LOGINเมื่อโชคชะตาบังคับให้ "นันทวัฒน์" ต้องแต่งงานกับ "นลินี" หญิงที่เขาไม่เคยสนใจ แต่หัวใจกลับพลิกผันเมื่อเขาต้องสูญเสียทุกอย่าง เพียงเพื่อจะพบว่าเธอคือคนสำคัญที่สุด
View Moreนันทวัฒน์ หนุ่มหล่อเจ้าของธุรกิจใหญ่โต ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอนหรูหราของเขา วันนี้คือวันที่เขาต้องเข้าพิธีแต่งงานกับนลินี หญิงสาวที่เขาไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ มาก่อน แต่กลับเป็นคำสั่งจากผู้ใหญ่ที่ต้องทำตาม เขามองตัวเองในชุดสูทสีดำ ดูดีอย่างไม่มีที่ติ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสับสนและไม่พอใจ
“นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่ฉันต้องการ” เขาพึมพำกับตัวเอง
ทางด้าน นลินี หญิงสาวผู้มีใจอ่อนโยนและอบอุ่นกำลังถูกแต่งตัวในชุดเจ้าสาวที่ดูสง่างาม แต่ในหัวใจของเธอกลับรู้สึกทั้งความดีใจและหวาดกลัวผสมปนเปกัน เธอรู้ดีว่านันทวัฒน์ไม่เคยมีความรู้สึกใดๆ กับเธอ แต่สำหรับเธอแล้ว เขาคือคนที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เด็ก
“ฉันต้องทำให้เขารักฉันให้ได้” นลินีคิดกับตัวเองด้วยความหวังอันริบหรี่
บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูเต็มไปด้วยแขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานระหว่างสองตระกูลใหญ่ นันทวัฒน์ในชุดสูทสีดำเข้มที่ดูสง่างาม เขายืนอยู่ที่หน้าเวที ดวงตาคมกริบแต่ไร้ความรู้สึก เขามองไปรอบ ๆ อย่างเย็นชา ไม่มีความตื่นเต้นหรือความสุขในงานที่ควรจะเป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต
นลินีปรากฏตัวขึ้นในชุดเจ้าสาวสีขาวที่ประดับด้วยลูกไม้ละเอียดอ่อน ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างงดงาม เธอเดินเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นและกังวล เสียงเพลงบรรเลงอย่างอ่อนหวานต้อนรับเธอขณะที่เธอเดินเข้ามาหานันทวัฒน์ นลินีรู้สึกถึงสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ แต่สายตาที่เธออยากจะให้มองเธอด้วยความรักกลับไม่เคยเป็นของเขา
เมื่อทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันที่หน้าเวที พิธีกรเริ่มกล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานครั้งนี้ นันทวัฒน์ยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะสบตานลินีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเขาเย็นชา ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ในงานที่ไม่มีความหมายสำหรับเขา
“คุณนันทวัฒน์ ยินดีรับคุณนลินีเป็นภรรยาและสัญญาว่าจะรักและดูแลเธอไปตลอดชีวิตหรือไม่” บาทหลวงถามขึ้น เสียงคำถามดังไปทั่วทั้งห้อง
นันทวัฒน์หันมามองนลินีเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงเรียบว่า "ครับ"
คำตอบที่เย็นชานั้นทำให้นลินีรู้สึกหนาวสะท้านในใจ เธอพยายามซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ในใจ และตอบรับคำถามของบาทหลวงอย่างมั่นคง "ค่ะ ฉันยินดี"
หลังจากแลกเปลี่ยนคำสาบานและสวมแหวนให้กันและกัน ทั้งคู่ก็ถูกประกาศให้เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ แต่แทนที่จะมีรอยยิ้มแห่งความสุข นลินีรู้สึกถึงน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลรินในใจของเธอ เธอรู้ว่าความรักครั้งนี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่เธออยากจะให้เป็นจริง แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่แขกทุกคนต่างปรบมือแสดงความยินดี นลินีมองดูสามีของเธอที่หันไปสนทนากับแขกอย่างไม่ใส่ใจเธอ เธอได้แต่หวังในใจว่าสักวันหนึ่ง เขาอาจจะมองเธอด้วยความรัก เหมือนที่เธอมองเขาในวันนี้
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น เมื่อหนึ่งเดือนก่อนในห้องรับแขกที่หรูหราและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึม สมาชิกสองครอบครัวใหญ่ครอบครัวนันทวัฒน์และครอบครัวนลินี นั่งอยู่ตรงข้ามกันบนโซฟาหลุยส์ที่เรียงรายอยู่กลางห้อง เสียงนาฬิกาตั้งพื้นดังเป็นระยะ ๆ เตือนถึงเวลาที่ค่อย ๆ เดินผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกคนในห้องต่างเฝ้ารอการสนทนาที่จะเปลี่ยนชีวิตของสองหนุ่มสาวตลอดไป
