บรรยากาศในออฟฟิศเปลี่ยนไปทันทีที่คิรันกลับมาทำงานหลังวันหยุดยาว—และไม่ใช่แค่เพราะออร่าความเคร่งขรึมของเขาเท่านั้น
แต่เพราะทุกคนเริ่มสังเกตเห็นว่าเขา...เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะกับเธอ
“ไอรีน”
หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูจะถูกดุรายวัน ถูกเพ่งเล็งเหมือนจะพลาดทุกลมหายใจ
แต่ตอนนี้กลับได้รับสายตาเรียบสงบจากเจ้านายที่ปกติจะไม่แย้มแม้แต่นิด
ถึงปากเขาจะยังเฉียบคม แต่แววตาที่มองเธอกลับอบอุ่นกว่าที่ใครเคยเห็น
คิรันยังคงเป็นคิรัน—เข้มงวด ดุดัน และไร้ช่องโหว่
แต่กับเธอ...เขาเริ่มยอมให้ความอ่อนโยนบางอย่างเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เอกสารเช้านี้มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนเดิม แต่ธันวาในฐานะเลขาคู่ใจรู้ดี
น้ำเสียงแบบนี้...คิรันไม่เคยใช้กับใครมาก่อน
เขามองเจ้านายของเขาอย่างแปลกใจในตอนแรก
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อไอรีนพยักหน้าแบบเก้ ๆ กัง ๆ
ธันวากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเห็นดอกไม้บานกลางฤดูหนาว
เหมือนเห็นแสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านเมฆที่ปกคลุมใจของคิรันมาตลอดหลายปี
ผู้ชายคนนี้เคยปิดตัวเองไว้ด้วยกำแพงหนาแน่นเกินกว่าที่ใครจะเข้าถึง
แต่ตอนนี้...เขากำลังเปิดช่องว่างให้ใครบางคนได้เดินเข้าไป
และธันวาก็ภาวนาให้ช่องว่างนั้นไม่ถูกปิดลงอีก
แต่ในขณะที่มีคนหนึ่งยิ้ม
คนอีกหลายคนกลับเริ่มเผาใจด้วยความอิจฉา
“ยัยนั่นมันไปทำบุญด้วยอะไรถึงได้ใกล้ชิดท่านประธานขนาดนั้น...”
เสียงกระซิบกระซาบเริ่มแทรกซึมในทุกมุมออฟฟิศ
โดยเฉพาะจากกลุ่มพนักงานหญิงที่ก่อนหน้านี้เคยพยายามเข้าหาคิรันแต่ไม่เคยเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่นิด
“หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ฐานะก็...หึ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้วิธีลัด เธอจะอยู่ตรงนั้นได้ยังไงกันล่ะ”
คำพูดพวกนั้นไม่ได้ดังนัก
แต่มันก็แหลมคมพอจะตัดความมั่นใจของคนฟังให้บางลงทุกวัน
ไอรีนพยายามไม่สนใจ พยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรใส่ใจ
เธอไม่ใช่คนที่จะสะทกสะท้านง่าย ๆ
แต่เมื่อได้ยินมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกวัน ทุกมุม
ในที่สุด…หัวใจของเธอก็เริ่มสั่นคลอน
เธอเริ่มสังเกตตัวเองในกระจกมากขึ้น
เริ่มคิดถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคิรันมากขึ้น
และเริ่มถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ในใจ...
“เราเหมาะกับเขาจริงเหรอ?”
ธันวาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในสายตาไอรีน
แต่คิรันยังคงเหมือนเดิม—หรืออาจจะอบอุ่นขึ้นเสียด้วยซ้ำ
เขาไม่พูดมาก แต่ทุกสัมผัส ทุกจังหวะที่เขามองเธอ ล้วนเต็มไปด้วยความใส่ใจที่ไม่ต้องการคำอธิบาย
และนั่นเอง...ที่ทำให้หัวใจของไอรีนยิ่งสับสน
ในขณะที่เขากำลังพยายามดึงเธอเข้ามาใกล้
เธอกลับเริ่มลังเลว่าจะสมควรอยู่ข้างเขาหรือไม่
บางครั้ง…เมื่อคิรันเดินผ่านโต๊ะเธอ
เธอกลับแกล้งทำเป็นยุ่งกับเอกสาร ไม่เงยหน้าขึ้น
บางที…เมื่อเขาเรียกให้เข้าไปในห้อง
เธอก็เริ่มหาข้ออ้างขอเวลาเตรียมตัวเพิ่ม ทั้งที่เมื่อก่อนเธอพร้อมจะเข้าไปทุกครั้งที่เขาเอ่ยเรียก
มันยังไม่ชัดเจน
ยังไม่ใช่การถอยห่างอย่างเต็มที่
แต่ก็เริ่ม…ห่างพอจะให้คิรันรู้สึกได้
และเมื่อเขาเริ่มรู้สึกได้…
ความเงียบสงบของเขา ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นใต้น้ำที่พร้อมปะทุขึ้นทุกเมื่อ
ภายในห้องประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท SIRIUS CORPORATION เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการอภิปรายแผนงานระยะยาว ทว่าในท่ามกลางบรรยากาศที่แข็งกระด้าง มีเพียงสายตาคู่หนึ่งที่อ่อนลงเสมอเมื่อมองไปทางหญิงสาวข้างกาย
คิรันพาไอรีนเดินเข้าไปในห้องประชุมโดยไม่แยกทางกันแม้แต่วินาทีเดียว
แขนแข็งแรงของเขาแตะแผ่นหลังเธอเบา ๆ อย่างที่ไม่มีใครเคยได้รับ
ท่ามกลางสายตานับสิบที่มองมาอย่างสนใจ ระคนตกใจ และ...อิจฉา
ธันวาส่งสายตาให้กำลังใจไอรีนจากมุมห้อง
แต่หญิงสาวกลับเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางมากขึ้นทุกที
งานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังการประชุมเริ่มขึ้นในห้องรับรอง
เสียงดนตรีเบา ๆ คลอท่ามกลางเสียงพูดคุยและหัวเราะ
ไอรีนพยายามยืนเงียบ ๆ เคียงข้างคิรันเหมือนเป็นเพียงผู้ช่วยทั่วไป
แม้ในใจจะหวั่นไหวทุกครั้งที่มือเขาแตะหลังเธออย่างเผลอไผล
แต่เธอก็ยังพยายามรักษาระยะ
พยายาม “ปกป้องเขา” จากการมองของคนรอบข้าง
และนั่น...ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของคนที่จ้องจับผิดอยู่แล้ว
“คิรัน~”
เสียงหวานหรูดังขึ้นก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว
หญิงสาวในชุดเดรสเปิดไหล่ลายหรูเดินเข้ามาแทรกตรงหน้าไอรีน แล้วเกาะแขนคิรันอย่างแนบแน่น
“คิดถึงจังเลยนะ...หายเงียบไปตั้งหลายเดือนแน่ะ”
เธอยิ้มหวาน แต่สายตาเต็มไปด้วยการหยั่งเชิง
“พอดีไม่ว่าง”
คิรันตอบเรียบ ๆ พลางขยับแขนหนีเล็กน้อย
แต่หญิงสาวกลับไม่ถอย กลับแสร้งทำเป็นหัวเราะ
“ว่าแต่คนนี้...”
สายตาคมเฉี่ยวตวัดมองไอรีนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง
“...คู่นอนคนใหม่เหรอ? หน้าตาก็พอได้อยู่นะ แต่แต่งตัวแบบนี้...ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร”
ไอรีนสะอึก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
แต่หญิงสาวเจ้าของคำพูดไม่ได้หยุดแค่นั้น
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับไปหา ฉัน อีกล่ะคิรัน? หรือว่าคนนี้จะเล่นอีกนาน?”
เธอหัวเราะอย่างพอใจ ก่อนจะก้มหน้าเข้าหาเขาแล้วกระซิบเสียงแหลม
“ได้ข่าวว่าจน...นิ”
ทุกคำพูดเหมือนตบหน้าไอรีนกลางห้อง
เธอกัดฟันแน่น พยายามไม่แสดงความอ่อนแอ
แต่หัวใจกลับเจ็บจนแทบยืนไม่อยู่
คิรันยังไม่ทันตอบ
เธอก็หันหลังเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
มือกำแน่น ดวงตาร้อนผ่าว และลมหายใจติดขัด
เสียงเรียกของคิรันดังตามหลังมา
แต่เธอไม่หยุด
เธอเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้น...
