แชร์

ตอนที่3โลกในนิยาย

ผู้เขียน: ฉู่เฉียว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-01 21:07:52

กันตาแนบใบหูเข้ากับบานประตูที่ปิดสนิท พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตักราวกับจะทะลุออกมานอกอก ผิวของบานประตูเย็นเฉียบและหยาบกระด้าง แต่เธอกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยในเวลานี้ สิ่งเดียวที่เธอจดจ่อคือเสียงที่ดังขึ้นจากอีกฟากของประตู

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินไปมาอยู่ไม่ไกล ราวกับใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าห้อง จากนั้นเสียงเรียกของผู้ชายคนเดิมที่ดังขึ้นก่อนหน้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง 

"เหยียนเหยียนเร็วเข้า พ่อต้องรีบไปแล้ว พี่สาวเจียงกำลังรอเราอยู่นะ"

เสียงของผู้ชายคนนั้นฟังดูเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน 

กันตานิ่งฟังอย่างสงบ เธอไม่ได้ยินเสียงขานรับจากคนที่ถูกเรียกว่า เหยียนเหยียน แต่ยังคงได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่หน้าห้อง

เสียงของคนด้านนอกเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลของชายคนนั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอื้ออาทร

"เด็กดี แม่ของลูกไม่สบาย ลูกไปอยู่กับพี่สาวเจียง ไปวิ่งเล่นกับถังถังดีกว่านะ มาเถอะ พ่อจะพาไปส่ง"

ยังคงไม่มีคำตอบรับจาก เหยียนเหยียน เช่นเดิม แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ขยับออกไปจากหน้าห้อง เสียงนั้นดังห่างออกไปจากบริเวณหน้าประตูเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้กันตามีความกล้าพอที่จะแง้มประตูเปิดออกเพื่อแอบมองคนด้านนอก

บอกตามตรงว่า เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกไปพบผู้คนในสภาพนี้เลยแม้แต่น้อย

เธอเคยเป็นหญิงสาวที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ทุกกระเบียดนิ้ว ต้องดูดีทุกครั้งเมื่ออยู่ในสายตาผู้อื่น จะให้เธอหาญกล้าออกไปเผชิญหน้ากับผู้คนในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

กันตายกมือขึ้นแตะเส้นผมของตัวเอง มันพันกันยุ่งเหยิงจนแทบแกะไม่ออก พอไล่ปลายนิ้วลงมาสัมผัสใบหน้า ผิวของเธอสากกร้านเต็มไปด้วยคราบสกปรก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เก่าจนแทบดูไม่ได้ อีกทั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่คลุ้งตลบไปทั่วตัวอีก เธอที่ได้กลิ่นยังฉุนจนแสบจมูกไปหมดแล้ว

เพียงแค่คิดว่าต้องเดินออกไปเจอสายตาผู้คน เธอก็รู้สึกอยากจะหดตัวกลับเข้าไปในมุมมืด ไม่อยากให้ใครพบเห็น ไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น 

แม้จะรู้ว่านี่ไม่ใช่ร่างเดิมของเธอ แม้จะเป็นเพียงร่างของใครอีกคนที่เธอไม่รู้จัก แต่มันก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย ก็ในเมื่อตอนนี้มันคือตัวเธอนี่

สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อกันตาแง้มประตูออก คือแอปเปิ้ลผลเล็กๆ ผลหนึ่งในถุงกระดาษที่วางอยู่ใกล้ธรณีประตู หญิงสาวเหลือบสายตามองคนที่คาดว่าเป็นผู้วางมันเอาไว้ แผ่นหลังเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินจากไปอย่างเชื่องช้า ผมดำขลับของหนูน้อยถูกจับมวยเป็นก้อนกลมๆ สองข้าง คล้ายซาลาเปาคู่ดูน่ารักน่าชัง ผ้าผูกผมที่มัดเป็นพู่สั้นๆ ขยับไหวตามจังหวะการก้าวเดินเล็กๆ ฝีเท้าเล็กจ้อยก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

แสงแดดยามเช้าอาบไล้ร่างเล็กของแม่หนูน้อย ดูจากความสูงแล้วอายุน่าจะราวๆ สามขวบเห็นจะได้ กันตาลอบมองหนูน้อยที่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้เงาของบุรุษร่างสูงที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน แม้จะมองเห็นได้เพียงเสี้ยวเดียวจากมุมนี้ แต่กันตาก็พอจะเดาได้ว่าชายคนนั้นคงเป็นบิดาของเด็กหญิง มือของเขายื่นออกมารอรับลูกสาวตัวน้อยที่เดินมาถึง 

