“ท่านพี่เซียว!”เฉียวเนี่ยนเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว พลางก้าวตรงไปหาเซียวเหอส่วนเซียวเหอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แววตาแฝงรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า“ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้ากลับเมืองหลวงพร้อมกองทัพของท่านอ๋อง ข้าบังเอิญไม่ได้เข้าเวร ก็เลยมาเยี่ยมเจ้า”เซียวเหอพูดพลางปรายตามองไปยังต้นเหมยแดงนั้น “บานได้งดงามจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเดินมาถึงตรงหน้าเซียวเหอ พอได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็หันไปมองต้นเหมยแดงเช่นกัน แววตาอ่อนโยนและสงบ “ใช่ บานได้งดงามจริงๆ”“เรื่องของเจ้ากับท่านอ๋องผิงหยาง ข้าได้ยินมาแล้ว”เสียงของเซียวเหอดังขึ้นอีกครั้ง เฉียวเนี่ยนชะงัก หันกลับไปมองเขา แววตาแฝงความประหลาดใจอยู่เล็กน้อยเห็นเพียงเซียวเหอยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ก็ดีนะ หากเป็นท่านอ๋อง อย่างน้อยข้าก็วางใจได้”อย่างน้อย เขารู้ถึงนิสัยของฉู่จืออี้ และก็รู้ถึงความสามารถของฉู่จืออี้มอบเนี่ยนเนี่ยนไว้ในมือของฉู่จืออี้ เขาก็ย่อมวางใจจริงๆเพียงแต่...แม้จะยินดีกับนาง แต่ในอกกลับยังเจ็บปวดแผ่วเบาอย่างห้ามไม่ได้เป็นความรู้สึกสิ้นหวังปนเสียดายทั้งที่เมื่อครั้งนั้น เขาเกือบจะได้ครอบครองนางอยู่แล้วแท้ๆเฉียวเนี่ยนจะไม่รู้ความคิดขอ
เมื่อได้ยินดังนั้น หนิงซวงก็ชะงักไปครู่หนึ่งได้ พลันเงียบสงัดลงอย่างไร้สาเหตุลุงเกิ่งรับคำว่าขอรับ จากนั้นจึงขับรถม้า มุ่งหน้าไปทางเรือนเล็กเหมือนกับว่านางได้ห่างหายจากการกลับมาที่นี่ไปเนิ่นนานเหลือเกินแล้วเมื่อยืนอยู่หน้าประตูเรือนเล็กที่คุ้นตาแต่กลับดูแปลกแยก เฉียวเนี่ยนพลันรู้สึกบางสิ่งปั่นป่วนขึ้นในอกไม่นาน หวังเอ้อก็เปิดประตูออกมาเห็นเป็นเฉียวเนี่ยน หวังเอ้อก็พลันยินดีขึ้นมา “คุณหนู?! ในที่สุดคุณหนูก็กลับมาแล้ว!”หวังเอ้อเอ่ยพลางเชื้อเชิญเฉียวเนี่ยนเข้ามาในเรือนสายตาของเฉียวเนี่ยนก็ค่อยๆ กวาดมองไปทั่วหวังเอ้อเอ่ยว่า “บ่าวทำความสะอาดเรือนทุกวันจนสะอาดหมดจด แม้แต่ห้องของคุณหนูกับพี่หญิงหนิงซวงก็ทำความสะอาดทุกวัน แม้กระทั่งเครื่องนอนก็ยังเอาออกไปตากทุกสองสามวัน ก็คิดว่าไม่แน่ว่าสักวันคุณหนูอาจกลับมาอยู่ที่นี่อีก!”ครั้งนั้นเขาได้รับความไว้วางใจจากเฉียวเนี่ยน ได้รับคําฝากฝังให้เฝ้าดูแลเรือนนี้ เขาจึงทำทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบเฉียวเนี่ยนเห็นเข้าก็พลันพึงใจ พยักหน้า “มอบเรือนนี้ให้เจ้าดูแล ข้าย่อมวางใจ”พูดพลางก็ก้าวเดินเข้าไปหวังเอ้ออยากจะตามไป แต่กลับถูกหนิงซวงข