จนหลุดพ้นห้องประชุม ออกมายังโถงทางเดินหน้าบริษัท
จังหวะฝีเท้าเร็วของเธอถูกแทนที่ด้วยแรงคว้าแน่นจากด้านหลัง
มือใหญ่ของคิรันคว้าข้อมือเธอไว้
แน่นพอจะหยุดเธอได้โดยไม่ทำร้าย
แต่หนักแน่นพอจะทำให้เธอต้องหันกลับมา
“ปล่อย...”
เสียงเธอสั่น
แต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
ดวงตาคมกริบของเขาจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
ก่อนเสียงทุ้มต่ำของเขาจะดังขึ้น—ชัดเจน หนักแน่น
และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เขาไม่เคยพูดกับใคร
“อย่าหนีฉันอีก”
ดวงตาไอรีนสั่นระริก
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้
ทั้งที่เธอแค่...ไม่อยากให้เขาเดือดร้อนเพราะเธอ
เธอแค่...อยากถอยออกมา
แต่ความคิดทั้งหมดหยุดลง
เมื่อคิรันใช้มืออีกข้างจับใบหน้าเธอแล้วบดริมฝีปากลงมาแรง ๆ
ตรงนั้น…ตรงทางเดินหน้าบริษัท
ต่อหน้าพนักงานและผู้ถือหุ้นหลายคนที่เดินผ่าน
และต่อหน้าความคิดทั้งหมดที่เธอพยายามใช้ผลักเขาออกไป
รสจูบของเขารุนแรง ดุดัน และประกาศชัดเจนว่า
เขาเป็นเจ้าของเธอ
และไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่มีสิทธิ์พรากเธอไปจากเขา
ไอรีนแทบหายใจไม่ออก
แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรง
ทั้งตกใจ ทั้งตื่นกลัว ทั้งสั่นไหว
เมื่อเขาผละออกช้า ๆ สายตาของเขากลับร้อนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ถ้าเธอคิดจะเดินหนีฉันอีก…”
เสียงของเขาหนักแน่น
“ฉันจะตาม...จนกว่าเธอจะไม่มีที่ให้หนีอีกเลย”
เช้าวันจันทร์ในออฟฟิศสำนักงานใหญ่ของ วัชรานนท์ กรุ๊ป ดูเงียบกว่าปกติ แต่ในความเงียบนั้นกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ที่ทำให้ ธันวา เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ใช่เพราะบรรยากาศงานเปลี่ยนไม่ใช่เพราะพนักงานใหม่เดินเพ่นพ่านแต่เป็นเพราะ...เจ้านายของเขาดูอารมณ์ดีผิดปกติไม่ใช่ดีแบบยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะคนอย่าง คิรัน วัชรานนท์ ไม่รู้จักคำว่ายิ้มง่ายอยู่แล้ว แต่ธันวาสังเกตว่าเช้านี้เจ้านายเขาไม่ปาแฟ้ม ไม่ขมวดคิ้วกับสไลด์พรีเซนต์ที่ฟอนต์ไม่เท่ากัน และที่สำคัญ...ยังเปิดประตูรับคนเพียงคนเดียวไอรีนผู้หญิงคนนั้น...ผู้ช่วยส่วนตัวคนล่าสุดของท่านประธาน ผู้หญิงที่กล้าปะทะสายตาและคำพูดเย็นเฉียบโดยไม่ถอย และยังอยู่รอดปลอดภัยได้มานานกว่าใครในรอบหลายปีธันวายืนมองหญิงสาวในชุดเดรสสีเรียบ กับทรงผมรวบสูงที่เผยความมั่นใจเธอกำลังเดินถือแฟ้มแนบอกไปทางห้องประธานอย่างไม่รีบร้อน ไม่มีความกลัวในแววตาอีกต่อไปแล้วเขายิ้มตามอย่างห้ามไม่ได้“แบบนี้แหละที่เรียกว่า นายหญิงของจริง...”เขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศในห้องทำงานชั้นบนสุดของ “วัชรานนท์ กรุ๊ป” เงียบสงบจนผิดปกติ แต่ความเงียบนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดงานของใคร หากแต่เป็นเพราะ เจ้าของห้อง...เดินออกไปติดตามใครบางคนแทบจะตลอดวัน"เธออยู่ไหน ฉันไปด้วย""ประชุมใช่ไหม เดี๋ยวฉันนั่งรอ""เลิกงานแล้ว? เดี๋ยวไปรับ"...คำพูดที่คิรันไม่เคยพูดกับใคร กลับกลายเป็นสิ่งที่ ไอรีน ได้ยินทุกวันในช่วงหลังและที่มากกว่านั้น—เขายัง “ทำ” ตามที่พูด...ไม่ขาดตกแม้แต่วันเดียวจากคนที่เคยเย็นชา กลับกลายเป็น เงาตามติด ที่ไอรีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวที่สุดไม่ใช่การตามติดแต่เป็น “ความใส่ใจเงียบ ๆ” ที่เขาไม่เคยพูด...แต่ลงมือทำทุกครั้งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อยเสื้อโค้ตตัวหนาที่เขาคลุมให้ของกินยามดึกที่เธอชอบแต่ไม่เคยบอกใครและการนั่งรอเธอจนดึกดื่นโดยไม่บ่นแม้สักคำเดียวแต่ถึงอย่างนั้น..."นายยังดูเครียดอยู่นะครับ..."เสียงของธันวาดังขึ้นหลังจากเขาโดนเรียกตัวเข้าพบทันทีที่ไอรีนเดินพ้นสายตา
