วังหลวง
“ชิงตัวสนมของข้าอย่างนั้นหรือฮะฮะฮ่าาาาาา อย่าใช้คำว่าชิงตัวทำไมพูดจาให้ร้ายน้องชายสุดที่รักของข้าได้เพียงนี้ ฉินเกอหลงหรือจะกล้า” กัวกั๋วฮ่องเต้หัวเราะลั่น
“ตะตะตะแต่ฝ่าบาทพระสนมเอ่อเป็นพระสนมของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะฮะ” ตั๋วเค่อกงกงที่หวังผลประโยชน์จากเอ่อต้าเหนิงยุยงกัวกั๋วฮ่องเต้เรื่องที่ฉินเกอหลงชิงตัวต้าเหนิงออกจากวังหลวง
“เอ่อต้าเหนิงอย่างนั้นหรือข้าเกือบลืมชื่อของนางไปแล้วสินะตอนนี้สนมซิงซีกับสนมหวงซือหยิน งดงามชดช้อยและยังชอบตามใจข้าจริงสินะข้าเกือบลืมไปว่ามีสนมที่ชื่อเอ่อต้าเหนิงอีกคน อยู่ตำหนักอะไรนะ”
ตั๋วเค่อกงกงส่ายหน้าไปมา เคยจะจดจำอะไรได้บ้างสิ่งที่ทำในแต่ละวันคือหาความสำราญเท่านั้นก่อนหน้านั้นเคยโปรดปรานเอ่อต้าเหนิงเรียกหาทุกวันแต่มาวันนี้กลับบอกว่าลืมคนเช่นกัวกั๋วฮ่องเต้เป็นคนเช่นไรกันแน่
“ตำหนัก16พ่ะย่ะค่ะ”
“อ่อสนมอันดับที่สิบหกสินะ เกือบลืมไป ข้าแต่งตั้งนางอย่างไม่ตั้งใจ แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน
“เอ่ ตอนนี้ จวิ้นหวังนำตัวพระสนมเอ่อไปรักษาการป่วยที่วิหารเทียมฟ้า”
“ดีแล้วนี่ ไปรักษาตัวพอหายก็กลับมาปรนนิบัติข้าเหมือนเดิมโดยเร็ว” ตั๋วเค่อถอนหายใจยาว
“พ่ะย่ะฮะแล้วเรื่องการชิงตัวท่านอ๋องไม่ได้รู้สึกว่าจวิ้นหวังไม่เห็นฝ่าบาทในสายตาหรือไม่อย่างไร” ยังใส่ไฟ กัวกั๋วฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา
“ข้าเลิกคิดไปนานแล้วว่าจวิ้นหวังกล้าต่อกรกับข้า เขานะหรือเป็นคนที่อ่อนแอและขลาดเขลา มาครั้งนี้อ้างบัญชาเสด็จปู่สินะบัญชาที่เคยได้ยินมาตั้งนานใครบ้างไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนในตระกูลเอ่อ ก่อนนั้นข้าก็ทำตามพระประสงค์ของเสด็จปู่เหมือนกันนั่นคือการแต่งตั้งนางเป็นสนมเพื่อปกป้องนางให้ใช้ชีวิตสงบๆ ในตำหนัก16ของนางเอง”
เวลาอยากได้ก็อยากได้ แต่เวลาเบื่อแล้วก็ไม่เห็นคุณค่า
“พ่ะย่ะฮะ”
“ดีแล้วส่งเทียบเชิญบอกว่าข้าเชิญจวิ้นหวังพำนักในเขตวังหลวง เป็นถึงจะจวิ้นหวังเช่นไรจึงให้นอนที่วิหารเทียมฟ้ากันเล่า”
วิหารเทียมฟ้า
“พระสนม ฟื้นแล้วหรือเจ้าค่ะ” หลังจากที่นอนนิ่งเป็นผักอยู่ที่สามวันต้าเหนิงก็รู้แล้วว่าทุกคนที่เข้ามา ทุกคนที่พบในตอนนี้ ไม่ได้มาร้าย ยอมที่จะใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาหลังจากที่คิดๆ ดูแล้วว่าตัวเองที่กำลังจะตายอาจได้โอกาสให้มีชีวิตอีกครั้งแต่ในที่ที่แปลกไปว่าแต่มีปมอะไรนะถึงต้องให้ต้าเหนิงมาแก้ไข
“ยินดีที่รู้จัก อุอะอุอะอะอะอะ” ไม่มีเสียงพูดลืมไปว่าพูดไม่ได้นี่ เป็นใบ้หรืออะไรกันแน่ สาวใช้ยิ้มกว้างวิ่งออกไปจากวิหารเทียมฟ้าตะโกนลั่น