เสียงปิดประตูหน้าบ้านที่ดังขึ้นในเวลาต่อมา ทำให้กันตาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เธอเดินตรงไปที่หน้าต่าง แอบมองผ่านช่องเล็กๆ ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงตัวน้อย ที่ตอนนี้ถูกผู้เป็นพ่อยกตัวขึ้นอุ้มอย่างทะนุถนอม ก่อนจะจัดให้นั่งซ้อนอยู่บนจักรยานคันใหญ่

กันตามองใบหน้ากลมเล็กของเด็กหญิงอย่างเผลอไผล มันขาวเนียนราวกับก้อนเต้าหู้ขาวนุ่มๆ คิ้วโก่งน้อยๆ ขับให้ดวงตากลมโตดูน่ารักยิ่งขึ้น แก้มนุ่มนิ่มกลมเหมือนซาลาเปา จิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาที่มีชีวิต หัวใจของเธอพลันอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด

แต่ในวินาทีที่สองพ่อลูกเตรียมจะออกเดินทาง เด็กหญิงที่นั่งอยู่บนเบาะหลังของจักรยานกลับหันมามองตรงหน้าต่างที่เธอหลบซ่อนอยู่ หญิงสาวเผลอกลั้นหายใจ ดวงตากลมโตใสแจ๋วของแม่หนูน้อยทอดมองมาอย่างไร้เดียงสา ราวกับล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ และจากนั้น รอยยิ้มสดใสประหนึ่งแสงตะวันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์

หัวใจของกันตาเต้นผิดจังหวะ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่รอยยิ้มนั้น ถึงทำให้เธอรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาในอกได้ขนาดนี้

กันตายกฝ่ามือขึ้นกุมอก รู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาสั่นระริกอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่สายตากวาดมองไปรอบๆ บ้านที่เงียบสงัด ทุกซอกมุมถูกปกคลุมไปด้วยความวังเวง มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอที่ดังก้องอยู่ในความเงียบ 

ราวกับว่าภายในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากเธอ

'เด็กดี แม่ของลูกไม่สบาย'

เสียงทุ้มอ่อนโยนของชายคนนั้นดังก้องสะท้อนอยู่ในหัว ทำให้กันตารู้สึกใจสั่นวูบ ความสงสัยแล่นวาบขึ้นมา เธอรีบสาวเท้าไปยังประตูห้องต่างๆ ภายในบ้าน มือเรียวกระชากบานประตูเปิดออกอย่างเร่งร้อน

ห้องแรก... ว่างเปล่า

ห้องถัดมา... ไม่มีวี่แววของใคร

ส่วนห้องสุดท้ายคือห้องที่เธอตื่นขึ้นมา

กันตาเดินสำรวจไปทั่วบ้าน ความรู้สึกกดดันยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าของตัวเองดังก้องในความเงียบ เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก สัญชาตญาณบางอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ในใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

หญิงสาวเดินกลับเข้ามาภายในห้องที่เธอฟื้นขึ้นมาในตอนแรก เมื่อไม่พบใครคนอื่นอีกภายในบ้าน ยืนมองใบหน้าของหญิงสาวที่ปรากฏอยู่บนกระจกด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

"เหยียนเหยียน..."

ริมฝีปากบางขยับเอ่ยชื่อที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ เสียงนั้นแผ่วเบา แต่กลับดังสะท้อนอยู่ในความคิด

"พี่สาวเจียง..."

ชื่อเหล่านี้เธอรู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยอย่างประหลาด แม้จะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับร่างนี้เลยก็ตาม แล้วยังตัวเธอเองที่ตอนนี้เหมือนกับหญิงเสียสติ 

ทันใดนั้น เรื่องราวหนึ่งก็แล่นวาบขึ้นมาในหัว เรื่องราวที่เธอเคยรับรู้มันผ่านตัวหนังสือ 

เหยียนเหยียน หรือหลี่ซูเหยียน เด็กหญิงตัวน้อยวัยสามขวบ ผู้เป็นบุตรสาวของพระเอกในนิยายย้อนยุค เด็กที่ยังไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา แม้จะเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ควรจะพูดได้แล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเธอเป็นใบ้ เป็นเด็กที่โชคร้าย เกิดจากผู้หญิงที่กลายเป็นคนบ้า ต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีแม่เลี้ยงดู

พี่สาวเจียง หรือเจียงซินหยา หญิงสาวผู้เป็นนางเอกของเรื่อง คนที่ก้าวเข้ามาในครอบครัวนี้พร้อมกับหัวใจที่อบอุ่น คอยดูแลเหยียนเหยียนราวกับเป็นมารดาคนที่สอง และค่อยๆ หลอมละลายกำแพงของพระเอกจนได้ครองรักกัน

เธอจำได้แล้ว...