แม้จะไม่มีใครออกปากพูดตรง ๆแต่ทุกคนในบริษัทวัชรานนท์ กรุ๊ป ก็รับรู้ได้ชัดเจน—ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดในชั้นบริหาร...เปลี่ยนไปทุกอย่างเริ่มมีสี...สีชมพูจาง ๆ ที่เคลือบเคลื่อนอยู่ในอากาศตั้งแต่วันที่คิรันประกาศด้วยสายตาและการกระทำ ว่า“ไอรีน คือผู้หญิงของเขา”เขาไม่ได้พูดบ่อยแต่ทุกการกระทำ กลับชัดเจนจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถามอีกไอรีนในชุดสูทเรียบหรู เดินเคียงข้างเขาในงานเปิดตัวแบรนด์ใหม่ไอรีนที่เขาคอยตักอาหารให้ในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงานไอรีนที่เขายืนรอหน้าลิฟต์ทุกเช้า—ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยรอใครแม้จะยังมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่บ้าง ว่าผู้หญิงอย่างเธอ...ไม่คู่ควรกับคนอย่างเขาแต่เสียงเหล่านั้นกลับเบาลงอย่างรวดเร็ว—เพราะถ้า “เขา” รู้เข้า...ไม่ใช่แค่โดนตำหนิ แต่ “โดนไล่ออก” แบบไม่มีข้อแม้ธันวา...มือขวาคู่ใจของคิรันทำหน้าที่เหมือนเรดาร์ลับ คอยสแกนทุกคำพูด ทุกการเคลื่อนไหวและรายงานให้นายใหญ่รู้ก่อนจะมีใครทำเรื่อง “เกินข
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงเคาะประตูห้องพักดังสนั่นกลางดึกจนชั้นทั้งชั้นแทบสั่นสะเทือน ไอรีนสะดุ้งเฮือก ลุกจากเตียงด้วยหัวใจเต้นโครมคราม เธอรู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องมองช่องตาแมวก็รู้“เปิดเดี๋ยวนี้นะไอรีน!” น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่พุ่งทะลุขีดเดือดตะโกนกร้าวอยู่หน้าห้องคนในห้องใกล้เคียงเริ่มโผล่หน้ามาโวยวาย บางคนตะโกนด่า บางคนโทรแจ้งนิติ แต่คิรันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเหมือนประตูจะหลุดออกจากบานพับไอรีนกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเธอสั่นคลอนกับเสียงนั้น... เสียงของเขา คนที่เธอพยายามจะลืม คนที่เธอพยายามจะไม่รู้สึกอะไรด้วยอีกแล้วแต่สุดท้าย... เธอก็ต้องยอมเปิดประตูเสียงประตูที่ปิดลงอย่างแรงสะท้อนก้องไปทั้งห้องในค่ำคืนที่เงียบสงัด ก่อนที่แรงกระชากจากแขนแกร่งจะดึงเธอเข้าไปปะทะแผงอกแน่นราวกำแพงเหล็ก ไอรีนหอบหายใจเบา ๆ เมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาอวลอยู่เต็มโพรงจมูก“คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้วรู้ไหม!?”“กี่โมงก็ช่างแม่ง!” คิรันเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน“เธอคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเมินหน้าหนีฉั
