แชร์

13. ช่วยเหลือ (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-25 22:17:25

“ท่านพ่อ เยว่ชิงว่าเรารับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานที่ร้านดีหรือไม่เจ้าคะ”

“นั่นสิขอรับ ท่านพ่อจะปล่อยเขาไว้เช่นนี้หรือ” ลี่อินเอ่ยสำทับขึ้นมา เขาสงสารเผิงจง มีทั้งมารดาและน้องสาวให้เลี้ยงดู บิดาขของเขาก็หายตัวไป คงจะลำบากไม่น้อย

“ท่านพี่…” ซูเมิ่งขยับเข้ามาลูบแขนของสามีเบาๆ นางเองก็สงสารเผิงจงไม่น้อย จึงอยากให้สามีรับครอบครัวของเผิงจงมาทำงานในร้านซิ่งฟู่

“เข้าใจแล้ว…เผิงจง เจ้าอยากมาทำงานที่ร้านนี้หรือไม่” ลู่หวังเหล่ยเลือกที่จะถามความสมัครใจของเจ้าตัวก่อน

“ขะ ขอรับนายท่าน เมตตาข้าน้อยและครอบครัวด้วยขอรับ” เผิงจงรีบตอบรับทันที ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมาให้

“เช่นนั้นก็พาพวกข้าไปรับมารดากับน้องสาวเจ้าไปที่สกุลลู่ก่อน แล้วข้าจะให้คนตามหมอมาดูอาการของมารดาเจ้า”

“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ฮูหยิน คุณชาย คุณหนู” เผิงจงรีบก้มเคารพทุกคนที่ช่วยเหลือเขา

จากนั้นเผิงจงก็รีบนำเจ้านายคนใหม่ของตนไปพบมารดาและน้องสาวที่ท้ายตลาด เมื่อไปถึงเผิงจงก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาและน้องสาวฟัง ทั้งเผิงฮวาที่เป็นมารดาและเผิงจูเด็กหญิงตัวน้อย ต่างก็ซาบซึ้งต่อความเมตตาของสกุลลู่ หลังจากที่ทั้งสามแม่ลูกย้ายเข้ามาเป็นบ่าวสกุลลู่ เผิงฮวาก็ได้รับหน้าที่ให้ดูแลครัวในร้านซิ่งฟู่ เพราะลู่หวังเหล่ยและบุตรทั้งสี่กลัวว่าซูเมิ่งจะเหนื่อย ส่วนเผิงจงและเผิงจูรับหน้าที่เรียกลูกค้า ทั้งเยว่ชิงยังขอให้เผิงจูมาดูแลนางอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

“เสี่ยวจูทานขนมหรือไม่”

“คุณหนูทานเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่หิว” ทั้งที่ตนเองมองขนมตาละห้อย แต่กลับเอ่ยปฏิเสธ เด็กผู้นี้เจียมตนเกินไปแล้ว ทั้งที่อายุมากกว่าเยว่ชิงเพียงสองหนาว แต่เผิงจูกลับตัวเล็กจ้อย เยว่ชิงจึงเรียกเผิงจูว่าเสี่ยวจู

เยว่ชิงยัดขนมใส่มือของเผิงจู เดิมทีนางต้องการให้เผิงจูมาอยู่ใกล้ชิดเพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับบิดาของเผิงจูและสกุลหม่า แต่นานวันเยว่ชิงก็ยิ่งเอ็นดูเผิงจูมากขึ้น เพราะนางดูแลเยว่ชิงได้ดีมิขาดตกบกพร่อง ท่านแม่ยังเอ่ยเย้าอยู่หลายครา ว่าในยามเยว่ชิงแต่งออกคงมิมีสิ่งใดต้องเป็นห่วง เพราะมีเผิงจูอยู่ก็เทียบเท่ามีแม่นมลี่อยู่ด้วย

“ช่วยข้าทานทีเถิด ข้าอิ่มแล้ว”

“เจ้าค่ะคุณหนู ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” เผิงจูนำขนมเข้าปาก เด็กหญิงวัยเจ็ดหนาวยิ้มแย้มทานขนมอย่างเอร็ดอร่อย คุณหนูของนางมักใจดีและเมตตาต่อนางเสมอ ทั้งยังมิเคยกดขี่ข่มเหงนางเลยสักครั้ง เผิงจูจึงตั้งมั่นว่าจะดูแลคุณหนูด้วยชีวิตของนาง อีกอย่างเผิงจูยังนับถือคุณหนูของนางอย่างมาก เพราะแม้ว่าคุณหนูจะมีอายุเพียงห้าหนาว แต่กลับเป็นเด็กหญิงที่มีความคิด ความอ่านดี พูดจาฉะฉาน น่าเชื่อถือจนบางทีใต้เท้าลู่ยังต้องฟังคำคุณหนู