นลินี นั่งอยู่ข้างแม่ของเธออย่างสงบ ดวงตาของเธอพยายามไม่สบตากับนันทวัฒน์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เธอรู้ดีว่าบทสนทนานี้จะนำไปสู่สิ่งที่เธอทั้งหวังและหวาดกลัวมานาน นั่นคือการแต่งงานกับชายที่เธอแอบรักตั้งแต่ยังเด็ก
นันทวัฒน์เองก็นั่งเงียบ เขาแต่งตัวในชุดสูทเรียบหรู ท่าทางของเขาแสดงออกถึงความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยว แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองกำลังจะต้องเข้าสู่ชีวิตคู่ที่ถูกบังคับ ทั้งที่หัวใจของเขามีคนอื่นอยู่แล้ว
“นันทวัฒน์... ลูกรู้ใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เราสามารถปฏิเสธได้” พ่อของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม นันทวัฒน์หันมามองพ่อของเขา สายตาเต็มไปด้วยความตึงเครียด “ผมรู้ครับพ่อ แต่ทำไมต้องเป็นผม ทำไมเราต้องใช้ชีวิตของผมในการประสานธุรกิจ”
พ่อของเขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบ “การแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ มันเกี่ยวข้องกับเกียรติของตระกูล เราจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลไว้ เพื่อความเป็นปึกแผ่นในอนาคตของทั้งสองครอบครัวของเรา”
นลินีที่นั่งฟังอยู่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียงของนันทวัฒน์ เธอรู้สึกอยากจะบอกเขาว่าเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
“นลินี ลูกมีอะไรจะพูดไหม” แม่ของเธอถามเบา ๆ ขณะที่มองดูลูกสาวด้วยความห่วงใย
นลินีส่ายหน้าเบา ๆ “หนูพร้อมค่ะ พร้อมที่จะแต่งงานตามที่ทุกคนต้องการ” คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจที่พยายามปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง เธอรู้ดีว่านี่คือทางเลือกเดียวที่จะรักษาเกียรติของครอบครัว และแม้ว่าเธอจะต้องแลกกับความฝันของตัวเอง เธอก็ยอม
นันทวัฒน์รู้สึกถึงความจริงจังในน้ำเสียงของนลินี เขาหันมามองเธอเป็นครั้งแรกในคืนนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและเสียใจ แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่การที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก ก็เป็นเรื่องที่ยากจะรับมือ
“ถ้าอย่างนั้น...เราตกลงว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กันในเดือนหน้า” พ่อของนันทวัฒน์กล่าวเสียงหนักแน่น ซึ่งเป็นการยืนยันถึงชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยง
นันทวัฒน์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงพยักหน้าเงียบ ๆ ขณะที่ในใจรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่สำคัญหลุดลอยไป เขาหันกลับไปนั่งอย่างเงียบ ๆ ขณะที่บรรยากาศในห้องกลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
หลังจากที่นันทวัฒน์และนลินีได้พูดคุยและเข้าใจกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอมอร ทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้อดีตมาทำลายความสุขในปัจจุบันและอนาคตของครอบครัว พวกเขามุ่งมั่นที่จะสร้างชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นคงสำหรับตัวเองและลูกน้อยวันต่อมานันทวัฒน์ตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกที่สดใสและมั่นใจมากขึ้น เขารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำในวันนี้ไม่เพียงเพื่อเขาเอง แต่เพื่อครอบครัวที่เขารัก เขาตั้งใจที่จะทุ่มเทให้กับงานและครอบครัวไปพร้อมกัน เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงหลังจากที่เขาใช้เวลาทำงานในบริษัทเสร็จสิ้นในช่วงเช้า วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์เขาเลยตัดสินใจที่จะพานลินีและลูกไปพักผ่อนที่ทะเลใกล้ๆ กรุงเทพ เพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนและใช้เวลาในช่วงวันหยุดร่วมกัน“ลิน วันนี้เราพาลูกไปทะเลกันดีไหม พี่ดูที่พักไว้แล้ว” นันทวัฒน์ถามขณะที่เขาช่วยนลินีเตรียมของใช้สำหรับลูกน้อยนลินียิ้มอย่างอ่อนโยนและพยักหน้า “ก็ดีนะคะพี่วัฒน์ เรายังไม่เคยพาน้องเวย์ไปทะเลเลย ลินก็อยากให้ลูกได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง เราไปกันตอนนี้เลยเหรอคะ”“ใช่ครับ กว่าจะไปถึงน่าจะเย็นๆ พักผ่อนกลางคืน เช้ามาจะได้สูดอากาศสดชื่