เสียงประตูห้องทำงานด้านหลังปิดลงอย่างเงียบงัน แต่บรรยากาศกลับอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก ไอรีนก้าวกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องของคิรันอย่างไร้เรี่ยวแรง ภายในใจยังคงสั่นสะท้านจากคำพูดเย็นชาที่ชายหนุ่มใช้กับเธอเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบกล่องเล็ก ๆ ใต้โต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในงานตอนนี้—กรอบรูปเล็ก ๆ สมุดบันทึก ปากกาประจำตัว กล่องขนมเล็ก ๆ ที่เธอเอาไว้วางบนโต๊ะ...เธอแค่... เตรียมตัวเพราะสัญญาจ้างของเธอกำลังจะหมด และคิรัน... เขาก็คงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเขาสั่นคลอนอีกต่อไป“ไอรีน?”เสียงทุ้มเรียบของธันวาดังขึ้นใกล้ ๆ เขาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”ไอรีนชะงักมือวางกล่องลงก่อนจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า“เปล่าค่ะ แค่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญญากำลังจะหมด เลยคิดว่า... ถ้าเคลียร์ของไว้บ้างก็คงดี เวลาต้องไปจริง ๆ จะได้ไม่วุ่นวาย”ธันวานิ่งไป รู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหต
เสียงส้นรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นกระเบื้องเรียบหรูดังกังวานไปทั่วโถงออฟฟิศเงียบสงบ คิรันเดินกลับเข้ามาหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้างนอก ใบหน้าคมเฉียบที่มักเรียบเฉยตลอดเวลา ทว่าในแววตาเย็นชานั้นกลับซ่อนประกายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการประชุมที่ยาวนานขณะที่เขากำลังจะเดินเลี้ยวไปยังห้องทำงาน เสียงพูดคุยเบา ๆ ของพนักงานหญิงสองคนบริเวณมุมโต๊ะใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฉันบอกเลยนะว่าเห็นกับตา... ไอรีนเดินไปหาคุณภาคิน! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ด้วยอะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางขยับริมฝีปากแนบหูเพื่อนอย่างตื่นเต้น“จริงเหรอ? หรือว่าเธอจะหว่านเสน่ห์อีกคน? ไม่แปลกหรอก ดูเธอสิ...สวย แถมยังรู้ว่าต้องใช้หน้าตาทำอะไรได้บ้าง” อีกคนรับลูกเสียงสูง ก่อนหัวเราะคิกคิรันยืนนิ่ง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบขึ้นในอก มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนชัดหัวใจเริ่มเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผลเขากำลังจะสาวเท้าเข้าไปจัดการพนักงานสองคนนั้นด้วยตัวเอง หากแต่เสียงแหลมสูงตวาดขึ้นมาก่อน
เสียงปิดประตูดัง ปัง! กลบความเงียบของห้องคอนโดหรูไปชั่วขณะ ก่อนที่ความเงียบเดิมจะกลับมาอีกครั้ง หนักหนายิ่งกว่าเดิมไอรีนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง สองมือกำแน่นข้างลำตัว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวบัดนี้เริ่มสั่นไหว น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตากลม“คุณไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” เสียงของเธอเบา...แต่ชัดเจน เจ็บ...แต่ตรงไปตรงมาคิรันที่ยืนหันหลังอยู่ชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเขากำลังตีกันวุ่นวาย ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ทั้งหึง ทั้งหวง ทั้งระแวง และที่สำคัญ...เขากลัวกลัวว่าจะรักเธอมากไปอีกกลัวจะเสียเธอไปกลัวว่าอดีตที่เคยเจ็บ จะย้อนกลับมาเล่นงานซ้ำอีกครั้ง...เขายังจำแววตาหลอกลวงในอดีต...ที่ทำให้เขาไม่เหลือแม้แต่ศรัทธาในความรัก นั่นแหละ...มันกำลังจะกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้งแต่สิ่งที่เขาทำได้...คือความเงียบสายตาที่เขาหันกลับมามองเธอเย็นชาไร้แวว เหมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อนดวงตาคู่นั้นปวดร้าวราวกับมีบางอย่างถูกฉีกขาด หญิงสาวเม้มปากแน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น แล้วเบือนหน้าหนี ทำท่าจะเดินไปที่ประตู“จะไปไหน?”