“แอ่กกกแค่กกกก” ต้าเหนิงพยายามเปล่งเสียงแต่เปล่าประโยชน์
นี่ฉันพูดไม่ได้จริงๆ หรือแล้วฉันจะพูดไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม ฮือๆๆๆๆๆ ทำอย่างไรดี ส่งเสียงอุอะอยู่ในลำคอตั้งนานก็ไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดออกมา
“พระสนมเอ่อฟื้นแล้ว พระสนมฟื้นแล้ว” ฉินเกอหลงลืมตาขึ้นจากประคำที่นับในมือ ดวงตาเปล่งประกาย
ตั้งใจจะลุกขึ้นไปดูต้าเหนิงแต่เหมือนมีบางอย่างมาดึงไว้ว่าควรจะสำรวมกว่านี้นางเป็นสนมและเขาเองยังบวชเป็นพระอีกด้วย
“ไม่เข้าไปดูหรือขอรับช่วยกันดีใจที่เราทำสำเร็จแล้วพระสนมเอ่อ ป่วยเจียนตายแต่เราสามารถช่วยชีวิตให้ฟื้นขึ้นมาได้” ฉินเกอหลงถอนหายใจ
“เพราะเจ้าพูดแบบนี้หรอกนะข้าถึงจะเข้าไป” หานจงอมยิ้มรู้ดีว่าฉินเกอหลงอยากจะเข้าไปแต่ทว่าทำทีเหมือนว่าหานจงบีบบังคับกระนั้น
“ขอรับเพราะหานจงท่านอ๋องจึงเข้าไปดูพระสนมเอ่อ ท่านอ๋องไม่ได้อยากจะเข้าไปเองเลยจริงๆ เพราะหานจงกดดันท่านอ๋องหรอกนะท่านอ๋องจึงเข้าไป” หานจงตะโกนดังๆ
“หุบปากไปจัดการเรื่องที่ส่งข่าวให้กับท่านหมอเทวดาเรียบร้อยหรือยัง” หานจงถอนหายใจ
“ขอรับ หานจงแล้วว่าท่านหมอพำนักที่ไหนอีกสองสามวันท่านหมอจะเดินทางเข้ามาที่เขตวังหลวงเมื่อนั้นค่อยไปให้ท่านหมอเจียดยาสำหรับพระสนมเอ่อ” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลงก้าวเดินเข้าไปในวิหารเทียมฟ้า
“ท่านอ๋องกำลังมาเจ้าค่ะ” สาวใช้ของไทฮองไทเฮากระซิบเบาๆ ต้าเหนิงรีบจัดแจงเสื้อผ้าและผมเผ้า
สาวใช้อมยิ้ม
“ดูดีแล้วเจ้าค่ะแต่ซูบผอมไปนิดปกติแล้วข้าน้อยได้ยินมาว่าพระสนมเอ่อมีใบหน้าที่งดงามหาใครเปรียบได้และยังวางตัวได้เหมาะสมฝ่าบาทยังหลงใหลพระสนมกว่าใคร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว
เสียงฝีเท้าสม่ำเสมอเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านอ๋อง” สาวใช้ย่อกาย ต้าเหนิงเชิดหน้าให้ดูสวยเข้าไว้ถึงจะใบ้ก็เถอะ
“ใบหน้าหล่อเหลากลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงอาการอะไรแค่เพียงมายืนกอดอกมองต้าเหนิง ที่เชิดหน้าเหมือนกำลังเล่นเกม สบตาใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้
ต้าเหนิงหันมายิ้มหวานหยด ดูซิจะยืนนิ่งได้นานแค่ไหน
“พระสนมดูอารมณ์ดี นะเจ้าค่ะปกติจะนอนนิ่งเป็นผักพอตื่นขึ้นมาก็ยิ้มได้เลยคงขอบคุณไต้ซือเอ๊ยท่านอ๋องที่ช่วยไว้แน่ๆ” ต้าเหนิงพยักหน้ายิ้มๆ
“ดีแล้ว ฟื้นแล้วก็ดีแล้ววางใจแล้ว” ฉินเกอหลงหันหลังก้าวขาออกจากตรงนั้นหานจงที่เดินมาทีหลัง ขมวดคิ้ว
“ไม่ดีใจหรือที่เห็นพระสนมฟื้น” มายืนยิ้มให้กับต้าเหนิงอีกคนแล้วหานจงที่เดินมาทีหลังมายืนหยุดยิ้มตรงหน้าต้าเหนิง
