เฉียวเนี่ยนไม่ได้เงยหน้า เพียงจ้องมองพื้นและเอ่ยเสียงหนักแน่น “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”องค์รัชทายาทรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงตวาดเสียงเย็น “เจ้าไม่ทราบงั้นรึ? เจ้าดูเสด็จแม่ของข้าในตอนนี้! เจ้าถอนพิษให้นางมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่ร่างกายนางกลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ! ข้าว่าเจ้าไม่ได้มาถอนพิษให้นาง แต่จะเอาชีวิตนางต่างหาก!”ข้อกล่าวหาใหญ่โตนี้เหมือนโยนความผิดลงบนตัวนางโดยตรง หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันสะท้านขึ้นมาเรื่องสภาพร่างกายของฮองเฮา นางได้อธิบายให้ฮองเฮาฟังตั้งนานแล้ว ฮองเฮาเองก็เคยพูดว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามการรักษาของเฉียวเนี่ยนดูเหมือนฮองเฮาจะเชื่อใจนางอยู่ไม่น้อยทว่าในยามนี้องค์รัชทายาทกลับถามเช่นนั้น ขณะที่ฮองเฮาและองค์หญิงซูหยวนก็นั่งอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดจา ใครเห็นก็รู้ว่าทั้งสองอยากฟังคำตอบจากปากนางอีกครั้งเฉียวเนี่ยนจึงตอบกลับด้วยท่าทีเคารพ “กราบทูลองค์รัชทายาท ฮองเฮาเคยได้รับพิษที่กัดกร่อนอวัยวะภายใน แม้ยามนี้พิษจะถูกถอนแล้ว แต่ร่างกายของพระนางยังอ่อนแออยู่ ต้องใช้เวลาในการบำรุงฟื้นฟูเพคะ”องค์รัชทายาทขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเฉียวเนี่ยนด้วยแววตาดูแคลนแล้วแค่นเสียง “จริงหรือ?”
ถ้าหากเต๋อกุ้ยเฟยที่เป็นคนวางยา พอได้ยินนางพูดว่าแค่อากาศเย็นจนเป็นหวัดก็สมควรเงียบเสีย ให้ฮองเฮาเข้าใจไปว่าตนแค่ไม่สบายเท่านั้นองค์หญิงซูหยวนขมวดคิ้วแน่น “ถ้าเช่นนั้นจะเป็นใครกัน? ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้ว เสด็จแม่มีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจบ้างหรือไม่?”ได้ยินดังนั้น สายตาของฮองเฮาก็พลันมืดหม่นลง ก่อนจะค่อยๆส่ายหน้า “ไม่มี”“ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?” องค์หญิงซูหยวนเริ่มร้อนใจ “เฉียวเนี่ยนบอกว่าพิษของเสด็จแม่เกิดจากการสัมผัสซ้ำๆ หากไม่หาตัวคนวางยา แล้วเสด็จแม่ถูกวางยาชนิดอื่นอีกจะทำอย่างไร?”พอคิดว่าฮองเฮาอาจถึงตายเพราะถูกวางยา ขอบตาขององค์หญิงซูหยวนก็แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเห็นลูกสาวเป็นห่วงตนเองเช่นนี้ ฮองเฮาก็รู้สึกซาบซึ้งใจนัก กำลังจะเอ่ยปลอบโยน กลับต้องแปลกใจเมื่อดวงตาขององค์หญิงซูหยวนกลับแข็งกร้าวขึ้นมา “สู้ให้เฉียวเนี่ยนเป็นคนสืบดูไม่ดีกว่าหรือ?”ฮองเฮาไม่คาดคิดว่าองค์หญิงซูหยวนจะเสนอเช่นนี้ จึงอดแปลกใจไม่ได้ “เหตุใดต้องให้เฉียวเนี่ยนเป็นคนสืบ?”“ก็มีคนช่วยนางอยู่!” องค์หญิงซูหยวนหัวเราะเสียงเย็น “เบื้องหลังนางมีพี่น้องตระกูลเซียวคอยหนุน ยังมีพระปิตุลาอีก แม้จะออกศึกอยู่นอกเมือง
ยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านช่องหน้าต่างไม้แกะสลัก ตกกระทบลงบนพื้นอิฐเขียวในเรือนนอนของฮองเฮา แสงและเงาสลับกันงดงามบรรดาเหล่านางสนมในชุดงดงาม แต่งหน้าประณีต เดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยท่วงท่าสง่างามชายกระโปรงลากไปตามพื้น ท่าทีอ่อนช้อย บนใบหน้าแต้มรอยยิ้มอ่อนหวานและเคารพ“หม่อมฉันทั้งหลายขอคารวะพระองค์ ขอฮองเฮาทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” เหล่านางสนมก้มตัวคารวะพร้อมกัน เสียงใสไพเราะดังก้องไปทั่วท้องพระโรงฮองเฮาเอนตัวอยู่บนตั่ง สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากฝังเข็มรักษาอยู่หนึ่งเดือน ในที่สุดก็ขับพิษในร่างนางออกจนหมดสิ้นเพียงแต่ หลังจากขับพิษแล้ว ทั้งร่างกลับอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง จนกระทั่งตอนรับคำคารวะจากเหล่านางสนมก็ยังดูไร้เรี่ยวแรงขณะนั้นก็เพียงยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถอะ”น้ำเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังปิดไม่มิดถึงความอ่อนแอฮุ่ยเฟยก้าวออกมาข้างหน้าคนแรก กล่าวด้วยความห่วงใยว่า “ฮองเฮา เห็นพระพักตร์ท่านแล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก หรือว่าเมื่อคืนนี้พักผ่อนไม่เพียงพอเพคะ? หม่อมฉันเพิ่งได้สมุนไพรบำรุงชั้นเลิศมาชุดหนึ่ง ไว้จะให้คนส่งมาให้ท่านนะเ
ถึงจะทำผิด แต่เขาก็เลี้ยงดูนางมาอย่างทะนุถนอม จะให้อภัยเขาไม่ได้เลยหรือ?ต้องรอให้ตายก่อนหรือ นางถึงจะยอมเรียกเขาว่าท่านพ่ออีกครั้ง?เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วในที่สุดก็หันกลับมานางมองท่านโหวหลินที่น้ำตาไหลพรากมานานแล้ว ค้อมตัวคำนับหนึ่งครั้งก่อนกล่าวว่า “ในยามนี้ฮูหยินหลินกำลังต้องการคนดูแล ขอท่านโหวหลินรักษาสุขภาพด้วย เฉียวเนี่ยนจะมาเยี่ยมอีกในวันหน้า”พูดจบก็คำนับอีกครั้ง แล้วจึงหันหลังจากไปครั้งนี้ ท่านโหวหลินได้แต่มองร่างของเฉียวเนี่ยนหายลับไปนอกจวนโหวอย่างช่วยไม่ได้ และก็ไม่ได้รั้งนางไว้หัวหน้าคนรับใช้อดไม่ได้ที่จะปลอบว่า “ท่านโหวอย่าเสียใจเลยขอรับ สักวันคุณหนูต้องคิดได้แน่นอน”ใครจะคาดคิดว่า ท่านโหวหลินกลับยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วหัวเราะออกมา“จะเสียใจไปทำไม? เมื่อครู่นางบอกให้ข้ารักษาตัว แล้วก็บอกว่าจะมาเยี่ยมข้าอีกในวันหน้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”เขาเข้าใจดี ด้วยนิสัยของเฉียวเนี่ยนแล้ว จะสามารถเอ่ยสองประโยคนี้ออกมาได้ ก็ถือว่าไม่ง่ายเลยเพียงแค่สองประโยคนี้ เขาก็พอใจแล้วในเวลานั้น ภายในรถม้า หนิงซวงมองเฉียวเนี่ยนด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุณหนู ไม่