หลังจากคืนที่เธอแทบจะถูกกลืนกินไปทั้งร่างในอ้อมแขนของเขา คิรันก็ไม่ปล่อยให้ไอรีนคลาดสายตาอีกเลย เขาบังคับให้เธอย้ายกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดฯ โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนว่า“ถ้าเธอจะออกไปทำงานนอกสถานที่ เขาจะเป็นคนไปรับไปส่งเองเท่านั้น”ไอรีนไม่กล้าเถียง แม้จะไม่ชอบที่ถูกควบคุมขนาดนี้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ และที่สำคัญ เธอยังไม่พร้อมจะเดินออกมาหลังจากคืนนั้น ร่างกายและหัวใจของเธอยังสั่นไหวไม่หาย แม้จะพยายามหลบตาเขา แต่ทุกเช้าเธอก็ยังตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาเสมอแต่คนที่ปวดหัวที่สุดกลับเป็นธันวา ผู้ช่วยที่ต้องคอยตามเก็บงานและแก้ไขทุกอย่างหลังจากที่คิรันทิ้งประชุมหรือหายตัวไปเฝ้าไอรีนกลางงานไซต์โปรเจกต์ใหญ่“คุณคิรันครับ ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณยังหายไปแบบนี้บ่อย ๆ อีกไม่กี่วันนักลงทุนจะเริ่มถอนตัวนะครับ”คิรันเพียงปรายตาใส่ธันวา ไม่พูดอะไร แต่ในที่สุดก็เริ่มยอมลดการประกบไอรีนลงเล็กน้อย โดยเลือกกลับมาเคลียร์งานที่กองพะเนินไว้แทน เขาคิดว่าเรื่องมันคงจบแล้วเมื่อภาคินเงียบหายไป ไม่มีวี่แววจะกลับมายุ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง!” ก้องสะท้อนทั่วห้องนอนกว้าง ก่อนที่ร่างสูงของคิรันจะกระชากไหล่ไอรีนเข้าหาตัวแรง ๆ จนแผ่นหลังของเธอกระแทกกับบานประตูที่ยังสั่นสะเทือนไม่หาย"อย่าทำหน้าแบบนั้นกับคนอื่นอีก..."เสียงเขาต่ำแหบพร่า ใกล้เกินจนปลายจมูกเขาเฉียดกับแก้มเธอ"คุณกำลังพูดเรื่อง—""เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฉันพูดเรื่องอะไร!"มือหนารั้งข้อมือเธอขึ้นตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจัดจะกดลงที่ซอกคอเธอแรงจนเธอสะดุ้งสุดตัว“คิรัน… อย่า—”"ไม่มีคำว่าอย่าในคืนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์หนีจากฉันอีก ไม่แม้แต่จะมองคนอื่น"เขาตะคอกด้วยเสียงพร่า ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าใต้เสื้อของเธอ ไล้ปลายนิ้วลากผ่านผิวเปลือยเปล่าช้า ๆ ก่อนจะขย้ำเนื้อเนียนด้วยความหึงหวงที่แทบจะคลั่ง"ของของฉัน ต้องเป็นของฉันคนเดียว!"เสียงฟืดของเนื้อผ้าถูกฉีกขาดจากเสื้อเชิ้ตของเธอดังลั่น ไอรีนหอบหายใจอย่างสั่นเทา เมื่อผิวกายเปลือยเปล่าท่อนบนถูกสายตาคมเข้มกวาดมองด้วยความหิวกระหาย เขาจ้องเธอราวกับจะกลืนกินทั้งตัว"คุณมัน..."
