LOGINเธอเป็นเพียงแม่อุ้มบุญหรือจะสู้แม่ของลูกที่อุ้มรักของเขาได้ ในวันที่เธอท้องใกล้คลอด เขาที่กำลังจะมีลูกอีกคนกับผู้หญิงที่เขารัก! เธอจึงยอมจากลาทั้งหัวใจที่บอบช้ำไม่มีชิ้นดี...
View Moreภายในศาลาวัดยามพลบค่ำ พิธีสวดอภิธรรมศพของคุณย่าพิสมัย อมรฤทธากูล ที่เพิ่งได้ลาลับจากโลกใบนี้ไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง หญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องจวนใกล้คลอดยืนคอยต้อนรับแขกพร้อมด้วยคุณกฤษณะและคุณมลฤดี ลูกชายและลูกสะใภ้ของคุณย่าพิสมัย หลายครั้งหลายครา “เขมิกา” ต้องหันไปมองด้านในศาลา ที่ถูกประดับประดาด้วยดอกไม้สดล้อมรอบโลงศพที่คนเป็นย่ากำลังนอนหลับพักผ่อนชั่วนิรันดร์ หญิงสาวอดที่จะร้องไห้ออกมาทุกครั้งไม่ได้ สิ้นแล้วที่พึ่งหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของชีวิต คุณย่าที่เธอเคารพรักเหมือนบุพการีแท้ ๆ
แขกมากหน้าหลายตาต่างทยอยเดินทางมาร่วมพิธีอย่างต่อเนื่อง ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าต้องมีวันนี้ แต่ไม่มีใครรับได้เลยที่จะต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปตลอดกาลไม่มีวันหวนกลับ “ยายเข็ม ถ้าเหนื่อยก็ไปนั่งพักก่อนไป ยืนนานแบบนี้เดี๋ยวก็ตะคริวกินขาเอาหรอก” คุณกฤษณะพูดกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย จนหญิงสาวต้องหันหน้ากลับมามองพร้อมกับส่งยิ้มส่ายหน้าให้ “เข็มไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เข็มยังพอไหว” “แล้วนี่เจ้าธามมันโทรมาบอกหรือเปล่าว่าจะมีไฟล์ทบินมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่?” “พี่ธามบอกว่าจะถึงวันนี้นะคะ สงสัยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ที่บ้านเดี๋ยวก็คงมาแล้ว” ไม่ทันที่เขมิกาจะพูดขาดคำ ร่างสูงของธามธารากัปตันหนุ่มสุดหล่อ สามีและพ่อของลูกก็เดินเข้ามาภายในบริเวณศาลา แต่ข้างกายของเขาในตอนนี้กลับมีหญิงสาวหน้าตาดีเดินเคียงคู่มากับเขาด้วย ทำให้ทั้งพ่อและแม่พร้อมด้วยเขมิกาต้องจ้องมองคนทั้งคู่เหมือนมีคำถาม หญิงสาวคนนั้นเกาะแขนของธามธาราเหมือนว่าเธอเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา โดยไม่ได้แคร์สายตาของผู้คนที่จ้องมองอยู่เลยสักนิด “มาถึงแล้วเหรอตาธาม พ่อนึกว่าแกจะมาไม่ทันงานเผาศพคุณย่าแกแล้ว” “ผมเพิ่งแลกไฟล์ทบินกับนักบินคนอื่นได้น่ะพ่อ คนเยอะเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มจับจ้องมองไปโดยรอบก่อนจะปรายสายตาหันกลับมาสบตากับเขมิกา หญิงสาวจ้องมองหน้าทำสายตาปริบ ๆ ดวงตาของเธอยังคงเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำใสที่มาจากความเศร้าโศกและเสียใจให้กับการจากไปของคนเป็นย่า แต่ทว่าในเวลานี้เธอจ้องมองพ่อของลูกยืนอยู่เคียงข้างหญิงสาวอีกคน เธอไม่รู้ควรจะต้องทำหน้าตาแบบไหนหรือทักทายคนทั้งคู่ว่าอย่างไรถึงจะเหมาะสมที่สุด “พ่อครับแม่ครับ นี่มัลลิกาครับเพื่อนสนิทของผม” “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวรีบยกมือพนมขึ้นไหว้บุพการีของธามธาราอย่างนอบน้อม ทั้งพ่อและแม่ของธามธาราก็รับไหว้ไม่ให้เสียมารยาทเช่นกัน ก่อนที่สองสามีภรรยาจะหันไปมองหน้าซึ่งกันและกันอีกครั้ง “ส่วนคนนั้นเขมิกา คนที่ผมเล่าให้มะลิฟังไงครับ” เขมิกาที่รู้ว่าตัวเองอายุน้อยกว่าคนตรงหน้า เธอรีบยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพก่อนไม่ให้เสียมารยาทเช่นกัน “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เรียกเข็มก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวเองออกไปพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้ด้วยความเป็นมิตร แม้จะมีความรู้สึกมากมายท่วมท้นล้นเต็มอกบอกกับใครไม่ได้เลยก็ตาม “พี่ชื่อมะลิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักน้องเข็มเช่นกัน” “เดี๋ยวผมพามะลิเข้าไปไหว้ศพคุณย่าก่อน ไว้ค่อยคุยกันนะครับพ่อกับแม่” ธามธาราเชื้อเชิญให้หญิงสาวที่มากับเขาได้เดินเข้าไปภายในศาลาผ่านหน้าของพ่อและแม่รวมถึงเขมิกา เขาไม่แม้แต่จะทักทายเธอเท่าที่ควรจะเป็นเลยสักนิด ไม่มีคำถามไถ่ว่าเธอล่ะสบายดีหรือเปล่า ทั้งที่สถานะของเธอและเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แม้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นย่าก็ตาม แต่ในเวลานี้คนทั้งคู่ก็กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้ว เขมิการู้ตัวเองดีว่าความเมินเฉยของธามธาราที่แสดงออก เป็นอาการปกติที่เธอเองมักจะคุ้นชินมาตลอดสิบกว่าปีที่จำความได้ รู้ดีว่าระหว่างเธอและชายหนุ่มแท้จริงแล้วความสัมพันธ์เป็นแบบไหน เป็นเธอที่รู้สึกกับเขามากมายเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดให้คนอื่นรับรู้ได้ แต่เงื่อนไขที่คนทั้งสองเคยตกลงกันเอาไว้ ทำให้เธอต้องยอมรับชะตากรรมที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต เธอไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าข้าวเจ้าของชีวิตเขา แม้ว่าในเวลานี้จะกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ก็ตาม เลือดเนื้อเชื้อไขของอมรฤทธากูล เป็นหนึ่งในความต้องการของคุณย่าพิสมัยที่ได้ร้องขอเอาไว้ครั้งเมื่อยังมีชีวิตอยู่ “ยายเข็มเราโอเคใช่ไหม?” คุณมลฤดีหันไปถาม หญิงสาวยังคงจับจ้องมองสองหนุ่มสาวที่เดินเข้าไปในศาลาไม่วางตา เขมิกาหันกลับมาเผชิญหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้และพยักหน้ารับเบา ๆ “ตาธามนี่ก็อะไรนะ ทำไมต้องพาคนอื่นมาร่วมงานวันนี้ด้วย” คุณมลฤดีพูดขึ้นอีกครั้ง รู้สึกไม่พอใจลูกชายอยู่มากแต่นางจะไปทำอะไรได้ เพราะชีวิตของธามธารานางไม่ได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของลูก ถึงจะเป็นแม่แต่ชีวิตของลูกก็ยังเป็นสิ่งที่ลูกเลือกทางเดินได้เองอยู่ดี “คนรักของพี่ธามหรือเปล่าคะคุณแม่?” “เมื่อกี้มันแนะนำว่าเพื่อนไม่ใช่เหรอ ก็คงจะเพื่อนมันนั่นแหละ” เพื่อนสนิทที่มีสถานะมากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ใช่ว่าเขมิกาจะไม่รู้สึกแต่หญิงสาวกลับต้องแบกความรู้สึกทั้งหมดนี้เอาไว้เพียงลำพัง พยายามสลัดความนึกคิดที่ไร้สาระนี้ออกไปจากหัว ก่อนจะหันกลับไปต้อนรับแขกเหรื่อที่กำลังเดินเข้ามาทักทายคนทั้งสามอยู่หน้าประตูศาลาทางเข้านั้นอีกครั้ง คุณกฤษ ลูกชายคุณมันทำบ้าอะไร อย่าบอกนะว่ามันจะเปิดตัวผู้หญิงคนนั้นอย่างเป็นทางการ แล้วเมียที่กำลังอุ้มท้องลูกของมันอยู่นี่ล่ะ มันจะทำยังไงหะ?” คุณมลฤดีหันกลับไปกระซิบกระซาบกับผู้เป็นสามีอีกครั้ง นางเองก็รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นลูกชายมาร่วมงานพร้อมกับผู้หญิงคนอื่นอย่างเช่นวันนี้ที่กำลังเกิดขึ้น “มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาคุยเรื่องนี้กันตอนนี้หรอก