“พระสนม สีหน้าดูสดใส หานจงจะไปพบท่านหมอเทวดาให้ท่านหมอเจียดยามาให้กับพระสนม”
ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงท่าทีกระตือรือร้น
ยกมือขึ้นประสานกันตรงหน้าหานจงแทนคำขอบคุณ
ฉินเกอหลง ก่อนหน้านั้นเมื่อพันปีก่อนยืนโปรยเถ้ากระดูกของต้าเหนิง ที่ลำน้ำใสไหลเย็น“เดินทางก่อนข้าแล้วอย่าลืม จดจำเรื่องราวของเรา”“ฝ่าบาท ท่านหมอเยี่ยนฉือกับหานจงขอประทานอนุญาตออกเดินท่องยุทธภพ หวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาตในครั้งนี้”เชียวกงเล่อประสานมือตรงหน้า ความรู้สึกเหมือนบางอย่างแหว่งเว้าหายไป กำลังจะมีใครจากไปอีกแล้วสินะถึงจะยื้อไว้เพียงใดพวกเขาก็ต้องจากไปสักวันอยู่ดี“ในที่สุดเราทุกคนก็ได้แค่เพียงเป็นเถ้าธุลี ปลิวหายไปพร้อมกับสายลม ข้าเองแม้จะอยากทำตามใจเพียงใดสุดท้ายข้าก็ได้แค่เพียงสะกดกลั้นความคิดนั้นไว้เสีย”“พ่ะย่ะค่ะท่านพ่อ..กงเล่อหมายถึงท่านปู่ของฮองเฮาเอ่อถูหวังซวน เสียใจที่ต้องสูญเสียคนของตระกูลเอ่อไปจนไม่เหลือใครแม้กงเล่อขอใช้แซ่ของตระกูลเอ่อแต่ท่านพ่อก็ยังเศร้าโศกเช่นเดิมกงเล่อเข้าใจดีว่าไม่อาจทดแทนกันได้”“จริงสินะในที่สุดตระกูลฉินก็ไม่อาจปกป้องตระกูลเอ่อไว้ได้ ข้าที่ทุ่มเทตั้งแต่วันแรกที่พบนางก็ยังไม่อาจช่วยเหลือนางได้ทันเช่นนั้นจึงเรียกว่าเป็นความผิดของข้า”“ไม่มีใครผิดพ่ะย่ะค่ะสวรรค์กำหนดไว้แล้ว หากไม่มีฝ่าบาทบางที่ตระกูลเอ่ออาจไม่เหลือรอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกฆ่า
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก“อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย” ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูกๆไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำๆที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย“ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายากๆเขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจทุกรายละเอ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุ่งสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเหนื่อยทันที” ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆ วิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว!” ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสอง
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพะรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย“ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโลกมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย“หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล็ก
