เดือนต่อมา งานแต่งงานระหว่างนันทวัฒน์และนลินีก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในโรงแรมหรูหรา แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างก็เป็นบุคคลสำคัญจากวงสังคมชั้นสูง พิธีถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สมกับความสำคัญของสองตระกูลใหญ่
และในวันนี้ นลินีในชุดเจ้าสาวสีขาวงดงามยืนอยู่ข้างนันทวัฒน์ที่ดูดีในชุดสูทสีดำ ท่ามกลางเสียงเพลงที่บรรเลงขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเริ่มต้นชีวิตคู่ แต่ในใจของทั้งคู่กลับรู้สึกถึงความว่างเปล่า
หลังจากแลกแหวนและคำสาบาน ทั้งสองก็กลายเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ เสียงปรบมือดังขึ้นจากแขกในงาน แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกเหมือนการเฉลิมฉลองนี้เป็นเพียงหน้ากากที่ปิดบังความจริงที่ขมขื่นภายในใจ
เมื่อพิธีเสร็จสิ้น คู่บ่าวสาวก็ถูกพามาส่งถึงบ้านหลังใหญ่ที่ถูกสร้างให้เป็นเรือนหอ ซึ่งอยู่ภายในเขตรั้วบ้านใหญ่ของครอบครัวนันทวัฒน์ เพียงแค่ต้องการให้คู่แต่งงานใหม่ได้มีความเป็นส่วนตัวเพื่อให้เหมาะในการเริ่มต้นชีวิตคู่ของพวกเขา นลินีรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกลัวกับการเริ่มต้นครั้งนี้ เธอรู้ว่าต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ก็ยังคงหวังว่าวันหนึ่งความพยายามของเธออาจทำให้เขายอมรับและรักเธอได้
ห้องหอที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอบอุ่น เตียงนอนสีขาวสะอาดตาเรียงรายไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ ภายในห้องอบอวลไปด้วยแสงไฟอ่อนโยนที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ผู้ใหญ่จากทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้ามาในห้องหอ เพื่อทำพิธีอวยพรตามประเพณี เป็นช่วงเวลาที่ผู้ใหญ่มอบคำอวยพรและส่งต่อความหวังดีแก่บ่าวสาวที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตคู่
คุณนิรันดร์คุณพ่อของเจ้าบ่าวกล่าวขึ้นเป็นคนแรก ขณะที่ทุกคนยืนล้อมรอบบ่าวสาว “พ่อขอให้พวกเธอสองคนครองรักกันอย่างมั่นคง รู้จักให้อภัยและดูแลกันเสมอ อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยมาทำลายความรักที่สร้างมาด้วยกัน พ่อเชื่อว่าพวกลูกจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยความรักและความเข้าใจ”
คุณหญิงวิไลคุณแม่ของนันทวัฒน์ที่ยิ้มกว้าง มอบของขวัญให้พร้อมกล่าวคำอวยพร “ขอให้พวกเธอมีความสุขทุกวันนะจ๊ะ อยู่ด้วยกันนาน ๆ และที่สำคัญต้องมีหลานเต็มบ้าน หลานเต็มเมืองให้แม่ได้อุ้มเร็ว ๆ ด้วยนะจ๊ะ”
คุณโอภาสคุณพ่อของเจ้าสาวพูดพร้อมยิ้มอย่างภาคภูมิ “จำไว้นะลูก ความรักต้องอาศัยทั้งความเข้าใจและการปรับตัวกันและกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเรารักและดูแลกัน ทุกอย่างก็จะราบรื่น ขอให้รักกันยาวนาน และผ่านทุกเรื่องไปด้วยกันอย่างมีความสุข”
คุณหญิงนวลจันทร์คุณแม่ของนลินียิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะกล่าวอวยพรด้วยความอบอุ่น “แม่ขอให้พวกเธอมีความสุขในทุกๆ วันของชีวิตคู่ อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคู่คือการสนับสนุนและดูแลกันและกัน รักและเคารพกันทุกวัน และให้ความรักเติบโตไปพร้อมกับทุกสิ่งที่พวกเธอจะสร้างร่วมกัน”
หลังจากนั้น ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่น ๆ ก็ต่างเข้ามาอวยพร บ้างมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แฝงไปด้วยความหมายที่ดี
เจ้าบ่าวของงานยิ้มและกล่าวขอบคุณด้วยใบเย็นชาส่วนนลินีเขินอายกับคำอวยพรนั้นจนหน้าแดง ขณะที่ผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ต่างก็ปรบมือและอวยพรด้วยความปลื้มปีติ