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น... ภาคินดูจะยิ่งได้ใจ เขาเริ่มเข้ามาวนเวียนใกล้ไอรีนมากขึ้น ราวกับจงใจแสดงตัวต่อหน้าคิรันอย่างท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นในที่ประชุม ห้องทำงาน หรือแม้แต่ช่วงพักเบรก เขาก็หาเรื่องเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับบ้าน ภาคินก็เดินเข้ามาหาไอรีนพร้อมรอยยิ้มประจำตัว“ว่าไงคนเก่ง วันนี้เลิกงานเร็วหรือเปล่า? ไปทานข้าวกับฉันหน่อยสิ ถือว่าเป็นการคุยงานนอกสถานที่”ไอรีนชะงัก เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวัง “เอ่อ...ฉันยังไม่แน่ใจนะคะ ว่าคืนนี้จะว่างหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ฉันรอได้” ภาคินตอบหน้าตาเฉย “งานที่เราทำด้วยกันยังต้องคุยรายละเอียดอีกเยอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้วที่โรงแรม Vellare ชั้นบนสุด วิวสวยมาก รับรองว่าคุ้มกับเวลาคุณแน่นอน”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้ว่าเธอไม่มีข้ออ้างไหนมาปฏิเสธได้ง่าย ๆธันวาที่เดินผ่านมาเห็นภาพนั้นพอดี เขาชะงักไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามาทันที“คุณไอรีนครับ” เขาเรียกเสียงจริงจัง “คุณคิรันบอกให้ผมมารับกลับพร้อมกัน...&rd
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วโถงรับแขกของบริษัท ดวงตาคมของคิรันเหลือบมองชายที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา แววตาที่เคยคุ้นในอดีตกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยต้องการเห็นอีกในชีวิตนี้“ภาคิน”ชื่อที่คิรันไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง หลุดออกมาจากริมฝีปากของธันวาที่เดินตามหลังมา สีหน้าของคิรันยังคงเย็นชา ขณะที่ภาคินเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิรัน... นายยังดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมเลย” ภาคินเอ่ยเสียงนุ่ม แต่แฝงไว้ด้วยความหยิ่งผยองที่คิรันรู้จักดี“ถ้าไม่มีเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องพูด” คิรันตอบเสียงต่ำ ดวงตาดำลึกไร้อารมณ์ แต่แฝงความอึดอัดไว้เต็มอก“ใจเย็นสิ ฉันมาในฐานะหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทย่อยที่นายกำลังจะร่วมลงทุน... หรือไม่ต้อนรับกันแล้ว?” ภาคินเลิกคิ้ว พร้อมส่งแฟ้มเอกสารให้เลขาคิรันไม่แม้แต่จะมองแฟ้ม เพียงแค่ปรายตามองเขาแล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ลืมบอกธันวาเสียงเรียบ“ให้ไอรีนมาเข้าร่วมด้วย”ธันวาชะงักไปเล็ก
ภายในห้องทำงานกว้างขวางของประธานหนุ่ม...บรรยากาศเย็นเฉียบอย่างผิดปกติคิรันนั่งพิงพนักเก้าอี้ ท่อนแขนแข็งแรงวางพาดบนโต๊ะไม้สักเรียบหรู ดวงตาคมดุดันจ้องออกไปนอกกระจกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับปั่นป่วนราวพายุคลั่งเขาหันมาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามเก็บซ่อนไว้“ไอรีนไปไหน”ธันวาชะงัก ก่อนตอบอย่างระวัง“เธอ...ได้ยินทุกอย่างที่คุณคุยกับคุณมายด์ครับ”คิรันนิ่งงัน มือที่วางอยู่บนโต๊ะกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบด้วยความไม่พอใจ—แต่ไม่ใช่เพราะเธอแอบฟัง...แต่เพราะ เขาเผลอปล่อยให้เธอได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินต่างหากในตอนที่เสียงของมายด์สะท้อนกลับมาในหัว เขาได้แต่กัดฟันแน่น รู้ดีว่าแค่ประโยคนั้น...อาจพังทุกอย่างที่เขากำลังสร้างกับเธอ“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาถามเสียงเย็นธันวาหลบตาเล็กน้อย “เธอลาครึ่งวัน...กลับบ้านครับ”เสียงรองเท้าหนังของคิรันกระทบพื้นอย่างหนักแน่นเมื่อเขาลุกพรวดจากเก้าอี้ ร่างสูงก้าวออกจากห้องทันทีด้วยท่าทีร้อนรนเห