รอให้สวดอภิธรรมเสร็จก่อนเดี๋ยวผมจะถามลูกเอง” “ฉันสงสารยายเข็มนี่สิ กำลังท้องใกล้คลอดแล้วยังมีเรื่องให้สะเทือนใจ แถมมีเรื่องให้ต้องคิดมากเข้ามาในชีวิตแบบนี้อีก” “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ก็เรื่องที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดคุณแม่จัดการเองทั้งสิ้น พอไม่มีคุณแม่แล้วอะไร ๆ มันก็คงจะวุ่นวายน่าดูเลย บอกอยากจะมีเหลน อยากจะอุ้มเหลน แต่ตัวเองดันมาเสียชีวิตด่วนจากลาไปเสียก่อน ไม่ทันจะได้เห็นหน้าเหลน ไม่ทันจะได้ชื่นชมเหลนเลย เฮ้อ...พรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อนะคุณมล?” “จะทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อลูกชายคุณมันก็หัวแข็งซะแบบนี้ ลูกในท้องเขมิกาก็เป็นหลานของเรา เราก็คงต้องช่วยกันดูแลแม้พ่อของมันจะไม่อยากดูดำดูดีก็ช่างเถอะ” สองสามีภรรยาหันกลับไปมองเขมิกาที่กำลังยืนยิ้ม ไหว้รับกับแขกเหรื่อที่กำลังทยอยเดินเข้ามาทักทายและร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวอยู่อย่างต่อเนื่อง“พี่อ่ะพูดมาก อัยไม่อยากคุยแล้วนะ จะไปอาบน้ำแล้วค่ะ” ก่อนจะขยับกายเพื่อที่จะลุกหนีจากที่นอนอย่างที่ปากว่า ธีร์ธัชไม่ปล่อยเวลาผ่านให้ไปนาน เขารีบโน้มตัวเข้าหาเธออีกครั้ง ริมฝีปากสัมผัสประกบแนบชิดกันเต็มไปด้วยความรัก ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มถลำลึกในความรู้สึกอย่างห้ามใจไม่ไหว เสียงครวญครางเริ่มดังประสานขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะที่ธีร์ธัชกำลังพาอัยวาเข้าใกล้ความสุขขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงก๊อกแก๊กที่ประตูดังขึ้นขัดจังหวะ “พี่ธีร์ลูกมา!” “แม่คะ พ่อคะ หนูหิวข้าวแล้ว” เสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวที่วิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว ทำเอาทั้งคู่หยุดชะงักด้วยความตกใจ อัยวารีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัวเองและเขาเอาไว้ทันที ธีร์ธัชรีบหันหน้าไปยิ้มแบบเขิน ๆ ให้ลูกสาว หนูน้อยอิงฟ้าวิ่งมาใกล้เตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว พอมองเห็นพ่อกับแม่อยู่ในท่าทางที่ไม่ธรรมดา ก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย “พ่อคะ พ่อนอนทับแม่ทำไมคะ?” อัยวาถึงกับอยากมุดเตียงหนี อายลูกน้อยที่ต้องมาเจอภาพแบบนี้เข้า “เอ่อ...พ่อกำลังหยอกเล่นกับแม่อยู่ลูก เดี๋ยวพ่อไปทำเบรคฟาสให้นะครับ” “แม่กับพ่อ ทำไมหน้าแดงจังคะ?” ธีร์ธัชและอัยวาก้มหน้
“อัย…คืนนี้ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้ว” ฝ่ามือหนาใหญ่ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มของเธอเบา ๆ ก่อนจะขยับลงมาที่ใบหน้า ดวงตาของทั้งสองมองจ้องกันอย่างลึกซึ้ง เหมือนไม่มีอะไรบนโลกนี้สำคัญไปกว่าช่วงเวลานี้อีกต่อไปแล้ว อัยวารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและอุ่นขึ้นทุกที เธอไม่เคยคิดว่าความรักจะกลับมาหาเธอได้ลึกซึ้งและแนบแน่นขนาดนี้อีกครั้ง ริมฝีปากของธีร์ธัชค่อย ๆ เลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากของเธอเบา ๆ ช้า ๆ แต่อบอุ่นสุด ๆ เหมือนทุกจูบบอกเล่าความรู้สึกที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอด อัยวาไม่ถดถอยหนี แต่กลับตอบรับด้วยความนุ่มนวลและปลุกความปรารถนาในกายเขาในเวลาเดียวกัน