หลังจากที่คำอวยพรทั้งหมดได้ถูกแลกเปลี่ยนกันเสร็จสิ้น คุณแม่ของเจ้าบ่าวก็หัวเราะอย่างเบา ๆ ก่อนจะกล่าวลา “เอาล่ะ ทุกคน เราควรจะปล่อยให้บ่าวสาวได้มีเวลาส่วนตัวกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนพิเศษของพวกเขา”
ผู้ใหญ่ต่างยิ้มและพากันกล่าวอวยพรครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องหอ ทิ้งให้บ่าวสาวอยู่ด้วยกันในห้องที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก
นันทวัฒน์ตามเข้ามาในห้องหลังจากเสร็จสิ้นการสนทนากับแขก เขาปิดประตูเบา ๆ และหันมามองนลินีที่ยืนอยู่กลางห้อง เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ สายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนเดิม
ในห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา นลินีนั่งอยู่บนเตียงขณะที่นันทวัฒน์เดินเข้ามาในห้อง เขาไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้
"คุณนอนก่อนเถอะ" นันทวัฒน์พูดเสียงเบาโดยไม่สบตาเธอ "ผมมีเรื่องต้องทำ ขอไปจัดการงานที่ห้องทำงาน เดี๋ยวจะกลับมาช้า"
นลินีรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยคำพูดนั้น แต่เธอก็พยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ "ค่ะ... ตามสบายค่ะ" แม้ว่าในใจเธอจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอหวังว่าบางที ถ้าเธอได้ใกล้ชิดกับเขา ความรักของเธออาจทำให้เขาเปิดใจและยอมรับเธอได้
นันทวัฒน์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง นลินีมองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ หายไปจากประตู ความเหงาและความเศร้าเริ่มทับถมเข้ามาในใจ น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นเอาไว้เริ่มไหลรินอย่างช้าๆ
เธอนั่งอยู่บนเตียง มองรอบ ๆ ห้องที่ถูกจัดไว้เพื่อความโรแมนติก แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาที่ไม่มีความหมายใด ๆ นลินีเริ่มรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอฝันไว้ มันไม่ใช่การเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสุขเหมือนที่เธอเคยจินตนาการ เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในบ้านที่ใหญ่โตและเงียบสงัด โดยมีเพียงเธอและความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนอง
นลินีนั่งอยู่ท่านั้นนานมาก เตียงที่ควรจะเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความรัก แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่คนเดียวในห้องที่กว้างใหญ่และเย็นชา เธอนึกถึงวันที่เธอฝันว่าจะมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่กลับต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่โหดร้าย
ในคืนนั้น นลินีไม่สามารถข่มตาหลับได้ เธอนอนฟังเสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ รู้สึกถึงความเงียบงันที่หนักอึ้งและความเหงาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามปลอบใจตัวเองว่า นี่อาจเป็นเพียงการเริ่มต้น และวันหนึ่งทุกอย่างอาจจะดีขึ้น
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน นันทวัฒน์รู้สึกตัวเต็มที่และความคิดกลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนที่จะกลับมามองนลินีนอนหลับอยู่ข้าง ๆ กาย ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเป ทั้งความผิดหวังในตัวเองที่เหมือนนอกใจคนรักอย่างเอมอร ความโมโหตัวเองที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจปล่อยให้ยามีอำนาจเหนือกว่า และความรู้สึกผิดที่มีต่อนลินีที่มีอะไรกับเธอทั้งที่ไม่ได้รัก เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เพราะความรัก แต่มันเป็นเพราะความต้องการทางกายที่ถูกกระตุ้นด้วยยา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ใช้ประโยชน์จากความไว้ใจของนลินีอย่างไม่ยุติธรรม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่เขาจะมีอะไรกับเอมอรเพราะถ้าเมื่อคืนเป็นเอมอรเเทนที่จะเป็นนลีนี