชายหนุ่มร่างใหญ่ร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ เสียงร้องสะอื้นน่าสะเทือนใจจนชายชราข้างๆ ยังต้องยกมือปาดน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้แต่ฉู่จืออี้เอง ดวงตาก็แดงระเรื่อขึ้นมาไม่รู้จะปลอบอย่างไรได้ เขาจึงได้แต่ตบไหล่หลินเย่ว์เบาๆหลินเย่ว์เหมือนเพิ่งได้สติว่าข้างกายยังมีคนอยู่ เขาค่อยๆ หันหน้าไปมองฉู่จืออี้ จากเสียงร้องไห้ที่ยังสะอึกสะอื้นนั้น ก็ฝืนบีบคำพูดออกมาทีละคำ“อย่า อย่าบอกเนี่ยนเนี่ยน... นาง... นางรับไม่ไหวแน่”จะให้บอกนางได้อย่างไร ว่าพ่อแม่ที่นางเคียดแค้นนักหนา ตายเพราะนางจะให้บอกได้อย่างไร ว่าพ่อแม่ที่ครั้งหนึ่งเคยส่งนางไปเป็นทาสในกรมซักล้าง เคยส่งนางไปอยู่ในมือหมิงอ๋อง ปล่อยให้นางถูกหมิงอ๋องทารุณ...วันหนึ่ง กลับยอมตายเพื่อปกป้องนางอย่างเต็มใจแล้วนางจะรับมือกับความจริงนี้ได้อย่างไร?จะยังคงเกลียดชังต่อไป หรือทั้งชีวิตนี้ต้องอยู่กับความเจ็บปวดและความรู




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