หลังจากเลิกงาน นันทวัฒน์ตัดสินใจที่จะพานลินีและลูกน้อยออกไปเปลี่ยนบรรยากาศที่ห้างสรรพสินค้า เขารู้สึกว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันนอกบ้านและพาครอบครัวไปสัมผัสกับบรรยากาศใหม่ ๆ บ้างเพราะกลัวว่านลินีจะเบื่อที่ต้องอยู่แต่ที่บ้านและที่ทำงานของเขา “ลินครับ” นันทวัฒน์พูดขณะที่เขาอุ้มลูกน้อยอยู่ในอ้อมแขน “วันนี้เราไปเดินห้างกันไหม พี่อยากให้ลินได้ผ่อนคลายบ้าง แล้วเราจะได้ไปหาซื้อของเล่นหรือเสื้อผ้าใหม่ ๆ ให้ลูกด้วย” นลินียิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอจัดเตรียมข้าวของสำหรับลูก “ดีเหมือนกันค่ะพี่วัฒน์ ลินเองก็อยากจะออกไปเดินเล่นบ้าง อีกอย่างพี่วัฒน์ก็ดูตื่นเต้นที่จะพาลูกไปเปิดหูเปิดตาด้วยใช่ไหมคะ” นันทวัฒน์หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนครับ พี่อยากให้น้องเวย์ได้เห็นโลกกว้าง และพี่ก็อยากให้ลินได้ไปเปิดหูเปิดตาด้วย” เมื่อทั้งสามคนเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ชื่อดัง เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า นันทวัฒน์พานลินีและลูกน้อยเดินสำรวจร้านค้าและแผนกต่าง ๆ ด้วยความสนุกสนาน เขาดูแลนลินีและลูกอย่างใกล้ชิด พาลูกน้อยเดินชมของเล่นที่มีสีสันสดใสและเสียงดนตรีเบา ๆ ซึ่ง
หลังจากที่นลินีและนันทวัฒน์ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันจนตกลงใจที่จะกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองไทย ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง ทั้งคู่รู้สึกตื่นเต้นที่จะกลับไปบ้านเกิดพร้อมกับลูกน้อย พวกเขาได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่และพร้อมที่จะเผชิญกับอนาคตที่สดใส ตอนนี้พ่อกับแม่ของนลินีกลับเมืองไทยก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่เครื่องบินแลนดิ้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ นลินีมองออกไปยังท้องฟ้าและรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ แม้ว่าจะเป็นการกลับมาหลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่การที่เธอได้กลับมาพร้อมกับสามีที่เธอรักและลูกน้อยที่เป็นโซ่ทองคล้องใจทำให้ทุกอย่างดูสดใสไปหมดสำหรับเธอ เมื่อพวกเขาเดินออกจากสนามบิน คุณหญิงวิไลและกับคุณนิรันดร์ก็มารอรับด้วยรอยยิ้มและความยินดี ทั้งสองคนรีบเข้ามากอดลูกชายและลูกสะใภ้ พร้อมกับรับหลานน้อยไปอุ้มด้วยความรักและความเอ็นดู “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก” คุณหญิงวิไลพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ขณะที่เธอกอดนลินีแน่น “แม่ดีใจที่เห็นหนูกลับมา เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบครัวอีกครั้ง” คุณนิรันดร์ยิ้มและพยักหน้า “พ่อเองก็ดีใจมากที่เห็นพวกเธอกลับมา วัฒน์กับหนูลิน ทั้งสองคนเข้ม
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากนันทวัฒน์ฟื้นฟูร่างกายและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ครอบครัวของเขาและนลินีได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของสมาชิกใหม่ที่จะเติมเต็มครอบครัวนี้อย่างสมบูรณ์ วันนี้ขณะที่นลินีและนันทวัฒน์กำลังนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน นลินีรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย เธอรู้สึกเจ็บที่ท้องเป็นระยะ ๆ ซึ่งต่างจากอาการเจ็บปวดธรรมดาที่เธอเคยเจอมาก่อน ครั้งนี้มันรู้สึกแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เธอพยายามที่จะสงบสติและไม่ทำให้นันทวัฒน์เป็นกังวล แต่ความเจ็บปวดกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ “พี่วัฒน์ ลินคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” นลินีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ขณะที่มือของเธอกุมท้องแน่น นันทวัฒน์รีบลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน “ลิน ลินเจ็บท้องแล้วใช่ไหม เราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” เขารีบไปหยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้ล่วงหน้าซึ่งบรรจุสิ่งของจำเป็นสำหรับการไปคลอด นลินีพยายามลุกขึ้นยืน แต่ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกไม่มีแรงก้าวเดิน นันทวัฒน์จึงเข้ามาพยุงเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะลิน พี่อยู่ตรงนี้ เราจะไปโรงพยาบาลทันที” นันทวัฒน์พูดพร้อมกับพยายามให้กำลังใ