“รีบทานเข้า เราต้องไปทำงานที่ร้านซิ่งฟู่กันต่อ เฮ้อออ ข้าเกียจคร้านเสียจริง!!!” เยว่ชิงบ่นเช่นนี้ทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน แม้จะบ่นแต่ก็ทำงานไม่หยุด จนเผิงจูเองก็ไม่แน่ใจว่าคุณหนูของนางเกียจคร้านดังที่พูดหรือไม่

“โฮรก~” เสียงคำรามของมูมู่ดังขึ้นราวกับต้องการตอบรับเยว่ชิง แต่เสียงนั้นกลับทำให้เผิงจูตกใจไม่น้อย นางมาอาศัยอยู่ที่สกุลลู่ไม่กี่เดือนจึงยังมิคุ้นชินกับมูมู่มากนัก แม้คุณหนูของนางจะเอ่ยว่ามูมู่ไม่กัด แต่นางก็ยังกลัวอยู่ดี คงจะต้องใช้เวลาทำความรู้จักกับมูมู่ให้มากกว่านี้จึงจะชินชา

“มูมู่เองก็เกียจคร้านใช่หรือไม่ ฮือออ เมื่อใดข้าจะได้หยุดพักเสียที”

“เช่นนั้นวันนี้คุณหนูอยู่พักที่เรือนดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะไปช่วยงานที่ร้านเองเจ้าค่ะ”

“ไม่ๆ แม้จะเหนื่อย แต่ตอนนี้ยังหยุดพักไม่ได้ เพราะสกุลลู่ของเรายังไม่มีเงินทองมากพอ” เยว่ชิงหันมาตอบเผิงจู หากว่าวันใดร้านซิ่งฟู่มั่นคงแล้ว เยว่ชิงจะให้ครอบครัวหยุดพักอยู่ที่เรือนและได้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ นางเองก็จะใช้ชีวิตเป็นคุณหนูสกุลลู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องมากังวลเรื่องเงินทอง คิดได้ดังนั้นเยว่ชิงก็รีบออกไปทำงานที่ร้านซิ่งฟู่ทันที

.

.

.

วันเวลาล่วงเลยมากว่าสองหนาว กิจการร้านซิ่งฟู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ จนบัดนี้ร้านซิ่งฟู่กลายเป็นเหลาอาหารชื่อดังของเมืองหลวงแคว้นเฉิงไปเสียแล้ว ผู้คนทั้งในแคว้นและนอกแคว้นต่างอยากเข้ามาใช้บริการ แต่กลับมิมีผู้ใดรับรู้ว่าร้านซิ่งฟู่แท้จริงแล้วเป็นของสกุลลู่ อาจเพราะสกุลลู่มิได้ป่าวประกาศออกไป ทั้งเสี่ยวเอ้อในร้านทุกคนต่างใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า จึงมิมีผู้ใดรู้ว่าเจ้าของร้านและเสี่ยวเอ้อในร้านเป็นคนของสกุลลู่

“พี่สาม เยว่ชิงว่าเราจ้างผู้อื่นมาเล่นดนตรีดีหรือไม่ ท่านทำงานทั้งวันเช่นนี้ เยว่ชิงกลัวว่าท่านจะเหนื่อย” เยว่ชิงเดินเข้ามาเอ่ยกับลี่อินก่อนที่จะขึ้นไปบรรเลงกู่เจิงบนแท่นแสดง นางกังวลเรื่องอาการป่วยของลี่อินมาก เพราะบัดนี้เยว่ชิงมีอายุเจ็ดหนาวแล้ว หากอ้างอิงจากในนิยายเรื่องชะตาร้าย ลี่อินจะมีอาการป่วยในช่วงนี้

“พี่บรรเลงกู่เจิงมิไพเราะแล้วหรือ เจ้าจึงจะจ้างผู้อื่น” ลี่อินแสร้งตีหน้าเศร้า เขารู้ดีว่าหากทำเช่นนี้น้องสาวของเขาจะต้องใจอ่อน ยอมให้เขาขึ้นแสดงต่อไปแน่

ตั้งแต่เกิดมา เขามิได้เข้มแข็งเช่นพี่ใหญ่ มิได้ช่างเจรจาเช่นพี่รอง มิได้ฉลาดหลักแหลมเช่นน้องสาว บรรเลงกู่เจิงจึงเป็นอย่างเดียวที่เขาทำได้ดีและช่วยเหลือครอบครัวได้ แม้จะไม่มากมายนักแต่เขาก็อยากทำ

“เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนั้นเจ้าคะ เสียงบรรเลงกู่เจิงของพี่สามยังเป็นอันดับหนึ่งในใจเยว่ชิงเสมอเจ้าค่ะ เพียงแต่เยว่ชิงมิอยากให้พี่สามเหน็ดเหนื่อยก็เท่านั้น”

“พี่มิได้เหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย พี่อยากทำ”

“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่หากว่าพี่สามเหนื่อยบอกเยว่ชิงนะเจ้าคะ”

“ได้ หากเหนื่อยพี่จะบอกเจ้าเป็นคนแรก” ลี่อินยกยิ้มให้น้องสาว สองมือหยิบหน้ากากมาสวมใส่ก่อนจะขึ้นไปนั่งบรรเลงกู่เจิงบนแท่นแสดง

เยว่ชิงอดถอดถอนหายใจกับความดื้อรั้นของพี่สามของนางมิได้ เดิมทีพี่สามควรจะเป็นผู้ที่ว่าง่ายกว่าพี่น้องคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ อ่อนโยน เมตตา จิตใจดี แต่กลับดื้อรั้นเป็นที่สุด ตากลมของเยว่ชิงจ้องมองไปบนแท่นแสดง ซึมซับเสียงกู่เจิงที่ลี่อินบรรเลงอย่างจรรโลงใจ แต่บรรเลงไปได้ไม่นาน…

ตึง~ สายของกู่เจิงขาดสะบัด พร้อมกับร่างของลี่อินที่ล้มพับลงไปนอนกองกับพื้น

“พี่สาม!!!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   100. บทเรียนจากมารดา (ตอนพิเศษ)

    “เสด็จพ่อ มิอยู่หรือเพคะ อื้ม” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวเอ่ยถามมารดาทั้งที่มือยังคงนำขนมเข้าปากน้อยๆ ไม่หยุด“ฉิเงอ๋อร์ เจ้าเรียบร้อยให้สมกับเป็นสตรีเสียบ้างเถิด” เยว่ชิงนำผ้ามาเช็ดปากให้บุตรสาวตัวน้อย ดูทีเถิดอันเอ๋อร์บุตรสาวของพี่ใหญ่กับเสี่ยวจูอายุเพียงสี่หนาวยังนั่งกินเรียบร้อยมิเลอะเทอะแม้แต่น้อย“มิจำเป็นเพคะ ท่านลุงรองเอ่ยว่ายามเสด็จแม่เด็กก็แก่นเซี้ยวเช่นฉิงเอ๋อร์” แม้จะถูกมารดาดุ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาใส่ใจ เอาแต่กัดกินขนมด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เสด็จแม่คงต้องทำใจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ บุตรของผู้ใดย่อมเหมือนผู้นั้น ฉิงเอ๋อร์ย่อมซุกซนเหมือนเสด็จแม่ อันเอ๋อร์ย่อมเรียบร้อยเหนียมอายดั่งท่านป้าเผิงจู ส่วนอาหรานเองก็ปากเก่งเช่นท่านลุงรอง” อาหรานที่จางหย่งเอ่ยถึงคือ ลู่ห่าวหราน บุตรชายของพี่รองและพี่ฟางเอ๋อร์ที่อายุได้เพียงสี่หนาว แต่กลับช่างพูดช่างเจรจาดั่งพี่รองมิมีผิด“คิกๆ”“เสี่ยวจู เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“มิได้เพคะพระชายา เพียงแต่หม่อมฉันนึกถึงยามที่พระชายาเป็นเด็ก ท่านหญิงมิมีสิ่งใดต่างจากพระชายาเลยเพคะ” เผิงจูยกมือปิดปากหัวเราะ ท่านหญิงช่างเหมือนพระชายาเหลือเกิน ส่วนท่านชายใหญ่ก็