เฉียวเนี่ยนยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างเหม่อลอยอาจเพราะวันนี้นางระลึกถึงภาพในอดีตมากเกินไป จนเวลานี้กลับแข็งใจหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาดไม่ได้เพียงได้ยินเสียงของท่านโหวหลินสั่นเล็กน้อย “ก็ ก็ถึงจะเป็นแค่แขก เจ้าของบ้านชวนกินข้าวสักมื้อก็เป็นเรื่องธรรมดา เจ้านี่รีบร้อนจะไปถึงเพียงนี้เลยหรือ?”นางมาจวนโหวในวันนี้ เมื่อรวมสิ่งที่พูดกับเขาและแม่เข้าไปด้วย เกรงว่าก็ยังพูดกับท่านหมอมากกว่าเสียอีก!เขาเองก็รู้ดีว่าเฉียวเนี่ยนจะมาวันนี้ แน่นอนว่าก็เพื่อมาหาท่านหมอ ยิ่งรู้ดีว่าทุกวันนี้ผู้คนต่างพูดกันว่านางคือศิษย์ของหมอเทวดา แท้จริงแล้วก็คือกำลังเรียนกับท่านหมอนั่นเองเขาไม่คิดขัดขวางเลยสักนิด กลับรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำเพียงคิดว่า ท่านหมอเคยพูดว่าจะไม่ออกจากจวนโหวตลอดชีวิต แล้วหากเฉียวเนี่ยนไหว้ท่านหมอเป็นอาจารย์ วันหน้าเจ้าตัวก็ต้องมาที่จวนโหวอยู่เสมอเช่นนั้น อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้เห็นหน้านางบ้างด้านหลังท่านโหวหลิน ยังมีหัวหน้าคนรับใช้ของจวนโหวยืนอยู่ด้วยเขาเองก็เป็นคนที่เห็นเฉียวเนี่ยนเติบโตมาตั้งแต่เล็กเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง ในฐานะข้ารับใช้ เขาไม่อาจเอ่ยอะไรได้ แต่ในยามนี้ เ
ท่านหมอประคองเฉียวเนี่ยนให้ลุกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องมีของพวกนั้น เจ้าศึกษาวิชาแพทย์ให้ดี ก็คือของขวัญไหว้ครูที่ดีที่สุดแล้ว!”ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้มออกมา เฉียวเนี่ยนกลับนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “จริงสิท่านอาจารย์ ข้ามาวันนี้ ก็เพราะเรื่องของคุณชายใหญ่ตระกูลเซียว!”ได้ยินดังนั้น ท่านหมอก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? โรคขากำเริบอีกหรือ?”“ก็ไม่เชิง” เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วกล่าว “เพียงแต่เมื่อคืนข้าพบว่า มือของคุณชายใหญ่ตระกูลเซียวเย็นเฉียบ ไม่เหมือนคนปกติ แต่แม้จะจับชีพจรแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพิษในร่างเขายังไม่หมดสิ้นหรือไม่?”สีหน้าของท่านหมอก็พลันเคร่งเครียดขึ้นเช่นกัน “จับชีพจรแล้วไม่พบอะไร เช่นนี้อาจารย์อย่างข้าเองก็ไม่อาจฟันธงได้เช่นกัน”เฉียวเนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “ใช่แล้ว ชีพจรดูเหมือนจะปกติ แต่ก็เหมือนจะมีบางอย่างแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”แต่ตรงไหนที่แปลกนั้น เฉียวเนี่ยนก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้อย่างไรเสีย นางก็เพิ่งเรียนวิชาแพทย์มาไม่นาน หนังสือที่มีคำอธิบายอยู่ นางก็รักษาได้ แต่หากไม่มีคำอธิบาย นางก็ไม่ต่างจากแมลงวันที่บินหาทางไม่เจอท่านหมอก็ดูจ