เรื่องราวนี้...นิยายที่เธอเคยติดหนึบถึงขนาดที่ไม่ยอมนอน จนต้องหยอดเงินเติมอ่านออนไลน์ทีละตอนอย่างไม่ลังเล และเมื่ออ่านจบแล้วก็ยังรู้สึกโหยหา ถึงกับดั้นด้นควานหารูปเล่มมาเก็บไว้ในชั้นหนังสือ มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่ตราตรึงใจเธอที่สุด

เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในครอบครัว ความรัก และการเสียสละ ทุกตัวละครต่างมีบทบาทของตัวเอง ไม่ว่าคนดีหรือคนร้าย ล้วนมีเหตุผล มีที่มา และถูกขับเคลื่อนด้วยสภาพสังคมของยุคสมัย

มันเป็นนิยายที่มีมากกว่าความรักโรแมนติก นักเขียนได้สอดแทรกกลิ่นอายของประวัติศาสตร์จีนในยุค 80 เอาไว้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็น การปฏิรูปชนบทหลังสิ้นสุดคอมมูนประชาชน การคืนที่ดินให้เกษตรกร และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ในช่วงเวลานั้น

หมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านดินและกระเบื้องเก่า โทรมและเรียบง่าย ทุกครอบครัวยังคงใช้ชีวิตด้วยการทำไร่ทำนา รายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผลผลิตและโควต้าของรัฐ ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีตุ่นๆ เรียบง่าย เสื้อคลุมผ้าฝ้าย กางเกงผ้าสีหม่น รองเท้าผ้าฝ้ายแบบดั้งเดิม เสียงจักรยานเก่าคันโตลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามถนนลูกรัง ในตลาดเล็กๆ มีแผงขายผัก ข้าวสาร และของใช้พื้นฐานที่ยังคงต้องใช้บัตรปันส่วน

มันคือช่วงเวลาที่ผู้คนยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด บางครอบครัวเริ่มมีโอกาสได้ทำธุรกิจเล็กๆ บ้างก็ยังต้องทำงานหนักในไร่นาให้รัฐ ทุกสิ่งยังคงอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากยุคสังคมนิยมเข้มข้นไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบผสม

และนี่คือบางช่วงบางตอนที่เธอชื่นชอบ เธอหลงใหลในยุคสมัยนั้น อ่านแล้วรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์น่าค้นหา

แต่ใครจะเชื่อ ว่ามันจะกลายมาเป็นสถานที่ที่ชีวิตใหม่ของเธอกำลังติดอยู่ในตอนนี้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่7อาหารมื้อแรก

    "โครก~"เสียงท้องร้องดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของคนที่จะเป็นคนใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ก่อนที่ หลินจื่ออิง คนนี้ จะลงมือเปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมด ความหิวโหย กลับเป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เธอต้องลงมือทำอะไรเกี่ยวกับปากท้องเสียก่อนจื่ออิงยกมือกดหน้าท้องแบนราบเบาๆ พลางถอนหายใจ คำกล่าวที่ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดูจะเป็นความจริงที่เถียงไม่ออก เพราะต่อให้เธอจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าปวดหัวเพียงใด แต่ร่างกายกลับเรียกร้องสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งในเวลานี้ก็คืออาหาร อย่างน้อยเธอก็ควรหาอะไรใส่ท้องเสียก่อน สมองของเธอจะได้ปลอดโปร่ง พอท้องอิ่มเธอจะได้คิดลงมือทำสิ่งอื่นต่อ เพราะตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในร่างนี้ เธอยังไม่ได้แตะต้องอาหารเลยสักนิดหวังว่าคงจะพอมีอาหารหลงเหลือให้เธอประทังความหิวได้บ้างจื่ออิงไม่ลืมที่จะคว้าแอปเปิ้ลลูกนั้นขึ้นมากัดกินอย่างหิวโหย ในขณะที่เดินไปยังห้องครัวซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของตัวบ้าน เมื่อมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอกลับรู้สึกลังเลขึ้นมาอย่างประหลาด เธอไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นจะมีอะไรให้กินบ้างไหม ตอนเดินสำรวจก็เพียงกวาดตามองผ่านๆ เพราะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความทรงจำเกี่ยวกับร่าง