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   99. ขอบคุณ

    “ปล่อยอาหย่งกับฉิงเอ๋อร์ไว้กับเหล่าองค์ชายจะดีหรือเพคะ เยว่ชิงกลัวว่าเจ้าก้อนของเราจะไปทำให้เหล่าองค์ชายลำบากเอาได้” บุตรชายและบุตรสาวของนางนั้นแม้จะเลี้ยงไม่ยาก ทว่าเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด ชอบเล่นสนุกจนบางครั้งทำให้ขันทีฟ่งหรานถึงกับเหนื่อยหอบลมแทบจับ นางเกรงว่าเจ้าก้อนทั้งสองของนางจะทำให้เหล่าองค์ชายปวดหัวเอาได้“ฮ่าๆ มิได้ห่วงเจ้าก้อนหรอกหรือ” หลิวหยางพาเยว่ชิงควบม้าออกมาห่างจากเมืองหลวงพอควร เพื่อพาร่างบางไปยังสถานที่หนึ่ง ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้นานแล้ว“เจ้าก้อนทั้งสองของเรา หากว่ามีพี่สามอยู่ เยว่ชิงก็มิห่วงอันใดแล้วเพคะ ทั้งเหล่าองค์ชายเองก็เอ็นดูอาหย่งและฉิงเอ๋อร์ของเราถึงเพียงนั้น จะต้องห่วงอันใดอีกเล่า…ว่าแต่ท่านพี่จะพาเยว่ชิงไปที่ใดหรือเพคะ” นัยน์ตาสดใสมองไปรอบข้างอยู่นาน แต่ก็มิคุ้นกับที่ทางเหล่านี้สักเท่าใด“พี่พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า จะได้มิน้อยใจ หาว่าพี่สนใจแต่บุตรมิสนใจมารดา”“โถ่~ เรื่องเพียงเท่านี้ ผู้ใดจะน้อยใจเล่าเพคะ” แขนเล็กถูกยกขึ้นกอดอก ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นดั่งถือดี เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกสวามีจับได้ว่าแอบน้อย

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   98. พบปะเสด็จอา (3)

    “อู้ๆ คิก เจี่ยมๆ”“โอ้ ฉิงเอ๋อร์ของลุงวาดภาพได้งดงามยิ่ง หากอาหย่งก็กลับมาแล้ว เราเอาไปอวดเขาดีหรือไม่ หืม” หมิงยู่ว่า พลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบสีที่ติดใบหน้าหลานสาวตัวน้อยออก อีกสองเดือนข้างหน้าก็จะถึงฤกษ์แต่งของเขากับฟางเอ๋อร์แล้ว ถึงครานั้นเขาจะรีบมีบุตรให้ทันใช้ เดิมทีมีการกำหนดฤกษ์แต่งก่อนหน้านี้ แต่ทว่าพี่ชายของฟางเอ๋อร์ออกเรือไปส่งสินค้าต่างแคว้นมิอาจมาร่วมงานได้ พวกเขาจึงเลื่อนออกไป เพราะอยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ“คารวะองค์ชายทั้งห้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาอาหย่งไปเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่มาแล้ว รับรองว่ากลิ่นหอมฉุย” ลี่อินอุ้มจางหย่งเข้ามาในศาลาที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มหวานหยดของคุณชายรองลู่ทำเอาใครบางคนถึงกับหันมองมิวางตา จนเหล่าพี่น้องจับสังเกตได้“เชิญคุณชายรองและคุณชายสามลู่ตามสบาย ถือว่าพวกข้ามาพักผ่อนดั่งครอบครัวทั่วไป ใช่หรือไม่น้องสี่” จ้านฉือที่เห็นว่าน้องชายยังมิละสายตาจากใบหน้างามจึงได้เอ่ยเรียกสติ“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่ คุณชายลู่พาอาหย่งมานั่งเถิด” เมื่อองค์ชายสี่เอ่ยเรียกคุณชายลู่ ทำให้ทั้งลี่อินและหมิงยู่ชะงักมองหน้ากัน เพราะมิรู้ว่าองค์ชายเอ่ยเรี

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   97. พบปะเสด็จอา (2)

    “ข้าฝากเจ้าพวกเจ้าด้วย มิถึงสองชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว หากว่ามีสิ่งใดก็เรียกฟ่งหราน หรือไม่ก็ขอคุณชายสามลู่ช่วยได้” ในยามเว่ย (13:00 – 14.59 น.) หลิวหยางตั้งใจจะออกไปที่หนึ่งกับเยว่ชิงตามลำพัง ทั้งบรรดาน้องชายอยากออกมาสังสรรค์กันที่จวนอ๋องของเขา เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอให้น้องชายมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรทั้งสองเดิมทีเฉินกงและเผิงจูคิดจะตามไปด้วย แต่เขาคิดว่าควรจะให้เฉินกงได้พักเสียบ้าง จึงให้คู่บ่าวสาวที่พึ่งจะตบแต่งกันไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เฉิงกงจึงพาเผิงจูออกไปอารามเพื่อขอบุตร“เสด็จพี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ ข้าน่ะเลี้ยงเด็กมามาก เพียงแค่หลานสองคนจะยากสักเท่าใดกันเชียว” องค์ชายห้าเฉิงเฟยฟาตบอกตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ“หึ เด็กที่เจ้าเลี้ยงมิใช่เด็กทารกนะเจ้าห้า” องค์ชายสี่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เด็กที่น้องชายเขาว่าคงมิพ้นสาวงามในหอนางโลมเป็นแน่เหล่าองค์ชายต่างหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าองค์ชายสี่หมายถึงเรื่องใด เว้นก็แต่ผู้ที่ถูกว่าอย่างองค์ชายห้า“เอาเถิดๆ บุตรของข้าเลี้ยงง่าย มิทำให้พวกเจ้าหนักใจเป็นแน่ ถือเสียว่าออกมาพักผ่อนนอกวังเสียบ้าง” หลิวหยางว่าพลางก้มลงจุมพิตบุตร