สิบวันต่อมา คำสั่งโยกย้ายจากนครหลวงก็ถูกส่งมาจนได้ฉู่จืออี้นำกองทัพใหญ่ กลับมาอย่างมีชัย ในที่สุดก็ทันถึงนครหลวงวันที่ยี่สิบแปดในเดือนสุดท้ายของปีนครหลวงเมื่อวานเพิ่งมีหิมะตก ปกคลุมทั่วพื้นดินเป็นสีขาวสะอาดเกอซูอวิ๋นคงไม่เคยเห็นทิวทัศน์เช่นนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะยกม่านรถม้าขึ้นมองออกไปที่กลุ่มชนเตอร์กิก นางเคยเห็นแต่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดสายตาและทะเลทราย แต่ไม่เคยเห็นต้นไม้สูงเช่นนี้ ภูเขาเขียวขจีเช่นนี้ยิ่งไม่เคยเห็นหิมะถล่มกดทับจนสนเขียวโค้งงอลงเช่นนี้“งามสวยเหลือเกิน...”นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมออกมาเมื่อเทียบกับตอนเพิ่งมาถึงแคว้นจิ้งใหม่ๆ บัดนี้เกอซูอวิ๋นพูดภาษาแคว้นจิ้งได้อย่างคล่องแคล่วผิดหูผิดตาแล้วเฉียวเนี่ยนช่วยจัดเสื้อคลุมบนตัวให้นาง แล้วจึงเอ่ยว่า “อย่าให้ลมพัดมากนัก หากเป็นหวัดขึ้นมาคงแย่”เกอซูอวิ๋นจึงยอมปล่อยม่านลงอย่างอาลัย แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉามองเฉียวเนี่ยน “ที่นี่คือสถานที่ที่เจ้าคุ้นเคยมาแต่ก่อนใช่หรือไม่ ดีจริงๆ เลย! ดีกว่ากลุ่มชนเตอร์กิกของเรามากมายนัก!”อาจเพราะคำว่า “มาแต่ก่อน” ชวนรำลึกถึงความหลังมากเกินไป เฉียวเนี่ยนเพียงยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรไม่
บนใบหน้าเฉียวเนี่ยนย้อมไปด้วยความกังวลเล็กน้อยนางหันศีรษะไปมองกระโจม แล้วจึงพูดว่า "เป็นนางที่โง่ต่างหาก!"พูดพลาง นางก็หันไปมองฉู่จืออี้อีกครั้ง เอ่ยว่า "พี่ใหญ่รู้หรือไม่? แท้จริงแล้วองค์หญิงเกอซูมิใช่องค์หญิงที่เป็นที่โปรดปรานของกลุ่มชนเตอร์กิก ดั่งเช่นข้า นางก็มีบาดแผลมากมายบนร่างกาย เป็นเพราะนางได้ยินเรื่องของพวกเรา แล้วคิดว่าท่านจะไม่แต่งกับนาง อย่างไรก็ต้องส่งนางกลับไปกลุ่มชนเตอร์กิก นางจึงคิดจะจบชีวิตตนเองจ"ฉู่จืออี้คว้าข้อมือเฉียวเนี่ยนแล้วพาเดินไปไกล "สถานการณ์ของกลุ่มชนเตอร์กิก ข้าได้รู้มานานแล้ว เบื้องหลังของนาง ข้าก็พอรู้บ้าง ดังนั้นข้าไม่เคยคิดจะส่งนางกลับไปกลุ่มชนเตอร์กิก"การส่งนางกลับไปกลุ่มชนเตอร์กิก ก็เท่ากับการส่งนางไปตายเฉียวเนี่ยนพยักหน้าช้าๆ "ดังนั้น พี่ใหญ่คิดจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?"ฉู่จืออี้ตอบตามจริง "เสด็จพี่ก็มีพระโอรสอยู่หลายองค์ ดูสิว่าจะสามารถเลือกองค์หนึ่งขึ้นมาแต่งตั้งอ๋องได้หรือไม่ ข้าจำได้ว่าองค์ชายเจ็ดก็ใกล้ถึงวัยแต่งงานแล้ว อำนาจเชื้อสายฝั่งมารดาไม่ใหญ่โตนัก คงไม่เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจขององค์รัชทายาท อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี""องค์ชายเจ็ด?"