ใบหน้าทั้งคู่แนบชิดกันมากขึ้นจนสัมผัสกันแทบทุกอณู ฝ่ามือของธีร์ธัชเริ่มสำรวจไปทั่วร่างกายของเธออย่างทะนุถนอม ใบหน้าเรียวเอนลงซบกับซอกคอของเขา กลิ่นตัวของเขายิ่งเร้าอารมณ์ “ฉันรักเธอนะอัย รักมากกว่าที่เคยพูดเมื่อก่อนนี้อีก” เสียงกระซิบเบา ๆ เสียงลมหายใจผสมผสานกันจนกลายเป็นบทเพลงแห่งความรัก อ้อมกอดของผู้ชายที่เธอเคยหวาดกลัว แต่วันนี้กลายเป็นคนที่ทำให้ใจเธอสงบและรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน เสื้อผ้าที่สวมใส่ติดกายถูกถอดออกช้า ๆ โดยมีมือของเขาคอย
“หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธนะอัย ขอให้วันนี้เป็นวันที่เราได้เริ่มต้นใหม่ด้วยกันอย่างจริงจังอีกครั้งเถอะนะ ฉันจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก จะไม่ทำให้เธอร้องไห้ จะรักเธอให้มากและอยู่ดูแลกันไปจนแก่เฒ่าเหมือนอย่างที่เราเคยฝันเอาไว้” อัยวาพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา เธอพูดอะไรไม่ออกเลยในเวลานี้ ทำได้เพียงแค่ยื่นมือซ้ายไปให้เขาแทนคำตอบ ธีร์ธัชยิ้มกว้างออกมาด้วยความความดีใจ ก่อนจะรีบหยิบแหวนที่อยู่ในกล่องออกมาอย่างรีบร้อน สวมใส่นิ้วของหญิงสาวด้วยมือที่สั่นเทา ดีใจและตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่แล้วเหมือนกัน แหวนขอแต่งงานที่พอดีกับนิ้วมือเรียวสวย ตอนนี้เขาจับจองเป็นเจ้าของเธอแล้วเรียบร้อย ริมฝีปากหนาจูบซับหลังมือของเธอเบา ๆ ก่อนจะมองจ้องหน้าสบตากันอีกครั้ง “ขอบคุณนะอัย ขอบคุณจริง ๆ” ฝ่ามือของอัยวายกขึ้นลูบสัมผัสแก้มสากเบา ๆ “ขอบคุณนะคะ ที่วันนี้คุณยังเลือกอัยเหมือนกัน” ก่อนที่คนทั้งคู่จะโผเข้ากอดกันและกัน เสียงคลื่นลูกเล็ก ๆ ซัดเข้าฝั่งรัว ๆ ราวกับกำลังปรบมือให้กับช่วงเวลาดี ๆ ของพวกเธอเลย ค่ำคืนของวันเดียวกันตอนนี้หนูน้อยอิงฟ้าหลับฝันดีไปแล้วเรียบร้อย ธีร์ธัชนั่งโอบกอดอัยวาไว้ในอ้อมแขน ความอบ
“อย่าดิ้นสิ นั่งอยู่ตรงนี้เลย ช่วยนั่งอยู่นาน ๆ ด้วย” “ทำไมคะ ทำไมต้องนั่งด้วย อัยไม่ใช่อิงฟ้านะ อายคนอื่นจะแย่ ปล่อยค่ะ ปล่อยเลย” สายตาคมมองไปด้านล่างของหญิงสาวกำลังนั่งทับอยู่ตอนนี้ อัยวารับรู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งบางอย่างมันไม่ปกติเกิดขึ้น ก่อนที่คนทั้งคู่จะมองสบตากันและกัน “นี่คุณ...” “อืม...นั่นแหละ อย่าเพิ่งไปไหนเลย ช่วยนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนเถอะนะอัย”ดวงตาคมมองจ้องหน้า อ้อนวอนขอร้องทำตาปริบ ๆ ให้ช่วยสงสาร “บ้า! คุณบ้าไปแล้วคุณธีร์” “บ้าอะไรล่ะ ใครบอกให้เธอเซ็กซี่ ใครบอกให้สวยน่าเอาขนาดนี้ ฉันอดอยากมานานแล้วไม่รู้หรือไง ฉันเหมือนเสือหิวที่พร้อมจะขย่ำเหยื่อตอนนี้ได้เลยนะอัย” อัยวาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้ได้เลยในตอนนี้ อับอายและเขินกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก พยายามที่จะขยับตัวแต่อ้อมแขนเขาก็ยิ่งกอดรัดเธอเอาไว้แน่น “อย่าดิ้น บอกแล้วอย่าเพิ่งดิ้นอยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ ก่อนได้ไหมอัย” “แล้วมันต้องนานแค่ไหนคะ มันถึงจะเลิกเป็นแบบนี้” “เถอะหน่า นั่งอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะพยายามให้มันสงบลง” แล้วเธอจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งนิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับ ยอมให้เขากอดและใกล้ชิดอย่างไม