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   96. พบปะเสด็จอา (1)

    กว่าเจ็ดเดือนที่หลิวหยางและเยว่ชิงแทบจะมิอยู่ห่างบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะหลิวหยางที่ถึงขั้นหอบงานมาทำด้วยยามที่บุตรหลับ“บู้ๆ เอิ้ก แอ๊!” เสียงทารกน้อยวัยเจ็ดเดือนกำลังนอนสนทนากันอยู่บนเตียงสองคนเบาๆ ทั้งจางหย่งและอ้ายฉิงเป็นเด็กเลี้ยงง่าย มีร้องไห้งอแงตามประสาเด็กบ้าง แต่เมื่อได้ดื่มนมจากอกมารดาก็หยุดงอแงทันใด เพราะเหตุนี้ทารกน้อยทั้งสองจึงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ประกอบกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างเอ็นดูท่านชาย ท่านหญิงเป็นที่สุด“หึๆ ฉิงเอ๋อร์กับอาหย่งพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ ให้พ่อพูดคุยด้วยได้หรือไม่ หืม” หลิวหยางยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มกลมของบุตรทั้งสองคนละทีให้หายคิดถึง เขาพึ่งจะกลับมาจากการประชุมในท้องพระโรงจึงได้ตรงกลับจวนทันที แต่ก็มิทันได้ทานมื้อเช้ากับชายาและบุตรอยู่ดี ร่างสูงจึงรีบทานอาหารและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเข้ามาหาเยว่ชิงและบุตรทั้งสอง“ท่านพี่” เยว่ชิงเมื่อเห็นว่าสวามีหอมแก้มบุตร จึงได้ยื่นแก้มของตนเองให้สวามีได้หอมบ้าง ตั้งแต่มีบุตร ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิสนใจเยว่ชิงแล้ว เมื่อก่อนกลับมาจากการทำงานจะต้องมาหานางเป็นคนแรก แต่บัดนี้กลับมุ่ง

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   95. เจ้าก้อนตัวน้อย

    “โอ๊ยยย ฮื่อ! เหตุใดจึงเจ็บเช่นนี้ ฮึก ท่านแม่ช่วยเยว่ชิงที” เสียงกรีดร้องของเยว่ชิงทำให้ผู้เป็นสวามีนั่งไม่ติด ร่างสูงเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรน เยว่ชิงมิใช่สตรีที่อ่อนแอ แต่บัดนี้นางกลับกรีดร้องออกมา ย่อมตีความได้ว่านางกำลังลำบากอยู่เป็นแน่“ท่านอ๋องนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ มารดาของพระชายาเข้าไปอยู่ด้วยเช่นนี้ พระชายาย่อมอุ่นใจแล้ว” ลู่หวังเหล่ยและครอบครัวสกุลลู่กำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่กลับมีทหารองครักษ์ของฮ่องเต้มาแจ้งข่าวถึงหน้าเรือน พวกเขาจึงได้รีบกลับมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง“ท่านพ่อตา เยว่ชิงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ใบหน้าคมของชินอ๋องแคว้นเฉิงซีดเผือด ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาขลาดกลัวมากขึ้น“พระชายาจะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าอย่าได้วิตกไปหลิวหยาง สตรีคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้ รอไม่นานบุตรของเจ้าก็จะคลอดแล้ว” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วเข้ามาโอบบ่าของโอรส บีบเคล้นบ่าแกร่งเบาๆ ให้หลิวหยางได้คลายกังวลลงบ้าง“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด”อุแว้! อุแว้! อุแว้!“นั่นอย่างไร ได้ยินหรือไม่ ฮ่าๆ ข้าได้หลานชายหรือหลานสาว!” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงทร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status