ใบหน้าเล็กๆ ของเกอซูอวิ๋นหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะนางคิดว่าแผนของนางเมื่อครู่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริงดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจคำพูดของเฉียวเนี่ยนเลย “ทำไมกัน?”ทำไมถึงจะไม่เห็นด้วย?แต่งภรรยาที่เทียบเท่าภรรยาหลวง ทั้งสามารถทำให้สองแคว้นบรรลุสันติภาพยาวนาน อีกทั้งยังไม่ต้องแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน ไม่ใช่ว่าได้ประโยชน์สองต่อหรอกหรือ?ที่สำคัญกว่านั้น นางเคยบอกแล้วว่าจะไม่รบกวนชีวิตของพวกเขา จะพยายามทำตัวเป็นคนล่องหน และนางก็ทำได้จริงตามที่พูด!ในช่วงเวลากว่าสิบปีในกลุ่มชนเตอร์กิก สิ่งเดียวที่นางได้เรียนรู้ก็คือจะทำอย่างไรให้ตัวเองเป็นคนล่องหน ทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกมองเห็น เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาและการถูกทุบตี!ทักษะเช่นนี้ นางฝึกมานานมากจริงๆ!เฉียวเนี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “บนโลกนี้ คนที่รักเจ้าจริงๆ จะไม่มีวันยอมให้มีคนที่สามเข้ามาในความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”เกอซูอวิ๋นก็ยังไม่เข้าใจ “ทำไมเล่า? บิดาของข้าและพี่ชายของข้าก็ล้วนมีภรรยามากมาย... ข้ารู้ว่าในแคว้นจิ้งก็เหมือนกัน ยิ่งผู้ชายมีความสามารถมาก ก็จะมีผู้หญิงมากขึ้น! หรือว่าท่านอ๋องจะมีเจ้าคนเดียวไปตลอดชีวิต?”“อืม”เฉ
“เจ้าไม่ต้องขอโทษข้าเลย!”เกอซูอวิ๋นขัดคำของเฉียวเนี่ยน “เจ้าไม่ผิด เจ้ากับท่านอ๋องย่อมต้องรักใคร่กันและมีใจต่อกันเพราะอยู่ร่วมกันมานาน ส่วนข้า ข้าเพียงเพราะเหตุผลต่างๆ มากมายจึงโผล่มาอย่างกะทันหัน! ข้าไม่ได้โทษเจ้า ข้าเพียงแต่...”พูดถึงตรงนี้ เกอซูอวิ๋นก็ก้มหน้าลง เสียงสั่นสะท้าน “ข้าเพียงแต่กลัวเหลือเกิน...”ก่อนหน้านี้ตอนถูกส่งมา พวกที่นางเรียกว่าพี่ชายเคยเตือนนางไว้หากไม่สามารถแต่งกับท่านอ๋องแห่งแคว้นจิ้งได้ ก็จะฆ่านาง!และตอนนี้ เฉียวเนี่ยนได้คบหาดูใจกับท่านอ๋องแห่งแคว้นจิ้งแล้ว เช่นนั้นนางจะยังแต่งกับเขาได้อย่างไร?ดังนั้น สิ่งที่รอนางอยู่ก็มีเพียงหนทางตายเท่านั้นนางกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะถูกพี่ชายจับกลับไปทุบตีจนตาย จึงคิดว่า แทนที่จะถูกทรมานจนตาย สู้ฆ่าตัวตายเสียดีกว่า!ทว่า นางขี้ขลาดเกินไปแม้แต่จะฆ่าตัวตาย นางก็ไม่กล้า!มัวแต่ลังเล ไม่กล้าลงมือ จนทำให้เฉียวเนี่ยนต้องบาดเจ็บที่ฝ่ามือนางคิดว่า หากจะมีใครต้องเอ่ยคำขอโทษ ก็สมควรเป็นนางต่างหากเมื่อเห็นเกอซูอวิ๋นในสภาพน่าสงสารเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็ทนไม่ไหว ยื่นมือไปกอดเกอซูอวิ๋นไว้“อย่ากลัวไปเลย เจ้าอยู่บนผืนแผ่น