“นั่นสิคุณน่ะนะยิ่งโดนมือยิ่งน่าฟัดดูสิอกอวบแน่นกับบั้นท้ายที่น่ากระแทกขนาดนี้ใครจะอดใจไหว” ต้าเหนิงยิ้มอายๆ“อีกทีนะคนดี” กดเอวลงช้าๆ เน้นๆ ต้าเหนิงสะดุ้งเฮือกเสียวจนแทบจะทนไม่ไหว“อ่าาาาา” บิดกายสอดรับกับร่างแข็งแรงของอีกคน ความเสียวช่านแผ่ไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า มือบางกอดฉินเกอหลงไว้แน่นซี๊ดปากด้วยความรู้สึกเสียวสุดๆ ฉินเกอหลงยิ้มมองสบตาหวานฉ่ำ“เอาอีกสินะ” อีกคนยิ้มขย่มร่างบางของต้าเหนิงที่กำลังวิงเวียนทั้งหวานทั้งเสียวซ่าน คนหล่อก็ไม่ออมมือยังขย่มด้วยแรงทั้งหมดก่อนจะกอดรวบร่างบางแนบแน่นร่างสงอร่างบดเบียดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันพายุสวาทจบลงแล้ว จูบเบาๆ ที่หน้าผากเนียนดึงมือบางให้ลุกขึ้น“คราวนี้ลุกได้แล้วไปอาบน้ำแล้วผมจะพาไปทานอะไรก่อนที่จะไปหาหมอให้คุณหมอดนัยดูอาการเสียหน่อย หรือจะให้อุ้มไปที่ห้องน้ำผมอาบน้ำ” ต้าเหนิงทำหน้าเง้าอีกคนจูบที่หลังมือเบาๆ“ไปกันเถอะเดี๋ยวคืนนี้ผมมาจัดเต็มให้อีกตอนนี้หิวแล้วไปหาอะไรกินกันก่อน” ต้าเหนิงยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างว่าง่ายเสียงฝักบัวดังซู่ๆ ฉินเกอหลงกางผ้าขนหนูแล้วกอดร่างเปลือยของต้าเหนิงไว้จูบที่ไหล่เบาๆต้าเหนิงยิ้มทุกอย่างจะต้องเป็นฉินเกอหลงที
ฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถสปอร์ตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที่สุดก็สมหวังยัยหนูลูกเราเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ป๊าของต้าเหนิงพูดกับคุณปทุมยิ้มๆ แล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตา“กำลังคิดว่าคนที่คุณหาให้ต้าเหนิงคนนั้นชื่ออะไรนะฉันเกือบลืม”“กวนหยงเขายังอยากจะแต่งกับยายหนู แต่คนนี้ผมว่าดีสุดล่ะทั้งหล่อทั้งรวยลูกเราตาถึงเหมือนกันนะให้เลือกเองไม่มีพลาดเชียว” รอยยิ้มที่สดใสปรากฏตรงหน้าเรื่องราวร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้วต่อไปเหลือแต่เรื่องราวดีดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในห้องหอที่แม้แต่เตียงยังหวาน ต้าเหนิงนั่งบีบมือตัวเองบนเตียงใหญ่โรยด้วยกลีบกุหลาบความรู้สึกตื่นเต้นกับความรู้สึก เขินอายตีกันวุ่นวาย นั่งรอให้เขาเอาเสาลงหลุม555มือเย็นเฉียบ หน้าคงจะแดงถ้าดูกระจกตอนนี้“ฉินเกอหลงเดินมานั่งลงข้างๆ“อาบน้ำไหม” ต้าเหนิงอ้าปาก“เคยอาบแล้วค่ะ” อีกคนส่ายหน้ายิ้มๆ“แสดงว่าอยากให้ทำอะไรที่ไม่เคยทำใช่ไหม”“มะ มะไม่ไม่ใช่…อุ๊ป” ริมฝีปากอุ่นประกบบางทันทีจูบหวานหยดทั้งเชิญชวนและหลอมละลายที่ไม่ใช่ละล