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่6หลินจื่ออิงคนใหม่

    กันตารู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ ที่ตัวเองมาอยู่ในร่างของตัวประกอบไร้ค่าผู้น่าสงสาร เป็นเพียงตัวประกอบตัวหนึ่งที่ถูกนักเขียนทรมาทรกรรมต่างๆ นานา แล้วกำจัดทิ้งอย่างเลือดเย็น เพื่อเป็นการเปิดทางให้พระเอกกับนางเอกได้สานสัมพันธ์กันสวรรค์ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ พวกท่านกำลังเล่นตลกอะไรกันชีวิตก่อน เธอเลือกเป็นฝ่ายหลีกทางให้คนรักได้ครองคู่กับหญิงอื่น เพื่อให้เขามีความสุขกับชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งที่ตัวเธอเองเจ็บปวดใจเจียนตาย พอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง สวรรค์กลับให้เธอมาเกิดใหม่ในร่างของคนบ้า ไม่พอ ยังจะให้เธอเป็นผู้เสียสละ ยอมตาย เพื่อให้ผู้อื่นครองคู่กันอีกไม่มีทางเธอขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า เธอไม่มีวันแขวนคอตัวเองเหมือนในนิยายเด็ดขาด ส่วนใครจะรักกับใครยังไงก็เชิญ ขอแค่อย่าเอาชีวิตของเธอไปข้องเกี่ยวด้วยก็พอ เธอยินดีหลีกทางให้ชีวิตก่อนนั้นเธอยอมหลีกทางให้อดีตคนรักได้สุขสมหวังก็จริง แต่เธอไม่ได้อยากตาย เธอยังต้องการมีความสุขในฐานะสาวโสด แต่กลับต้องตายเพราะอุบัติเหตุส่วนในชีวิตนี้เธอก็ไม่คิดอยากตายเช่นกัน เธอมีบุตรสาวที่น่ารักน่าชังอย่างเหยียนเหยียน จะให้เสียสละตัวเองเพื่อให้ค

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่5เป็นตัวประกอบที่ต้องถูกกำจัด

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหลินจื่ออิงคลอดลูกสาวตัวอวบอ้วนออกมา ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขา หลี่ซูเหยียนเหยียนเหยียนน้อย ลืมตาดูโลกพร้อมกับเสียงร้องไห้แผ่วเบา แต่กลับเติมเต็มหัวใจของหลี่เฉินจนเต็มเปี่ยมชายหนุ่มที่เคยเย็นชา รอยยิ้มที่หายไปจากใบหน้าหวนกลับมาอีกครั้งหลินจื่ออิงเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ แม้ว่าเธอจะเหนื่อยล้าจากการคลอดลูก ร่างกายของหลินจื่ออิงอ่อนแอเพราะมีลูกในตอนที่อายุยังน้อย แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกอบอุ่น และถึงแม้ว่าหลินจื่ออิงจะคลอดลูกแล้ว หลี่เฉินก็ยังดูแลเธออย่างดีแต่ความสุขก็มักจะอยู่ไม่นานวันเวลาผ่านไปจนเหยียนเหยียนน้อยอายุครบหนึ่งเดือนเต็ม หลินจื่ออิงเตรียมจัดพิธีเล็กๆ ฉลองให้ลูกสาวตามธรรมเนียม แต่แล้ว... ข่าวใหญ่ก็ดังไปทั่วหมู่บ้านรัฐบาลประกาศให้มีการสอบเกาเข่าอีกครั้ง หลังจากที่ถูกระงับไปหลายปี ตอนนี้เหล่ายุวปัญญาชนที่ถูกส่งมาก็ได้รับโอกาสให้กลับไปสอบ และหากสอบผ่านก็จะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยข่าวนี้เป็นที่ฮือฮาของเหล่ายุวปัญญาชนและคนในหมู่บ้าน พวกเขาต่างก็พูดคุยถึงข่าวใหญ่นี้ ทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้คนต่างถกเถียงกันด้วยความตื่น