คนรักของเขาก็จะโดนสังคมตราหน้าว่าเป็นชู้ทันที นันทวัฒน์ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เขาไม่อยากให้เธอตื่นขึ้นมาเห็นเขาในสภาพนี้ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ นลินีที่ยังคงหลับอยู่ไม่ได้รู้เลยว่าเขาได้หนีออกไปอย่างรวดเร็ว นันทวัฒน์รีบออกจากบ้านไปทำงานโดยที่ยังไม่ได้ทานอาหารเช้า เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับนลินีได้ในตอนนี้ ความรู้สึกผ
“ซี๊ดดด มาต่ออีกรอบนะลิน วันนี้ลินโดนพี่เอาถึงเช้าแน่ทำใจไว้ได้เลย”“อือออ ตะ…แต่ ลินยังเจ็บอยู่นะคะ อูยยยย” ถึงแม้นลินีจะค้านแต่คนโดนยาปริมาณมากอย่างนันทวัฒน์หรือจะฟัง ร่างสูงเริ่มขยับโยกสะโพกเป็นจังหวะช้าๆ จนหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัว แม้จะรู้สึกแน่นจุกจนแทบทนไม่ไหว แต่นลินีก็ต้องกัดฟันทนเอาเมื่อนึกถึงความเสียวที่รออยู่ข้างหน้า และความสัมพันธ์ที่จะดีขึ้นหลังจากค่ำคืนนี้ที่เธอตกเป็นของคนที่เธอรักทั้งกายและใจผ่านพ้นไป ยิ่งพอได้ยินเพียงเสียงครวญครางอย่างพึงใจของชายหนุ่ม เธอก็รู้สึกดีทุกครั้งที่นันทวัฒน์มีความสุขที่มีอะไรกับเธอนันทวัฒน์ประกบปากดูดลิ้นนลินีอย่างดูดดื่ม พร้อมกับส่ายสะโพกซ้ายขวาไปมาจนนลินีรู้สึกว่าเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง มันช่างเสียวเกินคำจะบรรยายได้จริงๆ“อูยยยย ซี๊ดดด พี่วัฒน์ ซี๊ดดดด"“หืมมมม ซี๊ด อ๊าาาาา เสียวเหรอ ทนหน่อยนะ พี่อยากจับกระแทกแรงๆ กว่านี้ ปล่อยขาก่อนเร็ว มีอะไรที่เสียวกว่านี้รออยู่” หลังจากที่นลินนีวางขาเรียวของตัวเองออกจากเอวของคนตัวสูง มือยาวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็รวบขาทั้งสองข้างมาวางพาดไว้ที่บ่าแกร่งของตัวเอง และโย้ไปข้างหน้า ท่านี้เผยให้เป็น
นลินีตกใจและไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เธอพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ “พี่วัฒน์…” นลินีร้องด้วยความตกใจ และไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน แม้เธอจะพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ นันทวัฒน์ผลักร่างบางของนลินีให้ล้มลงบนเตียงนอน พอหลังสัมผัสกับความเย็นของผ้าปูที่นอนสติสัมปชัญญะของนลินีก็กลับมา เธอคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติไปเพราะนันทวัฒน์ปกติจะไม่ค่อยเฉียดเข้าใกล้เธอเลย ต่างจากครั้งนี้มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขามุ่งเข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับเธอ มือเรียวจึงดันหน้าคมที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวของเธออยู่“พี่วัฒน์อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”“ฟอดดดด ทำไมจะทำไม่ได้ เธออย่าลืมนะเราแต่งงานกันแล้ว ครอบครัวพี่ต้องเสียเงินไม่ใช่น้อยที่ต้องจ่ายค่าตัวเธอ มาทำหน้าที่เมียเลย อย่ามาทำเป็นห้ามเลย จะได้สมใจเธอไงที่อยากเป็นเมียพี่นักหนาไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงพูดจบ ปากของนลินีก็โดนปิดด
หลังจากที่พานลินีกลับบ้านในช่วงบ่าย นันทวัฒน์ก็กลับไปที่ออฟฟิศเพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่ แม้ว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อยจากการเผชิญหน้ากับคุณหญิงวิไลแม่ของเขากับนลินีผู้เป็นภรรยาในนามในร้านกระเป๋า แต่เขาพยายามบังคับตัวเองให้จดจ่อกับงานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเมื่อถึงช่วงเย็น นันทวัฒน์ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรู เขาคิดว่าอาจจะเป็นการดีที่จะใช้เวลาผ่อนคลายตัวเองและหลีกหนีจากความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน เขาโทรไปบอกคุณนิรันดร์ว่าเขาจะไปงานเลี้ยงให้กลับบ้านไปก่อนได้เลยที่งานเลี้ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหราตามแบบฉบับของนักธุรกิจมีเงินและผู้คนที่แต่งตัวอย่างดีมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นันทวัฒน์เดินเข้ามาในงานโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนในแวดวงธุรกิจอื่น ๆ แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในงาน เขาก็เจอเข้ากับเอมอรที่กำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนเอมอรเห็นนันทวัฒน์ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสและเดินตรงเข้ามาหาเขา “พี่วัฒน์ มาเร็วช้าจังเลยนะคะ แต่เอมคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าพี่วัฒน์ต้อ
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ นันทวัฒน์และเอมอรยังคงนั่งสนทนากันต่อที่โต๊ะในร้านอาหารหรู เอมอรยิ้มหวานและใช้เวลาสนทนากับนันทวัฒน์อย่างมีความสุข ขณะที่นลินีและคุณหญิงวิไลยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลกัน นลินีพยายามทำใจให้สงบ แม้ว่าภาพของนันทวัฒน์และเอมอรจะยังคงฝังแน่นในหัวใจของเธอ เอมอรเหลือบมองดูนาฬิกาบนข้อมือของเธอ ก่อนจะหันมามองนันทวัฒน์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “พี่วัฒน์คะ... วันนี้เอมอยากได้กระเป๋าใบใหม่ค่ะ” เอมอรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย “เพื่อนๆ เขาแนะนำกระเป๋าแบรนด์ที่เอมใช้อยู่คอลเลคชั่นใหม่มาแล้ว สวยมากเลย เอมว่ามันเหมาะกับเอมมากค่ะ พี่วัฒน์พาเอมไปดูหน่อยได้ไหมคะ” นันทวัฒน์มองเอมอรด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเอมอรชอบขอของจากเขาอยู่บ่อย ๆ แต่เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะตามใจเธอ เอมอรเป็นคนที่เขารักและเขาก็อยากให้เธอมีความสุขเสมอ “ได้สิเอม เดี๋ยวพี่จะพาไปดู ตอนนี้เราไปกันเลยไหม” นันทวัฒน์ตอบตกลงโดยไม่ลังเล เอมอรยิ้มกว้างและลุกขึ้นยืนทันที “ค่ะ ไปกันเลยค่ะพี่วัฒน์” เธอตอบอย่างตื่นเต้น ก่อนจะก้าวไปใกล้เขาและจับแขนของเขาไว้แน่น นันทวัฒน์จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย จาก
หลังจากที่คุณหญิงวิไลนำขนมชั้นไปให้นันทวัฒน์ นลินีก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในใจปนเปกันไปหมด เธอหวังอย่างยิ่งว่าขนมที่เธอตั้งใจทำร่วมกับแม่สามีจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนันทวัฒน์ดีขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม หวังว่าเขาจะชอบขนมที่เธอเพิ่งหัดทำเพื่อเขาก็พอเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น นลินีอดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้ว่านันทวัฒน์ได้ชิมขนมแล้วหรือยัง เธอจึงเดินไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ ประตูแง้มอยู่เล็กน้อย เธอแอบมองเข้าไปภายในห้องภายในห้องทำงานนั้น นันทวัฒน์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย นลินีเหลือบไปเห็นถาดขนมชั้นที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เขา มันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย หัวใจของนลินีเจ็บแปลบ เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ความหวังเล็ก ๆ ที่เธอมีว่าเขาจะสนใจสิ่งที่เธอทำกลับพังทลายลงอีกครั้งหญิงสาวเดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบ ๆ และรีบหันกลับไปที่ห้องครัว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไม่สามารถซ่อนอีกต่อไป มันไหลรินลงมาอย่างช้า ๆ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะในครัวที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นเมื่อช่วงบ่าย แต่ตอ