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่4หญิงบ้าหลินจื่ออิง

    กันตารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกคว่ำอย่างรุนแรง สมองของเธอประมวลผลข้อมูลที่ได้รับอย่างบ้าคลั่ง แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งตกตะลึง เสียงหัวใจเต้นรัวดังสะท้อนอยู่ในหู ลมหายใจติดขัดราวกับอากาศรอบตัวถูกดูดหายไป ความหนาวเย็นแล่นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง มือทั้งสองสั่นระริกขาของเธอเหมือนจะอ่อนแรงลงทุกวินาที หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความกลัว ความตกใจ และข้อมูลที่ไหลบ่ามาอย่างท่วมท้นเกินกว่าที่เธอจะรับไหว ภาพเบื้องหน้ากะพริบวูบวาบ ร่างทั้งร่างเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นเมื่อไม่อาจพยุงตัวเอาไว้ได้อีกนี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเธอต้องย้อนมาอยู่ในยุคที่แร้นแค้น แล้วยัง... แล้วยัง...กันตาเบิกตาโพลงแทบจะปล่อยโฮออกมา หัวใจราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่น เมื่อคิดได้ว่าตัวเองคือใครในเรื่องนี้เธอคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก หญิงบ้าเสียสติ "หลินจื่ออิง"ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง ทำให้กันตาอยากจะกลั้นใจตาย เป็นใครไม่เป็น ดันมาเป็นคนบ้าหลินจื่ออิง... หญิงสาวที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนบ้า ภรรยาของ หลี่เฉิน พระเอกของเรื่อง ผู้เป็นมารดาของเหยียนเหยียน คนที่เธอคิดว่ามีชะตาอาภัพและน่าสงสารที่สุด หล

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่3โลกในนิยาย

    กันตาแนบใบหูเข้ากับบานประตูที่ปิดสนิท พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตักราวกับจะทะลุออกมานอกอก ผิวของบานประตูเย็นเฉียบและหยาบกระด้าง แต่เธอกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยในเวลานี้ สิ่งเดียวที่เธอจดจ่อคือเสียงที่ดังขึ้นจากอีกฟากของประตูเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินไปมาอยู่ไม่ไกล ราวกับใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าห้อง จากนั้นเสียงเรียกของผู้ชายคนเดิมที่ดังขึ้นก่อนหน้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง "เหยียนเหยียนเร็วเข้า พ่อต้องรีบไปแล้ว พี่สาวเจียงกำลังรอเราอยู่นะ"เสียงของผู้ชายคนนั้นฟังดูเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน กันตานิ่งฟังอย่างสงบ เธอไม่ได้ยินเสียงขานรับจากคนที่ถูกเรียกว่า เหยียนเหยียน แต่ยังคงได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่หน้าห้องเสียงของคนด้านนอกเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลของชายคนนั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอื้ออาทร"เด็กดี แม่ของลูกไม่สบาย ลูกไปอยู่กับพี่สาวเจียง ไปวิ่งเล่นกับถังถังดีกว่านะ มาเถอะ พ่อจะพาไปส่ง"ยังคงไม่มีคำตอบรับจาก เหยียนเหยียน เช่นเดิม แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ขยับออกไปจากหน้าห้อง เสียงนั้นดังห่างออกไปจากบริเวณหน้าประตูเรื่อยๆ นั่นจึง

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่2ย้อนเวลามาในยุค80

    "โอ๊ย...ปวดหัวชะมัด"กันตายกมือขึ้นกุมหัวที่หนักอึ้งทันทีที่รู้สึกตัว ลมหายใจแรกหลังจากฟื้นคืนสติเป็นไปอย่างติดขัดเหมือนโดนไข้หวัดเล่นงาน ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกพันธนาการด้วยความมึนงง เมื่อสติเริ่มกลับคืนมา เปลือกตาของเธอกะพริบถี่ๆ อย่างสับสน นี่เธอยังไม่ตายหรอกหรือเธอจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอเมามาก ภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่จำได้คือเธอถูกรถชนเข้าอย่างจังจนร่างกระเด็น แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดตามเนื้อตัวเลยล่ะกันตาหรี่ตาลง มือของเธอค่อยๆ ขยับลูบไล้ไปตามเนื้อตัว ที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยฟกช้ำดำเขียวทั้งที่เธอควรจะเจ็บหนัก แต่ที่น่าตกใจเสียยิ่งกว่าคือผิวพรรณหยาบกระด้างและเสื้อผ้าสีหม่นที่สวมอยู่บนร่าง สิ่งที่เห็นทำให้นิ้วมือของเธอสั่นระริก เกิดอาการงุนงงและความไม่แน่ใจขึ้นมา หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน เผยให้เห็นความสับสนที่ตีตื้นขึ้นมาในห้วงความคิด พยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า นอกจากภาพตอนถูกรถชนเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย หัวใจของกันตาเต้นแรงขึ้น ความรู้สึกไม่มั่นคงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เธอรู้ตัวดีว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นอะไรหญิงสาวเริ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status